ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic WIN] VAGUE AFFECTION ► BJinJun

    ลำดับตอนที่ #2 : ► Chapter 1 [Edited]

    • อัปเดตล่าสุด 20 เม.ย. 57


    Chapter 1


     

    ในที่สุดจุนฮเวก็ตัดสินใจเลือกทานอาหารในร้านข้างทาง พวกเขาต่างก็สั่งของกินที่ตัวเองชอบทั้งนั้น แต่ถึงยังไงตอนนี้จินฮวานก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่ดี...
     

    ทำไมพี่ต้องนั่งตัวเกร็งขนาดนั้นด้วยล่ะ?” ร่างสูงชี้ปลายตะเกียบที่ถืออยู่มาทางคนตัวเล็กพลางหัวเราะเล็กน้อย
     

    เปล่านี่... พี่แค่หิวหิวซะที่ไหน... ตื่นเต้นจนกินอะไรไม่ลงเลยต่างหาก...
     

    งั้นก็กินเยอะๆนะครับ จะได้โตไวไวพูดพลางแอบยกมุมปากขึ้นเหมือนตั้งใจจะยิ้มกวนๆ เล่นเอาคนตรงหน้าควันแทบออกหู ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังนั่งเขินอยู่เลยแท้ๆ
     

    ย่าห์! อยากตายรึไง!!
     

    อะไรกัน? นี่พี่จะฆ่าผมเลยหรอ ใจร้ายจังแฮะ...ดูท่าว่าเด็กคนนี้จะมีพรสวรรค์ด้านการก่อกวนคนอื่นอยู่ไม่น้อย... จินฮวานนั่งมองคนที่กำลังแกล้งทำแก้มพองลมอยู่อย่างนั้นก่อนจะหลุดขำออกมาจนได้
     

    อย่างน้อยวันนี้เขาก็ได้รู้ว่าจุนฮเวเป็นคนขี้เล่นขนาดไหน เพราะเท่าที่ผ่านมา เขาก็เห็นว่าเด็กคนนี้ไม่ค่อยสุงสิงกับใครนัก เลยคิดว่าจุนฮเวน่าจะเป็นคนเก็บตัว ถ้างั้น... มันจะผิดไหมถ้าเขาให้จุนฮเวทำแบบนี้กับเขาแค่คนเดียว... ก็ต้องได้สินะ ในเมื่อพวกเขาเป็นคนรักกันแล้วนี่นา
     

    นี่ก็เริ่มจะค่ำแล้ว เดี๋ยวผมไปส่งพี่ที่บ้านแล้วกันนะครับ
     

    ไม่เป็นไรหรอก พี่กลับเองได้ นั่งรถไปสามป้ายก็ถึงแล้วร่างเล็กตอบ
     

    ในขณะที่ยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม แม้ว่าความจริงจะแอบดีใจ แต่แค่นี้เขาก็ประหม่าจะแย่อยู่แล้ว ถ้าขืนให้ไปส่งถึงที่บ้านด้วยคงไม่ไหวแน่ๆ เอาไว้วันหลังดีกว่า
     

    ว่าแต่นายเถอะ บ้านอยู่ไกลรึป่าว?”
     

    ผมไม่ได้อยู่บ้าน... ตอนนี้ผมเช่าอพาร์เมนท์เล็กๆอยู่ ห่างจากที่นี่ไปก็ห้าป้ายน่ะครับ
     

    หืม?” จินฮวานเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย แล้วนี่นายอยู่... คนเดียว?”
     

    เมื่อก่อนผมอยู่กับพี่ชายที่มาจากบ้านเด็กกำพร้าเหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้พี่เค้าเรียนมหาลัยแล้วก็เลยย้ายไปอยู่หอแถวนั้น
     

    บ้านเด็กกำพร้า?... เมื่อกี้เขาไม่ได้ฟังผิดไปใช่มั้ย เด็กหนุ่มตรงหน้ากำลังบอกว่าไม่ได้อยู่กับพ่อและแม่ แต่มาจาก...
     

    เอ่อ... พี่ไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของนาย ขอโทษนะ...
     

