ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Boku no hero academia | สมุดบันทึกของวิลเลิน [OC/Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #7 : Episodio speciale I : ชีวิตของไดกิ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.06K
      124
      17 ต.ค. 64

    อะไรคือสาเหตุที่ทำให้คนคนนึงลงมือฆ่าใครสักคน


    ความหวาดกลัว ความโกรธแค้น หรือความสุขเมื่อได้เห็นเหยื่อตรงหน้ากำลังจะสิ้นใจ


    แต่สำหรับอากิฮิโระ ไดกินั้นมันคือความปรารถนา


     


     


     


    พ่อกับแม่เป็นคนที่เข้มงวดมากๆและตั้งแต่จำความได้ตัวฉันก็ต้องอยู่ในกฎระเบียบที่พวกเขากำหนดเอาไว้อย่างเคร่งครัด เพียงแค่ทำตาม ไม่จำเป็นต้องตามหาความฝันหรือความสุข


    เพราะไม่ว่ายังไงอนาคตที่ต้องเป็นฮีโร่ก็ได้ถูกพวกเขากำหนดเอาไว้แล้ว และเพื่อการนั้นไม่ว่าจะเป็นการเรียนหรือกีฬาฉันจะต้องเป็นที่ 1


    ถ้าหากทำไม่ได้ตามที่พวกเขาต้องการก็จะโดนลงโทษ ถ้าอารมณ์ดีก็แค่อดอาหารหนึ่งวัน แต่ถ้าวันไหนที่พวกเขาหงุดหงิดก็จะโดนทุบตีและส่วนมากพวกเขาก็มักจะอารมณ์เสียอยู่เสมอ


    ฉันไม่อยากเจ็บตัวเลยพยายามทำทุกอย่างให้ได้อย่างที่พวกเขาคาดหวังและฉันก็ทำได้ดีมาโดยตลอด...


    จนกระทั่งตอนที่ฉันอายุ 7 ขวบ เจ้านั่นมันก็เข้ามาในชีวิตชายที่ชื่อว่า มินาโตะ ฮิโรชิ จุดเริ่มต้นและศูนย์รวมของความบัดซบทั้งหมด


    มันย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ด้วยความที่พวกเราเป็นญาติห่างๆ พ่อกับแม่ที่ต้องสร้างภาพเป็นญาติที่แสนดีจึงสั่งให้ฉันคอยดูแลมัน ตอนแรกก็คิดว่ามันเป็นแค่ภาระที่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง แต่ฉันคิดผิด


    วันนั้นมันเป็นวันสอบย่อยครั้งแรกหลังจากที่เจ้านั่นย้ายมาเพราะเห็นมันเอาแต่หลับในเวลาเรียนอยู่ตลอด เลยไม่ได้ระวังอะไรเป็นพิเศษและทำข้อสอบไปตามปกติ แต่พอผลประกาศออกมาคนที่ได้ที่ 1 ไม่ใช่ฉันแต่เป็นฮิโรชิ วินาทีนั้นความหวาดกลัวที่หลงลืมไปนานเริ่มก่อตัวขึ้น


    เย็นวันนั้นตอนที่กลับไปที่บ้านพอแม่เห็นผลสอบเธอก็เริ่มโกรธและจิกมือมากระชากหัวไปโขกกับฝาผนังซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ฉันจะล้มลงผู้หญิงคนนั้นก็ยังเอาเท้ามากระทืบซ้ำ ปากก็ยังคงพร่ำบ่นคำแสลงหูที่ต่อว่าฉันต่างๆนานๆและเดินจากไป ตัวฉันทำได้เพียงเก็บเสียงร้องของตัวเองให้เงียบที่สุดเพราะไม่อย่างนั้นพ่อก็จะตามมากระทืบซ้ำ


    ในตอนแรกก็แค่คิดว่ามันฟลุ๊คสอบได้แต่ว่ามันไม่ใช่ ไม่ว่าจะพยายามอีกกี่ครั้งต่อกี่ครั้งทั้งเรื่องเรียนและกีฬาผลมันก็เป็นเหมือนเดิม


    ฉันไม่สามารถเอาชนะฮิโรชิได้ ทำได้เพียงแค่สิ้นหวังและทนทุกข์กลับนรกที่มีชื่อว่าครอบครัว ทุกครั้งที่พ่อแม่เห็นผลคะแนนก็จะโดนทุบตีหนักขึ้นเรื่อยๆ นอกจากคำต่อว่า พวกเขาก็มักจะพูดว่าให้ฉันเป็นอย่างมัน คำพูดประโยคนั้นมันทำให้ฉันขยะแขยงยิ่งกว่าคำพูดใดๆเพราะเหมือนกับว่าพวกเขาปฏิเสธตัวตนของฉัน


