ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WIN ● TeamB] Lucky Day ♬~♫~♪

    ลำดับตอนที่ #12 : [SF] Boy Next Door ♬ YunJin (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 25 ม.ค. 57









    [SF] Boy Next Door
     

    [Couple] YunJin

     

     

     


     

    คิมจินฮวาน... นายควรทำยังไงกับการสอบในวันพรุ่งนี้ดี...

     

    คิดแล้วก็เครียด จะสอบอยู่แล้วแท้ๆแต่ผมยังอ่านหนังสือไม่เข้าหัวเลยซักนิด ถึงมันจะเป็นแค่การสอบย่อยในห้องเรียน แต่สำหรับผมแล้วทุกๆคะแนนมีค่าหมดนั่นแหละ เฮ้อ... สงสัยว่าวันนี้ผมคงต้องรีบขึ้นห้องไปอ่านหนังสือซะแล้วล่ะ

     

    ผมเพิ่งจะเลิกเรียนแล้วก็เพิ่งเดินกลับมาถึงหอ ชีวิตนักศึกษาปีสองอย่างผมมันก็เป็นอย่างนี้เหมือนเดิมทุกๆวัน บางวันก็ออกไปเที่ยวข้างนอกกับเพื่อนบ้าง แต่ส่วนใหญ่ผมมักจะชอบอยู่ในห้องมากกว่า คงเพราะว่ามันไม่วุ่นวายเหมือนข้างนอกล่ะมั้ง... ยิ่งตอนนี้อากาศข้างนอกหนาวมาก ผมก็ยิ่งไม่ค่อยอยากจะออกไปไหนเลย

     

    ไม่รู้สิ... นอกจากเรื่องการเรียนแล้วผมก็ไม่อยากจะให้ความสำคัญกับอะไรมากนักหรอกช่วงนี้... มองออกไปด้านนอกระหว่างรอลิฟต์ก็เห็นหิมะกำลังตกลงมาพอดี... โชคดีนะที่ผมกลับมาถึงที่นี่ก่อน

     

    ติ๊ง

     

    ประตูลิฟต์ถูกเปิดออกและผมก็ก้าวเข้าไปในนั้นก่อนจะกดเลขหกลงไปซึ่งเป็นชั้นที่ผมอาศัยอยู่ ใช้เวลาไม่ถึงสิบวินาทีลิฟต์ก็หยุดลงและเปิดประตูอีกครั้ง ผมเดินตรงไปยังเส้นทางที่เคยชินขณะก้มลงล้วงกระเป๋าเพื่อควานหากุญแจ พอเงยหน้าขึ้นมา ผมก็เห็นว่ามีใครบางคนกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าห้อง

     

    แต่ว่ามันไม่ใช่ห้องของผมหรอก ห้องข้างๆนั่นต่างหาก

     

    เจ้าของร่างนั้นนั่งกอดตัวเองเพียงลำพัง ดูเหมือนว่าเขาคงจะหนาวมาก... พอผมเดินเข้าไปใกล้ๆอีกนิด ดวงตาที่ดูมีเสน่ห์ของเขาก็หันมามองผมด้วยความตกใจ

     

    “จินฮวานฮยอง!

     

    “อ..อะไร?” เขาเรียกชื่อผมซะดัง ผมก็เลยตกใจตามไปด้วย

     

    หลังจากนั้นเขาก็ยืนขึ้นเต็มความสูง แน่ล่ะ... เขาสูงกว่าผม ใครๆก็สูงกว่าผมกันทั้งนั้น... เพื่อนที่มหาลัยก็ชอบแกล้งผมเพราะความตัวเล็กของผมเนี่ยแหละ มันช่างไม่ยุติธรรมเอาซะเลย

     

    “ผมเข้าห้องไม่ได้...”

     

    นั่นทำให้ผมมองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยความสงสัย จริงๆแล้วเขาก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนหรอก เพราะนอกจากจะเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ห้องข้างๆแล้ว เขายังเป็นรุ่นน้องที่เรียนอยู่คณะเดียวกับผมอีกด้วย

     

    เจ้าเด็กปีหนึ่งที่ย้ายเข้าหอมาวันแรกก็โหวกเหวกโวยวายเสียงดังจนผมต้องมาเคาะห้องแล้วบอกให้เงียบๆ... ซงยุนฮยอง

     

    “ทำไมเข้าไม่ได้อะ?”

