ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WIN ● TeamB] Lucky Day ♬~♫~♪

    ลำดับตอนที่ #6 : [SF] You’re mine ♬ BobYun

    • อัปเดตล่าสุด 17 ธ.ค. 56






     


    [SF] You’re mine

    [Couple] BobYun


     

     

    ผมไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย...

     

    ระหว่างที่ผมกำลังเดินทางจากบ้านมายังโรงเรียน... เพราะว่าบ้านของผมตั้งอยู่ไม่ไกลนัก ผมก็เลยใช้เวลาเดินไปแค่สิบนาทีเพียงเท่านั้น และทันที่ผมเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าโรงเรียน ผมก็ได้เห็นร่างสูงที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีกำลังก้าวลงมาจากรถยนต์คันหรู

     

    ด้วยความสงสัย... ผมก็เลยแอบลอบมองเข้าไปในรถนิดนึง

     

    แต่เพราะความสงสัยนั่นแหละครับที่ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที

     

    ชายหนุ่มร่างบางตัวเล็กเจ้าของรถคันนั้น ดูยังไงก็หน้าตาน่ารักสุดๆ ขนาดมองแค่ผ่านๆผมยังรู้เลยว่าใบหน้าหวานนั้นทั้งขาวและเนียนขนาดไหน แถมเขายังมีดวงตาเรียวเล็กกับจมูกกลมๆริมฝีปากหยักอมชมพูที่ดูนุ่มนิ่มนั่นอีก ที่สำคัญคือจุดดำเล็กๆตรงบริเวณเหนือแก้มฝั่งขวาขึ้นไปมันดูมีเสน่ห์ดึงดูดมากมายอย่างบอกไม่ถูก

     

    โว๊ะ!! แล้วนี่ผมจะมานั่งพรรณนาถึงคนๆนั้นทำไมกัน นี่ขนาดแค่แอบมองไปแป๊ปเดียวเองนะ!!

     

    แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า... ผู้ชายคนนั้นดูน่ารักมากจริงๆ... เผลอๆอาจน่ารักกว่าผมด้วยซ้ำ

     

    “อ้าวยุนฮยอง นึกว่าขึ้นห้องเรียนไปแล้ว” รถยนต์คันนั้นแล่นออกไป และคนที่ลงมาจากรถก็วิ่งเข้ามาทักทายผม

     

    “ถ้าขึ้นแล้วจะเห็นยืนอยู่ตรงนี้เร๊อะ!?” ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องตอบด้วยน้ำเสียงกวนตี นกับคนรักขนาดนั้น ก็มัน...ก็มัน... เฮ้อ...

     

    ผมไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ แล้วดูเหมือนคนตรงหน้าก็คงไม่เข้าใจผมเช่นกัน เขาเอียงคอมองผมเล็กน้อยด้วยใบหน้าที่แต้มไปด้วยรอยยิ้มจนเห็นฟันกระต่ายสองซี่โผล่ขึ้นมา ในขณะที่ดวงตาทั้งสองข้างของเขานั้นถูกปิดจนมิดจากการยิ้มนั่นแหละ... =______=

     

    ยิ้มบ้าอะไรวะ! เห็นมั้ยเนี่ยว่าคนกำลังอารมณ์เสีย

     

    คิมจีวอน...

     

    สรุปแล้วนายเป็นคนของฉันแน่ๆ... ใช่รึเปล่า?

     

    “เป็นไรอะ” เขาคงจะเพิ่งเห็นสีหน้าหงิกๆของผมก็เลยถามออกมา

     

    “เปล่า”
     

    นี่ก็ปากแข็งตามสไตล์... แม่ งเอ๊ย!! อยากตบปากตัวเองซักร้อยทีครับ T___________T

     

    ถึงอยากบอกแค่ไหนว่าไม่พอใจกับเรื่องเมื่อกี้ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปอยู่ดีนั่นแหละ เดี๋ยวจะหาว่าเรื่องแค่นี้เองนู่นนี่นั่น เฮ้อ แต่คนเป็นแฟนกันมันก็อดไม่ได้ป่ะ แล้วดูดิ! นั่งรถมากับใครที่ไหนก็ไม่รู้น่ารักจิ้มลิ้มซะ... โว๊ย อารมณ์เสีย!

     

    “อ๋อ... คือว่า พี่คนนั้น...” ผมว่าจีวอนคงพอจะรู้แล้วล่ะ ก็เลยพยายามอธิบายพลางยกมือขึ้นเอานิ้วโป้งชี้ที่ด้านหลังประกอบไปด้วย “พี่จินฮวานที่อยู่บ้านข้างๆน่ะ เค้ามีธุระแถวนี้เลยแวะมาส่ง”

     

    “ก็ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย” แต่ในใจนี่ด่าไปร้อยแปดพันเก้าแล้วครับ orz

     

    “อื้ม”

     

    “แต่... น...แน่ใจนะว่าไม่ได้มีอะไรน่ะ!?