    สุดท้ายฉันก็ถูกทิ้ง ผู้ใหญ่เห็นแก่ได้สองคนนั้นมันรับเด็กมาเลี้ยง มุ่งความสนใจและการใช้ความรุนแรงไปที่น้องชายเพียงอย่างเดียว ตัวฉันกลายเป็นคนไร้ตัวตนภายในบ้านนับตั้งแต่นั้น


    เรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่ฉันต้องเจอเป็นเพราะมัน เพราะฮิโรชิฉันถึงต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้


    ยิ่งได้อยู่กับมันความเกลียดชังก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มที่น่าขยะแขยง หรือการที่เจ้านั่นเอาแต่พร่ำเพ้อถึงความฝันงี่เง่า ทุกการกระทำของมันล้วนขัดหูขัดตาไปซะทุกอย่าง แต่ในตอนนั้นมันก็เริ่มมีความรู้สึกอย่างอื่นแทรกขึ้นมา ความรู้สึกที่อยากเอาชนะ


    นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้มีความปรารถนาเป็นของตัวเอง


    'อยากจะชนะเจ้านั่น อยากอยู่เหนือกว่ามัน'


    ฉันจึงคอยตามมันไปทุกๆที่ไม่ว่าจะเป็น มอ.ต้น มอ.ปลาย หรือแม้เเต่ตอนเริ่มทำงานก็เลือกบริษัทเดียวกับมัน จนมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฉันอยู่เหนือกว่ามันได้ในตอนนั้นหัวใจที่เหมือนกับของประดับร่างกายมันกลับเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าได้สัมผัสกับความสุขจริงๆ


     


     



    แต่ความสุขนั้นก็ถูกหยุดลง ทันทีที่หันไปมองใบหน้าของมัน ใบหน้านั่นเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี ไม่มีท่าทีที่ดูสิ้นหวังเลยสักนิด


    แล้วที่พยายามมาทั้งหมดเพื่ออะไรกันล่ะ แม้ว่าจะสามารถเอาชนะมันได้แต่ถ้ามันยังคงแสดงสีหน้าแบบนั้นความสุขของฉันก็จะถูกช่วงชิงไปเรื่อยๆ


    "บ้าเอ๊ย!"


    เพราะวันนั้นทำให้ในที่สุดฉันก็เข้าใจ ความปรารถนาจริงๆ คือการได้เห็นความสิ้นหวังของฮิโรชิ


    อยากจะทำให้สายตาที่ดูมุ่งมั่นของมันแหลกสลาย ให้มันค่อยๆรู้สึกทรมาน


    แล้วจะทำยังไงดี...


    ใช่เเล้ว... ต้องทำลายสิ่งที่มันรัก ต้องทำให้เจ้านั่นให้มันไม่สามารถเป็นฮีโร่ได้อีก


    แผนการแรกที่คิดขึ้นมาได้คือสร้างสถานการณ์ ทำให้มันหรือคนรักของมันเจ็บตัวจนไม่สามารถทำหน้าที่ฮีโร่ได้


    และแล้วสถานการณ์ที่วิลเลินออกอาละวาดก็มาถึง ตัวละครอยู่กันพร้อมหน้า ตอนนี้เหลือเพียงแค่บทของผู้รับเคราะห์เท่านั้น ระหว่างที่กำลังหาในช่วงเวลาแห่งความโกลาหล ทำให้ฉันได้รู้จักกับเด็กผู้หญิงคนนึงที่มีชื่อว่า 'โทกะ ฮิมิโกะ'


    อาจเป็นเพราะแววตาที่ดูเหมือนกัน ทำให้ฉันเข้าไปขอความร่วมมือกับเด็กสาวผมบอลให้เข้าร่วมการจัดฉากในครั้งนี้ ในตอนแรกก็คิดว่าเด็กสาวคงจะหวาดกลัวและปฏิเสธแต่ก็ผิดคาด.. ไม่สิต้องบอกว่าเป็นไปตามที่คาดเลย เธอยอมให้ความร่วมมือกับแผนการแลกกับเงินเล็กๆน้อยๆ


    พอบอกรายละเอียดต่างๆจนโทกะเข้าใจหลังจากนั้นแผนการก็เริ่มขึ้น ตึกด้านหลังจุดที่เด็กนั่นยืนอยู่ฉันได้ติดตั้งระเบิดเอาไว้ เพียงเเค่กะจังหวะให้พวกนั้นมันเข้ามาใกล้เเละกดระเบิด


    'เอาล่ะ.. จะเป็นแกหรือชิโอริกันน้า~'