     

    “ผมลืมกุญแจไว้ในห้อง T_T” เขาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ขณะที่พูดออกมา

     

    “นายก็ไปขอกุญแจสำรองที่สำนักงานสิ”

     

    “อาจุมม่าที่สำนักงานไปทำธุระยังไม่กลับมาเลย” ว่าแล้วก็เบะปากทันที... นี่คิดว่าตัวเองอายุเท่าไหร่กันห๊ะ?

     

    “อ่าๆ...”

     

    “แต่ผมก็เขียนโน้ตทิ้งไว้แล้วนะ ถ้าอาจุมม่ากลับมาก็คงจะโทรมาบอกผมเอง.. แต่ตอนนี้ผมหนาวมากเลย ผมขอเข้าไปอยู่ในห้องฮยองก่อนได้มั้ยอะ?”

     

    “หืม?”

     

    “นะๆๆฮยอง สงสารเด็กตาดำๆ” เจ้าเด็กที่ตัวสูงกว่าเดินเข้ามาจับแขนผมเขย่าพลางทำหน้าทำตาอ้อนสุดฤทธิ์

     

    “อ่า... เออๆ” พอผมตอบตกลงไปอย่างนั้น เขาก็ยิ้มขึ้นมาทันที

     

    ถึงยังไงเขาก็เป็นรุ่นน้องผม ช่วยเหลือนิดๆหน่อยคงจะไม่เป็นไร อีกอย่าง... ผมไม่ควรปล่อยให้เขานั่งหนาวตายอยู่ข้างนอกนี่หรอกจริงมั้ย?

     



     

     

     

     

    หรือบางที... ผมอาจจะคิดผิด?

     

    ตกลงว่านี่มันยังเป็นห้องของผมอยู่รึป่าว... ถ้ามันยังเป็นห้องของผม แล้วทำไม?

     

    ทำไม... เจ้าของห้องอย่างผมต้องมานั่งอ่านหนังสือในขณะที่ผู้มาขออาศัยกลับนั่งดูทีวีซะเสียงดังกระหึ่ม

     

    เฮ้ย!! นี่ผมจะอ่านหนังสือนะ เจอแบบนี้เข้าไปก็อ่านไม่รู้เรื่องกันพอดี

     

    ผมตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือแล้วลุกขึ้นเดินไปยืนมองคนที่นั่งสบายใจอยู่บนโซฟา เจ้าเด็กรุ่นน้องปรายหางตามองผมเล็กน้อยแต่ก็ยังสนใจทีวีตรงหน้ามากกว่าอยู่ดี

     

    “นี่ยุนฮยอง...”

     

    “ครับ?” เขาตอบผมโดยไม่ยอมละสายตาจากรายการเพลงตรงหน้าซักนิด วงเกิร์ลกรุ๊ปที่กำลังเต้นท่าเซ็กซี่อยู่ในทีวีคงดึงดูดใจเขามากเลยสินะ =___________=

     

    “เบาเสียงหน่อยได้มั้ย จะอ่านหนังสือ” ผมดุเขาพลางยกมือขึ้นมาเท้าเอว

     

    “อ้าวหรอครับ แหะๆ โทษที” เขาหันมามาหัวเราะแห้งๆให้ผมก่อนจะหยิบรีโมตขึ้นมากดลดระดับเสียง “ว่าแต่ฮยองอ่านหนังสือทำไมอะ พรุ่งนี้สอบ?”

     

    “เออ รู้ได้ไง”

     

    “ปกติผมก็อ่านหนึ่งวันก่อนสอบเหมือนกันนั่นแหละ ฮ่าๆๆๆๆๆ”

     

    หลังจากนั้นผมก็เลิกสนใจยุนฮยองแล้วเดินไปอ่านหนังสือในที่ของผมต่อทันที

     

     

     



     

     

    30 นาทีผ่านไป...

     

    มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีสมาธิอ่านหนังสือโดยมีบุคคลภายนอกอยู่ในห้องของผมแบบนี้...

