ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WIN ● TeamB] Lucky Day ♬~♫~♪

    ลำดับตอนที่ #9 : [SF] Between the raindrops ♬ DoubleB

    • อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 57








    [SF] Between the raindrops
     

    [Couple] DoubleB

     

     

    น่าเบื่อ...

     

    เด็กหนุ่มที่เพิ่งจะวิ่งเข้ามาหลบฝนอยู่บริเวณซอกตึกถอนหายใจอีกครั้ง ต้องขอบคุณหลังคาที่ยื่นออกมาจากตึกนั่นเลยทำให้เขาเปียกน้อยลง ถ้าก่อนหน้านี้ฮันบินรู้ว่าฝนจะตกเขาคงพกร่มออกมาด้วยสักคัน...

     

    หรือไม่... เขาก็คงนอนเล่นอยู่แต่ในบ้านนั่นแหละ

     

    เดิมทีฮันบินแค่ตั้งใจว่าจะออกมาหาซื้ออะไรกิน เพราะตอนนี้ที่บ้านไม่มีคนอยู่แถมในตู้เย็นก็ยังว่างเปล่าอีกต่างหาก พอทนเสียงเรียกร้องของกระเพาะตัวเองไม่ไหว สุดท้ายก็เลยหยิบกระเป๋าเงินแล้วตรงดิ่งออกมาที่ย่านการค้านี่ทันที แต่ใครจะไปรู้... อยู่ๆฟ้าก็มืดครึ้มก่อนที่ฝนจะตกลงมากระหน่ำซะอย่างนั้น...

     

    มองขึ้นไปบนท้องฟ้าก็ไม่มีทีท่าเลยว่าฝนจะหยุดตกง่ายๆ อันที่จริงเมื่อก่อนตอนที่เขายังเป็นเด็ก ฮันบินจำได้ว่าตัวเองมักจะดีใจทุกครั้งที่ฝนตก เพราะการได้เล่นน้ำฝนน่ะมันสุดยอดไปเลย แต่ว่าตอนนี้เขาโตมากขึ้นกว่าเดิมและความคิดของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เขาไม่ได้ชอบเล่นน้ำฝนเป็นเด็กๆอีกต่อไป ตรงกันข้าม.. เขากลับคิดว่าการที่ฝนตกมันทำให้ถนนเปียกเฉอะแฉะไปหมด แล้วมันก็น่ารำคาญ... อย่างตอนนี้

     

    ผลัก!!

     

    เสียงกระทบกระทั่งที่ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังทำให้ฮันบินต้องหันกลับไปดูอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตรงซอกตึกเล็กๆที่เขายืนอยู่นี้ มันเป็นทางเชื่อมที่สามารถโผล่ออกไปอีกซอยได้ ซึ่งดูเหมือนว่าผู้มาใหม่ก็คงจะเข้ามาจากทางนั้น แต่ฮันบินรู้สึกว่ากลุ่มเด็กหนุ่มที่เขากำลังมองอยู่นี่คงไม่ได้เข้ามาหลบฝนหรอก

     

    ถึงจะมองเห็นจากที่ไกลออกมาหน่อยแต่ว่า... ฮันบินก็จำชุดนักเรียนของโรงเรียนตัวเองได้เป็นอย่างดี เขาไม่สนใจหรอกว่าทำไมเด็กผู้ชายคนนั้นถึงได้ใสชุดนักเรียนในวันหยุดอย่างนี้ เพราะสิ่งที่เขาสนใจก็คือเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นต่างหาก

     

    นอกจากเด็กนักเรียนม.ปลายที่อยู่โรงเรียนเดียวกับเขาแล้ว ฮันบินก็เห็นเด็กหนุ่มคนอื่นๆในชุดธรรมดาอีกสี่คน ซึ่งพวกเขาเหล่านั้น...เห็นได้ชัดเจนเลยว่ากำลังรุมเพื่อนร่วมโรงเรียนของเขาอยู่

     

    ฮันบินพยายามบอกตัวเองว่าอย่าไปสนใจ เพราะว่าปกติเขาก็ไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านอยู่แล้ว อีกอย่าง...ดูเหมือนว่าเด็กที่อยู่โรงเรียนเดียวกันกับเขา..เจ้าของหมวกไหมพรมสีม่วงนั่น ก็น่าจะสู้เก่งซะด้วยสิ เด็กหนุ่มคนนั้นปล่อยหมัดรัวๆจนฝั่งตรงข้ามถึงกับล้มลงไปสองคน ฮันบินคิดว่าอีกไม่นานเด็กหนุ่มคนนั้นคงจะชนะแน่ๆถ้ามันไม่ติดตรงที่อยู่ๆเจ้าของร่างนั้นดันเสียหลักไปซะก่อน