     

    “ฮ่าๆๆๆๆ ไม่หรอก ทำไมอะ? หึงหรอ...”

     

    “...” !!!!!!!!!!!!!!!!!!! =[]=

     

    คนอย่างซงยุนฮยองน่ะหรอจะหึง!! บ้ารึเปล่า เอาไรมาคิดวะ!? ล...แล้วนั่นหัวเราะอะไรนักหนา มีความสุขมากไง?

     

    อยู่ๆร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมยกมือขึ้นมาโบกเล็กน้อยในขณะที่สายตาของเขามองข้ามผมไปทางด้านหลังแล้ว...

     

    ผมลองหันกลับไปมองตาม...

     

    ไอ้บ้านี่!! บังอาจมาโบกมือทักทายผู้หญิงคนอื่นต่อผมได้ไงยังไงกัน เดือด... เดือดโคตรๆครับพูดเลย... ผมรีบกระชากมือที่โบกอยู่นั่นมาจับเอาไว้แล้วลากเข้าไปในโรงเรียนทันที

     

    โอเค!! ยอมรับก็ได้ว่าผมหึง!!!



     

     

     

     

    จะให้ทำไงได้ล่ะ... ก็ตั้งแต่คบกันมา เขาไม่เคยทำให้ผมไว้ใจได้เลยซักครั้ง ชอบทำตัวลับๆล่อๆ แถมยังป๊อปปูล่าสุดๆ เป็นรุ่นพี่ม.ปลายปีสามที่น่าชื่นชมของน้องๆ เหอะ... ผมก็เรียนห้องเดียวกันนั่งอยู่ติดกันแท้ๆ... ทำไมไม่มีคนมาสารภาพรักผมเยอะๆเหมือนมันมั่งวะ

     

    อันที่จริงเราก็รู้จักกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว เพียงแต่เพิ่งจะตัดสินใจคบกันได้เมื่อสามเดือนก่อนนี่เอง... คือ...มันก็คงแปลกๆอยู่ใช่มั้ยครับที่เพื่อนสนิทเปลี่ยนมาเป็นคนรักแบบนี้ ผมเองก็... กลัวอยู่เหมือนกันนะ เพราะเขาเป็นคนเฟรนลี่อัธยาศัยดีไปทั่ว ส่วนผมก็เป็นคนขี้ระแวงซะขนาดนั้น ความสัมพันธ์ของพวกเรามันเลยดูระหองระแหง... ผมไม่อยากให้เราเลิกกันเลย...

     

    จริงๆนะ... เพราะว่าผมไม่อยากเสียทั้งคนรักแล้วก็เพื่อนไปในเวลาเดียวกัน

     

    รู้งี๊ตอนนั้นน่าจะเก็บความรู้สึกที่มีเอาไว้ในใจแค่คนเดียว... จะได้ไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจอย่างนี้...

     

    “เฮ้อ...” ผมถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัวในขณะที่พลิกหัวของตัวเองซึ่งนอนทาบอยู่บนโต๊ะเรียนให้กลับมาอีกด้าน...

     

    ในสายตาของผมตอนนี้... จีวอน... คิมจีวอนที่นั่งอยู่ข้างๆผม... ผมอยากรู้จริงๆว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาจะรู้หรือเปล่าว่าผมกังวลขนาดไหน... ทุกๆครั้งที่มีคนเข้ามาใกล้เขา ผมอยากจะไล่คนพวกนั้นออกไปให้หมด ก็เขาเป็นของผมนี่นา... แต่ถ้าทำแบบนั้นจริงๆมันก็คงจะไม่ดีใช่มั้ยล่ะ? ผมยังไม่อยากเป็นคนรักนิสัยไม่ดีที่หึงไม่เข้าเรื่องหรอกนะ...

     

    เพราะงั้น... ทุกๆครั้งที่ผมไม่พอใจ ผมก็จะพยายามไม่แสดงมันออกมา

     

    นี่ขนาดไม่แสดงแล้วนะ... ฮืออออออออ TT____________TT

     

     

    “ไม่สบายรึเปล่ายุนฮยอง หน้านายดูซีดๆนะ” ร่างสูงหันมามองผมแล้วยื่นมือเข้ามาอังที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา “ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่...”

