คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [SF] Feeling ♬ BJIN (100%)
[SF] Feeling
Couple: BJIN
ในเช้าวันธรรมดาวันหนึ่ง ผมตื่นขึ้นมาด้วยเสียงนาฬิกาปลุกที่ได้ยินอยู่เป็นประจำ เพราะว่ามันส่งเสียงน่ารำคาญมากกว่าทุกทีผมก็เลยยื่นมือไปตบดังป้าบ!! จนมันเงียบไปในที่สุด ผมคงจะไม่ง่วงขนาดนี้ถ้าไม่ได้เป็นเพราะเมื่อคืนมัวแต่นั่งแต่งเพลงอยู่ที่ตึกจนเกือบเช้า
จริงๆผมก็กะว่าจะงีบต่ออีกซักสิบนาที แต่ผมว่ามันน่าจะกินเวลาไปมากกว่านั้น สุดท้ายผมก็เลยตัดสินใจแงะตัวเองขึ้นมาจากเตียงด้วยความสะลึมสะลือก่อนจะขยี้ตาและเกาหัวแกร๊กๆพอเป็นพิธี
ระหว่างที่ผมทำภารกิจอยู่ในห้องน้ำก็ได้ยินเสียงสมาชิกกำลังคุยโหวกเหวกดังมาจากห้องนั่งเล่น ห้องแม่งก็แค่เนี๊ย คุยกันเบาๆไม่เป็นรึยังไงวะ?
“ทำไมวันนี้ลีดเดอร์ของเราดันตื่นสายซะได้อะ” เสียงแรกที่ทักทายทันทีที่ผมก้าวออกมาจากห้องก็คือบ็อบบี้ ฮยองสุดซี้เจ้าของฟันกระต่ายที่ยื่นออกมาคู่นั้น
“ไม่รู้ดิ” ไอ้ที่บอกไปว่าไม่รู้ที่จริงคือขี้เกียจจะตอบนั่นแหละ เมื่อคืนก็อยู่แต่งเพลงด้วยกันแท้ๆยังจะมาถามอีก!! “มีไรกินมั่งอะเนี่ย”
ผมเลิกสนใจฮยองแล้วมาสนใจอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะทันที แบบว่าท้องมันส่งสัญญาณมาเตือนดังโครกครากแล้วน่ะ = =
“ไปหยิบน้ำมาก่อนไป เดี๋ยวให้กิน” นั่น... ยังไม่ทันจะนั่งลงก็ถูกสั่งเลยครับ เฮ้ย!! ผมเป็นหัวหน้าวงนะเว้ย มาใช้กันงี๊ได้ไงวะ!! บ็อบบี้ฮยองแม่งตั้งใจกวนผมใช่ไหมครับตอบ
แต่ถึงยังไงผมก็เดินไปหยิบจนได้นั่นแหละ...
ข้างๆตู้เย็นมีฮยองที่เป็นพี่ใหญ่แต่ตัวเล็กกำลังคว่ำจานที่เพิ่งล้างเสร็จอยู่ ผมก็เดินไปยืนข้างๆเพื่อจะหยิบน้ำในขณะที่ฮยองก็หันมาเช็ดมือตรงผ้าที่แขวนอยู่ข้างตู้เย็นก็เลยเห็นผม
“อ้าว เพิ่งตื่นหรอฮันบิน”
“อืม”
“ทำไมตื่นสายจังอะ ไม่สบายป่าว?” ว่าแล้วก็ยื่นมือเล็กมาสัมผัสที่หน้าผากผมทันที
“...” อ...เอ่อ.. เฮ้ย!! แค่ถามก็ได้นี่ ทำไมต้องมาแตะเนื้อต้องตัวกันด้วยครับฮยอง?
