ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7 ● 2Jae] Innocent Kitten # JB x Youngjae

    ลำดับตอนที่ #7 : [OS] Lay Back

    • อัปเดตล่าสุด 26 มิ.ย. 57


    [OS] Lay Back

     

     

     

     

               สิ่งที่เรียกว่าความบังเอิญ จริงๆแล้วมันเป็นเพราะโลกกลมหรือว่าพรหมลิขิตกันแน่...

     

    บ่ายวันหนึ่ง ผมกำลังจัดและเก็บข้าวของอยู่ภายในห้องใหม่ของผม... ไม่รู้ว่าของที่ผมขนมามีน้อยหรือว่าห้องนี้มันใหญ่เกินไปกันแน่ บางที... ผมอาจจะคิดผิดที่ย้ายมาอยู่ในอพาร์ทเม้นต์นี้ก็ได้ ผมน่าจะหาห้องที่เล็กกว่านี้ เพราะถึงยังไงผมก็อยู่แค่ตัวคนเดียว

     

    ขณะที่ผมกำลังคิดว่าจะจัดการยังไงกับลังหนังสือมหาศาลที่ผมสะสมเอาไว้ดี ประตูห้องของผมก็ถูกเปิดออกโดยไม่ได้รับอนุญาต ผมขมวดคิ้วจนแทบจะเป็นปมด้วยความสงสัยว่าทำไมอยู่ๆถึงมีคนเข้ามาภายในห้องของผมได้ และเมื่อผมเงยหน้าขึ้นมาพบกับร่างสูงของใครบางคนที่กำลังลากกระเป๋าเดินทางเข้ามา เขาเอง... ก็ดูจะตกใจไม่แพ้กันที่มองเห็นผมยืนยกลังกระดาษอยู่ตรงหน้า

     

    “นายมาทำอะไรที่นี่” น้ำเสียงทุ้มเข้มนั้นเอ่ยถามผมตอนที่กวาดตามองไปรอบๆห้อง

     

    “ผมควรถามคุณมากกว่าว่าเข้ามาทำอะไรในห้องของผม”

     

    “ว่าไงนะ?”

     

    เราจบบทสนทนากันเพียงเท่านั้น ก่อนที่ผมและเขาจะรีบโทรติดต่อเจ้าของอพาร์ทเม้นต์ในทันที

     

    ผมสามารถประมวลผลและสรุปใจความได้ง่ายๆว่า พวกนายหน้าทำงานกันไม่เป็นระบบ... นี่มันบ้าชัดๆ พวกเขาทำสัญญาซื้อขายซ้อนกันโดยที่ไม่ประสานงานกันให้ดีเลย แล้วสุดท้ายผมก็ต้องมาซวยอย่างนี้

     

    “พวกนั้นบอกว่านายเป็นฝ่ายทำสัญญาก่อน” เขาหันมาคุยกับผมหลังจากที่วางโทรศัพท์ไปเรียบร้อยแล้ว “เพราะงั้นฉันต้องย้ายไปอีกห้อง แต่ว่าห้องนั้นคนยังไม่ย้ายออก คงไม่เป็นไรใช่มั้ยถ้าฉันจะอยู่ด้วยซักสองสามวัน”

     

    “เป็น... เพราะผมคงไม่สะดวก”

     

    “นายก็รู้ว่าไม่มีทางปฏิเสธฉันได้หรอก... ชเวยองแจ

     

    ผมว่า... ผมคงคิดผิดจริงๆนั่นแหละที่ตัดสินใจซื้อห้องนี้





     

     

     

     

    ที่ผมบอกว่าไม่สะดวก นั่นก็เพราะว่าผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ถึงเขาจะยังไม่ได้ย้ายของเข้ามาในวันนี้ด้วย ซึ่งนั่นก็ช่วยทำให้ห้องผมไม่รกไม่มากกว่านี้ แต่การที่จะต้องอยู่กับเขาไปอีกหลายวันมันค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจไม่น้อย

     

    ขนาดตอนที่นั่งกินข้าวมื้อเย็นพร้อมกัน พวกเราต่างฝ่ายต่างก็เอาแต่เงียบโดยไม่คิดจะเริ่มคุยกันซักคำ และแน่นอนว่าผมไม่ได้คิดจะทำอย่างนั้นอยู่แล้วด้วย ตอนที่เขาเดินไปนั่งดูทีวี ผมเองก็หลีกเลี่ยงออกมาหามุมเงียบๆอ่านหนังสือเช่นกัน

     

    จริงๆแล้วผมก็แค่อยากอยู่ให้ห่างๆเขาเท่านั้นแหละ....

