ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WIN ● TeamB] Lucky Day ♬~♫~♪

    ลำดับตอนที่ #3 : [SF] I wanna be with you ♬ JunHyuk (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 4 ธ.ค. 56








    [SF] I wanna be with you

    [Couple] JunHyuk

     

                    “นายไปพบอาจารย์ใหญ่มาแล้วหรอดงฮยอก?” คำถามนั้นถูกส่งมาจากเด็กหนุ่มเจ้าของตำแหน่งกรรมการนักเรียนฝ่ายกิจกรรมผู้ที่กำลังหอบเอกสารกองโต ซึ่งผมเห็นแล้วอยากจะเข้าไปช่วยถือจริงๆนะ ถ้าไม่ติดตรงที่ตอนนี้ในมือผมก็เต็มไปด้วยเอกสารปึกหนาเช่นกัน

     

    “อืม เพิ่งเสร็จพอดี” ผมตอบเขาในขณะที่พวกเรากำลังเดินตรงไปยังห้องสภานักเรียนด้วยกัน

     

    “ดีเลย ดูเหมือนงานจะเข้าอีกแล้วหละตอนนี้”

     

    “ห๊ะ อะไรอีกอะ?” จริงๆผมก็ไม่อยากบ่นหรอกครับ แต่การเป็นประธานนักเรียนนี่มันเหนื่อยจริงๆ ให้ตายเถอะ

     

    ผมกับเพื่อนร่วมเดินทางเมื่อครู่เปิดประตูเข้าไปในห้องสภานักเรียนก่อนจะวางเอกสารลงบนโต๊ะประชุมและฟุบลงนั่งกับเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้า ตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว อา... คงจะไปพักเที่ยงกินข้าวกันสินะ ผมเองก็หิวเหมือนกัน แต่ดูเหมือนผมจะมีงานรออยู่ ดังนั้นเรื่องข้าวนั่นคงต้องเก็บไปก่อน

     

    “ตกลงว่ามีเรื่องอะไรอีก?” ผมถอดแว่นที่ใส่อยู่แล้ววางมันลงบนกองเอกสารตรงหน้า

     

    “เรื่องแรก งานประชุมผู้ปกครอง ฉันจัดทำตารางเวลาเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่นายต้องอ่านมันแล้วก็เซ็นซะก่อนจะเอาไปให้อาจารย์คิมดู” เขายกนิ้วชี้ขึ้นมาพร้อมกับอธิบายรายละเอียดไปเรื่อยๆ แต่ผมน่ะแทบจะเคลิ้มหลับแล้วครับบอกตรงๆ ก็เมื่อคืนผมได้นอนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง

     

    “พูดต่อเลย...”

     

    “เรื่องที่สอง เมื่อกี๊มีนักเรียนมาบอกว่ามีคนแอบขึ้นไปสูบบุหรี่ที่ดาดฟ้าอีกแล้ว”

     

    “จึ๊...” นี่เป็นเรื่องที่ผมเบื่อที่สุด เรื่องของเด็กที่ชอบก่อเรื่องหรือทำตัวมีปัญหา... “เดี๋ยวฉันขึ้นไปจัดการเอง”

     

    แล้วผมก็รีบลุกขึ้นทันที ผมรู้สึกว่าตัวเองจัดการเรื่องนี้บ่อยจนชินไปซะแล้ว ไม่ว่ายังไงเด็กมีปัญหาพวกนั้นก็ยังคงชอบทำตัวมีปัญหาอยู่วันยังค่ำ คงเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เลยสินะ

     

    “เดี๋ยวก่อนดงฮยอก” เพื่อนร่วมสภานักเรียนคนเดิมเรียกผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะเดินออกจากห้องไป

     

    “ว่า...?”

     

    “แล้วเรื่องฮันบินที่เพิ่งย้ายโรงเรียนไปล่ะ? นายจะให้ใครมาเป็นเลขาแทนเค้า”

     

    “นายก็ไปหาๆมาเหอะ ติดประกาศรับสมัครไปเลยก็ได้” เมื่อผมออกคำสั่งเสร็จเขาก็พยักหน้าเล็กน้อย “มีอะไรอีกมั้ย?”