ไม่รู้ว่าคนตัวเล็กข้างหน้านี่จะรู้ตัวไหมว่าวันนี้ตัวเองใส่เสื้อกล้ามคอลึกมากกกกก แล้วมันก็ยังเผยให้เห็นไหล่ขาวเนียนนั่นอีก ยิ่งพอยื่นมือมาอย่างนี้แล้วแทบจะมองทะลุเสื้อลงไปถึงกางเกง จริงอยู่ที่ไอ้เรื่องถอดเสื้อผ้าเดินในบ้านมันเป็นเรื่องปกติของผู้ชาย แต่กับฮยองคนนี้ พอเห็นแบบนี้แล้ว... มันก็ไม่ได้ที่จะต้องกลืนน้ำลายลงคอ...
เซ็กซี่ว่ะ...
ฮ...เฮ้ยยยยย!! มึงคิดเชี่ยไรอยู่เนี่ยคิมฮันบินนนนนนนนนน หยุดเลยหยุดเดี๋ยวนี้!!
“หน้าดูแดงๆนะ หรือจะไม่สบายจริงๆ?”
“ผ..ผมไม่เป็นไร” ผมบอกแล้วก็รีบปัดมือเล็กที่อังหน้าผากผมออก นี่ผมหน้าแดงหรอ? แม่งเอ๊ย ก็ว่าอยู่ทำไมมันร้อนๆ
จินฮวานฮยองทำหน้าเหมือนตกใจนิดหน่อยที่ผมปัดมือเขาอย่างนั้น ผมไม่ได้ตั้งใจนะ ก็มันรู้สึกแปลกๆนี่หว่า ลองคิดดูดิ ผมก็เป็นเด็กผู้ชายธรรมดานะ แต่พออยู่ใกล้ฮยองคนนี้ทีไรก็อดใจเต้นแรงไม่ได้ทุกที
หรือว่า...
ลึกๆแล้วผมอาจจะแอบคิดอะไรกับจินฮวานฮยอง? O_O
ล...แล้วไอ้อะไรที่ว่านี่มันคืออะไรวะ.......................................................
“เฮ้ยบีไอ น้ำอะ ได้ยัง?” เสียงเรียกจากบ็อบบี้ฮยองช่วยคืนสติให้ผมอีกรอบ ผมจึงรีบสาวท้าวกลับไปยังห้องนั่งเล่น
ส่วนสมาชิกคนอื่นๆที่กินข้าวเสร็จก่อนหน้าผมไปนานแล้วก็กลับเข้าห้องไปเตรียมกระเป๋าเพื่อที่พวกเราจะได้ไปซ้อมที่ตึกพร้อมกัน
คิดแล้วก็ปวดหัวครับ กับการทดสอบครั้งต่อไปที่แสนจะยากเหลือเกิน โจทย์แดนซ์นี่ยังพอไหว แต่ให้แต่งเพลงบรรยายความรู้สึกเวลาอยู่กับคนรักเนี่ยดิ...
มันเป็นปัญหาสำหรับผมตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้วหละครับ ทั้งผมทั้งบ็อบบี้ฮยองแล้วก็สมาชิกคนอื่นๆต่างก็นั่งกุมขมับกันแทบตาย ก็ดูแต่ละคนดิ คนรักก็ยังไม่มี!! แล้วจะให้เอาประสบการณ์ที่ไหนมาบรรยายความรู้สึกเหล่านั้นครับ คิมฮันบินอยากจะบ้าตาย
พอได้โจทย์ผมก็เลยรีบหาซีรีย์ต่างๆมานั่งดูนิดหน่อยเผื่อจะช่วยไรได้ แต่ละครคือละครนั่นแหละครับ มันจะไปเหมือนกับชีวิตจริงได้ยังไง คิดแล้วก็เศร้าครับ น้ำตาจะไหล ขอตัดฉากแปป
ผมกับสมาชิกอีกห้าคนเดินทางผมถึงที่ตึกแล้วก็เริ่มซ้อมเพลงเต้นกันทันที โดยปกติแล้วผมจะคอยดูแล้วก็เตือนคนที่ผิดพลาด แต่วันนี้กลับเป็นผมที่พลาดบ่อยที่สุด น่าอายชะมัด
ผมพยายามมีสมาธิกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ แต่อาจเป็นเพราะว่าเมื่อคืนผมนอนไปแค่สองชั่วโมงด้วยแหละมั้งก็เลยรู้สึกเบลอๆ ยุนฮยองเดินเข้ามาถามผมด้วยความเป็นห่วงว่าอยากพักหน่อยมั้ย ผมก็เลยรีบตอบไปว่าไม่เป็นไร แต่ไม่นานทั้งดงฮยอกและจุนฮเวก็เดินเข้ามาถามผมซ้ำอีก
แต่ก็นั่นแหละครับ... ด้วยสปิริตของผม แน่นอนว่าผมต้องตอบว่าไม่เป็นไร...