     

    เพราะงั้นหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ ผมจึงรีบเข้านอนไปก่อนโดยไม่รอ และปล่อยให้เขาไปหาที่นอนเอาเองตามสบาย แต่ใครจะไปคิดล่ะว่า เจ้าของร่างสูงที่มาอาศัยอยู่กับผมจะปีนขึ้นเตียงมานอนอยู่ข้างๆผมอย่างนี้

     

    บางทีโซฟาอาจจะไม่สบายตัวสำหรับเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ควรขออนุญาตผมก่อน จากตอนแรกที่ผมนอนไม่หลับอยู่แล้ว นี่ยิ่งทำให้ผมตาสว่างมากขึ้นไปอีก

     

    “นายหลับรึยังยองแจ...”

     

    “...”

     

    “ฉันรู้ว่านายยังไม่หลับ”

     

    “...” ผมที่นอนหันหลังให้เขา กับเขาที่นอนอยู่ข้างๆ... เขารู้ว่าผมยังคงลืมตาอยู่ท่ามกลางความมืดที่มีแต่ความน่าอึดอัดแบบนี้

     

    “ใจร้ายยังเลยแฮะ...”

     

    “...คุณมีสิทธิ์พูดคำๆนั้นกับคนที่คุณทิ้งไปด้วยรึไง”

     

    อิมแจบอม... ผมเกลียดพี่ที่สุดเลย





     

     

     

     

    พอเถอะ ความสัมพันธ์ของพวกเราน่ะ จบมันซะตอนนี้เลย ผมยังจำน้ำเสียงของเขาในตอนนั้นได้เป็นอย่างดี เพียงไม่กี่คำที่เขาใช้ตัดความสัมพันธ์ของพวกเรา... เขาแทบไม่มองผมด้วยซ้ำก่อนที่จะทิ้งผมไป

     

    ได้... ถ้าพี่ต้องการอย่างนั้น ผมก็จะหยุดทุกอย่างระหว่างเราเอาไว้เท่านี้

     

    หลังจากนั้นเขาก็เก็บข้าวของทุกอย่างที่เป็นของตัวเองใส่กระเป๋าเดินทางสองใบ และออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองผมอีกเลย เขาทิ้งของบางอย่างที่เป็นของๆเราเอาไว้ด้วย เขาคิดว่าผมจะทนมองแก้วน้ำ เสื้อคู่ รองเท้า หรือแม้แต่แหวนของเราได้อีกเหรอ ผมไม่เข้าใจเลยว่าเขาจะทิ้งของไร้ค่าพวกนั้นเอาไว้ให้ผมทำไมกัน แต่มันก็แปลกดี... ที่ผมไม่เคยเก็บมันไปทิ้งเลยตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา

     

    เขาเป็นคนทะเยอทะยาน ไม่สิ... เขาเป็นคนที่มีจุดมุ่งหมายมากว่าผมเยอะ ในขณะที่เขาก้าวไปในเส้นทางข้างหน้า ผมก็เอาแต่ย่ำอยู่กับที่บนเส้นทางของผม พอหันหลังกลับมามองเห็นอะไรแบบนั้น มันก็เลยทำให้เขาหงุดหงิด ผมทำให้เขารู้สึกว่าเขาดูแลผมได้ไม่ดีพอ แต่ผมไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยซักนิด ผมก็แค่นักเขียนธรรมดาที่อยากเขียนงานอยู่ในที่ๆเป็นของตัวเอง ผมไม่ได้ต้องการความก้าวหน้า หรือว่าต้องการชีวิตที่ดีกว่านี้ ผมพอใจแค่นั้น และผมก็ดีใจที่ได้เห็นเขาเดินต่อไปด้วยกำลังของตัวเขาเอง โดยที่ผมสามารถเป็นกำลังใจให้เขาอยู่ตรงนี้ได้

     