     

    อา...ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปซักแค่ไหน เขาก็ยังคงเป็นผู้ชายที่อบอุ่นสำหรับผมอยู่เสมอ

     

    “เปล่า ฉันสบายดี... เปลี่ยนคาบเรียนกันเถอะ” ผมบอกเขาและลุกขึ้นยืนทันที คาบเรียนต่อไปเป็นคาบสุดท้ายก่อนจะพักกลางวัน

     

    “อืม ไปสิ”

     

    วิชานี้ต้องไปเรียนที่อาคารบี แล้วก็ต้องไปเอาหนังสือจากล็อกเกอร์ก่อนด้วย แต่ทุกๆครั้งที่มีเปลี่ยนคาบอย่างนี้ จีวอนมักจะเป็นคนอาสาไปหยิบหนังสือจากล็อกเกอร์ของผมให้อยู่ตลอด ดังนั้นผมก็แค่ทำต้องทำตัวเป็นเด็กดียืนรอเขาที่ใต้ตึก ผมเคยบอกเขาแล้วว่าไม่เป็นไรเดินไปด้วยกันก็ได้ แต่เขาก็ปฏิเสธท่าเดียว บอกว่าไม่อยากให้ผมเดินมากเดี๋ยวจะเมื่อย... ก็ว่าไปนั่น ยังไงผมก็เป็นผู้ชายนะ เรื่องแค่นี้มันไม่ได้ลำบากอะไรเลย = =

     

    แต่ก็เอาเถอะ ในเมื่อเขาอยากทำผมก็ไม่รู้จะขัดยังไง...

     

    ระหว่างที่ผมกำลังยืนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จีวอนก็เดินลงมาจากตึกพอดี เขาส่งยิ้มมาให้ผมเหมือนอย่างเคย แต่ว่ายังไม่ทันที่เขาจะเดินมาถึงผมก็มีเด็กสาวคนหนึ่งเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขาพอดี

     

    อะไรกันอีกล่ะนั่น...

     

    ผมเห็นพวกเขาสองคนคุยอะไรกันอยู่ก็ไม่รู้ซักพักนึงก่อนที่เด็กสาวคนนั้นจะจากไป และจีวอนที่มีซองจดหมายสีชมพูอยู่ในมือก็เดินมาหาผม... นั่นมันจดหมายรักชัวร์! ทำไมช่วงหลังๆมานี่จีวอนมีแต่เด็กมาสารภาพรัก ในขณะที่ชีวิตผมช่างว่างเปล่าไร้คนเหลียวแล...

     

    ทั้งๆที่เมื่อก่อนนี้ผมก็มีสาวๆมารุมล้อมอยู่เหมือนกันนะ... ผมล่ะอยากรู้จริงๆว่าสาวๆพวกนั้นหายไปไหนกันหมด เห็นเขามีผมก็อยากมีมั่งว่างั้นเหอะ Y_Y

     

    “โทษที พอดีน้องเค้า...”

     

    “เอาไปทิ้งซะ” ผมรีบส่งสายตาพิฆาตไปทางซองจดหมายบ้าๆนั่นอย่างรวดเร็ว

     

    นี่ผมไม่แสดงออกว่าหึงเลยนะ... ไม่แสดงออกเลยจริงๆ...

     

    ไปบอกใครเค้าจะเชื่อวะเนี่ย orz

     

    “อ...โอเค ก็กะว่าจะทิ้งอยู่แล้ว” ร่างสูงยิ้มจนเห็นฟันกระต่ายอีกครั้งก่อนจะเดินนำผมไปที่หน้าตึกบีแล้วทิ้งของในมือลงถังขยะ

     

    ดีมาก!!

     


     

    ไม่รู้ว่าเพราะอาจารย์สอนดีจัดหรือว่าอากาศมันช่างน่านอน... ผมนั่งเคลิ้มตลอดคาบและผมก็มั่นใจว่าเพื่อนๆส่วนใหญ่ในห้องก็คงรู้สึกเหมือนกัน บางคนจ้องนาฬิกาข้อมือแบบเอาเป็นเอาตายประหนึ่งว่าถ้าจ้องแล้วมันจะเดินไวขึ้น แต่เปล่าเลย... เวลามักเดินช้าตอนที่เรารู้สึกอยากให้มันไว

     

    ผมหันหน้าไปทางจีวอนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆพลางส่งซิกเบาๆว่า หิวข้าวแล้วเขาก็หัวเราะใส่ผมซะอย่างนั้น

     

    จนกระทั่งหมดคาบเรียน พวกเราทุกคนในห้องแทบวิ่งออกไปที่โรงอาหารอย่างว่องไวราวกับซ้อมแข่งกีฬาโอลิมปิก ความกระตือรือร้นโคตรแตกต่างกับตอนที่เรียนวิชาพละเลยล่ะครับ จะว่าไปบ่ายนี้ก็มีเรียนพละนี่ เหมือนจะเรียนบาสด้วยแฮะ...