    ผลที่ออกมามันดีเกินคาด เศษศากของตึกหล่นไปทับอวัยวะสำคัญของชิโอริทำให้มันไม่สามารถทำหน้าที่ฮีโร่ต่อได้เพราะแบบนั้นฮิโรชิจึงต้องออกจากการเป็นฮีโร่เพื่อไปดูแลครอบครัวของมัน


    ตอนแรกฉันหวังแค่ว่าแผนนี้จะทำให้พวกมันบาดเจ็บเล็กน้อย จนต้องพักสักเดือนสองเดือนและในตอนที่พวกมันกลับมาอีกครั้งก็ค่อยหาโอกาสสร้างแผนอื่นๆเพื่อให้มันบาดเจ็บไปเรื่อยๆจนต้องถอนตัวจากการเป็นฮีโร่


    แต่ใครจะไปนึกล่ะ ว่าการเล่นแผนสกปรกเพียงแค่ครั้งเดียวจะเป็นการทำลายอาชีพฮีโร่ของมันได้รวดเร็วแบบนี้


    ในวันที่มันพักงานเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันได้เจอกับมันแล้วเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นใบหน้าแบบนั้น


    'อา.. สีหน้าสิ้นหวังแบบนั้นแหละที่ฉันอยากจะเห็นจากแกมาโดยตลอด'


    "ฉันคงไม่ได้ทำหน้าที่ฮีโร่ไปอีกนานเลย.. ที่เหลือฝากนายด้วยนะไดกิ"


    'เจ็บใจสินะ คงเจ็บใจล่ะสิ สิ่งที่รักอยู่ตรงหน้าแท้ๆแต่กลับทำไม่ได้เพราะแกมันเป็นคนดีเกินไปยังไงเล่า ถ้าแกช่างหัวครอบครัวเส็งเคร็งนั่นแกก็จะได้อยู่ให้ฉันทรมานเล่นอีกสักหน่อยแท้ๆ น่าเสียดายจริงๆ แต่ตอนนี้คงต้องกลั้นขำเอาไว้ก่อนล่ะนะ'


    "อืม... เอ่อนี่.."


    "หืม?"


    'ถ้าเราบอกความจริงออกไปมันจะทำหน้าแบบไหนกันนะ โดนเพื่อนที่ไว้ใจหักหลัง อา~ คงจะเป็นสีหน้าที่สิ้นหวังยิ่งกว่าตอนนี้อีกสินะ ไม่สิจะบอกตอนนี้ไม่ได้ เก็บมันไว้ทรมานอีกสักครั้งสองครั้งแล้วค่อยบอกออกไปก็ยังไม่สาย'


    "ไม่ต้องห่วงเรื่องทางนี้แล้วพักผ่อนให้สบายนะ"


    รอยยิ้มเศร้าๆที่มันยิ้มตอบกลับมา ช่างเป็นรอยยิ้มที่เห็นแล้วสบายตาจริงๆ


    ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อน มันเป็นความสุขที่ไม่มีอะไรมาคอยขัดขวาง ชีวิตที่ตกต่ำกับใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวังของฮิโรชิมันคือความสุขของชีวิตอย่างแท้จริง


    ตัวฉันเฝ้ารอวันที่จะได้ลิ้มรสความสุขนั้นอีกครั้ง เฝ้ารอวันที่มันจะกลับมา.. ให้ฉันได้ทำลายใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความหวังของมันมากกว่านี้


    เเต่ไม่ว่าจะรอนานแค่ไหนมันก็ไม่ยอมกลับมา ไม่ว่าจะผ่านไปครึ่งปี 1 ปี หรือว่า 2 ปี หายไปแบบไม่มีท่าทีว่าจะกลับมา


    ตั้งแต่มันหายไป ชีวิตที่คาดว่าจะได้รับความสุขมากกว่านี้มันกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด กลายเป็นว่าตั้งแต่วันนั้นมันกลับลดน้อยลงเรื่อยๆ มันเป็นเพราะอะไรกัน...


    ตัวฉันที่เอาแต่ขบคิดอยู่นานในที่สุดก็ได้ข้อสรุป เพราะคาดหวังว่ามันจะต้องมีใบหน้าที่สิ้นหวังมากกว่านี้จึงอยากรีบๆทำลายชีวิตของมัน แต่มันก็ดันมาหายไป


    'อา... ขอล่ะ.. ขอเพียงแค่ได้เจอมันอีกสักครั้ง คราวหน้าจะรีบๆฆ่ามันซะ'


    จนกระทั่งผ่านไป 6 ปี โอกาสนั้นก็ปรากฏขึ้น มันสองคนก็ประกาศตัวว่าจะกลับเข้าวงการอีกครั้ง


    คราวนี้แหละฉันจะเป็นคนกำจัดแกให้หายไปจากโลกนี้ ให้แกตายไปด้วยความรู้สึกสิ้นหวังที่สุด ถ้างั้นจะทำยังไงดีล่ะ...


