คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ◤ Chapter 3 ◢
Chapter 3
จินฮวานยังคงโกรธฮันบินอยู่... อย่างที่คิดเอาไว้เลย... นี่ถ้าเขาซื้อหวยคงถูกรางวัลใหญ่ไปแล้ว!! แต่พอดีว่าฮันบินไม่ชอบเล่นการพนัน เพราะงั้นไอ้เรื่องรางวัลน่ะลืมมันไปซะเถอะ...
หลังจากที่เขาและเพื่อนรักเดินทางมาจนถึงหน้าโรงเรียนอนุบาล ฮันบยอลกับจินฮวานก็เดินจูงมือมาเข้ามาหาพวกเขาด้วยท่าทีที่ปกติ จนตอนแรกฮันบินนึกว่าเขาคงเข้าใจผิดไปเองที่คิดว่าจินฮวานยังคงงอนเขาอยู่ แต่พอเอ่ยปากเรียกชื่อเด็กชายตัวเล็กออกมาเท่านั้นแหละ... จินฮวานก็ปล่อยมือฮันบยอลและวิ่งหนีกลับเข้าไปในโรงเรียนทันที...
หมดกัน... ภาพลักษณ์ของเขาที่ปกติก็ดูไม่ค่อยจะมีมนุษยสัมพันธ์กับเด็กอยู่แล้ว ตอนนี้กลายเป็นติดลบไปเลย...
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะจากเพื่อนตัวดีที่อุตส่าห์ลากมาด้วยก็ยิ่งหงุดหงิด
“หัวเราะเหี้ ยไรนักหนาครับไอ้คุณคิมจีวอน”
“ก็มึงอะ.. ฮ่าๆๆๆๆๆๆ น้องเค้าถึงกับวิ่งหนีไปเลยว่ะ”
เออ หัวเราะได้ก็หัวเราะไป อย่าให้โดนอย่างเขาบ้างก็แล้วกัน... พ่อจะขำให้ฟันร่วงเลย
“หึ... รีบๆไปทำหน้าที่ของมึงได้แล้วไป” เอ่ยปากสั่งอย่างหัวเสียพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากอดอก “ถ้ามึงพาจินฮวานกลับบ้านได้ พรุ่งนี้กูเลี้ยงข้าวเที่ยงเลย”
“จริงดิ?” เลิกคิ้วถามทันทีเมื่อได้ยินข้อเสนอที่ดูน่าสนใจ
“เออ!”
“งั้นมึงเตรียมเงินไว้ได้เลย”
ถึงจะพูดออกไปอย่างนั้น แต่จริงๆแล้วคิมจีวอนก็ไม่ได้มีความมั่นใจอะไรนักหรอก อย่างที่บอกไปคือเขาไม่เคยมีน้อง ดังนั้นเรื่องเอาใจเด็กนี่ถือว่าไกลตัวเขาอยู่ทีเดียว ยังไงก็ตาม เพื่ออาหารกลางวันฟรีหนึ่งมื้อ เขาจะขอลองดูซักตั้งละกัน
จำได้ว่าเมื่อกี้เห็นเด็กชายตัวเล็กวิ่งเข้าไปแถวๆอาคารเรียนชั้นเดียว งั้นก็น่าจะอยู่ในห้องเรียนซักห้องนั่นแหละ คิดได้ดังนั้นก็เดินตรงไปทางอาคารเล็กๆนั้นทันที อาจเป็นเพราะว่าที่นี่เป็นโรงเรียนอนุบาล ตามผนังกำแพงก็เลยมีแต่สีสันและตัวการ์ตูนต่างๆเต็มไปหมด ร่างสูงของจีวอนชะเง้อเข้าไปดูในห้องแรก ข้าวของภายในห้องที่ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะหรือเก้าอี้ก็เล็กจิ๋วไปหมด ...ก็ของเด็กนี่นะ
มองไปรอบๆห้องเห็นเพียงเด็กผู้หญิงสองคนกำลังนั่งเล่นตัวต่อกันอยู่เขาจึงย้ายไปดูในห้องที่สอง ซึ่งก็ปรากฏว่าห้องเรียนนั้นว่างเปล่าและไร้วี่แววของเด็กชายตัวเล็กที่เขากำลังตามหา เอาแล้วสิ.. เหลือห้องสุดท้ายแล้ว ถ้าจินฮวานไม่ได้อยู่อีกห้องเขาก็คงไม่รู้ว่าจะไปตามหาที่ไหนได้อีก