“ฮันบิน” เสียงของพี่ชายตัวเล็กเรียกผมและกำลังยืนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ “กลับไปหอด้วยกันหน่อยดิ”
“ทำไมอะ?”
“ลืมของ”
“ครับ?” ลืมของแล้วทำไมต้องลากผมกลับไปด้วยครับ ผมไม่เข้าใจ “ฮยองไปคนเดียวก็ได้นี่”
“ไม่เอา กลัวผี”
เอ่อ... ฮยองครับ ไม่เคยรู้มากก่อนว่าฮยองกลัวผี แถมนี่ยังเป็นกลางวันแสกๆ ผีเผอบ้าอะไรจะโผล่มาตอนนี้ครับ!!!? ...ก็ได้แต่คิดครับ จะตวาดรุนแรงไปก็ไม่กล้า นี่ฮยองคนโตเลยนะ ถึงจะตัวเล็กแค่นี้แต่พอโมโหทีก็น่ากลัวไม่ใช่น้อย...
“นายก็ไปเป็นเพื่อนฮยองเค้าหน่อยแล้วกัน” อยู่ๆบ็อบบี้ฮยองก็เดินเข้ามาสมทบด้วย “แค่แป๊ปเดียวเอง เราอยู่ซ้อมกันได้ ไม่ต้องห่วงหรอก”
“แต่ว่า...”
“ไม่ต้องมาต่งมาแต่ รีบๆลุกไปเลย” มือหนาของบ็อบบี้ฮยองยื่นออกมาดันหลังผมให้ลุกขึ้นอย่างง่ายดาย รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ค่อยมีแรงเลยแฮะ หลังจากนี้คงต้องออกกำลังกายเยอะๆซะแล้ว
และแล้วผมกับจินฮวานฮยองก็มานั่งอยู่ที่หน้าร้านสะดวกซื้อได้ไง...ไม่รู้
บอกตรงๆว่าผมก็งง ไหนฮยองบอกว่าลืมของที่หอแล้วไหงดันลากผมมานั่งหาไรกินได้เนี่ย แล้วดูดิ... นั่งซดรามยอนแบบไม่ลืมหูลืมตาเลย
“กินดิ” ฮยองขยับถ้วยรามยอนอีกถ้วยมาให้ผม
“นี่เราจะไม่รีบไปหอกันหรอ?” ผมถามแล้วจับเอาชามรามยอนยกขึ้นมาซดบ้าง
“ไปหอบ้าอะไรล่ะ”
“อ่าว...” ตะเกียบแทบจะหลุดจากมือครับ
“ไอ้ลิงพวกนั้นมันบอกว่าพูดยังไงนายก็ไม่ยอมพักเลยให้ชั้นลากออกมานี่ไง” พูดจบก็ยกถ้วยขึ้นมาซดน้ำลงคอไปซะหลายอึก ดูฮยองกินด้วยท่าทางอร่อยอย่างนั้นแล้วก็น่ารักดีแฮะ
เดี๋ยวนะ... นี่ผมเริ่มจะคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอีกละ พอๆ
“งั้นเราก็รีบกินรีบกลับไปซ้อมกันเหอะ” แล้วผมก็คีบเส้นขึ้นมากินอย่างว่องไว หึ... คอยดูเถอะเจ้าพวกนั้น จะกลับไปคิดบัญชีให้เข็ดเลย
ผมวางถ้วยลงเมื่อกินเสร็จแล้วหยิบน้ำขึ้นมาดื่มในขณะที่จินฮวานฮยองกินเสร็จไปนานแล้วและกำลังนั่งมองผมอยู่ หลังจากนั้นผมก็ลุกขึ้นยืนและทำท่าจะเดินไปแล้วหละถ้าไม่ติดตรงที่ว่ามือเล็กของใครบางคนกำลังรั้งแขนของผมเอาไว้อยู่...