     

    ช่างเถอะ ตอนนี้ขอไปเพิ่มพลังก่อนแล้วกัน

     


     

    ผมกับจีวอนเดินเข้าไปหาที่นั่งว่างๆในโรงอาหาร มันก็เหมือนกับวันอื่นๆทั่วไป พวกเรานั่งกินข้าวด้วยกัน นั่งคุยกันไปเรื่อย ไม่ได้หวานแหววแบบประเภทนั่งป้อนข้าวกันงุ้งงิ้งๆนะครับ ถึงจะเป็นคนรักกัน แต่ถ้าทำถึงขนาดนั้นก็ออกจะเวอร์เกินไปหน่อย

     

    “จีวอนฮยอง!!” เสียงเรียกชื่อคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมดังขึ้นพร้อมๆกับการปรากฏตัวของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง

     

    “อ้าว ฮันบิน”

     

    ครับ...แล้วคนรักผมก็เรียกชื่อเด็กคนนั้นออกมาเช่นกัน ถ้าผมเดาไม่ผิดคงเป็นเด็กปีสองที่เคยทำเพลงใต้ดินด้วยกันสินะ

     

    “โห่ ไม่เจอกันนานเลย เราอยู่โรงเรียนเดียวกันจริงป่าววะฮยอง” เด็กคนนั้นพูดแล้วก็นั่งลงข้างๆกับจีวอน

     

    “ฮ่าๆๆๆๆๆ ช่วงนี้เรียนเยอะมั้ง เตรียมสอบเข้ามหาลัยด้วยไง”

     

    “อ่อๆ งี๊นี่เอง”

     

    ทั้งสองคนคุยกันเหมือนผมไม่ได้นั่งอยู่ด้วยเลย คือ... ชักจะเดือดขึ้นมาอีกรอบ

     

    หายใจเข้า... หายใจออก... เย็นไว้นะซงยุนฮยอง เย็นไว้... พวกเขาก็แค่พี่น้องที่สนิทกันมาก่อน

     

    “แล้วนี่มีไรอะ”

     

    “ผมเอาบัตรคอนเสิร์ตมาให้ฮยอง นี่ไง...” ฮันบินเอ่ยพลางล้วงหยิบกระดาษสองใบออกมาจากกระเป๋า ด้วยสายตาอันเฉียบคมของผม ผมแอบมองอยู่แว๊บนึงก็เข้าใจได้ว่าคงเป็นการแสดงของวงใต้ดินที่จีวอนเคยพูดถึง

     

    “เออๆ ขอบใจมากว่ะ”

     

    “ฮยองต้องไปให้ได้นะ”

     

    “เออ ไปอยู่แล้วน่า”

     

    หลังจากนั้นฮันบินก็ขอตัวกลับไปหากลุ่มเพื่อนๆ แต่ก่อนลุกออกไปเขามองมาที่ผมและทักทายเล็กน้อย นึกว่าจะไม่เห็นกันซะละ

     

    ส่วนผมกับจีวอนก็ยังคงนั่งกินข้าวด้วยกันต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมไม่ได้คิดอะไรมากหรอก เพราะยังไงเด็กคนนั้นก็เป็นเหมือนน้องชายของจีวอน บางทีจีวอนก็ชอบเล่าเรื่องตอนสมัยที่ทำเพลงใต้ดินให้ฟังเหมือนกัน ประสบการณ์เหล่านั้นทำให้เขาได้เจอเพื่อนใหม่ๆและได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่ที่เขาต้องเลิกไปนี่ก็เพราะว่าต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย

     

    “ไปด้วยกันนะ” จู่ๆร่างสูงก็เงยหน้าขึ้นมาคุยกับผม

     

    “อะไร” แกล้งถามไปงั้นแหละครับ จริงๆก็รู้อยู่ว่าหมายถึงคอนเสิร์ตนั่น

     

    “นี่ไง” เขาชูตั๋วสองใบในมือขึ้นมา “ไปมั้ย? ถ้าไม่งั้นจะได้หาคน...”

     

    “ไป!!” หาบ้าหาบออะไร เดี๋ยวเหนี่ยวร่วงเลย

     

     


     

    อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าคาบบ่ายเรามีเรียนพละ สิบนาทีแรกเป็นช่วงเวลาของการวอร์มร่างกายให้อบอุ่น กีฬาที่ใช้เรียนวันนี้คือบาสเก็ตบอล ซึ่งที่โรงยิมมีอยู่สองสนามจึงเป็นออกเป็นส่วนของผู้หญิงและผู้ชายจะได้ไม่ต้องเล่นปนกัน แน่นอนว่าวิชานี้ฝั่งผู้ชายดูคึกคักมากครับ อย่างน้อยมันก็ดีกว่าไปนั่งเรียนในห้องเรียนนี่นะ...

     

    พวกเราต้องจับกลุ่มกันเอง ผมก็เลยเลือกทีมของจีวอน...