     

    พออีกฝ่ายเห็นว่าคนที่ตัวเองพาพวกมารุมเริ่มหมดกำลังก็เข้าโจมตีต่อทันที ฮันบินมองออกไปที่ถนนอีกครั้ง.. ผู้คนยังคงเดินผ่านกันไปมาท่ามกลางสายฝนโดยไม่เห็นหรืออาจไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในซอกตึกเล็กๆนี่เลย.. ถ้างั้นเขาควรทำยังไงดีล่ะ?

     

     

    “ตำรวจมาาาาาาาาา!!!!!!” เขาส่งเสียงตะโกนไปให้เด็กกลุ่มนั้นได้ยิน เอาเป็นว่า...ไหนๆก็อยู่โรงเรียนเดียวกัน งั้นจะช่วยไว้ซักครั้งก็คงไม่เป็นไร

     

    แผนของเขามีผลตอบรับที่ดีเกินคาด เพราะเจ้าเด็กหนุ่มสี่คนนั่นรวมถึงเด็กที่อยู่โรงเรียนเดียวกับฮันบิน ต่างก็พากันพร้อมใจหันมามองเขาเป็นตาเดียว แต่ทีนี้ปัญหามันอยู่ตรงที่อะไรๆมันก็ไม่ได้เหมือนในหนังหรือการ์ตูนที่เขาเคยดูหรอก กลุ่มเด็กหนุ่มไม่ได้ตกใจแล้ววิ่งหนีไป หากแต่กำลังจ้องมาทางเขาอย่างเอาเรื่อง

     

    คนที่ตัวใหญ่ๆแต่เตี้ยกว่าฮันบินนิดหน่อยเดินตรงเข้ามาหาเขาก่อนจะเงื้อมหมัดขึ้น ซึ่งนับว่าโชคดีทีเดียวที่เขาเคยเรียนศิลปะการต่อสู้มาบ้าง เลยพอจะหลบหลีกได้อย่างคล่องแคล่วและว่องไว แต่อาจเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้ใช้ความรู้ที่อุตส่าห์ร่ำเรียนมานาน ก็เลยเผลอโดนชกเข้าที่ท้องเต็มๆ หมัดของหมอนี่หนักชะมัด...








     

     

    “แม่งบ้ารึไงวะ..” เด็กหนุ่มที่ใส่หมวกไหมพรมสีม่วงมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะสบถออกมาเบาๆ

     

    จริงๆก็นึกขอบคุณอยู่หรอกที่มีคนใจดีอุตส่าห์มาช่วย แต่ไอ้มุขแบบนั้นน่ะมันใช้ได้แค่ในโทรทัศน์เท่านั้นแหละ ไม่ได้รู้อะไรบ้างเลย แถมยังดึงตัวเองเข้ามาเกี่ยวด้วยอีก

     

    คิมจีวอนถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างขัดใจก่อนจะเหวี่ยงหมัดไปหาคู่ต่อสู้ตรงหน้า ใช้เวลาไม่นานนักพวกฝีมืออ่อนๆก็ล้มลงไปนอนแทบเท้าของเขาอีกรอบ

     

    ถ้างั้นก็จบมันซะแค่นี้ก่อนแล้วกัน...

     

    ตอนแรกจีวอนคิดว่าจะวิ่งหนีไปเลย แต่พอนึกๆดูอีกที จะปล่อยให้หมอนั่นสู้อยู่คนเดียวมันก็ยังไงๆอยู่ สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจวิ่งไปกระชากมือคนซื่อบื้อที่คิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่ออกมาจากซอกตึกนั้นด้วย

     

    โอ้ แน่นอนว่าพวกเขาทั้งสองคนถูกวิ่งไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิด แต่เพราะว่าจีวอนรู้เส้นทางหลบหลีกได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปซักพัก กลุ่มเด็กหนุ่มพวกนั้นก็วิ่งตามมาไม่ทัน

     

    การวิ่งเล่นท่ามกลางสายฝนครั้งนี้นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว...

     

    “ไหวป่ะเนี่ย?” จีวอนหันไปถามคนข้างๆหลังจากที่พวกเขาหยุดวิ่งแล้วพากันยืนหลบฝนอยู่ที่หน้าร้านกาแฟแห่งหนึ่ง

     

    “ไหวน่า..”