    ไม่เป็นไรหรอกครับจุนฮเวตอบพร้อมกับมองมาทางเขาด้วยแววตาที่ไร้ความเศร้าโศกใดๆ แต่กลับเต็มไปด้วยประกายแห่งความสุข ยังไงเราก็คบกันแล้ว มีเรื่องอะไรก็บอกกันได้นี่ครับ อีกอย่าง... ที่เป็นแบบนี้ผมก็มีความสุขดี ไม่ได้เดือดร้อนอะไร พี่ไม่ต้องกังวลนะ
     

    อ...อื้มพอได้เห็นแบบนี้แล้ว... ก็รู้สึกว่าตัวเขาเอง กำลังเข้าใกล้ตัวตนของเด็กคนนี้มากขึ้นไปอีก...
     

    ถ้างั้นเรากลับกันเถอะครับ ก่อนที่มันจะมืดไปมากกว่านี้
     

    สุดท้ายพวกเขาก็ขึ้นรถประจำทางไปด้วยกัน คนที่ตัวโตกว่าหันมาถามจินฮวานย้ำอีกครั้งว่าจะให้ไปส่งหรือเปล่า แต่เขาก็ยังคงยืนยันคำเดิมว่าไม่เป็นไร ส่วนหนึ่งก็เพราะเกรงใจด้วยนั่นแหละ... เพราะงั้นพอถึงป้ายที่สาม จินฮวานจึงเดินลงไปจากรถเพียงคนเดียว ส่วนเด็กหนุ่มที่ทิ้งไว้บนรถก็กำลังหันมาโบกมือให้เขาจากทางหน้าต่าง
     

    คนตัวเล็กยิ้มตอบกลับไปตามปกติก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปในซอยเมื่อรถประจำทางเคลื่อนตัวออกไปแล้ว
     

    จากตรงนี้ก็เดินไปไม่ไกลนัก จินฮวานจึงเลือกที่จะเดินไปเรื่อยๆและไม่รีบร้อนอะไร เขาอยากจะใช้ความคิดกับตัวเองในช่วงเวลาที่เงียบสงบอย่างนี้ ...วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่เขาไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง แม้จะเป็นแค่วันแรกที่ได้คบกัน แต่เขาก็รู้สึกว่ามันเป็นความทรงจำที่แสนมีค่า เพราะมันทำให้เขาได้รู้จักกับจุนฮเวในบางมุมที่คนอื่นๆอาจจะไม่รู้จัก
     

    ร่างเล็กเดินขึ้นเนินมาอีกซักพักก็มองเห็นบ้านสีครีมขนาดกลางของตัวเอง ส่วนบ้านหลังถัดไปข้างๆที่อยู่ติดกันนั่นเป็นบ้านของน้องชายคนสนิทอย่างฮันบินนั่นเอง ติดกันจนปีนข้ามรั้วได้เลยล่ะ... พอลองมองดูตรงหน้าต่างห้องนอนแล้วก็พบว่าไฟไม่ได้เปิดอยู่ เดาได้ว่าคงยังไม่กลับบ้านแหง ทั้งๆที่บอกว่าจะรอเขากลับมาคืนแผ่นเพลงให้แต่ตัวเองยังไม่กลับมาเนี่ยนะ สรุปว่าใครต้องรอใครกันแน่
     

    จินฮวานส่ายหัวเบาๆก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน บ้านหลังนี้เขาอยู่กับแม่และพี่ชายเท่านั้น เพราะว่าพ่อประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็ก แม่ก็เลยกลายเป็นหัวหน้าครอบครัว... กลายเป็นคนที่ขยันทำงานและทำจนกลับบ้านดึกดื่น... จินฮวานหันไปมองนาฬิกาที่ผนังกำลังบอกเวลาสองทุ่ม ป่านนี้แล้วพี่จินอูยังไม่กลับมาอีก เขาตัดสินใจเดินขึ้นห้องตัวเองแล้วจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะมานั่งทำการบ้านที่มีอยู่ไม่มากนัก
     

    พอถึงเวลาสี่ทุ่มกว่า การทำการบ้านทั้งหมดก็เสร็จสิ้นพร้อมๆกับที่เขาได้ยินเสียงดังมาจากชั้นหนึ่ง อาจจะเป็นแม่หรือพี่ชายของเขาที่กลับมาแล้ว หรือไม่ก็ทั้งสองคน แต่เขาไม่ได้ลงไปดู ร่างเล็กลุกขึ้นมาเปิดคอมหาเกมเล่นไปเรื่อยจนเกือบเที่ยงคืนก็เห็นแสงไฟจากบ้านข้างๆ สว่างขึ้น
     