    ตึ้ง!


    "ชิ.. เมล์มาเข้าอะไรตอนนี้..."


    เพราะอาจเป็นเรื่องงาน ทำให้ไดกิไม่สามารถเมินเสียงเเจ้งเตือนได้ จึงเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านด้วยความรำคาญใจ


    'นี่มัน!?'


    "เยี่ยมเลย... ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็.."


    คงจัดทัวร์นรกขุมที่ลึกที่สุดให้มันได้แล้ว


    แต่เเค่เราคนเดียวคงจะฆ่าเจ้าพวกนั้นสองคนไม่ไหวถ้างั้น.. ไปยืมมือพวกวิลเลินซักหน่อยดีกว่า


     






    และเพราะข้อความนั้นข้อความเดียว ทำให้ไดกิคิดแผนการที่จะสร้างโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่



    เสาร์นี้ฉันกับครอบครัวจะไปเที่ยวเเถวโคริยะมะล่ะ


    -ไดกิ-








    "นายบอกว่าต้องการแปรพักตร์มาอยู่ฝั่งเดียวกับพวกเรางั้นหรอ? อะไรที่มันจะทำให้ฉันเชื่อใจฮีโร่แบบนายได้ล่ะ?"


    "ถ้านายให้ฉันยืมคนในเครือข่ายของนายสักสองสามคน ฉันจะทำลายครอบครัวฮีโร่หนึ่งครอบครัวให้หายไปตลอดกาล เป็นการเเสดงสัญลักษณ์ให้ดูไง ว่าฉันต้องการย้ายฝั่งมาอยู่กับพวกนายจริงๆ ยังไงในอนาคตพวกนายก็จะกลายเป็นสมาพันธ์วิลเลินอยู่แล้ว อนาคตอันรุ่งโรจน์แบบนั้นใครจะไม่อยากได้ล่ะจริงไหม"


    "เห... รู้เรื่องพวกเรามาเยอะเหมือนกันหนิ"


    "พอดีมีเส้นสายมาจากคนรู้จักนิดหน่อย แล้วที่ฉันเสนอไปนายจะเอายังไง?"


    เจ้านั่นไม่ได้ตอบในทันทีแต่หันไปปรึกษาอะไรบางอย่างกับเจ้าหมอกสีดำที่อยู่ด้านหลัง รอบคอบดีเหมือนกันหนิ'ชิการาคิ'


    "เอาสิ ให้ฉันส่งคนไปให้ที่ไหนล่ะ?"


    "ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือส่วนสถานที่ที่จะลงมืออยู่ในแผนที่นี้แล้ว นายเองก็ลองมาชมโชว์ครั้งนี้ด้วยสิ"


    "ถ้าแกทำสำเร็จมันก็ต้องออกข่าวอยู่แล้ว อา... จะว่าไปช่วงนี้ก็ว่างอยู่ด้วยสิเดี๋ยวจะไปดูก็แล้วกัน"


    แผนขั้นเเรกสำเร็จ แผนต่อไปก็แค่ต้องตีเนียนไปขึ้นรถของมัน


    อา.. สุดท้ายก็ต้องโทรไปหามันจนได้ เสียงที่น่าสะอิดสะเอียนแบบนั้นไม่ได้ฟังนานแล้วสินะ


    เสียงรอสายดังขึ้นและเพียงไม่นานมันก็หยุดลง..


    "ไงไดกิ ที่โทรมาเนี่ยมีอะไรหรอ?"


    "คือว่า... ที่นายบอกว่าจะไปเที่ยวเเถวโคริยะมะ ฉันขอติดรถไปด้วยได้ไหม พอดีว่ารถฉันมันดันเสียแถมฉันเองก็มีธุระแถวนั้นด้วย ได้รึเปล่า?"