ล..แล้วทำไมต้องเอาตัวมาชิดผมด้วย ใกล้กันเกินไปแล้วโว๊ยยยยย แล้วเสื้อกล้ามนั่นน่ะ!! ทำไมไม่รู้จักเปลี่ยนห๊ะ? เข้าใจว่าอากาศมันร้อน แต่เสื้อแบบนี้มัน...มัน... เฮ้อ................
“จะไปไหน”
“ก็กลับไง” ด้วยความตัวเล็กกว่าของฮยองผมก็เลยต้องก้มหน้าลงไปคุยด้วย
“ไม่ให้กลับ”
“เอ๊า” อะไรของฮยองเนี่ย แล้วช่วยปล่อยผมซักทีได้มั้ย
“อย่ากลับไวดิ เดี๋ยวพวกนั้นหาว่าชั้นทำไม่สำเร็จ”
ท..ทำไมต้องทำสีหน้าน่าสงสารอย่างนั้นด้วยครับ โอย อากาศนี่กว่าร้อนแล้ว แต่ผมว่าหน้าผมคงร้อนยิ่งกว่า
“ไม่สำเร็จ?”
“ก็ลากนายออกมาพักผ่อนข้างนอกนี่ไง” ฮยองยังทำสีหน้าคาดหวังสุดฤทธิ์ว่าผมจะยอมด้วย “ป่ะ เดินเล่นกัน”
แล้วมือเล็กก็เลื่อนลงไปลงไปกุมมือผมไว้ก่อนจะลากผมออกมาจากหน้าร้านสะดวกซื้อนั้น บอกตรงๆว่าผมก็ไม่ได้ห่วงเรื่องซ้อมอะไรเท่าไหร่ เพราะผมเชื่อว่าพวกนั้นคงตั้งใจซ้อมเป็นอย่างดีแน่นอน แถมที่ผมได้ออกมาสูดอากาศข้างนอกอย่างนี้บ้างมันก็ดี แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่...
ผมต้องมาตัวติดอยู่กับจินฮวานฮยองแค่สองคนเนี่ยแหละครับ!!
ผมกับฮยองตัวเล็กเดินเล่นด้วยกันมาเรื่อยๆจนถึงสวนสาธารณะ เวลาค่อนบ่ายอย่างนี้อากาศร้อนๆอยู่ก็เลยยังไม่ค่อยมีคนมาออกกำลังกาย
จินฮวานฮยองลากผมไปนั่งด้วยกันบนพื้นหญ้าใต้ต้นไม้ต้นใหญ่เพราะมันช่วยบังแดดได้ ตอนแรกผมก็ว่าจะไม่นั่งหรอกครับ แต่ไหนๆเดินมาแล้วก็เหนื่อยเลยอยากพักซักหน่อย อีกอย่างตรงนี้ก็ทำเลดีซะด้วยสิ เพราะถึงอากาศจะร้อนแต่ก็ยังมีลมพัดที่ช่วยให้เย็นสบายได้อยู่
ผมหันไปมองฮยองที่กำลังนั่งเอนหลังพิงต้นไม้พร้อมกับยื่นขาจนยาวเหยียด
เอ่อ... ที่จริงก็ไม่ค่อยยาวหรอกครับ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“นี่” อ...ยู่ก็หันมาเรียกผมซะงั้น นี่ฮยองคงไม่ได้ยินสิ่งที่ผมคิดหรอกใช่มั้ย เสียวสันหลังวาบเลยแฮะ
“ค...ครับ?”