จีวอนเกาหัวแกรกๆขณะที่กำลังก้าวขาเดินไปยังห้องที่สาม ในตอนนั้นเองก็มีใครบางคนเดินออกมาจากห้องพอดี ร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้าตอนนี้ตัวสูงน้อยกว่าเขาไม่มากนัก พอมองเห็นชุดที่สวมผ้ากันเปื้อนสีเหลืองสดใสนั่นแล้วก็พอเดาได้อยู่หรอกว่าคงเป็นคุณครูเด็กอนุบาลของที่นี่
“มาหาใครหรอครับ?” คุณครูที่ดูอายุน้อยเอ่ยปากถามเขาอย่างใจดี
“อ่า... ผมมารับจินฮวานกลับบ้านน่ะครับ”
“เอ๋... ” พอได้รับคำตอบเช่นนั้น ยุนฮยองก็ปิดสีหน้าสงสัยเอาไว้ไม่อยู่ ไม่กี่วันก่อนแม่ของจินฮวานเอ่ยปากบอกเองว่าอนุญาตให้จินฮวานกลับไปพร้อมกับพี่ชายของฮันบยอลได้เลย ซึ่งเขาก็เห็นว่าฮันบินมารับทั้งคู่ตามปกติได้สองวันแล้ว แต่คนที่ยืนตรงหน้านี่เป็นใครกันล่ะ?... “แล้วฮันบิน...”
“อ๋อ ตอนนี้เพื่อนผมมันยืนรออยู่ข้างนอกน่ะครับ” ว่าพลางชี้นิ้วออกไปทางประตูโรงเรียน “คือ...จริงๆแล้วดูเหมือนว่าจินฮวานจะงอนฮันบินก็เลยไม่ยอมกลับบ้านด้วย ผมเลยเข้ามาแทน...”
“ถึงว่าสิ... อยู่ๆจินฮวานก็วิ่งกลับเข้ามาในห้อง ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ”
“จินฮวานอยู่ข้างในห้องนี้หรอครับคุณครู!?” ทำตาโตทันทีพลางชี้เข้าไปในห้องเรียนห้องสุดท้าย โชคดีที่เขาคงไม่ต้องไปตามหาเด็กชายตัวเล็กที่ไหนอีกแล้ว “เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณครูพอจะช่วย...”
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว จีวอนก็เลยกะว่าจะเอ่ยปากขอให้คุณครูคนนี้ช่วยเขาเกลี้ยกล่อมจินฮวานซะเลย เพราะดูๆแล้วน่าจะได้ผลเร็วกว่าเยอะ แต่ยังไม่ทันจะพูดจบก็มีเด็กที่ไหนไม่รู้วิ่งเข้ามาขัดจังหวะ
“ครูฮะ!! ตามผมมาเร็ว!!!” ท่าทางของเด็กคนนี้ดูลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ
จีวอนมองภาพตรงหน้าแล้วก็อดทึ่งกับเด็กสมัยนี้ไม่ได้ มีอย่างที่ไหนออกคำสั่งกับคุณครูซะงั้น
“ใจเย็นๆนะจุนฮเว มีอะไรไหนบอกครูมาซิ” แต่คุณครูคนนี้ก็ยังค่อยๆพูดคุยอย่างใจเย็นพลางย่อตัวลงไปอยู่ในระดับสายตาของเด็กที่ชื่อจุนฮเวนั่น
“ดงฮยอกฮะ!! ดงฮยอกร้องไห้!!”
“แล้วทำไมดงฮยอกถึงร้องไห้ได้ล่ะ?”
“เรา...เราเล่นโยนลูกบอลกันแล้วผมก็ปาไปโดนหน้าดงฮยอก เขาเลยร้องไห้ ครูฮะ ผม...ผมไม่ได้ตั้งใจ” เสียงที่ดูแข็งๆในตอนแรกนั้นอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะความรู้สึกผิด
“เอาล่ะ ครูเข้าใจแล้ว ถ้างั้นเราไปหาดงฮยอกกันนะ...” ร่างบางเอ่ยพลางลูบหัวจุนฮเวเบาๆก่อนจะยืดตัวตรงแล้วหันมาทางที่จีวอนยืนอยู่ “จินฮวานไม่ใช่เด็กดื้ออะไร ยังไงก็ลองเข้าไปคุยดูนะครับ ผมคงต้องขอตัวก่อน”
“อ่า...ครับ...”