     

    “ไม่มี”

     

    เมื่อหมดเรื่องแล้วผมจึงออกเดินทางไปยังบันไดทางขึ้นดาดฟ้าของตึกต่อ

     

    อันที่จริงสถานที่นี้ถูกสั่งห้ามนักเรียนขึ้นมา ทางโรงเรียนเองก็เคยใส่กุญแจให้เป็นอย่างดี จนกระทั่งมีพวกเด็กที่ชอบก่อเรื่องเดือดร้อนมาทำจนพัง ซึ่งในตอนนี้ก็กำลังรองบสำหรับซ่อมอยู่นั่นแหละครับ

     

    ผมเดินมาถึงขั้นบนสุดของบันได้พร้อมกับยื่นมือไปเปิดประตู แสงจากดวงอาทิตย์ที่ลอดเข้ามานั้นทำให้ผมต้องยกมือขึ้นมาบังมันเอาไว้ อา... จะเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้วไม่ใช่หรอ แดดแรงเหมือนกันแฮะ

     

    แต่ก็ช่างเถอะ เพราะผมว่าลมมันก็พัดเย็นสบายดีนะ ถ้าได้หลับตอนนี้ซักงีบคงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว

     

    “เฮ้” เสียงทักทายดังขึ้นจากบุคคลที่กำลังนั่งยืดขายาวเหยียดโดยพิงแท้งค์น้ำเอาไว้

     

    เด็กหนุ่มคนนั้นจี้บุหรี่ลงบนพื้นเพื่อดับมันพร้อมกับกวักมือเรียกผมเบาๆ

     

    เหอะ... มีอย่างที่ไหน เชื้อเชิญให้ผมเข้าไปจับตัวได้ง่ายๆอย่างนี้

     

    บางทีอาจเป็นเพราะเขาขี้เกียจที่จะหลบผมแล้ว และผมเองก็ขี้เกียจที่จะวิ่งไล่จับเขาเช่นกัน ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะเดินไปหาเขาง่ายๆแล้วนั่งลงตำแหน่งที่ว่างข้างเขานั่นแหละ

     

    “วันนี้มาจดชื่อช้าจัง”

     

    “ไปหาอาจารย์ใหญ่มา”

     

    “อ้อหรอ?” เขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม แต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจพร้อมกับหยิบกระดาษและปากกาในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาเพื่อเตรียมจดชื่อ

     

    “กู-จุน-ฮเว” ผมเอ่ยชื่อเขาแล้วก็มันลงไปด้วย ไม่จำเป็นต้องถามแม้กระทั่งห้องหรือเลขที่ เพราะคนๆนี้ทำผิดกฎของโรงเรียนบ่อยจนอาจจะครบทุกข้อเลยก็ว่าได้ “ที่นี่ไม่อนุญาตให้นักเรียนขึ้นมานะ นายทำผิดกฎของโรงเรียน”

     

    “แล้วประธานขึ้นมาได้ไง?”

     

    คำถามของเขาทำให้ผมรีบหันไปมองเขาตาขวาง แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้สะทกสะท้านอะไร แถมยังแอบลอบยิ้มที่มุมปากอีกต่างหาก คิดว่าตัวเองหล่อมากหรือยังไง?

     

    “และที่สำคัญนายไม่ควรสูบบุหรี่ในโรงเรียนแบบนี้ เพราะฉะนั้นฉันจะหักคะแนนนายอีก” ผมหันกลับมาสนใจกระดาษตรงหน้าต่อ

     

    “โอ้ว นี่ผมยังมีคะแนนเหลือให้หักอยู่อีกหรอ”

     

    อยากจะบอกว่าจริงๆมันก็ไม่มีแล้วนั่นแหละครับ แต่ในเมื่อผมไม่รู้จะหักตรงไหนแล้ว งั้นใส่ติดลบให้แม่งเลยละกัน -*-

     

    “แต่ไม่ว่าจะที่ไหนนายก็ไม่ควรจะสูบมันเพราะมันไม่ดีต่อร่างกาย เพราะงั้นถ้าเจอนายสูบบุหรี่คราวหน้าอีกหละก็...”

     

    “อย่าบอกนะประธานเป็นห่วงผม?”

     

    ถ้าจะคิดอย่างนั้นก็ตามใจเถอะ เพราะจริงๆแล้วผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องมาคอยจ้ำจี้จ้ำไชหมอนี่อยู่เรื่อย พูดจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้วก็ยังทำอยู่ดี

     

    “หยุดพูดแล้วลงไปได้ละ” ผมบอกเขาพร้อมกับทำท่าจะลุกขึ้นยืนพอดีแต่ร่างหนานั้นก็ฉุดแขนให้ผมนั่งลงไปที่เดิม

     

    “อ่ะ” เขาโยนขนมปังห่อใหญ่มาให้ผมซึ่งผมเกือบรับแทบไม่ทัน

     

    “อะไร?”