“นอนดิ”
“ตอนนี้เนี่ยนะ? ผมว่าเราน่าจะรีบกลับไปซ้อม...”
“เถอะน่า” จินฮวานฮยองพูดเสร็จก็ยื่นมือออกมาดันหัวผมอีกด้านให้โน้มลงมาพิงไหล่เล็กของตัวเขาเอง “โดดแค่แป๊ปเดียวเอง”
“...” คือมันก็ดีอ่านะ... ถ้าไม่ติดตรงที่ เอ่อ... ที่ไหล่ฮยองเตี๊ยเตี้ยเนี่ย ไม่คิดว่าผมจะเมื่อยคอมั่งหรอครับ??
“นี่” เฮ้ย! ทำไมชอบเรียกตอนที่ผมแอบนินทาในใจอยู่เรื่อย ตกลงว่าได้ยินจริงๆใช่มะ
“ค..ครับ...”
“นึกว่าหลับแล้ว”
“กำลังจะหลับ...” เอาเถอะ ถึงจะเมื่อยคอไปหน่อย แต่ผมก็รู้สึกสบายใจดีนะที่ได้อยู่กับฮยอง
กลิ่นหอมอ่อนๆของจินฮวานฮยองกำลังทำให้ผมเคลิบเคลิ้ม ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า... พวกเรานั่งอยู่ใกล้ๆกันแค่นี้... แค่นี้เอง มันคงไม่แปลกใช่มั้ยถ้าผมจะบอกว่าจริงๆแล้วผมรู้สึกดีใจทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับฮยองเพียงแค่สองคน ไม่ว่าจะเป็นในเวลานี้ ตอนนี้ หรือว่าเมื่อก่อน ตอนที่อยู่ที่หอ หรือเวลาที่เราออกไปซื้อของด้วยกัน แม้ว่าผมจะทำตัวไม่ค่อยถูกก็เถอะ...
ผมรู้สึกอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ว่า...
ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกดีใจเหล่านั้นมันเกิดขึ้นได้ยังไง...
ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้น ผมก็เผลอหลับจนได้ หวังว่าในความฝันของผม จะมีจินฮวานฮยองอยู่ด้วยนะครับ...
...
...
... Zzz~
ในความฝันของผมมีจินฮวานฮยองอยู่จริงๆด้วย!!
ผมฝันว่ากำลังนอนหลับอยู่บนตักของฮยองตอนที่ผมก็ค่อยๆลืมตาขึ้นพบกับใบหน้าเรียวเล็กที่หลับตาพริ้มจนน่าเอ็นดู
น่ารัก... น่ารักเกินไปแล้ว
แต่ผมว่าแม่งแปลกๆครับ
ความฝันอะไรจะเหมือนจริงขนาดนี้
ดังนั้นเพื่อเป็นการพิสูจน์ ผมจึงเอื้อมมือยังที่ใบหน้าเล็กที่กำลังเอนไปมาเล็กน้อยด้วยอาการหลับก่อนจะดึงแก้มนิ่มๆของฮยองอย่างหมั่นเขี้ยว
นี่แน่ะๆ
“เล่นไรเนี่ย!!”
เพี๊ยะ!!
เฮ้ยยยยย!!! ฮยองตัวเล็กลืมตาขึ้นมาตีมือผมเฉยเลย โอย แม่งโคตรเจ็บอะ ส..สรุปว่านี่ไม่ใช่ความฝันหรอ?
ชิบหายละ...