หลังจากนั้นคุณครูที่แสนใจดีก็เดินออกไปพร้อมๆกับเด็กชายที่ทำเพื่อนร้องไห้นั่น... ไปซะแล้ว... ตัวช่วยของคิมจีวอน...
ร่างสูงแอบชะเง้อเข้าไปในห้องก็เห็นเพียงเด็กชายตัวเล็กที่กำลังนั่งต่อโดมิโนอยู่บนโต๊ะคนเดียว สูดหายใจเข้าปอดแรงๆเพื่อเรียกกำลังใจก่อนจะเดินย่องไปทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ... ดวงตาเรียวเล็กเหลือบมองเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้มาใหม่ คงจะแปลกใจเพราะอยู่ๆก็มีพี่ชายที่ไม่รู้จักมานั่งด้วย
“ไงจินฮวาน กำลังนั่งทำอะไรอยู่หรอ?” ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจชวนคุยด้วย
“...” แต่นอกจากจะไม่มีการตอบรับแล้วสายตาที่มองมาทางเขานั้นยังเพิ่มความระแวงขึ้นอีกต่างหาก...
“เอ่อ... พี่ชื่อจีวอนนะ ยินดีที่ได้รู้จัก” จีวอนที่ไม่รู้จะทำไงแล้วเลยได้แต่ส่งรอยยิ้มเข้าสู้ และดูเหมือนว่ามันจะได้ผลตอบรับดีเสียด้วยสิ
“รู้จักผมด้วยหรอฮะ?”
“อื้ม รู้สักสิ พี่เป็นเพื่อนของฮันบินไง”
“...”
พอพูดถึงชื่อเพื่อนรัก เด็กชายตัวเล็กก็หันหน้าหนีเขาทันที! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแค่ชื่อยังมีอิทธิพลถึงขนาดนี้ ขอตบปากตัวเองแรงซักทีแล้วค่อยนึกแผนใหม่ดีกว่า...
มองไปที่มุมห้องเห็นกองตุ๊กตาวางอยู่เต็มไปหมด... จริงสิ! เด็กน่าจะชอบฟังนิทาน...รึเปล่า อยู่ๆเขาก็นึกถึงนิทานที่เคยฟังขึ้นมา... ไม่รู้ล่ะ ยังไงก็คงต้องลองซักหน่อย
จีวอนลุกขึ้นไปหยิบตุ๊กตาที่หมีตัวใหญ่กับตัวเล็กมาอย่างละตัวแล้วกลับมานั่งลงที่เดิม
“จินฮวานอ่า... พี่จะเล่านิทานให้ฟัง จินฮวานอยากฟังรึเปล่า?”
“...” สำเร็จ! จินฮวานหันหน้ามาทางเขาแล้ว “นิทานอะไรหรอฮะ?”
“นิทานเรื่องลูกหมีขี้โมโห” ว่าแล้วก็จับตุ๊กตาหมีตัวเล็กขึ้นมาถือพลางขยับตัวทำท่าทางต่างๆไปด้วย การทำอย่างนี้เด็กน่าจะจินตนาการเห็นภาพตอนที่เขาเล่าได้ง่ายๆ บร๊ะ! คนอะไรวะเก่งจริงๆ ขนาดยังไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อนนะเนี่ย ดูท่าทางเขาต้องโตขึ้นเป็นพ่อที่ดีได้แน่ๆ
“ทำไมลูกหมีถึงขี้โมโหล่ะฮะ?” ดวงตาใสจ้องมองมาที่ตุ๊กตาอย่างสนอกสนใจ
“เพราะว่าลูกหมีเป็นคนเจ้าอารมณ์ยังไงล่ะ เวลาที่ลูกหมีตัวนี้ไม่พอใจหรือโมโหใครก็จะโกรธอย่างรุนแรง จนใครๆเค้าก็เบื่อและไม่อยากคบด้วย...”
“...”
“อยู่มาวันหนึ่งพ่อหมีก็บอกว่า...” มืออีกข้างของเขานั้นยกตุ๊กตาหมีตัวที่ใหญ่กว่าขึ้นมา “ทุกๆครั้งที่ลูกรู้สึกโกรธใคร แล้วก็ด่าหรือใส่อารมณ์กับคนๆนั้นไป ให้ไปตอกตะปูที่รั้วสังกะสีข้างบ้านไว้นะลูก”
“แล้วลูกหมีทำมั้ยฮะ?”
