คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [SF] I wanna be with you ♬ JunHyuk (100%)
[SF] I wanna be with you
[Couple] JunHyuk
“นายไปพบอาจารย์ใหญ่มาแล้วหรอดงฮยอก?” คำถามนั้นถูกส่งมาจากเด็กหนุ่มเจ้าของตำแหน่งกรรมการนักเรียนฝ่ายกิจกรรมผู้ที่กำลังหอบเอกสารกองโต ซึ่งผมเห็นแล้วอยากจะเข้าไปช่วยถือจริงๆนะ ถ้าไม่ติดตรงที่ตอนนี้ในมือผมก็เต็มไปด้วยเอกสารปึกหนาเช่นกัน
“อืม เพิ่งเสร็จพอดี” ผมตอบเขาในขณะที่พวกเรากำลังเดินตรงไปยังห้องสภานักเรียนด้วยกัน
“ดีเลย ดูเหมือนงานจะเข้าอีกแล้วหละตอนนี้”
“ห๊ะ อะไรอีกอะ?” จริงๆผมก็ไม่อยากบ่นหรอกครับ แต่การเป็นประธานนักเรียนนี่มันเหนื่อยจริงๆ ให้ตายเถอะ
ผมกับเพื่อนร่วมเดินทางเมื่อครู่เปิดประตูเข้าไปในห้องสภานักเรียนก่อนจะวางเอกสารลงบนโต๊ะประชุมและฟุบลงนั่งกับเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้า ตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว อา... คงจะไปพักเที่ยงกินข้าวกันสินะ ผมเองก็หิวเหมือนกัน แต่ดูเหมือนผมจะมีงานรออยู่ ดังนั้นเรื่องข้าวนั่นคงต้องเก็บไปก่อน
“ตกลงว่ามีเรื่องอะไรอีก?” ผมถอดแว่นที่ใส่อยู่แล้ววางมันลงบนกองเอกสารตรงหน้า
“เรื่องแรก งานประชุมผู้ปกครอง ฉันจัดทำตารางเวลาเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่นายต้องอ่านมันแล้วก็เซ็นซะก่อนจะเอาไปให้อาจารย์คิมดู” เขายกนิ้วชี้ขึ้นมาพร้อมกับอธิบายรายละเอียดไปเรื่อยๆ แต่ผมน่ะแทบจะเคลิ้มหลับแล้วครับบอกตรงๆ ก็เมื่อคืนผมได้นอนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง
“พูดต่อเลย...”
“เรื่องที่สอง เมื่อกี๊มีนักเรียนมาบอกว่ามีคนแอบขึ้นไปสูบบุหรี่ที่ดาดฟ้าอีกแล้ว”
“จึ๊...” นี่เป็นเรื่องที่ผมเบื่อที่สุด เรื่องของเด็กที่ชอบก่อเรื่องหรือทำตัวมีปัญหา... “เดี๋ยวฉันขึ้นไปจัดการเอง”
แล้วผมก็รีบลุกขึ้นทันที ผมรู้สึกว่าตัวเองจัดการเรื่องนี้บ่อยจนชินไปซะแล้ว ไม่ว่ายังไงเด็กมีปัญหาพวกนั้นก็ยังคงชอบทำตัวมีปัญหาอยู่วันยังค่ำ คงเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เลยสินะ
“เดี๋ยวก่อนดงฮยอก” เพื่อนร่วมสภานักเรียนคนเดิมเรียกผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะเดินออกจากห้องไป
“ว่า...?”
“แล้วเรื่องฮันบินที่เพิ่งย้ายโรงเรียนไปล่ะ? นายจะให้ใครมาเป็นเลขาแทนเค้า”
“นายก็ไปหาๆมาเหอะ ติดประกาศรับสมัครไปเลยก็ได้” เมื่อผมออกคำสั่งเสร็จเขาก็พยักหน้าเล็กน้อย “มีอะไรอีกมั้ย?”