    จินฮวานดึงตัวเองออกจากหน้าคอมและเดินไปหยิบแผ่นเพลงที่วางอยู่บนเตียงมาถือเอาไว้ จากนั้นเขาก็เปิดประตูตรงระเบียงออกก่อนจะปีนข้ามไปที่ระเบียงข้างห้องที่ติดกันนั้นอย่างเคยชิน
     

    ร่างสูงของฮันบินกำลังโยนกระเป๋าลงบนเตียงพลางหันมามองตรงที่ๆเขายืนอยู่แล้วเดินมาเปิดประตูให้
     

    กลับช้าชะมัดคนตัวเล็กบ่นทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง


     

     



     

    เจ้าของห้องที่เพิ่งจะกลับมาถึงถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วนำไปแขวนไว้ตามปกติ ก่อนจะเดินไปที่เตียงเพื่อล้มตัวลงนอน ส่วนแขกผู้มาเยือนเมื่อเห็นดังนั้นก็เดินตามไปนั่งลงตรงพื้นที่ว่างบนเตียงข้างๆกับร่างที่นอนแผ่อยู่
     

    โคตรจะหงุดหงิด...
     

    เป็นอารมณ์เดียวที่ฮันบินรู้สึกได้ในตอนนี้ หลังจากแยกกันเมื่อตอนเลิกเรียน เขาก็รู้สึกหัวเสียขึ้นมาทันที สาเหตุก็คงไม่ใช่เพราะใครที่ไหน... คนที่นั่งอยู่ข้างๆเขานี่ยังไงล่ะ...
     

    อะร่างบางเอ่ยพลางยื่นแผ่นซีดีที่ตั้งใจมาคืนให้กับเขา
     

    “...” ฮันบินรับมาถือไว้ในมือเงียบๆโดยไม่ได้พูดอะไร จริงๆเขายังไม่อยากเจอหน้าพี่จินฮวานในตอนนี้เลยด้วยซ้ำ ไม่สิ... ไม่ใช่ว่าไม่อยากเจอ... แต่เพราะภาพที่เห็นเมื่อตอนเย็นมันทำให้เขาอารมณ์เสีย ก็เลยพาลไม่อยากพูดกับคนข้างๆนี่เอาซะดื้อๆ
     

    มันน่าโมโหจริงๆ...
     

    นี่นายยังไม่เลิกทำงานที่ผับนั่นอีกหรอแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้สินะ
     

    ถึงได้ชวนเขาคุยตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
     

    ก็ผมยังเก็บเงินไม่ครบร่างสูงตอบกลับไปพลางขยับตัวนอนตะแคงหันหลังให้กับอีกฝ่าย
     

    สรุปว่า...นายยังคิดเรื่องจะไปเรียนต่อมหาลัยที่ต่างประเทศสินะ
     

    อืม...ที่เขาไปทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ในผับก็เพราะต้องการจะเก็บเงินไปเรียนต่อที่ต่างประเทศจริงๆ เขาเริ่มคิดแบบนี้มาได้ซักพักแล้ว และในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา พี่ที่เขารู้จักก็กำลังหาคนไปทำงานด้วยพอดี ถึงแม้งานนี้จะเสี่ยงไปหน่อยก็ตาม
     

    แต่นายเป็นถึงประธานนักเรียน แค่งานที่โรงเรียนก็เยอะจะตายอยู่แล้ว ไหนจะเรื่องที่ต้องแอบทำงานพิเศษอีก ถ้าโรงเรียนรู้เรื่องนี้เข้านายโดนไล่ออกแน่
     

    คนตัวเล็กกำลังเป็นห่วงเขาอยู่ใช่หรือเปล่า? นี่คือสิ่งที่ฮันบินอยากจะรู้...
     

    คงไม่มีใครรู้หรอก... เพราะผมคงทำอีกไม่นาน พอเสร็จงานนี้แล้วขึ้นปีสามผมจะได้เอาเวลาไปตั้งใจเรียน
     

    “...”
     

    “...”
     