“ผมเจ็บนะฮยอง T[]T” ตีหน้าเศร้าเข้าไว้ครับ ฮยองจะได้ลืมๆไปว่าเมื่อกี๊ผมทำอะไร
“จริงดิ ไหนดูหน่อย” ฮยองคว้าเอามือข้างที่ถูกตีของผมไป ก่อนจะเป่าลมใส่สองสามที “โทษทีนะ ตกใจไปหน่อย”
ผมไม่น่าบอกฮยองไปอย่างนั้นเลยครับ รู้สึกเหมือโดนความน่ารักของฮยองแอทแท็คเข้าเต็มๆ เพราะจู่ๆหน้าผมก็รู้สึกร้อนๆขึ้นมาอีกแล้ว โอยยยยย แม่งจะร้อนทั้งวันเลยใช่มั้ยเนี่ย
ผมพยายามซ่อนใบหน้าที่คิดว่าแดงจัดแน่ๆโดยการหันหน้าไปซุกหลบอยู่ตรงหน้าท้องแบนเรียบของจินฮวานฮยอง
กลิ่นหอมจางๆจากฮยองทำเอาผมเคลิ้มอีกจนได้ นี่ผมกำลังฆ่าตัวเองชัดๆ ลุกขึ้นตอนนี้จะทันมั้ยวะ T T
“ไม่เจ็บแล้วใช่ป่ะ?”
“อืม”
ตั้งแต่ไหนแต่ไร ฮยองตัวเล็กคนนี้ก็คอยเป็นห่วงผมอยู่ตลอด ผมเป็นหัวหน้าที่ต้องคอยดูแลเอาใจใส่สมาชิกทุกคน แต่วันมีนึงที่จินฮวานฮยองกลับมาบอกผมว่าให้ผมทำหน้าที่ของหัวหน้าไป ส่วนฮยองจะเป็นคนคอยดูแลผมเอง...
แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมคิดได้ยังไง!!
ก็คงจะเป็นตั้งแต่ตอนนั้นแหละมั้งที่ผมเริ่มมองฮยองเปลี่ยนไป... ไม่ใช่แค่พี่ที่ผมนับถือ แต่เป็นพี่ชายคนโตที่แสนพิเศษ คนที่พิเศษ...สำหรับผม
“ผมว่าผมนึกออกแล้วว่าจะแต่งเนื้อเพลงยังไงดี”
“เวลาอย่างนี้ยังจะคิดเรื่องงานอีกนะ ไม่ยอมพักเลยจริงๆ”
“ขอบคุณมากเลยนะครับ”
“ทำไมอะ?”
เพราะว่าโจทย์เพลงครั้งนี้เป็นเรื่องของความรู้สึกเวลาอยู่กับคนรักไงครับ อยากพูดนะแต่... ผมไม่กล้า...
ผมขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ๆกับหน้าท้องของฮยองอีกจนพูดเสียงอู้อี้ออกมา
“ผมมีความสุขมากเลยที่ได้อยู่กับฮยอง”
“ว่าไงนะ ไม่ได้ยิน”
ก็ไม่ได้ยินนั่นแหละดีแล้วครับ!!
หลังจากนั้นพวกเราทั้งสองคนก็เดินกลับไปด้วยกัน แต่พอมาถึงแล้วผมแทบจะองค์ลง!! อุตส่าห์คิดว่าจอมวางแผนทั้งสี่จะตั้งใจซ้อมเต้น ที่ไหนได้ มานั่งจับกลุ่มคุยกันหัวเราะสนุกเชียว แม่ง... -*-
“พวกเราซ้อมกันไปก่อนหน้านี้แล้วน่า ตอนนี้แค่พักกันเฉยๆ” บ็อบบี้ฮยองออกหน้ารับแทนทุกคน
นี่ผมกำลังอารมณ์ดีเพราะคิดเพลงออกแล้วหรอกนะ ไม่งั้นหละก็...
“เฮ้อ งั้นก็มาด้วยกันหน่อย ผมเริ่มคิดทำนองเพลงได้ละ” ว่าแล้วก็กวักมือเรียกบ็อบบี้ฮยองให้เดินตามไปที่ห้องตัดเพลงด้วยกัน
“อืมๆ” เค้ารับคำก่อนจะหันไปยักคิ้วใส่อีกสามหน่อที่ยืนอยู่ด้านหลัง แล้วนั่นแม่งยิ้มอะไรกันวะ
“เป็นโรคคิ้วกระตุกหรอฮยอง?”
