คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2
ตอนที่ 2
‘พ่อ…ผมหวังว่าพ่อจะไม่เป็นอะไรนะ’ เขาภาวนาในใจด้วยความรู้สึกกลัว รู้สึกเป็นห่วงพ่อของเขาอย่างมาก นั่งรอมาพักใหญ่จนจะชั่วโมงได้แล้ว ไม่เห็นมีท่าทีว่าพ่อจะมารับซักทีจึงเริ่มกังวลหนักขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มีเสียงโทรศัพท์ดึงขึ้น เมื่อมองไปที่จอโทรศัพท์ก็เห็นเป็นเบอร์ของพ่อโทรมา เด็กหนุ่มกดรับสายด้วยความดีใจ
“ครับพ่อ” เขาตอบรับด้วยน้ำเสียงโล่งใจสุดๆ แต่แล้วความดีใจ โล่งใจนั้นก็หายไป
“คุณใช่ญาติ คุณพงศ์เทพ รึเปล่าคะ”
“ใช่ครับ ผมเป็นลูกเค้า คุณเป็นใครครับ มารับโทรศัพท์พ่อผมได้ยังไง”
“คือดิฉัน โทรมาจากโรงพยาบาล … ค่ะ คือพ่อของคุณประสบอุบัติเหตุ ตอนนี้อยู่ที่ห้องฉุกเฉินค่ะ ฉันโทรจากเบอร์ที่โทรออกล่าสุดของโทรศัพท์พ่อคุณ คุณคะ… คุณคะ ฟังอยู่รึเปล่า”
ได้ยินดังนั้น โทรศัพท์ก็ร่วงจากมือหล่นลงบนโซฟา เด็กสาวเห็นทีท่าไม่ดีของเพื่อนก็รีบถามว่าเป็นอะไรแต่ ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรมาเลย นอกจากหน้าซีดของเด็กหนุ่ม เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยต่อและถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้น
ทันใดนั้นเองพ่อแม่ของเจสก็กลับมาจากต่างจังหวัดพอดี เธอจึงรีบวิ่งเข้าไปหาพ่อแม่ และเล่าให้พ่อแม่ของเขาฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
เด็กหนุ่มเริ่มได้สติก็ตอนที่อยู่บนรถแล้ว ตอนนี้เขากับพ่อแม่ของเจสกำลังมุ่งหน้าไปสู่โรงพยาบาลเพื่อไปหาพ่อของเขา โดยที่เจสอยู่ที่บ้านเพราะพ่อแม่ของเขาเห็นว่าดึกมากแล้วจึงให้เจส พาเพื่อนๆเข้านอนไปก่อน
“พ่อของผมจะไม่เป็นอะไรใช่มั๊ยครับ” เด็กหนุ่มพูดด้วยอาการเหม่อลอย
“พ่อของหนู ไม่เป็นไรหรอกลูก ป้าว่านะ” แม่ของเจส ว่าพลางเอามือลูบหัวปลอบเด็กหนุ่มตัวเล็กอย่างเป็นห่วงเป็นใย
เมื่อถึงโรงพยาบาลพวกเขาทั้งสามคนก็รีบตรงไปยังห้องฉุกเฉิน และนั่งรอได้ครึ่งชั่วโมงกว่าก็มีคุณหมอ เดินออกมาจากประตูห้องฉุกเฉิน เด็กหนุ่มได้สติจึงรีบวิ่งเข้าไปหาคุณหมอแทบจะทันที
“คุณหมอครับ พ่อของผมเป็นยังไงบ้าง” เขาถามด้วยอาการร้อนรนสุดขีด
“คุณหมายถึง คนไข้ที่ชื่อคุณ พงศ์เทพ รึเปล่าครับ” คุณหมอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
“ใช่ครับ อึก..” เด็กหนุ่มพูดตอบคุณหมออย่างใกล้จะหมดหวัง พร้อมกลั้นเสียงสะอื้น เพราะกลัวคำตอบที่จะได้รับฟังเหลือเกิน
“หมอเสียใจด้วยครับ เราทำสุดความสามารถแล้วจริงๆ พ่อของคุณมาถึงโรงพยาบาลช้าไป ทำให้เสียเลือดมากจนเกิดอาการช็อกครับ หมอเสียใจด้วยจริงๆครับ” หมอพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบและเดินจากไป ทำให้เด็กหนุ่มมีอาการเหมือนสติหลุด และวิ่งเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เดินเข้าไปตรงเตียงผู้ป่วยที่มีผ้าขาวคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้าเอาไว้ เขาพยายามเอามือที่สั่นเทาไปเปิดผ้าคลุมศพ ของพ่ออันเป็นที่รัก คนๆเดียวที่เขารักมากที่สุด เมื่อเด็กหนุ่มเห็นหน้าภายใต้ผ้าคลุมผืนนั้นว่าเป็นพ่อของเขานั้น ก็ปล่อยโฮ ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ และได้แต่คิดโทษตัวเองว่า ถ้าเขาไม่ให้พ่อไปรับก็ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เขาคิดวนอยู่ในหัวโทษตัวเอง น้ำตาที่ยังไหลออกมาไม่ขาดสาย ทำให้พ่อแม่เพื่อนของเขาที่ยืนอยู่ข้างหลังเป็นห่วงและสงสารยิ่งนัก
ถึงแม้จะผ่านงานศพของพ่อเขาได้มาหนึ่งอาทิตย์แล้ว เด็กหนุ่มก็ยังเฝ้าคิดโทษตัวเองตลอดมาว่า เขาเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้พ่อเขาตาย