    งั้นก็ตามใจ...ร่างเล็กเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบระหว่างพวกเขาทั้งสองคน พี่ไปละ
     

    เดี๋ยวก่อนฮันบินตัดสินใจคว้าข้อมือบางนั้นไว้แล้วลุกขึ้นมานั่งข้างๆกัน ดวงตาที่แน่นิ่งของเขากำลังจ้องมองไปยังนัยน์ตาเรียวเล็กคู่นั้นราวกับต้องการค้นหาอะไรบางอย่าง...
     

    ที่ผ่านมา...
     

    เขาสงสัย...
     

    และไม่เคยรู้เลยว่า...
     

    เขาเคยอยู่ในสายตาของคนๆนี้บ้างไหม...
     

    ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี... หัวใจของคนๆนี้ก็ไม่เคยที่จะเปิดรับเขาเข้าไปเลย... ไม่ซักนิด...
     

    พี่จะคิดถึงผมมั้ย... ถ้าผมไปต่างประเทศแล้วพี่จะคิดถึงผมเหมือนที่ผมคิดถึงพี่รึป่าว?”
     

    ร่างเล็กเงียบไป... นี่แหละเป็นนิสัยของจินฮวานที่ทำให้เขาหงุดหงิดที่สุด ตั้งแต่ตอนที่เขารู้ใจตัวเอง เขาก็พยายามแสดงออกทุกอย่างเพื่อให้คนตรงหน้ารู้ว่าเขารู้สึกยังไง... แต่เจ้าตัวกลับเลือกที่จะไม่สนใจและไม่ตอบรับ สำหรับคนๆนี้... เขาคงเป็นได้แค่น้องชายคนหนึ่งเท่านั้นสินะ
     

    ในขณะที่เด็กผู้ชายปีหนึ่งเมื่อตอนเย็นคนนั้น...
     

    คบกันอยู่หรอ
     

    ห๊ะ
     

    กับไอ้เด็กคนนั้นน่ะ
     

    จุนฮเว? อ๊ะ...อื้อ!!ยังไม่ทันที่ร่างเล็กจะพูดจบ ก็ถูกคนที่แรงเยอะกว่าก็ดึงเข้าไปใกล้ๆพร้อมกับกดจูบลงที่ริมฝีบางทันที
     

    จินฮวานเบิกตาโพลงด้วยความตกใจก่อนจะตั้งสติได้และรีบผลักคนตรงหน้าออกไปจากตัว
     

    “...” !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
     

    อย่าพูดชื่อมันให้ผมได้ยินอีก
     

    จะมากไปแล้วนะฮันบิน!! นายมีสิทธิ์อะไรมาทำอย่างนี้!!!คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะกล้าทำ แน่นอนว่า... เขาเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าทำแบบนี้เหมือนกัน
     

    ผมขอโทษ...เขายกมือซ้ายขึ้นมาขยี้หัวด้วยความโมโหพลางก้มหน้าลงมองเตียงที่ว่างเปล่าของตัวเอง พี่กลับไปเหอะ ไม่งั้นผมจะไม่หยุดอยู่แค่จูบแน่
     

    จินฮวานปีนระเบียงกลับเขามาในห้องด้วยอาการที่เรียกว่าหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ... เขารีบล็อกประตูและปิดผ้าม่านในทันที หากถามว่าตอนนี้เขารู้สึกอย่างไร คงบอกได้เลยว่าตกใจแล้วก็เสียใจมากเช่นกัน เพราะไม่คิดว่าคนที่เขารักเหมือนกับน้องชายแท้ๆจะกล้าทำกับเขาอย่างนี้!
     

    ที่ผ่านมาก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าฮันบินรู้สึกยังไง แต่จะให้รับความรู้สึกนั้นเขาทำไม่ได้ ฮันบินเป็นเหมือนเพื่อนและน้องชายที่สำคัญที่สุดสำหรับเขา ถ้าเกิดว่าเขาตอบรับความรักนั้นไป... แน่นอนว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาก็จะต้องเปลี่ยนไปเป็นคนรัก ซึ่งถ้าวันใดวันหนึ่งพวกเขาต้องเลิกรากัน การที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมมันไม่มีทางเป็นไปได้... และเขาคงจะเสียใจมากแน่ๆหากต้องเสียฮันบินไปทั้งอย่างนั้น เพราะงั้น... เขาจึงอยากที่จะรักษาความสัมพันธ์แบบนี้เอาไว้ เป็นแค่เพื่อน... เป็นแค่พี่น้องกัน... เท่านี้เขาก็พอใจแล้ว
     