     

    ถึงยุนฮยองจะนั่งดูทีวีเงียบๆมาตลอด แต่เมื่อรายการเพลงจบ เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมยิกๆ พอชนะทีก็กระโดดดีใจไปทั่วห้อง การเคลื่อนไหวของเขามันทำให้ผมเสียสมาธิไปเลย

     

    ผมตัดสินใจหันไปดุเขาอีกรอบ ซึ่งเจ้าตัวก็ถึงกับทำหน้าหงอยก่อนจะเดินไปลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งนิ่งๆข้างผมทันที

     

    อันที่จริงแล้วการที่เขาอยู่นิ่งๆได้มันก็ดีเหมือนกัน แต่... ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าตัวเองอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องยิ่งกว่าเดิมอีก ...อาจเป็นเพราะร่างสูงที่เอาแต่นั่งจ้องหน้าผมอยู่อย่างนี้ก็ได้ หรือบางทีผมน่าจะปล่อยให้เขาไปกระโดดโลดเต้นเหมือนเดิมนั่นแหละดีแล้ว

     

    “ฮยองงงงงงง” เจ้าของเสียงยานคางนั่นเอาคางไปเกยกับโต๊ะขณะที่เรียกผม

     

    “อะไร”

     

    “เมื่อไหร่ฮยองจะอ่านเสร็จอะ”

     

    “ไม่รู้”

     

    “เฮ้อ...” แล้วเขาก็พลิกหน้าไปนอนแนบกับพื้นโต๊ะ อะไรวะ? ทำไมต้องถอนหายใจใส่ผมด้วยล่ะ - -

     

    แต่ก็ดีเหมือนกัน... ผมจะได้อ่านหนังสือต่อ

     

    มาลองคิดๆดูแล้ว ตั้งแต่ยุนฮยองย้ายมาอยู่ห้องข้างๆ เราก็เจอกันเกือบทุกวัน ทั้งตอนไปและตอนกลับจากมหาลัย ถึงจะคุยกันไม่ค่อยบ่อย แต่ทุกๆครั้งที่ผมเจอเขา... เขามักจะดูเป็นร่าเริงอยู่เสมอ แต่พอได้มาอยู่ด้วยกันแบบนี้แล้วมันก็ทำให้ผมรู้ว่าเขาเองก็มีมุมแบบเด็กๆอยู่เหมือนกัน

     

    “คิดออกแล้ว!!” อยู่ๆยุนฮยองก็ตะโกนเสียงดังตอนที่เงยหน้าขึ้นมา

     

    “อะไรของนายอีก”

     

    “พี่ยังไม่ได้กินข้าวเย็นใช่ป่ะ? ไหนๆผมก็มาขออยู่กับพี่ทั้งที งั้นผมจะทำอะไรอร่อยๆให้กินแล้วกัน”

     

    “...”

     

    “ตกลงนะ”

     

    ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรซักคำเลยครับ =________________=

     

    ยุนฮยองยืนขึ้นด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มก่อนจะเดินไปแถวๆเคาน์เตอร์ครัวในห้องผม อืม... อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ ผมจะไม่ห้ามแล้วกัน เพราะอย่างน้อยมันก็น่าจะดีกว่าการที่เขามานั่งจ้องผมแบบเมื่อกี้นี้ แถมอยู่ดีๆก็จะมีอาหารให้กินอีกต่างหา-



     

    โครม!! เพล้ง!!

     

    “โอ๊ย!!

     

    ว่าแต่... นั่นมันเสียงอะไรกัน!!?

     

    ผมลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจพลางหันไปมองยุนฮยองที่นั่งอยู่บนพื้น ร่างสูงกำลังกุมมือของตัวเองเอาไว้แน่นและดูเหมือนว่ามันจะมีเลือดไหลออกมาที่นิ้วด้วย พอตั้งสติได้ผมก็รีบเดินตรงเข้าไปหาเขาทันที

     

    “ทำบ้าอะไรเนี่ย!?