     

    ก็แหม่... ถ้าไม่อยู่กับแฟนแล้วจะไปอยู่กับใครได้ล่ะครับ -///-

     

    หลังจากเสียงนกหวีดเป่าสัญญาณเริ่มต้น ทีมของผมก็คว้าลูกบาสมาครองได้ด้วยฝีมือของคิมจีวอน... และไม่นานนักทีมของพวกเราก็ชิงแต้มแรกมาได้อย่างสวยงาม

     

    มีแฟนเก่งมันก็ดีอย่างนี้แหละครับ -________,-

     

    ส่วนสนามข้างๆที่เป็นฝั่งผู้หญิงก็เริ่มเล่นแล้วเหมือนกัน แต่ดูไม่จริงจังเท่าฝั่งผู้ชายอะครับ ผมที่ได้แต่สิ่งไปมารอบสนามก็ได้โอกาสจับลูกบาสบ้างบางครั้ง ชู๊ตไปก็เข้าแค่ครั้งเดียว... ต่างจากจีวอนที่ชู๊ตเข้าอยู่นั่นแหละ เห็นแล้วก็อดอิจฉาไม่ได้เลย

     

    และด้วยฝีมือของเพื่อนๆในทีมทำให้ครึ่งแรกของพวกเราผ่านไปได้อย่างดี คะแนนที่เรานำห่างอยู่เก้าแต้มนั้นไม่ได้เยอะเท่าไหร่แต่ผมว่าก็ยังมีโอกาสชนะ

     

    “ไหวป่าว” ร่างสูงของจีวอนเดินเข้ามาหาผมที่ยืนพิงแป้นบาสอยู่ก่อนจะยื่นขวดน้ำให้

     

    “จิ๊บๆ” ผมรับน้ำขวดนั้นมากระดกเข้าปากทันที

     

    “เป็นลูกเจี๊ยบหรอ?”

     

    “...” !!!!! น้ำแทบพุงออกจากปาก “เดี๋ยวเหอะ!!

     

    “มีปัญหาอะไรล่ะลูกเจี๊ยบน้อย ฮ่าๆๆๆๆ”

     

    หัวเราะเข้าไปเถอะ!! อย่าให้ถึงคราวของผมมั่งก็แล้วกัน

     

    “เฮ้ย!! ยุนฮยองระวัง!!!” เหมือนได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกผมดังมาแต่ไกล...

     

    แต่ที่ไวกว่านั้นคือร่างของจีวอนที่ขยับเข้ามากั้นผมจากอะไรซักอย่างเอาไว้ กว่าจะรู้ว่ามันคือลูกบาสที่ลอยมาจากสนามฝั่งผู้หญิง คนรักของผมก็โดนมันพุ่งชนเข้าไปที่หัวเต็มๆ ธรรมดาแรงของผู้หญิงคงไม่เยอะเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจคือหลังจากลูกบาสโดนหัวของจีวอนแล้วมันก็ทำให้หัวของเขาเอนไปชนเสาแป้นบาสต่ออีกที แล้วก็แรงมากๆด้วย

     

    แค่เห็นก็เจ็บแทนแล้วครับ!!!

     

    “จีวอน!! จีวอน!!!” ร่างของเขาเอนไปมาเหมือนคนไม่ได้สติ รอยช้ำสีม่วงที่หัวเริ่มปรากฏให้ผมเห็น

     

    ใครวะ!! ใครแม่งทำเนี่ย!?

     

    “เฮ้ย จีวอน!! เราขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจ เป็นไรมากรึเปล่า” เพื่อนผู้หญิงในห้องที่ดูเหมือนจะเป็นคนโยนลูกบาสนั้นวิ่งเข้ามาด้วยความลนลาน

     

    ในขณะที่เพื่อนๆเริ่มเข้ามามุงดูอาจารย์ก็เดินแหวกมาไล่พวกเขาออกไปพร้อมสั่งให้ผมพาเขาไปที่ห้องพยาบาล

     

    เพราะจีวอนไม่ได้หมดสติ ผมก็เลยยังสามารถพยุงเขาไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย

     

    ตอนที่เดินมาผมได้ยินเขากระซิบเรียกผมเบาๆที่ข้างหูและพยายามถามว่าผมปลอดภัยดีใช่มั้ย...