“ไม่มี”
เมื่อหมดเรื่องแล้วผมจึงออกเดินทางไปยังบันไดทางขึ้นดาดฟ้าของตึกต่อ
อันที่จริงสถานที่นี้ถูกสั่งห้ามนักเรียนขึ้นมา ทางโรงเรียนเองก็เคยใส่กุญแจให้เป็นอย่างดี จนกระทั่งมีพวกเด็กที่ชอบก่อเรื่องเดือดร้อนมาทำจนพัง ซึ่งในตอนนี้ก็กำลังรองบสำหรับซ่อมอยู่นั่นแหละครับ
ผมเดินมาถึงขั้นบนสุดของบันได้พร้อมกับยื่นมือไปเปิดประตู แสงจากดวงอาทิตย์ที่ลอดเข้ามานั้นทำให้ผมต้องยกมือขึ้นมาบังมันเอาไว้ อา... จะเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้วไม่ใช่หรอ แดดแรงเหมือนกันแฮะ
แต่ก็ช่างเถอะ เพราะผมว่าลมมันก็พัดเย็นสบายดีนะ ถ้าได้หลับตอนนี้ซักงีบคงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว
“เฮ้” เสียงทักทายดังขึ้นจากบุคคลที่กำลังนั่งยืดขายาวเหยียดโดยพิงแท้งค์น้ำเอาไว้
เด็กหนุ่มคนนั้นจี้บุหรี่ลงบนพื้นเพื่อดับมันพร้อมกับกวักมือเรียกผมเบาๆ
เหอะ... มีอย่างที่ไหน เชื้อเชิญให้ผมเข้าไปจับตัวได้ง่ายๆอย่างนี้
บางทีอาจเป็นเพราะเขาขี้เกียจที่จะหลบผมแล้ว และผมเองก็ขี้เกียจที่จะวิ่งไล่จับเขาเช่นกัน ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะเดินไปหาเขาง่ายๆแล้วนั่งลงตำแหน่งที่ว่างข้างเขานั่นแหละ
“วันนี้มาจดชื่อช้าจัง”
“ไปหาอาจารย์ใหญ่มา”
“อ้อหรอ?” เขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม แต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจพร้อมกับหยิบกระดาษและปากกาในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาเพื่อเตรียมจดชื่อ
“กู-จุน-ฮเว” ผมเอ่ยชื่อเขาแล้วก็มันลงไปด้วย ไม่จำเป็นต้องถามแม้กระทั่งห้องหรือเลขที่ เพราะคนๆนี้ทำผิดกฎของโรงเรียนบ่อยจนอาจจะครบทุกข้อเลยก็ว่าได้ “ที่นี่ไม่อนุญาตให้นักเรียนขึ้นมานะ นายทำผิดกฎของโรงเรียน”
“แล้วประธานขึ้นมาได้ไง?”
คำถามของเขาทำให้ผมรีบหันไปมองเขาตาขวาง แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้สะทกสะท้านอะไร แถมยังแอบลอบยิ้มที่มุมปากอีกต่างหาก คิดว่าตัวเองหล่อมากหรือยังไง?
“และที่สำคัญนายไม่ควรสูบบุหรี่ในโรงเรียนแบบนี้ เพราะฉะนั้นฉันจะหักคะแนนนายอีก” ผมหันกลับมาสนใจกระดาษตรงหน้าต่อ
“โอ้ว นี่ผมยังมีคะแนนเหลือให้หักอยู่อีกหรอ”
อยากจะบอกว่าจริงๆมันก็ไม่มีแล้วนั่นแหละครับ แต่ในเมื่อผมไม่รู้จะหักตรงไหนแล้ว งั้นใส่ติดลบให้แม่งเลยละกัน -*-
“แต่ไม่ว่าจะที่ไหนนายก็ไม่ควรจะสูบมันเพราะมันไม่ดีต่อร่างกาย เพราะงั้นถ้าเจอนายสูบบุหรี่คราวหน้าอีกหละก็...”
“อย่าบอกนะประธานเป็นห่วงผม?”
ถ้าจะคิดอย่างนั้นก็ตามใจเถอะ เพราะจริงๆแล้วผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องมาคอยจ้ำจี้จ้ำไชหมอนี่อยู่เรื่อย พูดจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้วก็ยังทำอยู่ดี
“หยุดพูดแล้วลงไปได้ละ” ผมบอกเขาพร้อมกับทำท่าจะลุกขึ้นยืนพอดีแต่ร่างหนานั้นก็ฉุดแขนให้ผมนั่งลงไปที่เดิม
“อ่ะ” เขาโยนขนมปังห่อใหญ่มาให้ผมซึ่งผมเกือบรับแทบไม่ทัน
“อะไร?”