     

    “ผมขอโทษ... ผมแค่.. ผมแค่จะหยิบจาน T_____________T

     

    ซึ่งตอนนี้มันก็แตกเต็มพื้นเลย = =

     

    “แล้วนั่นโดนบาดด้วยรึไง”

     

    “ครับ นิดนึง...” เขายื่นนิ้วก้อยมาให้ผมดู... แต่ดูจากรอยนั่นแล้วก็ไม่นิดเท่าไหร่นะ เลือดงี๊ทะลักออกมาไม่หยุดเลย

     

    “ลุกขึ้นไปนั่งที่โซฟาไป”

     

    “...” เขามองหน้าผมอย่างรู้สึกผิดก่อนจะทำตามที่ผมสั่ง

     

    เฮ้อ... นี่มันวันอะไรกันวะเนี่ย? ผมกวาดตามองไปที่พื้นแล้วส่ายหน้าเบาๆ เอาเป็นว่าทำแผลให้หมอนั่นเสร็จแล้วค่อยมาเก็บกวาดก็แล้วกัน...

     

    ผมเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลเล็กๆที่มีอยู่ในห้องออกมา จากนั้นก็เดินไปนั่งที่โซฟาข้างๆกับยุนฮยอง เขาหันมามองผมทันที ผมก็ไม่ได้พูดอะไรแต่ดึงมือข้างซ้ายของเขามาดูเงียบๆ โชคดีที่ผมพอจะทำแผลเป็นบ้างก็เลยหยิบสำลีกับยาขึ้นมาทความสะอาดให้เขาก่อน

     

    “ฮยอง...”

     

    “ว่าไง?”

     

    “ผมขอโทษ... ผมมีเรื่องจะสารภาพ”

     

    “เรื่องอะไรล่ะ”

     

    “จริงๆแล้ว...” ยุนฮยองนิ่งเงียบไปซักพัก “จริงๆแล้วผมทำกับข้าวไม่เป็น.. ผมไม่เคยเข้าครัวเลย”

     

    “ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอก” ผมไหวไหล่เล็กน้อยเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้

     

    “ไว้ผมจะชดใช้ค่าจานคืนให้นะครับ”

     

    “ไม่เป็นไรหรอก เอ้า เสร็จแล้ว...” ผมจัดการแปะพลาสเตอร์เป็นสิ่งสุดท้ายก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเขา

     

    “ฮยองใจดีจัง” เขาพูดแบบนั้นแล้วยิ้มออกมาจนตาแทบปิด

     

    แล้วอยู่ๆผมก็รู้สึกแปลกๆ... ผมไม่เคยใกล้ชิดกับเขานานขนาดนี้มาก่อน ดวงตาคมที่ดูมีเสน่ห์คู่นั้นคงทำให้สาวๆหลายคนหลงใหลไม่น้อยเลยทีเดียว มองๆดูแล้วเขาก็เป็นคนที่น่าตาดีมากคนนึงเลยทีเดียว เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าเขาเองก็ดังมากในบรรดาเด็กปีหนึ่ง

     

    “อ..เอ่อ งั้นเดี๋ยวไปต้มรามยอนง่ายๆกินเอาก็แล้วกัน” ผมพูดแล้วก็รีบลุกออกไปจากตรงนั้นทันทีก่อนที่ความรู้สึกแปลกๆของผมมันจะเพิ่มมากขึ้นไปกว่านี้

     

     

     

     



     

     

    15 นาทีต่อมา...

     

    หม้อรามยอนง่ายๆของผมถูกตั้งเตรียมอยู่บนโต๊ะเป็นอย่างดี จริงๆยุนฮยองอาสาจะมาช่วยผมหยิบจานชามตะเกียบเหมือนกัน แต่ผมก็ปฏิเสธเขาไป เพราะเกรงว่าห้องผมอาจจะเละไปอีกรอบถ้าหากเขาทำจานชามผมแตก

     

    ร่างสูงเดินมานั่งลงตรงฝั่งตรงข้ามผม แล้วพวกเราก็นั่งกินอาหารด้วยกันในมื้อเย็นเป็นครั้งแรก...