     

    “ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร” ผมก็เลยได้แต่ตอบเขาไปเท่านั้น บ้าเอ๊ย! ตัวเองเป็นขนาดนี้แล้วยังจะมาห่วงคนอื่นอีก

     

    ผมวางเขาลงบนเตียงอย่างทุลักทุเลนิดหน่อยก่อนที่อาจารย์ประจำห้องพยาบาลจะเข้ามาช่วยดูอาการให้ ถึงจะไม่เป็นไรมาก แต่หัวที่ถูกกระแทกอย่างแรงนั่นทำให้อาจารย์บอกว่าจีวอนต้องนอนพักอยู่ที่นี่ก่อน เขาดูปวดหัวขนาดนั้นเป็นผมก็คงลุกไปเรียนต่อไม่ไหวเหมือนกัน

     

    สุดท้ายแล้วผมก็ถูกไล่ออกมาจากนอกห้องพยาบาล ต่อให้ผมอยากนั่งเฝ้าเขาแค่ไหนอาจารย์ก็ไล่ให้ผมกลับไปเรียนอยู่ดี อาจารย์นี่ช่างไม่รู้อะไรเลย... คิดว่าสั่งผมให้กลับมาเรียนแล้วผมจะเรียนรู้เรื่องหรอครับ จิตใจผมแม่งล่องลอยไปหมดละ...

     

    เพื่อนๆในห้องเข้ามาถามอาการของเขาจากผม ถึงผมจะตอบไปว่าไม่เป็นไรมาก แต่ผมก็ยังเป็นห่วงเขาอยู่ดี ผมเป็นห่วงเขา... มากกว่าใครๆ...

     

    ถ้าเกิด... ถ้าเกิดว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้วจำผมไม่ได้ล่ะ!!?

     

    นี่ผมดูซีรีย์เยอะไปรึเปล่าวะ orz

     

    ไม่หรอก... เขาคงไม่เป็นถึงขั้นนั้น...

     


     

     

     

     

    ผมเฝ้าภาวนาให้คาบเรียนช่วงบ่ายผ่านพ้นไปอย่างร้อนใจ พออาจารย์สอนเสร็จผมก็รีบคว้าของเก็บใส่กระเป๋ารวมทั้งกระเป๋าของจีวอนด้วย หนังสือที่ต้องเอาไปเก็บในล็อกเกอร์ยังคงวางอยู่บนโต๊ะ ผมจึงหยิบมันขึ้นมา กะว่าจะเอาไปใส่ที่เดิมก่อนแล้วค่อยไปห้องพยาบาล

     

    อาจเป็นเพราะจีวอนชอบอาสามาหยิบของจากล็อกเกอร์ให้ผมบ่อยๆ ผมก็เลยเกือบลืมไปแล้วว่าล็อกเกอร์ของตัวเองคือตู้ไหน แต่ยังดีครับที่ผมพอนึกออก... = =

     

    ผมเปิดประตูล็อกเกอร์ออกแล้วโยนหนังสือเข้าไปก่อนจะเหลือบไปเห็นซองจดหมายลายน่ารักสามฉบับที่วางอยู่ในนั้น นี่ของผมหรอ?...

     

    พอหยิบขึ้นมาดูที่หน้าซองแล้วก็พบว่ามันเป็นของผมจริงๆด้วย รู้สึกเหมือนไม่ได้เห็นอะไรอย่างนี้นานแล้วแฮะ

     

    เฮ้ย!! ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมามัวคิดอะไรอย่างนี้ซะหน่อย ผมรีบปิดประตูแล้วเดินไปที่ล็อกเกอร์ของจีวอนต่อ ใช้เวลาซักพักกว่าผมจะนึกออก...

     

    ขณะที่ผมเอื้อมมือไปดึงประตูล็อกเกอร์มันก็ถูกดันให้ปิดดังปัง! จนผมสะดุ้ง

     

    ผมมองตามฝ่ามือหนาบนบานประตูนั่นไปก็เห็นร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ “ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย!!

     

    “เดี๋ยวเก็บเอง...”

     

    “หายดีแล้วหรอถึงได้ออกมาอย่างนี้...”

     

    เขาไม่ฟังผมแถมยังกระชากหนังสือในมือของผมไปถือเอาไว้ ก็แค่จะเอาหนังสือมาเก็บให้ ทำไมต้องทำอะไรมีลับลมคมในด้วยวะ!!?

     

    ผมกำลังจะเอ่ยปากว่าเขา แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรจีวอนก็ยื่นมือเข้ามาดึงของไปจากผมอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นจดหมายสามฉบับบที่ผมหยิบออกมาจากตู้เมื่อกี้

     

    “เห็นแล้วหรอ”

     

    “ก็มันจดหมายของฉันนี่! เอาคืนมานะ!” โชคดีที่แถวนี้ไม่มีใครผมก็เลยตะโกนใส่เขาได้เต็มที่

     

    “ไม่ให้” เขาพูดแล้วชูมันขึ้นเหนือหัว บร๊ะ!! ถ้าไม่ติดว่าหัวหมอนี่เพิ่งโดนกระแทกมาล่ะก็... ผมจะตบหัวเขาซักทีนึง!!