“เป็นประธานได้ไงเนี่ย ขนมปังแค่นี้ก็อ่านไม่ออก”
“...” กวนตีนนัก เดี๋ยวตัดคะแนนให้ติดลบซักหนึ่งร้อยเลยแม่ง... -*-
“อย่าทำหน้าเครียดดิ ก็เห็นว่ายังไม่ได้กินอะไร”
“รู้ได้ไง”
“ประธาน...” อยู่ๆเขาเงียบไป ในขณะที่ผมจ้องมองเขาแต่เขากลับมองตรงไปข้างหน้า “นายเป็นแบบนี้ประจำอยู่แล้วนี่”
“แบบนี้ที่ว่านี่มันแบบไหน?”
“ก็ไม่รู้จักดูแลตัว... เออ กินๆไปเหอะ ถ้าไม่กินก็คืนมา” อะไรวะ อยู่ๆก็เอื้อมมือจะมาเอาคืนเฉยเลย ทำงี๊ได้ไงเล่า!?
“ไม่ให้เว้ย” ดังนั้นผมจึงฉีกถุงแล้วรีบกัดขนมปังไส้โปรดเข้าปากไปทันที
จุนฮเวรู้... ใช่... เขารู้ว่าผมชอบกินอะไร แม้แต่นมกล่องนี้ที่เขากำลังยื่นให้ผม เขาก็ยังรู้ว่าผมชอบกินมัน และผมเองก็รู้ดี... ว่าเขายังคงใส่ใจผมอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าเราต่างคนต่างไม่มีอะไรที่คล้ายกันเลย
ผมชอบเรียนหนังสือ... แต่เขาไม่ชอบเรียน
ผมชอบทำกิจกรรม... แต่เขาชอบอยู่เฉยๆมากกว่า
ผมสอบที่ได้หนึ่งตลอด... แต่เขาก็สอบได้ที่โหล่ตลอดเช่นกัน
ผมชอบดูหนัง... แต่เขาชอบเล่นเกม
ผมชอบใช้ชีวิตที่สงบและเรียบง่าย... แต่เขากลับชอบใช้ชีวิตที่ท้าทาย
ผมไม่เคยมีเวลาให้เขา... แต่เขา... มีเวลาให้ผมตลอด
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมเริ่มเป็นแบบนี้ อาจเป็นช่วงที่ผมได้รับตำแหน่งประธานนักเรียนเมื่อเทอมที่แล้ว หลังจากนั้นเราสองคนก็เริ่มทะเลาะกัน...
เขาบอกว่าผมสนใจแต่งาน ผมไม่เคยแบ่งเวลาไปให้กับเขาบ้างเลย
แต่ผมบอกว่าเขางี่เง่า ยังไงซะเรื่องแค่นี้ผมจัดการได้อยู่แล้ว
เมื่อเวลาผ่านไป ผมก็ไม่ยอมพูดกับเขาอีก จนสุดท้ายแล้วเขาก็ยอมกลับมาพูดคุยกับผมเอง ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงยอม ทั้งๆที่จริงผมก็รู้ตัวแล้วว่าผมคิดผิด... ผมไม่สามารถจัดสรรเวลาได้ งานที่มีก็เยอะจนแยกพวกเราออกจากกัน
“คิดอะไรอยู่” เสียงเข้มนั้นถามผม
“เรื่อยเปื่อย”
“อยู่กับฉันห้ามคิดเรื่องงานเด็ดขาด”
“รู้แล้วน่า” เวลาอยู่กับเขา ผมเคยคิดถึงเรื่องงานได้ที่ไหนล่ะ
“ง่วงหรอ?”
“อืม นิดหน่อย”
“งั้นก็นอน” ว่าแล้วร่างหนาก็ดันตัวผมจากทางด้านข้างให้นอนลงไปบนตักเขาทันที
ผมดิ้นและพยายามจะลุกขึ้น แต่นั่นก็ช่วยอะไรไม่ได้ มันเหมือนกับว่า... ผมไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านเขาเลย ผมคงต้องเหนื่อยมากจริงๆ เพราะงั้น... ผมก็เลยยอมนอนอยู่อย่างนั้น พอลองมองตรงขึ้นไปก็เห็นเพียงแค่ปลายคางของจุนฮเว
ตอนนี้... เขาจะทำหน้าแบบไหนกันนะ? ผมล่ะสงสัยจริงๆ...