    "ได้สิ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ลูกชายฉันต้องดีใจที่ได้เจอนายแน่เลย งั้นเดี๋ยวเสาร์นี้ฉันจะไปรับที่บ้านนะ "


    "อืม ขอบใจมากนะฮิโรชิ"


    "ด้วยความยินดีครับ"


    เป็นเสียงที่น่ารำคาญไม่เปลี่ยนเลย น้ำเสียงระริกระรี้แบบนั้นดูมีความสุขจริงนะ แต่เอาเถอะเชิญแกเสพสมกับความสุขครั้งสุดท้ายให้เต็มที่เพราะครั้งต่อไปมันจะเป็นนรกของแก


    เหลือแค่ไปวางระเบิดที่ถนนเพียงเท่านี้หมากบนกระดานทุกตัวก็จะอยู่กันครบ ต้องขอบคุณแกจริงๆฮิโรชิ เป็นเพราะแกบอกว่าจะไปเที่ยวกับครอบครัว แถมดันเลือกไปเส้นทางที่ไม่ค่อยมีคนสันจรไปมาทำให้ฉันคิดแผนดีๆแบบนี้ได้ ทั้งได้ฆ่าแก ทั้งได้ทำให้แกตายทั้งเป็นในตอนที่เห็นครอบครัวถูกฆ่า ไหนจะสีหน้าตอนที่มันรู้ความจริงอีก


    'แค่คิดก็รอให้ถึงวันนั้นไม่ไหวแล้ว~'


    และวันที่แผนการทุกอย่างเริ่มขึ้นก็มาถึง


    "ขอทบทวนแผนการอีกครั้งนะ ในตอนที่พวกมันขับรถเข้าไปในอุโมงค์ ฉันจะทำให้รถของพวกมันเสียหลัก พอพวกแกได้ยินเสียงดังๆค่อยกดระเบิดแล้วรีบลงมาช่วยฉัน เข้าใจใช่ไหม?"


    "เออเข้าใจแล้วน่า! แกบอกเรื่องนี้มาสามรอบแล้วคิดว่าพวกข้าเป็นปลาทองรึไง"


    "ไปที่ๆนัดกันเเล้วใช่ไหม?"


    "ไม่ต้องห่วงหรอกน่า แกนั่นแหละอย่าไปตายตอนรถคว่ำก็แล้วกัน!"


    สายโทรศัพท์ถูกตัดไปแล้วแฮะ ไอ้พวกใจร้อนเอ๊ย.. แต่ก็ดีจะได้หลอกใช้ง่ายๆหน่อย ถ้าแผนนี้เสร็จเมื่อไหร่เราก็ค่อยโยนความผิดให้พวกมัน ถ้าเกิดไอ้เจ้าชิการาคิอะไรนั่นมาด้วยก็แค่จับมันเพิ่มอีกคน


    "ฮีโร่ผู้กล้าหาญสามารถจับวินเลินใจโฉดทั้งสามคนที่ฆาตกรรมครอบครัวผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม หึๆ"


    'หลังจากนี้เราคงมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นน่าดูเลย'


    หลังจากนั้นไม่นานเจ้าพวกนั้นมันก็มาถึง พวกมันมารับฉันที่บ้านโดยที่พวกมันไม่ได้สงสัยอะไรในตัวฉันเลยสักนิด


    และนั้นเป็นตอนที่ฉันได้เจอกับลูกชายของมัน ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนไอ้เด็กนี่มันก็น่าเกลียดจริงๆก็ดันหน้าตาเหมือนกับพ่อของมันราวกับถอดแบบออกมา


    หลังจากการพูดคุยทักทายแสนน่ารำคาญจบลง พวกเราทุกคนก็ขึ้นไปบนรถโดยที่มีชิโอริเป็นคนขับ


    ในระหว่างที่กำลังนั่งอยู่บนรถ ทั้งๆที่ลูกของมันนั่งข้างหน้าแท้ๆ แต่ก็ยังหันหลังมาชวนคุยอย่างไม่หยุดปากเอาเแต่ถามเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องสมัยก่อน ทั้งเรื่องที่ทำงาน น่ารำคาญ...


    'ชีวิตนี้มันไม่เคยพูดรึไง'


    "นี่อัตลักษณ์ของคุณไดกิ คืออะไรหรอฮะ?"


    "เป็นการดูดซับเเรงกระเเทกแล้วเปลี่ยนเป็นความเร็วน่ะ"


    "งั้นแบบนี้ต่อให้ถูกรถชนก็ไม่เจ็บเลยหรอฮะ?"


    "ต้องเจ็บสิ เเต่ร่างกายจะไม่ค่อยได้รับความเสียหายหรอกเเต่มันจะกักเก็บเเรงกระเเทกเอาไว้ในตัว เเล้วแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานในการเพิ่มความเร็วแทน"


    ต้องขอบคุณพลังนี่ ที่ทำให้เรารอดมาจากชีวิตวัยเด็กแบบนั้นได้


    "นี่คุณไดกิแววตาเเบบนั้น... โกรธอะไรอยู่รึเปล่าครับ?"


    ไอ้เด็กนี่.. อย่าบอกนะว่า..