    คงจะเป็นช่วงประมาณม.ต้นที่เขาเริ่มจะรู้ถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปจากน้องชายข้างบ้าน... หลังจากนั้นเขาก็เลยเพิ่มระยะห่างระหว่างพวกเขาเข้าไป... แต่เขาคงลืมคิดไปว่าฮันบินจะรู้สึกยังไง... ฮันบินคงต้องรู้สึกอึดอัดมากเพราะเขาสินะ
     

    นี่เขาลืมใส่ใจความรู้สึกของน้องชายคนที่เขารักมากที่สุดไปได้ยังไงกัน... โง่ชะมัด
     

    อาจเป็นเพราะเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นและความคิดต่างๆที่ถาโถมเข้ามาเลยทำให้จินฮวานเริ่มรู้สึกปวดหัว ร่างเล็กล้มตัวลงนอนบนเตียงพลางยกมือขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของตัวเอง... สัมผัสที่อ่อนโยนนั้นยังเจือจางและหลงเหลืออยู่... ไม่สิ... เขาไม่ควรจะคิดเรื่องแบบนี้... ที่พยายามตีตัวออกห่างมาจากฮันบินตลอดก็ไม่ใช่เพราะกลัวว่าหัวใจของตัวเองจะเผลอไปหรือยังไง... หยุดคิดเรื่องนี้ซะ ยังไงฮันบินก็เป็นแค่น้องชายของเขาเท่านั้น...










     

    เช้าวันรุ่งขึ้น จินฮวานตื่นขึ้นมาตามปกติเหมือนอย่างทุกๆวัน เขาจัดการธุระส่วนตัวยามเช้าจนเสร็จแล้วจึงค่อยลงมานั่งทานอาหารข้างล่าง ดูเหมือนว่าแม่คงออกไปทำงานแล้วเพราะตอนที่ลงมาเขาก็เห็นเพียงแค่พี่ชายของตัวเองยืนอยู่ในครัว
     

    พี่จินอูกำลังตักไข่ดาว แฮม และไส้กรอกใส่จานทั้งสองใบ ก่อนจะยกมาเสิร์ฟให้กับเขาที่โต๊ะทานอาหาร
     

    มือเล็กเลื่อนไปหยิบซอสบนโต๊ะมาเทราดอย่างเคยชินแล้วส่งให้พี่ชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
     

    สีหน้านายดูไม่ค่อยดีเลยนะเจ้าของร่างโปร่งบางเอ่ยออกมาเมื่อสังเกตเห็นว่าน้องชายของตนดูหน้าซีดกว่าปกติ ไม่สบายรึป่าว?”
     

    เปล่า ไม่ได้เป็นไรครับถึงจะตอบออกไปอย่างนั้น แต่ที่จริงแล้วเขายังคงนึกถึงเรื่องเมื่อคืนนี้อยู่ เพราะเขารู้สึกกลัวถ้าหากว่าต้องเผชิญหน้ากับฮันบินในวันนี้...
     

    ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว
     

    ผมว่าสีหน้าพี่ดูแย่ยิ่งกว่าผมอีกนะเขารู้ว่าช่วงที่ผ่านมานี้พี่ชายของเขาต้องเจอกับเรื่องวุ่นวายเต็มไปหมด จนถึงตอนนี้ เขาก็ไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นผ่านไปได้ด้วยดีหรือยัง
     

    ดูออกขนาดนั้นเลยหรอ
     

    อื้อคนตัวเล็กตอบพลางจิ้มไส้กรอกใส่ปาก
     

    ที่จริง... มินโฮเข้าโรงพยาลบาลตั้งแต่เมื่อห้าวันก่อนอยู่ๆคิมจินอูก็หยุดกินพร้อมกับก้มหน้าก้มตาเหมือนรู้สึกผิดกับเรื่องอะไรซักอย่าง
     

    จริงดิ!!? ทำไมอะจินฮวานส่งเสียงดังเพราะความตกใจ
     

    มินโฮที่พูดถึงเป็นแฟนของพี่ชายเขา หรือถ้าจะพูดให้ถูกจริงๆแล้วต้องเรียกว่าแฟนเก่าปัญหาและเรื่องวุ่นวายทั้งหมดที่จินอูต้องเผชิญก็เป็นเรื่องพวกนี้นั่นแหละ...
     