     

    “ทีนายยังได้จดหมายเลย!

     

    “ฉันไม่ได้เยอะขนาดนั้น”

     

    พูดงี๊หมายความว่าไง ก็เห็นๆอยู่เมื่อตอนกลางวันยังได้อยู่เลย นี่ยังไม่รวมวันอื่นๆที่โดนเรียกไปสารภาพรักนั่นอีกนะ!

     

    “ไม่เชื่อหรอก!! นายซ่อนอะไรไว้ในล็อกเกอร์ใช่มั้ย!?” ดูท่าทางเขาเหมือนไม่อยากให้ผมเห็นอะไรข้างในนั่นเลย

     

    ผมไม่รอฟังคำปฏิเสธใดๆทั้งสิ้น อาศัยจังหวะที่เขากำลังเผลอแล้วยื่นมือเข้าไปเปิดประตูออก
     


                ...

     

    อย่างที่ผมคิดจริงๆด้วย... ข้างในนั้นมีแต่ซองจดหมายเต็มไปหมดเลย...

     

    ได้ยังไงกัน... เขากล้าทำกับผมแบบนี้ได้ยังไงกัน

     

    “มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ...”
     

    “รู้หรือไงว่าฉันอะไรอยู่น่ะ!” ตอนนี้ผมไม่สนใจแล้วครับเขาจะพูดอะไร ผมเชื่อในสิ่งที่ผมเห็นเท่านั้น...

     

    “ฟังกันก่อนได้มั้ย”

     

    “ไม่เอา ไม่ฟังเว้ย!” ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมเขาต้องปิดบังผม ทั้งๆที่เราก็คบกันอยู่ แล้วทำไมถึงยังเก็บจดหมายบ้าๆพวกนั้นเอาไว้อีก เขาควรจะทิ้งมันไปสิ...

     

    ด้วยความโมโหหรืออะไรก็แล้วแต่ ผมคว้าเอาจดหมายในล็อกเกอร์นั่นออกมาฉีกต่อหน้าเขา วันนี้มันวันบ้าอะไรของผมก็ไม่รู้ ถึงว่าสิ... อารมณ์ไม่ดีมาตั้งแต่เช้าเลย พอกันที...


               พอกัน...


     

    เดี๋ยวก่อนนะ...!! ผมว่าผมเห็นอะไรแว๊บๆ...

     

    ผมเอื้อมมือไปที่เศษจดหมายบนพื้น และถึงแม้ว่าจีวอนจะขัดขวางผมก็ไม่ยอมจนหยิบมันขึ้นมาได้...

     

    ที่หน้าซองๆหนึ่ง... มันเขียนชื่อ... ซงยุนฮยอง... นั่นมันชื่อผมนี่!!

     

    ผมรีบก้มลงไปเก็บดูอีกหลายๆซอง แต่ไม่ว่าจะกี่ซองๆมันก็ล้วนเป็นชื่อของผมทั้งนั้น ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอ้าปากค้างไปนานแค่ไหนแล้ว แต่ผม... ขอตั้งสติก่อนแป๊ปนึงนะ

     

    คือแบบว่า... จดหมายผมมาอยู่ในล็อกเกอร์ของจีวอนได้ยังไง...

     

    “ขอโทษที่ไม่ได้บอก” เขาเริ่มต้นพูดหลังจากที่เห็นผมนิ่งไป

     

    “...นี่มันเรื่องอะไรกัน”

     

    “พวกนี้มันของนายทั้งนั้น...” ร่างสูงก้มตัวลงเก็บเศษกระดาษที่กองอยู่บนพื้นมากมาย “ฉันแอบเอามาจากล็อกเกอร์ของนายเอง”

     

    “แต่...ฉันไม่เข้าใจ แล้วทำไมนายต้องทำแบบนี้ด้วย”

     

    “ก็คงคิดอย่างเดียวกับนายนั่นแหละมั้ง” ระหว่างนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มยิงฟันกระต่ายให้ผมจนตาปิด “เห็นอย่างนี้ฉันก็หวงนายเหมือนกันนะ ฉันไม่อยากให้นายเห็นจดหมายพวกนี้เลย”

     

    “...” !!!!!!!!!!!!!!

     

    สมองของผมกำลังประมวลผลอย่างรวดเร็ว... ผมอาจจะคิดช้าไปหน่อย แต่ไอ้ประโยคที่เขาพูดว่าหวงผมมันดังชัดเจนในหัวของผมมากเลยครับ -////-

     

    “อุตส่าห์แอบเอามาซ่อนไว้ สุดท้ายนายก็เห็นหมด...”

     

    “อย่าบอกนะที่อาสามาหยิบหนังสือให้นี่ก็เพื่อ...”