    "ไม่หรอกนาโอกิ ไดกิเขาเป็นคนที่มีเเววตาแบบนี้มาตั้งเเต่สมัยก่อนเเล้ว ถ้ามองผ่านๆอาจจะดูเหมือนเขากำลังโกรธอยู่แต่ก็ไม่ใช่หรอกนะ"


    ยังดีที่ฮิโรชิมันช่วยแก้ต่างให้... แต่ตอนนี้ก็ชัดเจนแล้ว เด็กอันตรายแบบมันเราไม่ควรปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่


    "นั้นสินะสมัยก่อนฮิโรชิเองก็เคยถามอะไรแบบนี้เหมือนกัน พวกนายสองคนเหมือนกันจริงๆนะ นาโอกิคุงคงเป็นพวกชอบอ่านสายตาคนอื่นสินะ"


    อ๊ะ.. ดูเหมือนว่าจะถึงที่หมายแล้ว


    "จริงสิ ไหนๆข้างหน้านี้เราก็จะขับเข้าไปในอุโมงค์แล้ว... พวกเรามาเล่นเกมส์กันสักหน่อยมั้ย?"


    "เกมส์แบบไหนหรอฮะ?"


    "มันเป็นเกมส์ที่คล้ายๆแนวจิตวิทยานิดหน่อย ถ้าพวกนายสนใจก็ลองหลับตาลงก่อนสิ"


    "อ๊ะ! งั้นแบบนี้ฉันก็เล่นด้วยไม่ได้สิ"


    ถ้าแกหลับตารถก็คว่ำก่อนสิวะ


    "สำหรับชิโอริฉันมีอีกเกมให้เล่นแต่ต้องรอตาหน้านะ เอาล่ะพวกนายจะเล่นรึเปล่า?"


    ตอนนี้พวกมันทุกคนยกเว้นชิโอริก็หลับตาเเล้ว หมากทุกตัวก็เข้าที่เรียบร้อยดี คงถึงเวลาเริ่มได้เเล้วมั้ง


    ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของไดกิที่พยายามปกปิดมาตลอด บัดนี้ตัวเขาได้ฉีกยิ้มกว้างออกมา


    "จากนั้น.... พวกแกทุกคนก็เตรียมตัวไปทัวร์นรกกันซะ"


    "มุกนี้ไม่ผ่านนะไดกิ เฮ้ย! หยุดนะ!!"


    "สายไปแล้ว!!"


    ถึงฮิโรชิมันจะพยายามเข้ามาห้ามแต่ก็เปล่าประโยชน์


    ชิโอริไม่อาจสู้เเรงคนที่เข้ามาขัดขวางการขับได้ สิทธิ์ในการควบคุมพวงมาลัยทั้งหมดจึงตกไปอยู่ในมือไดกิ เขารีบหักพวงมาลัยอย่างกะทันหันจนทำให้รถทั้งคันเสียหลักและพุ่งเข้าไปชนกับฝาผนังของอุโมงค์ ตั้งแต่ตอนที่เขาเข้าไปแย้งพวงมาลัย ไดกิก็เริ่มใช้อัตลักษณ์เพื่อลดแรงกระแทกที่จะตามมา ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมาย ตอนที่รถอยู่กับที่เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขาได้ยินเสียงระเบิด


    'เจ้าพวกนั้น.. อย่างน้อยก็ฟังภาษาคนรู้เรื่องล่ะนะ'


    พอฉันออกมาจากตัวรถก็เห็นเจ้าวิลเลินสองคนนั้นกำลังยืนรออยู่เฉยๆที่ปากอุโมงค์ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือจากนั้น


    เป็นอย่างที่ชิการาคิพูดเลย'ในภารกิจนี้พวกมันจะทำตามคำสั่งแกทุกอย่าง'สินะ


    "เฮ้! พวกแกไปลากเด็กกับผู้หญิงลงมา"


    พวกนั้นเเค่บ่นนิดหน่อยก่อนจะเดินไปที่รถ แต่ในตอนที่สองคนนั้นจะพังประตูรถเข้าไปกลับมีกระดูกผุดขึ้นมาจากพื้นจนทำให้พวกมันหยุดชะงักไป และเบื้องหลังกำแพงกระดูกนั่นก็มีเสียงฝีเท้าคู่นึงกำลังวิ่งออกไปเรื่อยๆ แบบนี้มัน...