     

    “งั้นก็ดี...” เอ่ยพลางหันกลับไปมองสำรวจอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าพวกนั้นไม่ได้วิ่งตามมาอีก

     

    “ทำไมถึงกลับมาช่วยอะ.. ตอนแรกนึกว่าจะวิ่งหนีไปคนเดียว”

     

    “ก็ที่นายมาช่วยฉันเพราะว่าเราอยู่โรงเรียนเดียวกันไม่ใช่รึไง?” พอจีวอนพูดออกไปอย่างนั้น คนที่อยู่ตรงหน้าก็ถึงกับทำตาโตด้วยความตกใจ

     

    “รู้ได้ไงอะว่าอยู่โรงเรียนเดียวกัน เคยเห็นหรอ?”

     

    “เออ” ...เห็นบ่อยเลยด้วยแหละ “อีกอย่างนะ.. ฉันเป็นรุ่นพี่นาย ช่วยมีสัมมาคาราวะหน่อย”

     

    “อ้าวหรอ...” ว่าแล้วก็มองร่างสูงตั้งแต่หัวจรดเท้าประหนึ่งว่าคนอย่างนี้ไม่น่าเป็นรุ่นพี่ได้... “แต่ทำไมผมไม่ยักกะเคยเห็นฮยองในโรงเรียนเลย”

     

    “ไม่รู้ดิ เพราะโดดเรียนบ่อยมั้ง”

     

    และเพราะการโดดเรียนนั่นแหละที่ทำให้เขาได้เจอกับเด็กที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าในตอนนี้เป็นประจำ... จีวอนไม่ค่อยชอบเข้าห้องเรียนเพราะเขาเบื่อคนเวลาครูสอนหนังสือ ถึงจะแอบหลับในห้องเรียนบ่อยๆแต่ว่ามันก็น่ารำคาญที่เหมือนมีใครมาบ่นๆอะไรซักอย่างเลยทำให้หลับได้ไม่สนิท ดังนั้นเขาจึงชอบไปหาที่สงบๆในห้องสมุดเพื่อนอนพักผ่อนแทน

     

    ซึ่งเขาก็มักจะแอบเห็นเด็กคนนี้นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดบ่อยๆเช่นกัน....

     

    “ฮัดชิ้วๆๆ~!!” ไม่รู้ว่าเพราะเพิ่งตากฝนมาหรืออะไร อยู่ๆรุ่นน้องในโรงเรียนเขาก็จามออกมาสามทีติด

     

    “กระหม่อมบางหรอ?”

     

    “เปล่าซะหน่อย” เอ่ยพลางเงยหน้าขึ้นมามองเขาตาขวางก่อนจะเอาเปลี่ยนท่าทางเอามือมากุมท้องตัวเองเอาไว้

     

     

     

    หิว... ฮันบินเกือบลืมไปแล้วว่าเขาออกมาจากบ้านเพราะอะไร ถึงตอนนี้จะหนาวแค่ไหนแต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับท้องที่กำลังโอดครวญอยู่อย่างทรมาน

     

    “เมื่อกี้เห็นโดนชกด้วยนี่ เจ็บท้อง?”

     

    “ไม่ใช่อะ... พอดียังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า”

     

     

    นั่นทำให้จีวอนถึงกับมองอีกคนอย่างไม่อยากจะเชื่อ


     

    ฮันบินคิดว่าบางทีเขาควรจะหาอะไรมารองท้องซะหน่อย พอคิดได้อย่างนั้นรถขายซาลาเปาที่จอดอยู่ข้างๆทางก็เข้ามาอยู่ในสายตาเขาทันที ฮันบินไม่รอช้าที่จะล้วงกางเกงเพื่อหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมา

     

    .......

     

    ว..ว่าแต่....

     

    กระเป๋าตังค์เขาอยู่ไหนล่ะ?....

     

    “มีอะไรรึเปล่า?” คนที่ยืนมองอยู่เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกคนทำท่าทางเหมือนกำลังหาอะไรซักอย่าง

     

    “กระเป๋าตังค์ผมหายอะ!! ต้องเป็นตอนที่สู้กันหรือไม่ก็ตอนที่วิ่งหนีมาเมื่อกี้แน่ๆเลย!!!

     

    “อ้าวจริงดิ?”