“เออ ไม่เคยเป็นรึไง”
“ไม่เคย”
ผมลองมิกซ์ทำนองให้บ็อบบี้ฮยองฟังแล้วพวกเราก็ช่วยกันปรับนู่นแก้นี่ไปเรื่อย จนผมรู้ผมรู้สึกว่าผมพอใจแล้วนะ ส่วนสมาชิกอีกสี่คนที่เหลือก็กำลังซ้อมท่าเต้นในส่วนของตัวเอง หรือบางทีก็โผล่หน้าเข้ามาถามความคืบหน้าเป็นระยะๆ
ถึงทำนองของเพลงจะโอเคแล้ว แต่ผมว่าคงต้องลองใส่เนื้อร้องลงไปก่อนจะได้รู้ว่าเพลงมันออกมาดีหรือเปล่า แต่ผมยังเรียบเรียงไม่ค่อยถูก เพราะงั้นผมก็เลยออกมาซ้อมเต้นในระหว่างนั้นไปก่อน
จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืน ทุกคนต่างก็เหนื่อยล้าและเริ่มเก็บข้าวของเพื่อเตรียมตัวกลับหอพัก
“ไม่ไปเก็บกระเป๋าอะฮยอง?” จุนฮเวเดินเข้ามาถามผมด้วยท่าทางที่ง่วงเต็มที
“เดี๋ยวอยู่อีกซักพัก”
“อีกละ” ว่าแล้วก็เดินจากไป ใครก็ได้ช่วยเปลี่ยนน้องเล็กผมให้สมกับเป็นน้องเล็กทีครับ -*-
คือมันค้างคาอะ อยากแต่งเนื้อเพลงซักหน่อยก็ยังดี เข้าใจอารมณ์คนหน้าตาดีขยันป่ะครับ?
“ไม่...” จ...จินฮวานฮยองอีกแล้ว “ไม่กลับด้วยกันหรอ”
“อ...อืม อยู่ไม่ดึกหรอก”
“ไม่ดึกแต่เช้าเลยน่ะสิ” ฮยองทำท่าเหมือนจะดุผมแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
สมาชิกทั้งห้าคนกลับแล้วก็ถึงเวลาที่ผมจะได้ทำงานต่อ อืมๆ... เหมือนเคยได้ยินนะว่าสมองคนเราบางก็ชอบโลดแล่นตอนกลางคืน รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีเลยแฮะ!!
…
…
…
“ฮันบิน.. เฮ้ย ฮันบิน”
อือออออออ ใครเรียกผมน่ะ เสียงเหมือนจินฮวานฮยองเลย
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบกับฮยองตัวเล็กที่กำลังยื่นมือมาเขย่าตัวผมอยู่ อา...ฮยองจริงๆด้วยแฮะ...
“กี่โมงแล้วอะฮยอง”
“ยังไม่ทันตีหนึ่งเลยด้วยซ้ำ”
“อ่า...หรอ...” ผมเข้ามาในห้องตอนเที่ยงคืนกว่าๆ แล้วเผลอหลับไปได้ไงวะ
จำได้ว่ากำลังลองจดเนื้อเพลงลงสมุดเพลินๆ แล้วหลังจากนั้นก็นึกไงไม่รู้นั่งเขียนชื่อจินฮวานฮยองเล่น เขียนไปเขียนมาเต็มหน้ากระดาษเลย สงสัยคงหลับไปตอนนั้นแหละมั้ง
อ้อ นี่ไง สมุดเล่มนี้ที่ผมนอนทับอยู่…
“เฮ้ย!!” ผมรีบปิดสมุดหนีทันที เชี่ยเอ๊ย! ฮยองแม่งต้องเห็นแล้วแน่ๆเลย
“หลบไปก็เท่านั้นแหละ”
นั่นไง... เห็นหมดแล้วชัวร์ๆ ฮยองจะคิดว่าผมโรคจิตป่าววะ
“ล...แล้วฮยองกลับมาทำไมอะ” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตาคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ลืมของ” เขาตอบด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ
น...น่ารักเกินไปแล้ววววววววววววววว ใครก็ได้เอาฮยองคนนี้ไปเก็บทีก่อนที่ผมจะหัวใจวายตาย
“อ่อครับ...”