    ซึ่งสุดท้ายแล้ว... สิ่งเหล่านั้นมันก็ทำให้เราเริ่มแตกหักกันอย่างไม่ทันรู้ตัว เขาเอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลาพัก ผมเองก็อยู่แต่กับงานเขียนของผม เราแทบไม่มีแม้แต่เวลาจะกินข้าวพร้อมกัน... เรื่องเราที่คุยกันได้ก็ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ... ผมกลัว... แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนั้น ผมคิดว่าเวลาจะช่วยทำให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ แต่ผมกลับคิดผิดถนัด เมื่ออยู่ๆบริษัทที่เขาทำงานอยู่ถูกฟ้องล้มละลาย เขาเลยกลายเป็นคนตกงานและเก็บตัวมากขึ้นกว่าเก่า... ถึงแม้ผมจะพร่ำบอกเขาว่าไม่เป็นไร แต่เขาก็ไม่ฟังผม แถมยังคิดไปเองว่าเขาทำให้ชีวิตของผมแย่ลง

     

    เขาอยากเริ่มต้นใหม่ ผมก็ไม่ว่าอะไร... แต่ทำไมเขาต้องเริ่มต้นด้วยการทิ้งผมไปอย่างนี้ด้วย





     

     

     

     

    “พี่ขอโทษนะยองแจ...” เขากำลังกระซิบบอกกับผมขณะที่ยื่นแขนเข้ามากอดเอวผมเอาไว้ด้วย

     

    ผมยอมรับว่าการกระทำนั้นทำให้ผมใจอ่อน แต่มันจะมีอะไรดีขึ้นมาล่ะ ในเมื่อทุกๆอย่างมันก็จบลงไปตั้งนานแล้ว และเขาเองก็เป็นฝ่ายเลือกที่จะไปเอง

     

    ในตอนนี้ ผมกำลังรู้สึกเกลียดตัวเองมากกว่าที่ปล่อยให้คำพูดของเขามาทลายกำแพงภายในใจจนหมดสิ้น เขาใช้อ้อมแขนแกร่งของเขาพลิกตัวผมให้หันกลับมา ทั้งๆที่รู้ว่าผมกำลังร้องไห้อยู่อย่างเงียบๆ นิ้วหัวแม่มือของเขาเลื่อนขึ้นมาเช็ดหยาดน้ำตาบนใบหน้าของผมออกไปด้วยความอ่อนโยน อันที่จริงแล้วเขาก็ดูจะตกใจเหมือนกันที่เห็นผมเป็นอย่างนี้ เพราะตลอดสามปีที่คบกันมา ผมไม่ใช่คนที่จะร้องไห้ให้ใครเห็นง่ายๆ แม้แต่ตอนที่เขาไป ผมยังไม่เสียน้ำตาให้เขาเลยซักนิด

     

    แต่พอมาวันนี้... ผมกลับปล่อยให้ตัวเองร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับเด็กน้อยขี้แยยังไงยังงั้น ไหล่ของผมกำลังสั่นระริก ในขณะที่มือของผมก็ยกขึ้นมากำเสื้อของเขาเอาไว้แน่น คำพูดของผมมีเพียงแค่...

     

    “ผมเกลียดพี่... ผมเกลียดคนอย่างพี่ที่สุดเลย ฮึก... ผมเกลียด”

     

    ผมโกรธเขา ผมเกลียดเขา ใช่... แต่ผมก็ยังคงรักเขาอยู่ดี

     

    หนึ่งปีที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยทำให้ผมลืมเขาได้ลงเลยจริงๆ

     

    เขาเอาแต่เกลี่ยน้ำตาบนแก้มผมอยู่อย่างนั้น และปล่อยให้ผมพรั่งพรูคำต่อว่าเขาออกมาอยู่เรื่อยๆ แต่พอเวลาผ่านไปผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อได้อีก ดังนั้นผมจึงเงียบ... และปล่อยให้เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ก่อนที่เขาจะประทับจูบลงบนหน้าผากของผมอย่างแผ่วเบา

     

    สัมผัสที่อ่อนโยนของเขาทำให้ผมนึกถึงภาพวันเก่าๆขึ้นมาอีกครั้ง ผมกำลังรู้สึกต้องการเขามากกว่าครั้งไหนๆ และดูเหมือนว่าเขาเองก็คงจะรู้เช่นเดียวกัน เมื่ออยู่ๆริมฝีปากหยักนั้นก็เลื่อนลงมาจนถึงตรงปลายจมูกของผม... แก้มของผม... ไล่เรื่อยจนมาหยุดลงที่มุมปาก... และหลังจากนั้นเราก็จูบกันราวกับว่าโลกนี้ใกล้ดับสลายเต็มที

     