     

    “ก็ตามนั้นแหละ... จดหมายเมื่อตอนกลางวันที่นายบอกให้ทิ้งนั่นก็ของนาย”

     

    “ห๊า!? จริงดิ!!” นี่ผมสั่งให้ทิ้งจดหมายของตัวเองไปเหรอ “แล้ว...แล้วทำไมเด็กนั่นไม่เอามาให้ฉันเองอะ!”

     

    เมื่อร่างสูงรวบรวมเศษกระดาษที่พอจะเก็บได้ขึ้นมาถือไว้เรียบร้อยแล้ว เขาก็ลุกขึ้นยืนมาอยู่ตรงหน้าผม

     

    “คงต้องขอบใจนายที่พักหลังๆมานี่นายหึงฉันจนทำหน้าเหมือนไม่พอใจใครบ่อยๆ พวกสาวๆก็เลยพากันไม่กล้าเอามาให้นายโดยตรง เลยเรียกฉันที่ตัวติดอยู่กับนายไปรับแทน แต่ของพวกนั้นไม่มีวันได้ถึงมือนายหรอก หึ”

     

    “...” =[]=

     

    ด...เดี๋ยวสิ!! เหตุผลแค่นั้นเองหรอ! ถึงว่า... ทำไมพักหลังๆมานี่ไม่เห็นมีสาวๆมาตามกรี๊ดผมบ้างเลย ผมก็เผลอคิดไปว่าตัวเองคงตกอันดับไปแล้ว ท...ที่ไหนได้... บ้าเอ๊ย! ต่อไปนี้ผมจะฉีกยิ้มแม่ งทุกวันเลยคอยดู!!

     

    “นายเป็นของฉันแค่คนเดียว เพราะงั้นไอ้เรื่องเรียกเรตติ้งให้ตัวเองเนี่ย อย่าแม้แต่จะคิดเชียว”

     

    คิดไปละ = =

     

    แล้วใครว่าผมจะทำจริงๆล่ะ ผมก็แค่คิดเล่นๆไปงั้นเอง ในเมื่อผมมีคนที่ผมรักอยู่ตรงหน้าแล้วนี่ ที่สำคัญ... ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาเองก็หวงผมมากขนาดนี้...

     

    ถามว่าดีใจมั้ย ผมตอบเลยว่ามาก... เพราะอย่างน้อยก็ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่คิดอย่างนั้น...


     

    “ฮยองครับ” อยู่ๆก็มีเด็กที่ไหนไม่รู้เดินเข้ามาเรียกผม พอเหล่ดูป้ายชื่อที่ตรงหน้าอกก็รู้สึกไม่คุ้นเลยแฮะ คิมดงฮยอก’?

     

    “ห..ห๊ะ?” เด็กนี่ดูสถานการณ์บ้างป่าววะว่าผมกำลังทำไรอยู่

     

    “คือว่าผมอยากคุยกับฮยอง...”

     

    “ก็คุยมันตรงนี้แหละ มีอะไร?”

     

    “ช...ช่วย.. ช่วยคบกับผมได้มั้ยครับ!!!?

     

    “...” !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! =[]=

     

    ต่อหน้าจีวอน... ผม... ควรทำไงดี? รู้งี๊ลากไปคุยที่อื่นดีกว่าป่ะ!!

     

    “ผมแอบปลื้มพี่มานานแล้ว...”

     

    “โทษทีนะแต่พี่คงคบกับนายไม่ได้หรอก” ผมปฏิเสธน้องเขาไปตรงๆเพราะรู้สึกได้ถึงรังสีแปลกๆที่ถูกส่งมาจากด้านข้าง...

     

    “ทำไมล่ะครับ?”

     

    ผมหันหน้าไปหาจีวอนพร้อมกับเขย่งปลายเท้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อแตะจมูกลงบนแก้มของเขา...


               
    “เพราะว่า... พี่เป็นผู้ชายของคนๆนี้แล้วน่ะสิ”

     

    ผมไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไป และผมก็ไม่รู้ตัวด้วยว่ากำลังทำอะไรอยู่...

     

    ผมแค่อยาก... อยากให้จีวอนได้รู้ว่า ผมรักเขา...

     

    เขาเป็นของผม...

     

    และผมก็เป็นของเขาแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น...


    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    จบแล้ววววว บาบิกับยุนฮยอง ><
    จริงๆแอบเหล่คู่ 95ไลน์มาซักพักแล้ว แต่ไม่รู้จะมีคนจิ้นกะเรารึเปล่า 555555
    ส่วน os ของบ็อบจินที่บอกว่าค้าง ตอนนี้คิดพล็อตออกบ้างแล้ว
    เดี๋ยวคราวหน้ามาต่อให้นะคะ ^^
    สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกๆคนมากเลยค่ะที่เข้ามาอ่านกัน >3<





     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×