     

    “อร่อยอะ!!” น้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นนั่นมันอะไรกัน ผมก็แค่ต้มไปตามปกติเท่านั้นแหละ

     

    “เห็นเมื้อกี้นายบอกว่าไม่เคยเข้าครัว งั้นตอนอยู่ที่ห้องนายกินอะไร?”

     

    “อ่อ... บางทีก็ออกไปนั่งกินข้างทาง แต่ส่วนมากจะเวฟอาหารสำเร็จรูปกินเอาอะครับ” เขาตอบคำถามผมก่อนจะคีบเส้นเข้าปากไปเคี้ยวตุ้ยๆ

     

    “กินของแบบนั้นมันได้สารอาหารครบที่ไหนล่ะ ว่างๆลองหัดทำกินเองบ้างก็ดีนะ”

     

    “ฮยอง”

     

    “...”

     

    “เป็นห่วงผมหรอ?”

     

    “...” !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

    เป็นห่วงงั้นหรอ!?... ต..แต่ก็คงใช่มั้ง ผมแค่เป็นห่วงเขาในฐานะที่เป็นรุ่นน้องของผมนี่ มันไม่เห็นจะผิดอะไรซักหน่อย ...แล้วทำไมผมถึงไม่ตอบเขาไปล่ะ

     

    “ฮยอง?”

     

    “พอดีว่าไม่อยากให้มีคนข้างห้องนอนตายเพราะเป็นโรคขาดสารอาหารน่ะ กลัวผี”

     

    เหตุผลบ้าอะไรของผมวะ? แค่บอกว่าห่วงไปก็จบป่ะ? =___________=

     

    “เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าฮยองกลัวผี ฮ่าๆๆๆๆๆ”

     

    “พูดมาก รีบๆกินไปเลย เดี๋ยวมันเย็นหมด”

     

    “ครับๆ~

     

    ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่อยู่ๆก็รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้... อาหารเย็นมื้อแรกของพวกเราที่กินด้วยกัน ถึงจะเป็นแค่รามยอนธรรมดา... แต่ผมก็คิดว่ามันอร่อยมากกว่าวันอื่นๆขึ้นมาซะอย่างนั้น

     

    อืม... ดูเหมือนว่าผมจะลืมอะไรไปซักอย่างนะ คิดไม่ออกแฮะ ช่างมันเถอะ...

     

     

     



     

     

    ผมจัดการทำความสะอาดทันทีที่พวกเรากินกันเสร็จ ยุนฮยองพยายามจะเข้ามาช่วยอีกครั้ง แต่ผมก็ใช้ข้ออ้างเรื่องที่มือเขาเป็นแผลอยู่ว่าขี้เกียจล้างแผลให้ใหม่ ดังนั้นในตอนนี้ผมก็เลยยืนล้างจานอยู่คนเดียวในขณะที่ร่างสูงไปนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟาเหมือนเดิม

     

    “ฮยอง”

     

    “ห๊ะ?” ผมหันกลับไปขานรับเขาเมื่อวานจานสุดท้ายที่ล้างเสร็จลงบนตะแกรง

     

    “อาจุมม่ากลับมาที่สำนักงานแล้วอะ”

     

    “อ่อ...หรอ งั้นก็รีบลงไปเอากุญแจดิ”

     

    “ครับ...” ร่างสูงลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปทางประตูห้อง

     

    ผมเองก็เลยเดินตามไปส่งเขาที่หน้าห้องเหมือนกัน

     

    “คราวหน้าก็อย่าลืมกุญแจอีกล่ะ”

     

    “ฮยองไม่อยากให้ผมมาหาอีกใช่มั้ย ใจร้ายจัง”

     

    “ยังไม่ได้พูดอย่างนั้นซะหน่อย” อะไรของหมอนี่ เดี๋ยวก็บอกว่าผมใจดี เดี๋ยวก็บอกว่าผมใจร้าย จะเอาไงกันแน่ห๊ะ?  =___________=

     

    “งั้นแสดงว่าฮยองก็ให้ผมมาหาได้?”

     

    “นั่นก็ยังไม่ได้พูดเฟร้ย!