    ''อย่ามัวแต่ยืนเฉย! พวกมันได้สติแล้วรีบตามไอ้คนด้านหลังที่หนีไปเร็ว"


    "หยุด! ห้ามใครผ่านไปทั้งนั้น"


    คราวนี้สร้างกำแพงปิดทั้งอุโมงค์เลยเเฮะ


    "โอ๊ะโอ๋~ ฟังจากเสียงแล้วยังแข็งแรงดีสินะฮิโรชิ"


    "ไดกิทำแบบนี้ทำไม!! ทำไมนายถึงทรยศพวกเรา แล้วนายไปอยู่ฝั่งวิลเลินตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!"


    "นั่นสินะ.. ไอ้ฉันก็อยากตอบอยู่หรอกแต่ต้องจับหนูที่หนีไปซะก่อน"


    ถึงกำแพงของแกจะแข็งสักแค่ไหนแต่เจ้าพวกนี้ที่ฉันยืมมาก็แข็งแกร่งเหมือนกัน คนแรกสามารถเพิ่มพลังไปที่กำปั้นได้ ส่วนอีกคนก็สามารถยืดแขนให้ยาวออกไปเหมาะแก่การจับตัวที่สุด


    "ไอ้เสื้อดำทำลายกำแพงทิ้งซะ ส่วนไอ้ผมทองพอกำแพงพังก็จับตัวผู้ชายเอาไว้ ที่เหลือฉันจัดการเอง"


    เมื่อสิ้นสุดคำสั่งเจ้าคนเสื้อดำก็สามารถพังกำเเพงได้อย่างง่ายดายส่วน ฮิโรชิที่กำลังตกใจก็ถูกไอ้ผมทองจับตัวเอาไว้จนขยับไปไหนไม่ได้ พอไม่มีคนคอยขัดขวางฉันก็ใช้แรงกระแทกที่สะสมมาเพิ่มพลังให้กับการวิ่งของตัวเองเพื่อไล่ตามคนที่หนีไปถึงแม้ชิโอริจะหนีไปได้ไกลเพราะใช้การเทเลพอร์ตแต่ถ้าหากอยู่ในระยะเเค่ล่ะก็...


    ไดกิหยิบปืนออกมาจากในเสื้อโค้ทเเล้วกระหน่ำยิงไปที่หญิงสาวตรงหน้า ลูกกระสุนบางนัดเข้าเป้าและเจาะทะลุตัวอีกฝ่ายแต่ก็ไม่มีนัดไหนที่โดนจุดสำคัญ แต่ชิโอริก็เริ่มวิ่งช้าลงเพราะมัวพะวงกับห่ากระสุนที่ไล่หลังมา


    'จังหวะแบบนั้นแหละที่ฉันรอจากแกมาโดยตลอด จังหวะที่แกลดความเร็ว'


    ตัวเขาเก็บปืนเข้าที่เดิมและเปลี่ยนไปหยิบมีดที่อยู่ข้างหลังพร้อมกับเร่งความเร็วสูงสุด จนตามอีกฝ่ายได้ทัน มีดในมือที่กำเอาไว้เเน่นถูกเสียบเข้าไปที่กลางอกของหญิงสาว


    "จับ ตัว ได้ เเล้ว~"


    อา.. เลือดไหลทะลักเต็มมือเลย


    "แก! ทำบ้าอะไรวะ!"


    ยังเหลือเจ้าเด็กนี้สินะ ถ้าตัดหัวไปให้ฮิโรชิดูหมอนั่นจะทำสีหน้าแบบไหนกันน้า


    "เป็นเด็กที่หยาบคายจังนะ แต่อย่าโกรธไปเลยเพราะอีกเดี๋ยวแกก็จะได้ตามแม่ของแกไป"


    แต่ในตอนที่กำลังจะปิดฉากไอ้เด็กปากดีนี่เจ้าบ้านั่นมันก็พุ่งตัวมาจากด้านหลัง ใช้แขนที่มีกระดูกปลายแหลมฟันเข้ามาที่ท้อง โชคดีที่ฉันหลบได้อย่างเฉียดฉิว เลยทำให้ท้องโดนบาดแค่นิดเดียวเลือดเลยไม่ไหลออกมามาก แต่เพราะแผลที่ท้องทำให้ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ พวกมันจึงได้จังหวะและวิ่งหนีไป


    "โธ่เว้ย! อีกแค่นิดเดียว"


     




     


    เพราะความประมาทที่ไม่คิดว่ามันจะพังกำแพงเข้ามาได้เลยถูกแขนยาวๆของมันจับล็อคเอาไว้


    'ขยับไม่ได้ บ้าเอ๊ย! ต้องรีบไปช่วยนาโอกิกับชิโอริแท้ๆ ไม่มีทางเลือกแล้ว..'