    เขาเมาก็เลยมีเรื่องชกต่อยกัน...เหมือนว่าการพูดถึงมินโฮยิ่งทำให้จินอูรู้สึกเสียใจ ในดวงตาคู่สวยเริ่มมีน้ำตาคลอ น้องชายอย่างเขาจึงรู้สึกตกใจเพราะกลัวว่าพี่ชายจะร้องไห้ขึ้นมาอีก ตลอดสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี่ก็ร้องไห้จนตาบวมช้ำไปหมดแล้ว
     

    แล้ว... พี่มินโฮเขาเป็นยังไงมั่ง
     

    ไม่รู้สิ... คงออกจากโรงพยาบาลวันนี้ไม่ก็พรุ่งนี้ร่างบางถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน เขาไม่ยอมให้พี่กับซึงยุนไปเยี่ยมเลย
     

    อ่า...เขาเองก็พอจะเข้าใจพี่มินโฮอยู่บ้าง... การที่ทั้งสองคนต้องมาเลิกกันอย่างนี้ ทำให้ต่างฝ่ายต่างก็เสียใจ โดยเฉพาะคนที่โดนบอกเลิกอย่างพี่มินโฮ... แต่จินอูเป็นพี่ชายของเขา และเขาก็คิดว่าการกระทำทั้งหมดของพี่ชายจะต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน
     

    หลังจากอาหารมื้อเช้าที่เต็มไปด้วยบรรยากาศหมองหม่น จินฮวานก็ตัดสินใจออกจากบ้านเพื่อเดินทางไปโรงเรียนตามปกติ เขาแอบหันไปมองบ้านข้างๆ เล็กน้อย แต่กลับไร้วี่แววของคนที่สร้างปัญหาให้เขาต้องปวดหัวเมื่อคืนนี้
     

    ดีแล้วหละ... ถึงยังไงเขาก็ยังไม่พร้อมที่จะเจอกัน
     

    เมื่อรถประจำทางมาจอดที่หน้าโรงเรียน ร่างเล็กก็รีบเดินขึ้นไปบนห้องเรียนประจำทันที ระหว่างทางนั้นมีเพื่อนหรือรุ่นน้องเข้ามาทักทายเขาอยู่บ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่พอมาถึงห้องเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นร่างสูงคุ้นตากำลังนั่งอยู่บนโต๊ะเรียนของเขา แถมรอบข้างยังรายล้อมไปด้วยสาวๆเพื่อนร่วมห้องของเขาอีก
     

    บรรยากาศภายในห้องกำลังเต็มไปด้วยความสนุกสาน ดูเหมือนจุนฮเวกำลังเล่าเรื่องตลกอะไรซักอย่างให้สาวๆพวกนั้นฟัง และนั่นก็เรียกเสียงหัวเราะคิกคักได้เป็นอย่างดี คงจะตลกกันน่าดู...
     

    ไอ้นิสัยขี้เล่นอย่างนี้น่ะ... บอกแล้วไง... ว่าขอเก็บไว้ทำกับเขาแค่คนเดียวไม่ได้หรอ? เห็นแล้วอารมณ์เสียชะมัด
     

    แต่ดูจากภาพตรงหน้าแล้วคงไม่ได้สินะ...
     

    ในระหว่างที่คนตัวเล็กกำลังจัดการกับอารมณ์ของตัวเองอยู่นั้น จุนฮเวก็หันมาเจอเขาพอดี แย่แล้วสิ... ไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังทำหน้าแบบไหนอยู่
     

    พี่จินฮวาน!!
     

     

     

     




    ---------------------------------------------------------------------------------
    16/11/14
    ขอฝากฟิคเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะทุกคน  >///<
    ชอบไม่ชอบยังไงก็ comment ติชมกันได้นะคะ please~
    จะได้มีกำลังใจมาแต่งต่อ 5555555
    ปล. ยังไงก็ 3P แน่นอนค่ะ เย่ๆๆๆ  ><
    แต่มันต้องผ่านกระบวนการกรรมวิธีดราม่าก่อนนะถึงจะสะใจ 55555 << โรคจิตง่ะ


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×