“จะอยู่แต่งเพลงต่อก็ได้นะ ไปละ”
“เดี๋ยวสิฮยอง” ผมเรียกพร้อมกับยืนขึ้นและรั้งแขนเอาไว้ “ผมกลับด้วย...”
“อ้าว ทำไมอะ”
“ผมกำลังคิดเพลงท่อนต่อไปอยู่ ว่าจะไปหาเอาข้างหน้ากับฮยองเนี่ยแหละ”
คราวนี้ผมว่าผมพูดชัดเจนเลยนะ ถ้าฮยองไม่เก็ตก็ไม่รู้จะว่ายังไงละ... แต่ดูๆแล้วเจ้าตัวก็คงเข้าใจ เพราะตอนนี้ใบหน้าเล็กนั่นกำลังแดงเป็นลูกมะเขือเทศเลยครับ
อ่า... น่าหม่ำจัง
เฮ้ย!!!
ผมรีบปิดคอมแล้วคว้ากระเป๋ามาสะพาย หลังจากนั้นก็เดินออกจากตึกมาพร้อมกับฮยองตัวเล็กทันที
“ฮยอง”
“ห๊ะ?”
“เดินจับมือกันได้ป่ะ?”
“...” เขาหยุดเดินแล้วหันมามองผมอย่างตกใจก่อนที่จะเบือนหน้าหลบไปทางอื่น
“...”
“ด...ได้” พอเขาตกลงผมก็ค่อยๆคว้ามือเล็กมาจับเอาไว้
จ...ใจผมเต้นแรงมากเลยครับ
“ตกลงว่าฮยองลืมของอะไรไว้อะ ไม่เห็นหยิบมาเลย”
“ก็หยิบมาแล้วนี่ไง...” คนตัวเล็กตอบพร้อมกับชูมือข้างที่จับกับผมขึ้นมาโชว์
อา... ฮยองคนนี้นี่... จริงๆเลย... น่ารักจริงๆเลย...
Special~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ในขณะที่ส่งหัวหน้าวงออกไปจากห้องซ้อมพร้อมกับพี่ใหญ่ สมาชิกที่เหลือก็เริ่มพักกันบ้าง พวกเขานั่งเล่นและวิ่งเล่นไปมาก่อนจะหยุดพักแล้วพูดคุยกัน
“ทำอย่างนี้บีไอจะไม่โกรธจริงๆหรอ?” ยุนฮยองเปิดวงสนทนาด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล
“ไม่หรอก” ร่างสูงของบ็อบบี้เดินเข้ามานั่งสมทบด้วย “นอกจากหมอนั่นจะได้พักแล้ว เผลอๆอาจได้เพลงใหม่กลับมาด้วยนะ”
“ฮยองรู้ได้ไง?” ดงฮยอกขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“เออน่า ระดับนี้แล้ว นี่ใคร? นี่ท่านเทพคิมจีวอนเลยนะ”
“รู้อะไรดีๆก็บอกกันมั่งดิฮยอง” น้องเล็กอย่างจุนเฮววางขวดน้ำลงแล้วนั่งเท้าคางรอฟังอย่างตั้งใจสุดๆ
“เรื่องมันมีอยู่ว่า...” คนที่ตั้งท่าจะเล่าเงียบไปซักพัก
“ว่า...?”
“ไม่บอกหรอ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“โห่ฮยองแม่ง...”
-------------------------------------------------------------------------------------------------
ไมรู้ว่ามาต่อครึ่งหลังช้าไปรึเปล่า แบบว่าอยู่ๆก็ยุ่งขึ้นมาพอดี
นี่ก็เลยรีบแต่งสุดฤทธิ์ค่ะ อยากลง >< 55555555
ชอบไม่ชอบยังก็คอมเมนต์ติชมได้นะคะ จุ๊บๆ ^^
ความคิดเห็น