     

    “เป็นประธานได้ไงเนี่ย ขนมปังแค่นี้ก็อ่านไม่ออก”

     

    “...” กวนตีนนัก เดี๋ยวตัดคะแนนให้ติดลบซักหนึ่งร้อยเลยแม่ง... -*-

     

    “อย่าทำหน้าเครียดดิ ก็เห็นว่ายังไม่ได้กินอะไร”

     

    “รู้ได้ไง”

     

    “ประธาน...” อยู่ๆเขาเงียบไป ในขณะที่ผมจ้องมองเขาแต่เขากลับมองตรงไปข้างหน้า “นายเป็นแบบนี้ประจำอยู่แล้วนี่”

     

    “แบบนี้ที่ว่านี่มันแบบไหน?”

     

    “ก็ไม่รู้จักดูแลตัว... เออ กินๆไปเหอะ ถ้าไม่กินก็คืนมา” อะไรวะ อยู่ๆก็เอื้อมมือจะมาเอาคืนเฉยเลย ทำงี๊ได้ไงเล่า!?

     

    “ไม่ให้เว้ย” ดังนั้นผมจึงฉีกถุงแล้วรีบกัดขนมปังไส้โปรดเข้าปากไปทันที

     

    จุนฮเวรู้... ใช่... เขารู้ว่าผมชอบกินอะไร แม้แต่นมกล่องนี้ที่เขากำลังยื่นให้ผม เขาก็ยังรู้ว่าผมชอบกินมัน และผมเองก็รู้ดี... ว่าเขายังคงใส่ใจผมอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าเราต่างคนต่างไม่มีอะไรที่คล้ายกันเลย

     

    ผมชอบเรียนหนังสือ... แต่เขาไม่ชอบเรียน

     

    ผมชอบทำกิจกรรม... แต่เขาชอบอยู่เฉยๆมากกว่า

     

    ผมสอบที่ได้หนึ่งตลอด... แต่เขาก็สอบได้ที่โหล่ตลอดเช่นกัน

     

    ผมชอบดูหนัง... แต่เขาชอบเล่นเกม

     

    ผมชอบใช้ชีวิตที่สงบและเรียบง่าย... แต่เขากลับชอบใช้ชีวิตที่ท้าทาย

     

    ผมไม่เคยมีเวลาให้เขา... แต่เขา... มีเวลาให้ผมตลอด

     

    ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมเริ่มเป็นแบบนี้ อาจเป็นช่วงที่ผมได้รับตำแหน่งประธานนักเรียนเมื่อเทอมที่แล้ว หลังจากนั้นเราสองคนก็เริ่มทะเลาะกัน...

     

    เขาบอกว่าผมสนใจแต่งาน ผมไม่เคยแบ่งเวลาไปให้กับเขาบ้างเลย

     

    แต่ผมบอกว่าเขางี่เง่า ยังไงซะเรื่องแค่นี้ผมจัดการได้อยู่แล้ว

     

    เมื่อเวลาผ่านไป ผมก็ไม่ยอมพูดกับเขาอีก จนสุดท้ายแล้วเขาก็ยอมกลับมาพูดคุยกับผมเอง ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงยอม ทั้งๆที่จริงผมก็รู้ตัวแล้วว่าผมคิดผิด... ผมไม่สามารถจัดสรรเวลาได้ งานที่มีก็เยอะจนแยกพวกเราออกจากกัน

     

    “คิดอะไรอยู่” เสียงเข้มนั้นถามผม

     

    “เรื่อยเปื่อย”

     

    “อยู่กับฉันห้ามคิดเรื่องงานเด็ดขาด”

     

    “รู้แล้วน่า” เวลาอยู่กับเขา ผมเคยคิดถึงเรื่องงานได้ที่ไหนล่ะ

     

    “ง่วงหรอ?”

     

    “อืม นิดหน่อย”

     

    “งั้นก็นอน” ว่าแล้วร่างหนาก็ดันตัวผมจากทางด้านข้างให้นอนลงไปบนตักเขาทันที

     

    ผมดิ้นและพยายามจะลุกขึ้น แต่นั่นก็ช่วยอะไรไม่ได้ มันเหมือนกับว่า... ผมไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านเขาเลย ผมคงต้องเหนื่อยมากจริงๆ เพราะงั้น... ผมก็เลยยอมนอนอยู่อย่างนั้น พอลองมองตรงขึ้นไปก็เห็นเพียงแค่ปลายคางของจุนฮเว

     

    ตอนนี้... เขาจะทำหน้าแบบไหนกันนะ? ผมล่ะสงสัยจริงๆ...