     

    “ผมล้อเล่นน่ะ ฮ่าๆๆๆ” ยุนฮยองหันไปเปิดประตูแล้วก้าวออกไปจากห้องของผม “เรื่องที่ฮยองบอกให้ผมทำอาหารกินเอง ผมว่าผมคงทำไม่ได้อะ... เอาเป็นว่าผมจะมารบกวนให้ฮยองทำให้กินบ่อยๆก็แล้วกัน”

     

    “จำเป็นป่ะ?”

     

    “จำเป็นดิ ก็ฮยองบอกว่ากลัวผีไม่ใช่หรอ เกิดผมตายขึ้นมาจริงๆจะทำไง”

     

    “...” หมดคำจะพูด... เหตุผลเพี้ยนๆของผมยังจะเอามาใช้ได้อีก...

     

    “งั้นผมไปละ บายๆ”

     

    “อืม” ผมพยักหน้าเบาๆก่อนที่เขาจะเดินจากไป

     

    ทำไมเขาต้องพูดอะไรแบบนั้นด้วย? นั่นมันทำให้ผมคิดนะ... แบบนี้แถวบ้านผมเรียกว่าจีบอะ หรือว่าผมจะคิดไปเอง? เออๆ... ผมคงคิดไปเองล่ะมั้ง

     

    ว่าแต่... ตกลงผมลืมอะไรไปรึเปล่า? รู้สึกเหมือนมันค้างคาใจแปลกๆยังไงก็ไม่รู้แฮะ

     

    ...

     

    ...

     

    ...

     

    ชิบหายแล้ว!! ผมลืมอ่านหนังสือสอบ!!!

     

     

     

     


     

    Special by Yunhyeong

     

    พี่ชายข้างห้องของผมนี่น่ารักจริงๆเลย

     

    ติ๊ง...

     

    เสียงลิฟต์ดังขึ้นแล้วประตูก็เปิดออก ผมเดินตรงไปที่สำนักงานทันทีเพื่อขอกุญแจสำรอง อาจุมม่าเจ้าของหอนั่งอยู่ในนั้น และทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไป เธอก็หันมาทำหน้าดุๆใส่ผม

     

    “โทรไปตั้งนานแล้วทำไมไม่ยอมรับสาย มาช้าแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่ให้เข้าห้องซะเลย”

     

    “แหะๆ... ผมเผลอหลับในห้องเพื่อนอะครับ อย่าโกรธผมเลยนะ” ลูกอ้อนของผมใช้ได้กับผู้ใหญ่ทุกคนแหละครับ

     

    เรื่องหลับอะไรนั่นก็แต่งเอาทั้งนั้น จริงๆเป็นเพราะผมยังไม่ออกมาจากห้องนั้นต่างหาก

     

    “เอ้านี่” เธอยื่นกุญแจให้ผมแต่โดยดีก่อนจะรีบกำชับว่าคราวหน้าห้ามลืมอีกเด็ดขาด

     

    ผมจะพยายามไม่ลืมแล้วกัน... จะว่าไปตอนแรกผมคิดว่าตัวเองคงโชคร้ายซะอีก แต่ที่ไหนได้... วันนี้ผมโชคดีชะมัด ได้อยู่ใกล้กับฮยองที่แอบปลื้มมาตั้งนานแบบนี้... นี่มันเป็นวันของผมชัดๆ ถึงจะโดนเศษจานบาดนิ้วมือแต่มันก็คุ้มดี

     

    พระเจ้าครับ! ยุนฮยองขอวันแบบนี้อีกบ่อยๆได้มั้ยครับ!!




    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    จืดจินมาตามสัญญาแล้วนะคะ >////<
    ยังไงก็ขอฝากคอมเมนต์และติชมสำหรับคู่นี้ด้วยค่ะ จุ๊บๆ <3

    ###
    *สะกิดไรท์* นี่ๆ เค้าอยากเห็นน้องดงดงหึงจุนเน่มั่งอ่ะ อยากรู้น้องจิทำไงน้า ถ้าน้องไม่ร้ายกว่าจะเอาจุนเน่อยู่ได้ไงเนอะ >.< รับไว้พิจารณาจะยินดีมากเลยค่ะไรท์ 555

    ###
    ตอบ น้องดงหึงงงงงงงง >< ไว้เค้าจะลองดูนะ คิคิ

     



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×