“แน่นอนสิ ลูกหมีทำอย่างนั้นได้หนึ่งอาทิตย์ก็มีตะปูตั้ง 24 ตัวเลย” คิมจีวอนรู้สึกได้ถึงความสนใจของจินฮวานที่กำลังเพิ่มขึ้น นับว่าเป็นแผนที่ดีทีเดียว “พ่อหมีก็เลยบอกอีกว่า เอาหละ ต่อไปนี้ลองทำใจให้เย็นลง ข่มใจให้มากขึ้น และถ้าลูกระงับความโกรธได้ครั้งหนึ่ง ก็ให้ไปถอนตะปูออกจากรั้วตัวหนึ่ง ทำไปเรื่อยๆนะ”
“ให้ดึงออกหรอ... ลูกหมีดึงตะปูได้หรอฮะ?” เด็กชายตัวเล็กถามแล้วเอียงคอลงด้วยความสงสัยขณะที่มองไปตุ๊กตาหมีทั้งคู่
“จินฮวานอยากรู้รึเปล่าล่ะ?”
“อยากรู้ฮะ พี่จีวอนบอกจินฮวานหน่อย...”
“อืม... พี่จะบอกก็ได้นะ แต่ว่า...” ทำเป็นยกมือขึ้นมาดูนาฬิกาทันที “ตอนนี้ถึงเวลาที่เราต้องกลับบ้านฮันบยอลกันแล้วนะ ไว้พี่จะไปเล่าต่อที่นั่นก็แล้วกัน โอเคมั้ย?”
“...” อยู่ๆจินฮวานก็ทำหน้าเหมือนคิดหนักขึ้นมา นี่ขนาดเขาเลี่ยงชื่อฮันบินไปแล้วนะ
“กลับไปกับพี่นะ ฮันบยอลก็รอยู่ข้างนอกแล้ว จินฮวานอยากให้เพื่อนรอนานๆหรอ”
“ไม่อยาก...”
“ถ้างั้นเราก็ไปหาฮันบยอลกันเถอะ พี่จะได้เล่านิทานให้ฟังต่อไง”
“...ก็ได้ฮะ”
นี่ก็ผ่านไปนานแล้วนะ ทำไมเพื่อนของเขายังมาออกมาซะที ใช้ให้ไปเกลี้ยกล่อมแค่นี้ทำไมถึงได้นานนักวะ? ฮันบินชะเง้อคอมองเข้าไปด้านในโรงเรียนจนเมื่อยไปหมดแล้ว แถมเมื่อกี้เขายังถูกน้องสาวสุดที่รักต่อว่าอีก เจ็บปวดซะมัด...
‘เพราะพี่ฮันบินนั่นแหละ พี่ฮันบินนิสัยไม่ดี’
ให้มันได้อย่างนี้สิ...
หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างในนั่น? ขณะที่กำลังคิดว่าจะตามเข้าไปดูนั้นเขาก็เห็นเพื่อนของตัวเองเดินออกมาพอดี แถมยัง...อุ้มจินฮวานออกมาด้วย!! นี่ถ้าไม่ได้เห็นกับตาคงไม่มีทางเชื่อเลยว่าคิมจีวอนจะทำได้สำเร็จจริงๆ
ร่างสูงที่มาพร้อมกับเด็กชายตัวเล็กเดินตรงเข้ามาทางเขาก่อนจะยักคิ้วให้สองสามที เป็นอันเข้าใจว่าพรุ่งนี้เขาได้เสียเงินเลี้ยงข้าวเพื่อนอย่างแน่นอน ฮันบินไม่อยากเอ่ยปากถามอะไรมากนักเพราะกลัวจินฮวานจะไม่พอใจเขาอีกรอบ เขาจึงหันไปอุ้มฮันบยอลขึ้นมาบ้างเพื่อที่จะได้กลับบ้านด้วยกันซักที
ระหว่างทางจินฮวานไม่ยอมชายตมาแลเขาแม้แต่นิด แถมยังเอาแต่ซุกคอจีวอนลูกเดียว นี่หายไปแค่แป๊ปเดียวแม่งสนิทกันได้ขนาดนั้นเลยหรอวะ!? เห็นแล้วหมั่นไส้โคตรๆ
แล้วนี่ทำไมเขาจะต้องไม่สบอารมณ์อย่างนั้นด้วยล่ะเนี่ย จริงๆแล้วจินฮวานจะสนิทกับใครก็ไม่เห็นเกี่ยวกับเขาซักหน่อย...