...
...
...
“ฮยอก... ดงฮยอก” น้ำเสียงทุ้มเข้มทว่าฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นนั้นกำลังเรียกผม
อา... ผมค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างช้าๆ แล้วแสงสว่างก็ค่อยๆปรากฏขึ้นจนผมสามารถเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน นี่ผม... หลับไปนานแค่ไหนกันนะ
“อื้อ...”
“ใกล้จะเริ่มเรียนคาบบ่ายแล้วนะ”
“อืมๆ” ผมตอบรับคำพูดของร่างหนาเจ้าของตักที่ผมกำลังนอนทับอยู่พลางยกมือขึ้นมาขยี้ตาเบาๆ
“ไม่รีบหรอ เดี๋ยวก็ไปเรียนไม่ทันหรอก”
“อาฮะ” ดังนั้นผมจึงลุกขึ้นนั่งแล้วบิดขี้เกียจเล็กน้อยในขณะที่จุนฮเวนั้นยืนขึ้นแล้ว
มือหนาของเขายื่นออกมาตรงหน้าผมราวกับต้องการบอกให้ผมจับมันซะ ผมก็เลยเอื้อมมือไปจับเอาไว้ก่อนที่เขาจะช่วยดึงผมให้ลุกขึ้นยืน ในจังหวะนั้นเอง.. โดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างกายของผมก็ถูกดึงไปจนชิดกับหน้าอกกว้างตรงหน้า ผมเงยหน้ามองเขาทันทีเพราะรู้ว่าเขาจงใจทำอย่างนี้
แต่ใบหน้าที่เปล่งประกายท่ามกลางแสงแดดในยามบ่ายนั้นทำให้ผมต้องหยุดนิ่ง... เมื่อผมมองเข้าไปในดวงตาของเขามันดูเหมือนเด็กหนุ่มที่ซุกซน ส่วนรอยยิ้มของเขานั้นดูขี้เล่นทว่าแฝงไปด้วยความจริงใจ และในตอนที่จุนฮเวขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ๆมันก็ทำให้ผมถึงกับหยุดหายใจไปชั่วขณะ
ผมหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว และหลังจากนั้นผมก็รู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่มที่บริเวณริมฝีปาก... เป็นสัมผัสที่คุ้นเคย แต่ในครั้งนี้เขาไม่ได้จาบจ้วงหรือทำอะไรเกินไปมากกว่านั้น ก็เพียงแค่...จูบ
แต่เป็นจูบที่แสนอ่อนโยนสำหรับผม...
เนิ่นนานจนกระทั่งริมฝีปากหนานั้นถอยห่างออกไป แล้วหัวใจของผมก็ยังคงเต้นรัวจนไม่เป็นจังหวะ ผมรู้สึกได้ถึงความร้อนจากทั้งสองข้างแก้ม ตอนแรกผมกะจะต่อว่าเขาที่มาแกล้งกันอย่างนี้ แต่ดูผมตอนนี้สิ... ก้มหน้าหนีแบบไปไม่ถูกเลยทีเดียว
“คิดถึง”
“แค่ม...ไม่เจอแค่ไม่กี่วันเอง” ผมตอบและพยายามดันตัวเองออกจากร่างหนานั้นซึ่งเขาก็ยอมปล่อยผมแต่โดยดี
“ก็นั่นแหละ”
“นาย... เลิกใช้วิธีอย่างนี้เรียกฉันมาหาได้แล้ว ถ้านายยังทำผิดกฎอีกฉันก็ไม่รู้จะเอาคะแนนที่ไหนมาหักแล้วเหมือนกัน”
“...อืม” จุนฮเวตอบพร้อมกับทำหน้าหมองลง
อา... นี่ผมพูดอะไรอะไรออกไปกันนะ ให้ตายเถอะ อยากตีปากตัวเองชะมัด!