    ความโหยหาระหว่างเราทำให้ผมอยากโยนทิฐิของตัวเองทิ้งไปซะ แล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น ซึ่งผมคิดว่าผมคงสามารถทำอย่างนั้นได้ทันที หากเพียงแค่... เขายังต้องการผมอยู่

     

    เนิ่นนานซักพักว่าที่เขาจะปล่อยตัวผมออกมา ดูเหมือนว่านัยน์ตาสั่นระริกคู่นั้นกำลังหวั่นไหวยิ่งกว่าผมเสียอีก หลังจากที่ปล่อยให้ผมต่อว่าเขาไปตั้งเยอะในตอนแรก ตอนนี้เขาเองก็กำลังพร่ำบอกขอโทษผมอยู่เช่นกัน

     

    “พี่ผิดไปแล้วยองแจ... พี่ไม่ควรทิ้งนายไปอย่างนั้นเลย”

     

    “พี่ไปอยู่ที่ไหนมาตั้งหนึ่งปี ไม่คิดจะกลับ... มาหาผมบ้างเลยใช่มั้ย”

     

    “พี่ตั้งใจว่าถ้าตั้งตัวได้เมื่อไหร่ พี่จะรีบกลับมาหานายทันที เพราะพี่เองก็อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีนาย”

     

    “มันจะไม่สายเกินไปหน่อยเหรอ... พี่กลับมาตอนที่ผมกำลังจะตัดสินใจลืมพี่ไปเนี่ยนะ” ทั้งๆที่ผมตั้งใจว่าจะย้ายออกมาจากห้องเดิมนั้น เพราะต้องการลบความทรงจำทุกสิ่งทุกอย่างทิ้ง แต่โชคชะตากลับเล่นตลกและทำให้เราต้องมาเจอกันอีก “...พี่มันเลวที่สุดเลย”

     

    “พี่รู้ตัวว่าแย่แค่ไหน”

     

    “...”

     

    “เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ยยองแจ พี่สัญญาว่าจะไม่ทิ้งนายไปไหนอีก”

     

    “ถ้าพี่ผิดสัญญาล่ะ”

     

    “ไม่มีถ้าหรืออะไรทั้งนั้น... เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”

     

    ถ้อยคำหวานที่เขาบอกกับผม ทำให้ผมนึกคิดไปว่าตัวเองกำลังอยู่ในความฝัน แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ก็คงเป็นรสจูบที่แสนอ่อนโยนของเขานั่นเอง...

     

    ผมรู้สึกเหมือนกับว่าความอึดอัดใจของผมที่ผ่านมาได้ถูกละลายหายไปอย่างง่ายดาย ทั้งๆที่ตลอดหนึ่งปีมานี้ ผมไม่เคยใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขเลย แต่พอเขากลับมาอยู่ใกล้ๆผมเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ผมก็ยอมโอนอ่อน แถมยังปล่อยให้เขากลับเข้ามาอยู่ภายในหัวใจของผมอีกครั้ง ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเมื่อได้อยู่กับเขา เพราะงั้น... ผมคงไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้แล้วจริงๆ

     

    ตอนนี้ผมคิดว่าพี่แจบอมคงไม่ต้องย้ายห้องใหม่แล้วล่ะ...








    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ชะแว๊บ!! หายไปนานที่สุดในสามโลก แล้วอยู่ๆก็กลับมา 5555555555
    สรุปคอนเซ็ปท์ฟิคเรื่องนี้ยังละมุนอยู่มั้ย ชักเริ่มงงแล้วเหมือนกันนะ -..-
    แต่ด้วยความคิดถึงทูแจ คิดว่ายังไงก็อยากแต่งอีก อยากแต่งตอไปเรื่อยๆถ้ามีเวลา TwT
    จริงๆนี่ดู I GOT7 แล้วเจอพลังทูแจแอทแท็คเต็มๆค่ะเลยต้องจัดซักหน่อย
    แต่ประเด็นคือไม่ได้จดพล็อตคู่นี้ไว้เลย สุดท้ายต้องมานั่งมโนพล็อตเอาสดๆ
    จนเกิดมาเป็น OS เรื่องนี้เล... ยังไงก็ฝากติชมกันได้นะคะ น้อมรับความคิดเห็นทุกประการ ฮ่าๆๆ
    สุดท้ายนี้ รักคนอ่านทุกคนเลยนะคะ เย้~ >///<


     


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×