“พี่จีวอนฮะ...” พอมาถึงบ้านจินฮวานก็เอาแต่เรียกหาจีวอนๆ ส่วนฮันบยอลที่ดูเหมือนวันนี้จะไม่มีการบ้านก็นั่งดูการ์ตูนอยู่ข้างๆกัน
“ว่าไงครับ?” ฟังเสียงที่เพื่อนรักตอบกลับแล้วอยากวิ่งไปถีบยอดหน้าซักที ร้อยวันพันปีแม่งไม่เห็นเคยพูดเพราะๆแบบนี้กับเพื่อนหรอก
“ตกลงลูกหมีดึงตะปูออกได้มั้ยฮะ?”
“อ่า...ได้สิ ผ่านไปสองอาทิตย์ลูกหมีก็ถอนตะปูออกได้หมดเลย” ถึงจะจะเตรียมขนมอยู่ในครัว แต่ฮันบินก็ยังได้ยินเสียงแว่วๆของจีวอนที่เหมือนกำลังเล่าอะไรซักอย่างให้จินฮวานฟัง “พ่อหมีพาลูกหมีไปตรงรั้วที่เคยมีตะปูตอกอยู่ก่อนจะถามว่า ลูกเห็นอะไรไหม?”
“ลูกหมีเห็นอะไรฮะ...”
“รอยตะปูน่ะ... หลังจากนั้นพ่อหมีก็สอนลูกหมีว่า ใช่ลูก..รอยตะปูก็เหมือนความรู้สึกในใจคนนั้นล่ะ เวลาเราโกรธ เราตะคอกใส่คนอื่น ด่าว่าคนอื่น มันก็เจ็บ เหมือนกับเราตอกตะปูลงไปในใจเขา เราอาจจะถอนคำพูดด้วยคำว่าขอโทษได้ แต่ความรู้สึกที่เสียไปมันก็เหมือนรอยตะปูนั่นล่ะ ถึงเราจะถอนตะปูออกมาแล้ว แต่มันก็ยังทิ้งรอยไว้เสมอ ทางที่ดีที่สุด เราพยายามอย่าตอกตะปูลงไปในใจใครจะดีกว่า... จบ”
ฮันบินเดินออกมาจากครัวพร้อมกับขนมจานใหญ่พอดี เลยได้ยินเรื่องเล่าของจีวอนนั้นด้วย ที่แท้ก็ใช้นิทานนี่เอง... เพิ่งรู้ว่าจินฮวานก็ชอบฟังเรื่องเล่า คราวหน้าเก็บมาใช้บ้างดีมั้ยนะ?...
จังหวะที่เขาวางจานลงบนโต๊ะกาแฟ จินฮวานก็หันมาสบตาเขาพอดี ฮันบินที่ไม่ทันตั้งตัวและไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้แต่ยิ้มแหยๆให้ เท่านั้นแหละ... จินฮวานก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปตรงประตูบ้านทันที
เอ๊า!! นี่เขาทำอะไรผิดอีกวะเนี่ย!!?
“กูช่วยได้แค่นี้จริงๆ มึงรีบตามไปดูเหอะ” การหันไปสบตาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนไม่ช่วยอะไร ฮันบินจึงได้แต่ทำคอตกแล้วเดินไปหาจินฮวานที่กำลังทำท่าจะเอื้อมลูกบิดประตูนั่น
ชิบหายละ...อะไรอีกล่ะทีนี้ โว๊ยยยย ฮันบินไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ
‘เด็กน่ะ...ต่อให้หายงอนแล้วแต่ก็ยังจำเรื่องที่ทำให้ไม่พอใจได้อยู่ดี เพราะงั้นแม่ว่าการเข้าไปง้อหรือปรับความเข้าใจนั่นแหละดีที่สุด’
ตอนนี้เขาได้แต่นึกถึงคำพูดของแม่ ถ้าวิธีนี้ได้ผล... เขาจะช่วยแม่ทำ(?)อาหารทุกวันเลยคอยดู
“ทำอะไรอยู่น่ะ ทำไมถึงไม่เข้าไปนั่งข้างในบ้านล่ะ” กลั้นใจถามออกไปจนได้
“จะกลับบ้าน... จินฮวานจะกลับบ้าน”
“ต้องรอคุณแม่มารับก่อน นายออกไปตอนนี้ไม่ได้หรอก มันอันตราย...”
“...” อันตรายที่ว่านั่นเป็นยังไงจินฮวานไม่รู้ แต่พอได้ยินคำนี้แล้วอยู่ๆน้ำตาก็คลอขึ้นมาเองซะงั้น...