     

    “แม่งเอ๊ย..ไม่น่าเลย หิวก็หิว” สบถออกมาก่อนหันกลับไปดูทางที่วิ่งมาเมื่อกี้เผื่อว่าจะมีกระเป๋าของตัวเองหล่นอยู่ แต่ก็ไม่... “เพราะช่วยฮยองนั่นแหละถึงได้ซวย คืนเงินผมมาเลยนะ”

     

    เอ๊า... คิมจีวอนมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ไหงอยู่ๆเขาถึงได้กลายเป็นคนผิดซะล่ะ ขอให้มาช่วยรึก็ไม่... เฮ้อ

     

    “...เอางี้ เดี๋ยวจะพาไปกินข้าวแกงกะหรี่ที่ร้านหัวมุมนั่นก่อนแล้วกัน เสร็จแล้วค่อยกลับไปหาดู โอเค๊?”

     

    “ผมไม่มีตังค์ซะหน่อย ฮยองจะจ่ายให้ผมรึไง?”

     

    “อืม”

     

    “งั้นก็ได้”

     

    นี่ฮันบินไม่ได้เห็นแก่กินหรอกนะบอกไว้ก่อน เพราะถึงยังไงคนที่ทำให้เขาต้องซวยก็ควรจะเลี้ยงข้าวเขานั่นแหละถูกแล้ว!!

     




     

     

    ตอนแรกเด็กหนุ่มทั้งสองคนเกือบไม่ได้เข้าร้านเพราะต่างคนต่างก็ตัวเปียกซ่ก แต่อาจเป็นเพราะใบหน้าที่ดูหิวโหยของฮันบินหรือไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม สุดท้ายเวลานี้พวกเขาก็ได้เข้ามานั่งอยู่ในร้านเป็นที่เรียบร้อย

     

    ฮันบินสั่งอาหารจนเต็มโต๊ะ แน่หละ... ก็เขาไม่ได้เป็นคนจ่ายนี่ แต่ดูๆแล้วรุ่นพี่คนนี้ก็น่าจะเป็นคนใจดีเหมือนกัน เพราะเขาสั่งมาขนาดนี้แล้วแต่กลับไม่โดนบ่นซักแอะ ...หรือจริงๆจะแอบด่าอยู่ในใจวะ?

     

    จะว่าไปพวกเขายังแทบไม่รู้จักกันดีด้วยซ้ำ...

     

    “คิมจีวอน...” ฮันบินเอ่ยในขณะที่มองไปยังป้ายชื่อของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “ชื่อฮยองหรอ?”

     

    “ไม่ใช่มั้ง”

     

    “ฮยองนี่แม่ง...”

     

    “อะไร?”

     

    “ป่าวครับ” ไหวไหล่เล็กน้อยก่อนจะตักอาหารเข้าปากคำโต

     

    “แล้วนายล่ะชื่ออะไร”

     

    “เราจำเป็นต้องรู้จักกันด้วยหรอครับ”

     

    “ถ้าไม่งั้นก็จ่ายตังค์ค่าอาหารคืนมา”

     

    “โอเคๆ ผมชื่อคิมฮันบิน” คนๆนี้นี่ยังไง ตอนแรกก็บอกจะเลี้ยงเขาแท้ๆ ทีอย่างนี้มาทำเป็นข่มขู่ ที่เขาต้องมาทำกระเป๋าตังค์หายก็เพราะใครกันล่ะ

     

    “รีบๆกินให้เสร็จจะได้ไปหาต่อ”

     

    “ฮยอง...” เขาวางชามลงก่อนจะเงยหน้ามองอีกฝ่าย “ถ้ามันหล่นจริงๆป่านนี้ไม่มีคนเก็บไปแล้วหรอครับ?”

     

    “ก็อาจจะ...”

     

    “อ้าว...”

     

    “เออน่า!

     

     

     


     

    ในที่สุดพวกเขาก็เดินพากันเดินย้อนกลับมาจริงๆ.. ถึงตอนนี้ฝนจะเริ่มซาลงแล้วแต่มันก็ยังคงน้ำพาความชุ่มชื้น(ซึ่งสำหรับฮันบินคือเฉอะแฉะ)ลงมาสู่บนพื้นโลก เด็กหนุ่มทั้งสองคนไม่สนใจหรอกว่าพวกเขาจะมีร่มอยู่ในมือหรือไม่ ในเมื่อตอนนี้พวกเขาต่างก็เปียกปอนไปหมดทั้งตัวแล้ว ดังนั้นการเดินตากฝนต่อแค่นี้จะเป็นไรไป...