“นี่ๆ ไอ่เนม มึงจะมานั่งทำเอ็มวีอะไร ไปล้างจานหลังร้านไป ” เสียงของป้านาง
ญาติห่างๆฝ่ายพ่อที่ยังพอรู้จักกัน
“อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น เข้าใจมั๊ย ไอ่เนม” ป้านางพูดพร้อมเอานิ้วชี้ดันมาที่หน้าผากและก่นด่า เหมือนไม่ใช่ลูกไม่ใช่หลาน
เด็กหนุ่มต้องมาอยู่กับลุงกับป้าญาติฝ่ายพ่อของเขาเพราะญาติฝ่ายพ่อของเขา แต่ก็ไม่ค่อยสนิทกันเพราะ พ่อเคยเล่าให้ฟังว่าบ้านนี้เค้าชอบไปเล่นการพนันที่บ่อนติดเงินไว้มากโข เลยไม่อยากให้เข้าไปยุ่งด้วย แต่ก็ไม่มีญาติฝ่ายไหนของเขารับไปเลี้ยงดูอีกแล้ว ถึงตอนที่พ่อรวยๆจะดูมีญาติเข้าหาบ่อยก็ตาม แต่เมื่อบริษัทพ่อล้มละลายญาติๆก็พากันตีตัวออกห่าง แม่ก็หนีไปมีสามีใหม่ตั้งแต่เขายังเล็กๆ ทิ้งให้เขาและพ่ออยู่กันตามลำพังพ่อลูก
อยู่ที่นี่มาสองอาทิตย์แล้วเหมือนตกนรกทั้งเป็น ทั้งป้าและลุงใช้งานหนักเยี่ยงทาส ทั้งให้เข้าตื่นตีสี่ไปจ่ายตลาดและเตรียมทำอาหาร พอเปิดร้านก็ต้องเสิร์ฟลูกค้า เก็บร้านก็ต้องเก็บของเองทุกอย่าง ต้องนอนดึกตื่นเช้าอยู่ทุกวัน มีเพียงบางวันที่ได้พักเท่านั้น เพราะทั้งป้าและลุงปิดร้านไปเล่นการพนันที่บ่อน พอเล่นเสียกลับมาก็กลับมาพาลใส่อยู่บ่อยๆั แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้นึกโกรธแค้นอะไรเลย กลับรู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำที่ป้าและลุง ให้กินให้ที่อยู่กับเขาเพราะถ้าไม่มีป้าและลุงเขาก็คงไปอดตายอยู่ที่ไหนซักแห่ง เขาเพียงแต่นึกโทษตัวเองที่อ่อนแอเกินไปสำหรับโลกนี้จริงๆ
“เพล้ง !” เสียงกระจกแตกทำให้เด็กหนุ่มวิ่งออกมาดูหลังจากที่เขาเพิ่งแต่งตัวเสร็จหลังจากการอาบน้ำและภาพที่เห็นคือเห็นชายชุดดำไม่ต่ำกว่าสิบคน กำลังพังข้าวของในร้านอยู่
“มึงจะจ่ายไม่จ่ายอีแก่ !” ชายชุดดำพูดด้วยเสียงและท่าทางโหดเหี้ยม
“พวกเราไม่มีเงินจริงๆ อย่าพังร้านเราเลย” ป้านางพูดพร้อมกับน้ำตาไหลพรากเพราะความกลัว
“งั้นพวกมึงก็อย่าอยู่เลย” ชายชุดดำพูดพร้อมกับชักปืนออกมา มีทีท่าว่าจะยิง ทำให้เด็กหนุ่มรีบวิ่งออกมาจากห้องครัวที่เขาซ่อนตัวอยู่และวิ่งไปคุกเข่าอ้อนวอนไม่ให้พวกเขาทำอะไรกับทั้งสองคน
“อย่าทำอะไร ป้ากับลุงเลยนะครับ” เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับน้ำตานองหน้า ถึงแม้ว่าป้ากับลุงจะโหดร้ายต่อเขาแต่เขาก็ยังสำนึกบุญคุณที่ให้กินให้อยู่ กับเด็กกำพร้าอย่างเขา
“เอามันไปเลย ฉันยกให้ ฉันจ่ายเป็นไอ้นี่เลย”
“อืม.. จะให้เอาอีทอมนี่ไปทำอะไร ฮะ อีแก่!” ชายชุดดำพูดด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม พร้อมหน้าตาที่เอื้ออำนวย
“ผม ไม่ใช่ทอมนะครับ!”
“หุบปาก ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ จะตายแล้วยังพูดมากอีก” ชายชุดดำพูดพร้อมกับเอาปืนตบที่ปาก เด็กหนุ่มไปหนึ่งที ทำให้เลือดออกซิบๆ ตรงมุมปาก
“งั้นโทรเรียกนายของเรามาเลยดีกว่า ” ชายชุดดำพูดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์และคุยกับคนในโทรศัพท์อยู่พักนึง จู่ๆก็มีเสียงรถมาจอดหน้าบ้าน พร้อมมีชายหนุ่มรูปงามราวเทพบุตร ในชุดสูทสีดำเหมือนกับลูกน้องของเขา เดินลงมาจากรถพร้อมมาหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่ม แล้วมองอย่างพิจารณา
“เอาเด็กนี่มา ไถ่หนี้ป้าคนนี้” เขาพูดด้วยท่าทางมาดขรึม แล้วเดินขึ้นรถกลับไปในทันที
เด็กหนุ่มถูกลากขึ้นรถไปพร้อมกับชายชุดดำสิบกว่าคน ในใจก็ได้แต่คิดว่า
‘จะทำยังไงต่อไปดี’ …
*****ช่วยติชมกันหน่อยนะนะ เรื่องแรกของ writer เลยเจ้า
ความคิดเห็น