“อย่าร้องนะ นายโกรธพี่ใช่มั้ย พี่ขอโทษๆ” ทำไงดีล่ะทีนี้ ถ้าเกิดจินฮวานร้องไห้ขึ้นมาจริงๆเขาต้องแย่แน่ๆ “เมื่อวานนี้พี่ไม่ได้ตั้งใจ อย่างร้องไห้นะสิงโตตัวน้อย...”
“ฮึก...” รู้สึกเหมือนมันจะไปกันใหญ่ซะมากกว่า จินฮวานเบะปากในขณะที่หยดน้ำตาก็ค่อยๆกลิ้งตกลงมาข้างแก้ม
“นายอยากเป็นสิงโตไม่ใช่หรอ สิงโตต้องเข้มแข็งสิ” ฮันบินยกนิ้วเรียวยาวของตนเองขึ้นมาปาดน้ำตาให้อย่างเบามือ นี่เขาก็พยายามอ่อนโยนที่สุดแล้วนะ “ว่าไงล่ะ... ฮื้ม?”
“จินฮวาน...ฮึก...เป็นสิงโต ส..สิงโตไม่อ่อนแอ...” อาจเป็นเพราะว่าฮันบินรู้สึกผิด พอได้ยินเสียงสะอื้นแบบนี้ก็เลยรู้สึกปวดใจแปลกๆ
“ใช่แล้ว ถ้างั้นเรามาดีกันนะ นายยกโทษให้พี่ได้รึเปล่า?”
“...” ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากจินฮวาน ดวงตาคู่นั้นเพียงแค่มองไปยังนิ้วก้อยที่ฮันบินยื่นให้
“ดีกันนะ...” หลังจากที่เขาพยายามอีกครั้ง จินฮวานก็ยกนิ้วก้อยเล็กๆขึ้นมาเกี่ยวด้วย... “หายโกรธพี่แล้วใช่มั้ย?”
“...” เด็กชายตัวเล็กพยักหน้าตอบรับเบาๆ “พี่ฮันบิน...”
“ว่าไง?”
“พี่ฮันบินเจ็บมั้ยฮะ...” ดวงตาที่ยังรื้นไปด้วยน้ำตาจ้องมองมาทางเขา
“หืม?” เจ็บอะไรล่ะ... เขาก็ไม่ได้ถูกใครทำร้ายมานี่ หรือจินฮวานกำลังเข้าใจอะไรผิด?
“...จินฮวานตอกตะปูใส่พี่ฮันบิน พี่ฮันบินต้องเจ็บแน่เลย...”
“...” !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
อย่าบอกนะว่าจินฮวานกำลังพูดถึงนิทานที่จีวอนเล่าให้ฟังเมื่อกี้!!
“จินฮวานขอโทษ... จินฮวานจะไม่โกรธพี่ฮันบินอีก”
“อ่า... ม...ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงนะ พี่ไม่เจ็บหรอก...” ฮันบินตอบพลางยกมือขึ้นไปเกลี่ยน้ำตาที่ยังคงหลงเหลืออยู่ให้จินฮวานอีกรอบ “ก็เราดีกันแล้วไง...”
ร่างสูงส่งยิ้มให้ก่อนจะตัดสินใจอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด... นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้อุ้มจินฮวาน... ฮันบินไม่คิดเลยว่าเด็กคนนี้จะฟังนิทานเรื่องนั้นเข้าใจด้วย ตอนแรกเขาต้องเป็นฝ่ายง้อจินฮวานไม่ใช่หรอ? ไหงอยู่ๆจินฮวานกลับเป็นคนมาขอโทษเขาซะเองล่ะ
นั่นมันทำให้เขารู้สึกแปลกๆอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว...
เขารู้สึกว่าจินฮวานกำลังทำให้ความคิดของเขาค่อยๆเปลี่ยนไปทีละนิด...
หรือว่าการที่เด็กคนนี้โผล่เข้ามาในชีวิตของเขาจะเป็นการเล่นตลกของพระเจ้ากันนะ?...
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาต่อแล้วค่ะ... พระเจ้าคะ ขอเด็กแบบน้องจินคนนึง... TwT 55555555555
นิทานที่เอามาใช้ไม่ได้แต่งเองนะคะ เครดิตจากเว็บนี้เลย http://www.sarunya.org/?p=45 ^^
ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นต์ ดีใจมากเลยที่มีคนชอบ อ่านแล้วมีกำลังใจแต่งตลอด ขอบคุณจริงๆค่ะ <3
ความคิดเห็น