“งั้น... ก็ไปเรียนกันเถอะ”
“ไปก่อนเลย”
“อ่า... โอเค ไว้จะโทรหานะ” เพื่อทำให้เขารู้สึกดีขึ้น ผมจึงบอกออกไปอย่างนั้น
จุนฮเวยิ้มให้ผมเล็กน้อยก่อนที่ผมจะเดินออกไปจากดาดฟ้าไปและปล่อยให้เขายืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง ผมไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเขาเข้าห้องเรียนหรือเปล่า เขาอาจจะโดดเรียนก็ได้ ผมไม่รู้จริงๆเพราะว่าพวกเราไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน
ผมเอง... ก็เสียใจนะที่พวกเราต่างไม่ค่อยได้เจอกัน ที่จริงมันก็เป็นเพราะผมอยู่ดีนั่นแหละครับ ผมควรเอาใจใส่เขาให้มากกว่านี้
มีบางคืนที่ผมกะจะโทรหาเขา แต่เพราะทำงานหนักสุดท้ายก็เลยไม่ได้โทร...
มันก็วนเวียนอยู่อย่างนี้มาเรื่อยๆ จนบางทีผมก็แอบกลัว...
กลัวว่าเขาจะเบื่อและทิ้งผมไปในที่สุด...
...หลายวันต่อมา...
“เฮ้ย ดงฮยอก” กรรมการนักเรียนฝ่ายกิจกรรมทักทายผมแต่เช้าทันทีที่เขาเปิดประตูเข้ามาในห้องสภา “มีเรื่องจะมาบอก”
“อะไรอีกอะคราวนี้ คงไม่ใช่ว่ามีคนขึ้นไปบนดาดฟ้าอีกแล้วใช่มะ”
“ไม่ใช่ๆ” เขารีบโบกมือปัดไปมาก่อนจะเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะทำงานของผม
“แล้วอะไรอะ?”
“ก็เลขาที่นายให้หาไง ฉันหาได้แล้วนะ”
“อ่อ เออๆ แล้วทำไมไม่พามาด้วยล่ะ?”
“พามาดิ เฮ้ย!! จุนฮเว เข้ามาได้แล้ว”
เดี๋ยวก่อนนะครับ... เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ?
คงไม่ใช่...
“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับประธาน” ร่างสูงที่คุ้นตาเดินผ่านประตูเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าเขาก่อนจะก้มโค้งศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับส่งยิ้มมาที่ผม
“ถ้ามีอะไรก็ถามประธานแล้วกันนะ พอดีตอนนี้ฉันมีงานด่วน” กรรมการนักเรียนตัวดีของผมพูดเสร็จก็เดินจากไปอย่างไม่ใยดี...
แล้วนี่เลือกมาได้ยังไง ทำไมไม่บอกกันก่อนฟระ!! แต่อันที่จริง... ผมก็พูดส่งๆให้มันไปหามาเองนี่หว่า...
“มาได้ไง”
“อ้าว ก็มาเป็นเลขาไง”
“นั่นแหละ! นายคิดบ้าอะไรอยู่!?”
“ก็นายบอกเองนี่ว่าให้ฉันเลิกใช้วิธีนั้น ฉันก็เลยหาวิธีอื่น ที่จะ... สามารถทำให้เราใกล้ชิดกันได้”
ผมพูดประโยคแรกก็จริง แต่ไอ้ประโยคหลังนี่มันมายังไงวะ!!?
เอาเถอะ... พอมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มและเต็มไปด้วยความพอใจของคนตรงหน้า ผมก็รู้แล้วแหละว่าผมคงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
“หึ... ร้ายนักนะ”
“ทำไม? จะตัดคะแนนอีกหรอ”
“จะทำให้นายตัดใจจากฉันไม่ได้เลยต่างหาก”
ถึงจะพูดไปอย่างนั้น...
แต่ผมก็ชักไม่แน่ใจแล้วสิว่า...
เลขาคนนี้จะมาช่วยผมหรือเพิ่มภาระให้กับผมกันแน่ :)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อั๊ยยะ ในที่สุดก็เสร็จซักที -..- 5555555555
ชอบหรือไม่ชอบยังไงก็คอมเมนต์ติชมได้นะคะ พลีสๆ ><
คราวหน้าขอเป็น BobJin แล้วกันเนอะ อิอิ
ความคิดเห็น