     

    ถ้าหวัดไม่ถามหาในวันรุ่งขึ้นก็คงจะดีน่ะนะ...

     

    ตลอดทางที่เดินมา จีวอนก็ช่วยมองหากระเป๋าตังค์ของรุ่นน้องไปด้วย เห็นเจ้าตัวบอกว่าเป็นสีน้ำตาลเข้มๆ... แต่เขาก็ไม่เห็นมันหรอก... บางที... อาจจะมีคนเก็บไปแล้วจริงๆก็ได้...

     

    น่าสงสารแฮะ...

     

    กระทั่งพวกเขาเดินมาจนถึงซอกตึก.. ไม่ว่าจะเดินวนเวียนไปมากี่รอบๆในบริเวณนั้น เด็กหนุ่มทั้งสองคนก็หามันไม่เจออยู่ดี...

     

    ร่างสูงของคิมจีวอนมองเหม่อออกไปด้านนอกถนน ในขณะที่อีกคนก็กำลังจิกทึ้งหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง... ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้วจริงๆ... ใครกันนะที่เป็นคนบอกว่าฟ้าสว่างหลังฝนคือการที่เราสามารถผ่านเรื่องเลวร้ายมาได้แล้ว และจะได้พบกับสิ่งดีๆ จีวอนไม่เห็นว่าตอนนี้มันจะดีตรงไหนเลย...

     

    “เฮ้ย!!!” อยู่ฮันบินก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดังจนเขาแทบตกใจ

     

    “...” จีวอนยกมือขึ้นกระชับหมวกไหมพรมสีม่วงใบโปรดบนหัวก่อนจะเดินเข้าไปหารุ่นน้องด้วยความสงสัย

     

    “แหะๆๆ...” อีกฝ่ายหัวเราะและยิ้มใส่เขาแห้งๆ แล้วมือที่ล้วงกระเป๋ากางเกงด้านหลังอยู่ก็ยื่นออกมาข้างหน้าเขา...

     

    “นี่มัน...”

     

    “ผมลืมไปว่าเสียบกระเป๋าตังค์ไว้ด้านหลังอะ...”

     

    “...” พอได้ยินอย่างนั้นแล้วจีวอนก็แทบจะยกมือขึ้นมากุมขมับเลยทีเดียว นี่คงจะไม่...

     

    “ผมไม่ได้จะหลอกเอาเงินฮยองจริงๆนะ เดี๋ยวผมคืนให้ตอนนี้เลยก็ได้” ว่าแล้วก็เปิดกระเป๋าควักเงินออกมาจริงๆ

     

    “เออๆ ช่างมันเหอะ ถือซะว่าเลี้ยงตอบแทนที่มาช่วยก็แล้วกัน” ร่างสูงเอ่ยพลางดันมือฮันบินกลับไปเบาๆ “หึๆ...”

     

    “ฮยองหัวเราะอะไร?”

     

    “ป่าวนี่”

     

    ถึงจะพูดไปอย่างนั้น แต่จริงๆแล้วตอนนี้เขาแทบอยากจะลงไปขำกลิ้งอยู่บนพื้น เด็กคนนี้ประหลาดจริง... บอกว่าทำของหายแต่ไม่ยอมเช็คดูให้ดีๆเนี่ยนะ แต่เขาเองก็บื้อเหลือเกินที่ไม่ยอมเอะใจเลยซักนิด เฮ้อ

     

    “ผมแค่ลืมนิดๆหน่อยๆมันน่าขำมากนักหรือไงเล่า”

     

    “ก็มันตลกนี่” คราวนี้เขากลับพูดออกมาตรงๆ “บางทีนายก็ดูน่ารักดี”

     

    “ผมไม่ชอบคำนั้นเลย หยุดพูดเหอะ”

     

    “คำว่าตลกอะนะ?”

     

    “ป่าว! คำว่าน่ารักต่างหาก คนแมนๆอย่างผมไม่เหมาะกับนั้นหรอกจะบอกให้” ว่าแล้วก็บีบกล้ามโชว์ทันที

     

    แต่สำหรับคิมจีวอนแล้วมันยิ่งดูตลกไปกันใหญ่

     

    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”

     

    “นี่จะหยุดได้ยังครับฮยอง? หัวเราะจนฟันกระต่ายจะเฉาะหน้าผมอยู่ละ”

     

    “แรงนะเรา”

     

    “ก็ฮยองหัวเราะใส่ผมก่อนนี่”

     

    “เออๆเอาเถอะ” เลิกหัวเราะก็ได้วะ... “แล้วจะกลับบ้านเลยใช่มั้ย”

     

    “อืม ถ้าไม่รีบกลับไปอาบน้ำเดี๋ยวก็เป็นหวัดกันพอดี”

     

    “ถ้างั้นก็ไปเถอะ...”