     

    ...

     

    ...

     

    ...

     

     

     

     

     


     

     

    “ฮยอก... ดงฮยอก” น้ำเสียงทุ้มเข้มทว่าฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นนั้นกำลังเรียกผม

     

    อา... ผมค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างช้าๆ แล้วแสงสว่างก็ค่อยๆปรากฏขึ้นจนผมสามารถเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน นี่ผม... หลับไปนานแค่ไหนกันนะ

     

    “อื้อ...”

     

    “ใกล้จะเริ่มเรียนคาบบ่ายแล้วนะ”

     

    “อืมๆ” ผมตอบรับคำพูดของร่างหนาเจ้าของตักที่ผมกำลังนอนทับอยู่พลางยกมือขึ้นมาขยี้ตาเบาๆ

     

    “ไม่รีบหรอ เดี๋ยวก็ไปเรียนไม่ทันหรอก”

     

    “อาฮะ” ดังนั้นผมจึงลุกขึ้นนั่งแล้วบิดขี้เกียจเล็กน้อยในขณะที่จุนฮเวนั้นยืนขึ้นแล้ว

     

    มือหนาของเขายื่นออกมาตรงหน้าผมราวกับต้องการบอกให้ผมจับมันซะ ผมก็เลยเอื้อมมือไปจับเอาไว้ก่อนที่เขาจะช่วยดึงผมให้ลุกขึ้นยืน ในจังหวะนั้นเอง.. โดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างกายของผมก็ถูกดึงไปจนชิดกับหน้าอกกว้างตรงหน้า ผมเงยหน้ามองเขาทันทีเพราะรู้ว่าเขาจงใจทำอย่างนี้

     

    แต่ใบหน้าที่เปล่งประกายท่ามกลางแสงแดดในยามบ่ายนั้นทำให้ผมต้องหยุดนิ่ง... เมื่อผมมองเข้าไปในดวงตาของเขามันดูเหมือนเด็กหนุ่มที่ซุกซน ส่วนรอยยิ้มของเขานั้นดูขี้เล่นทว่าแฝงไปด้วยความจริงใจ และในตอนที่จุนฮเวขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ๆมันก็ทำให้ผมถึงกับหยุดหายใจไปชั่วขณะ

     

    ผมหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว และหลังจากนั้นผมก็รู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่มที่บริเวณริมฝีปาก... เป็นสัมผัสที่คุ้นเคย แต่ในครั้งนี้เขาไม่ได้จาบจ้วงหรือทำอะไรเกินไปมากกว่านั้น ก็เพียงแค่...จูบ

     

    แต่เป็นจูบที่แสนอ่อนโยนสำหรับผม...

     

    เนิ่นนานจนกระทั่งริมฝีปากหนานั้นถอยห่างออกไป แล้วหัวใจของผมก็ยังคงเต้นรัวจนไม่เป็นจังหวะ ผมรู้สึกได้ถึงความร้อนจากทั้งสองข้างแก้ม ตอนแรกผมกะจะต่อว่าเขาที่มาแกล้งกันอย่างนี้ แต่ดูผมตอนนี้สิ... ก้มหน้าหนีแบบไปไม่ถูกเลยทีเดียว

     

    “คิดถึง”

     

    “แค่ม...ไม่เจอแค่ไม่กี่วันเอง” ผมตอบและพยายามดันตัวเองออกจากร่างหนานั้นซึ่งเขาก็ยอมปล่อยผมแต่โดยดี

     

    “ก็นั่นแหละ”

     

    “นาย... เลิกใช้วิธีอย่างนี้เรียกฉันมาหาได้แล้ว ถ้านายยังทำผิดกฎอีกฉันก็ไม่รู้จะเอาคะแนนที่ไหนมาหักแล้วเหมือนกัน”

     

    “...อืม” จุนฮเวตอบพร้อมกับทำหน้าหมองลง

     

    อา... นี่ผมพูดอะไรอะไรออกไปกันนะ ให้ตายเถอะ อยากตีปากตัวเองชะมัด!