     

    “ครับ ถ้าเจอกันที่โรงเรียนก็ทักผมด้วยละกัน” ฮันบินบอกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เจ้าตัวจะหันหลังแล้วก้าวเดินออกมาทีละนิด

     

    ถ้าเจองั้นหรอ?... ยังไงเขาก็เห็นฮันบินที่ห้องสมุดเป็นประจำอยู่แล้ว เขาควรเข้าไปทักหรือเปล่าล่ะ?

     

    “เดี๋ยวก่อนฮันบิน!

     

    “ครับ?” คนที่กำลังเดินไปจนถึงปากทางหันหน้ากลับมาหาเขา

     

    “บอกเบอร์นายมาที”

     

    “ห๊ะ?”

     

    “เบอร์โทรไง” ยังต้องถามอีกหรอ

     

    “เอาไปทำไรอะ?”

     

    “เอาไปแทงหวยมั้ง รีบๆบอกมาเหอะ”

     

    ร่างสูงยังคงยืนอยู่ที่เดิมตรงนั้น เขาเห็นฮันบินยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะตะโกนเบอร์โทรของตัวเองออกมา ไม่จำเป็นต้องจดหรือบันทึกหรอก เพราะคิมจีวอนจำเลขสิบตัวนั้นได้อย่างขึ้นใจ ทั้งๆที่เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม...

     

    พอเดินออกมาด้านนอกถนนก็เงยหน้ามองเห็นท้องฟ้าที่สว่างแล้ว ...ในวันที่ฝนตกแบบนี้ ก็มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นได้เหมือนกันสินะ...

     


     

     

     

     

    Special

     

    ครืด... ครืด...

     

    เสียงข้อความเข้าดังขึ้นซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ฮันบินเพิ่งอาบน้ำเสร็จพอดี เขาเดินไปหาเสื้อผ้าในตู้มาใส่จนเสร็จเรียบร้อยก่อนจะเอาผ้าขนหนูขยี้หัวตัวเองเพื่อให้มันแห้งไวๆ หลังจากกลับมาถึงบ้าน เขาก็จามอีกหลายครั้งเลยทีเดียว สงสัยคงต้องกินยาดักไว้ซะแล้ว

     

    ฮันบินหยิบโทรศัทพ์ขึ้นมาแล้วล้มตัวนอนลงบนเตียง นิ้วเรียวลากไปมาบนหน้าจอเพื่อเปิดดูข้อความที่ตนเองได้รับ

     

    ห่มผ้าหนาๆล่ะ

     

    ถึงข้อความจะส่งมาแค่นี้แต่ฮันบินก็เดาได้ไม่ยากหรอกว่าเป็นใคร...

     

    ผ้าห่มของเขาก็มีอยู่แค่ผืนเดียว ห่มมาแต่ไหนแต่ไรมันก็เท่านี้แหละ จะให้มันหนาขึ้นได้ยังไง นี่คิดก่อนส่งข้อความมาบ้างหรือเปล่า?

     

    เขาพลิกตัวนอนตะแคงข้างก่อนจะรีบพิมพ์ข้อความส่งกลับไป

     

    คร้าบบบบ ฮยองก็อย่าลืมห่มผ้าหนาๆด้วยแล้วกัน

     

    ก็นะ... บ่นไปงั้นแหละ จริงๆฮันบินก็ไม่รู้จะส่งอะไรไปเหมือนกันนี่นา ...ว่าแต่ทำไมเขาต้องมานอนอมยิ้มคนเดียวอยู่อย่างนี้ด้วยล่ะ!? เพราะจีวอนฮยองบ้านี่แน่ๆเลย ถ้าคืนนี้เขาฝันร้ายขึ้นมาจะไปต่อยหน้าถึงโรงเรียนเลยคอยดู!!





    ------------------------------------------------------------------------------------------------

    เนื่องจากมักเน่ไลน์ยังแต่งไม่เสร็จ
    ดับเบิ้ลบีเลยขอลัดคิวก่อน TwT
    ยังไงก็ขอฝากเรื่องนี้ไว้อีกเรื่องด้วยนะคะ >3<




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×