     

    “งั้น... ก็ไปเรียนกันเถอะ”

     

    “ไปก่อนเลย”

     

    “อ่า... โอเค ไว้จะโทรหานะ” เพื่อทำให้เขารู้สึกดีขึ้น ผมจึงบอกออกไปอย่างนั้น

     

    จุนฮเวยิ้มให้ผมเล็กน้อยก่อนที่ผมจะเดินออกไปจากดาดฟ้าไปและปล่อยให้เขายืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง ผมไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเขาเข้าห้องเรียนหรือเปล่า เขาอาจจะโดดเรียนก็ได้ ผมไม่รู้จริงๆเพราะว่าพวกเราไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน

     

    ผมเอง... ก็เสียใจนะที่พวกเราต่างไม่ค่อยได้เจอกัน ที่จริงมันก็เป็นเพราะผมอยู่ดีนั่นแหละครับ ผมควรเอาใจใส่เขาให้มากกว่านี้

     

    มีบางคืนที่ผมกะจะโทรหาเขา แต่เพราะทำงานหนักสุดท้ายก็เลยไม่ได้โทร...

     

    มันก็วนเวียนอยู่อย่างนี้มาเรื่อยๆ จนบางทีผมก็แอบกลัว...

     

    กลัวว่าเขาจะเบื่อและทิ้งผมไปในที่สุด...

     

     

     

     

     



     

    ...หลายวันต่อมา...

     

    “เฮ้ย ดงฮยอก” กรรมการนักเรียนฝ่ายกิจกรรมทักทายผมแต่เช้าทันทีที่เขาเปิดประตูเข้ามาในห้องสภา “มีเรื่องจะมาบอก”

     

    “อะไรอีกอะคราวนี้ คงไม่ใช่ว่ามีคนขึ้นไปบนดาดฟ้าอีกแล้วใช่มะ”

     

    “ไม่ใช่ๆ” เขารีบโบกมือปัดไปมาก่อนจะเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะทำงานของผม

     

    “แล้วอะไรอะ?”

     

    “ก็เลขาที่นายให้หาไง ฉันหาได้แล้วนะ”

     

    “อ่อ เออๆ แล้วทำไมไม่พามาด้วยล่ะ?”

     

    “พามาดิ เฮ้ย!! จุนฮเว เข้ามาได้แล้ว”

     

    เดี๋ยวก่อนนะครับ... เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ?

     

    คงไม่ใช่...

     

    “ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับประธาน” ร่างสูงที่คุ้นตาเดินผ่านประตูเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าเขาก่อนจะก้มโค้งศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับส่งยิ้มมาที่ผม

     

    “ถ้ามีอะไรก็ถามประธานแล้วกันนะ พอดีตอนนี้ฉันมีงานด่วน” กรรมการนักเรียนตัวดีของผมพูดเสร็จก็เดินจากไปอย่างไม่ใยดี...

     

    แล้วนี่เลือกมาได้ยังไง ทำไมไม่บอกกันก่อนฟระ!! แต่อันที่จริง... ผมก็พูดส่งๆให้มันไปหามาเองนี่หว่า...

     

    “มาได้ไง”

     

    “อ้าว ก็มาเป็นเลขาไง”

     

    “นั่นแหละ! นายคิดบ้าอะไรอยู่!?

     

    “ก็นายบอกเองนี่ว่าให้ฉันเลิกใช้วิธีนั้น ฉันก็เลยหาวิธีอื่น ที่จะ... สามารถทำให้เราใกล้ชิดกันได้”

     

    ผมพูดประโยคแรกก็จริง แต่ไอ้ประโยคหลังนี่มันมายังไงวะ!!?

     

    เอาเถอะ... พอมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มและเต็มไปด้วยความพอใจของคนตรงหน้า ผมก็รู้แล้วแหละว่าผมคงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

     

    “หึ... ร้ายนักนะ”

     

    “ทำไม? จะตัดคะแนนอีกหรอ”

     

    “จะทำให้นายตัดใจจากฉันไม่ได้เลยต่างหาก”

     

    ถึงจะพูดไปอย่างนั้น...

     

    แต่ผมก็ชักไม่แน่ใจแล้วสิว่า...

     

    เลขาคนนี้จะมาช่วยผมหรือเพิ่มภาระให้กับผมกันแน่ :)



    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    อั๊ยยะ ในที่สุดก็เสร็จซักที -..- 5555555555
    ชอบหรือไม่ชอบยังไงก็คอมเมนต์ติชมได้นะคะ พลีสๆ
    ><
    คราวหน้าขอเป็น BobJin แล้วกันเนอะ อิอิ





     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×