    ฮิโรชิสร้างกระดูกปลายแหลมงอกขึ้นมาที่แขนทั้งสองข้างและขยายขนาดของมัน จนตัดผ่านเเขนทั้งสองข้างของชายที่จับเขาเอาไว้กระเด็นไปคนละทิศละทาง


    ผู้ชายคนนั้นร้องเสียงดังขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ทำให้ชายกำปั้นยักษ์ไหวตัวเเละพุ่งตรงเข้ามาทำร้ายแต่ฮิโรชิก็สามารถกระโดดหลบหมัดนั้นได้และแทงเข่าที่เสริมความแข็งของกระดูกเข้าไปที่หน้าของอีกฝ่ายอย่างเต็มเเรง พอไม่มีคนคอยขัดขวางตัวเขาก็รีบออกตัววิ่งอย่างสุดกำลัง


    'นาโอกิ ชิโอริ ขอล่ะอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปเลย'


    แต่พอไปถึงทุกอย่างมันก็สายเกินไป ตัวเราไม่สามารถปกป้องชิโอริเอาไว้ได้ แถมดันต้องมาปล่อยลูกชายให้วิ่งไปขอความช่วยเหลือเพียงลำพัง


    'ผมก็รักพ่อเหมือนกัน!'


    ไม่ว่าจะนึกถึงคำพูดนั้นกี่ทีก็เผลอน้ำตาซึมโดยที่ไม่รู้ตัว ถึงจะอยากอยู่ด้วยกันนานกว่านี้แต่เราสิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือต้องถ่วงเวลาเอาไว้ให้ได้นานที่สุด


    กำแพงตรงหน้าเป็นกำแพงที่ถูกเสริมด้วยกระดูกหนา 5 ชั้น เรียกว่าเป็นแคลเซียมเกือบทั้งหมดในร่างกาย ถ้าพวกนั้นหลุดออกมาได้เราก็สร้างมีดได้อีกแค่หนึ่งเล่มเท่านั้น


     






    โครม!


    กำแพงหนาตรงหน้าในที่สุดมันก็พังลง เพราะต้องไปตามไอ้งั่งสองตัวนั่นทำให้เสียเวลาไปนานพอสมควร


    แบบนี้ฮิโรชิมันคงหนีไปได้ไกล เฮ้อ.. ต้องไปเล่นเกมวิ่งไล่จับกันอีกแล้ว...


    "อ้าวๆ ยังอยู่ที่เดิมอยู่อีกหรอ แถมอยู่คนเดียวซะด้วยช่างเป็นคุณพ่อที่แสนดีจัง"


    "นี่.. มาทำข้อตกลงกัน ในเมื่อเป้าหมายของแกคือชีวิตของฉันใช่ไหมล่ะ ฉันจะยอมยกให้เพราะงั้นปล่อยลูกชายของฉันไปเถอะขอร้องล่ะ"


    "เอาสิ ถ้าอย่างงั้นแกก็เดินมาให้จับซะดีๆ"


    "ขอปฏิเสธ อย่าเข้าใจผิดที่บอกว่าจะยอมยกชีวิตให้หมายถึงจนกว่ากำลังเสริมจะมาถึงต่างหาก"


    "หึ คิดว่าลูกของแกจะไปขอกำลังเสริมได้ง่ายๆรึไง"


    "หมายความว่ายังไง อย่าบอกนะว่า..."


    เริ่มรู้สึกตัวแล้วสินะ อา.. สีหน้าแบบนั้นใช้ได้เลยหนิ รีบจัดการก่อนมันคิดจะหนีดีกว่า...


    "อย่างที่แกคิดนั่นแหละ ระเบิดที่กดไปมันไม่ได้มีแค่ลูกเดียว พวกแกไปจับมันมาซะ!"


    หลังจากสิ้นสุดคำสั่งพวกมันทั้งสองคนก็พากันวิ่งกรูเข้าไปโจมตี รวมไปถึงไอ้หัวทองทั้งๆที่มันสามารถยืดแขนไปรัดอีกฝ่ายได้แท้ๆ แต่กลับเลือกที่จะวิ่งเข้าไปปะทะทำให้สุดท้ายมันก็โดนฮิโรชิใช้มีดที่แอบซ่อนเอาไว้ปาดเข้าไปที่ดวงตา


    'ยังมีอาวุธซ่อนเอาไว้อีกสินะ'


    หลังจากที่ฮิโรชิจัดการไปได้คนนึงเขาก็รีบกลับมาอยู่ในสภาพตั้งรับเพื่อคอยหลบหลีกหมัดที่รุนแรงจากศัตรูอีกคนนึง แต่ในระหว่างที่กำลังหลบคู่ต่อสู้ตรงหน้าเจ้าคนหัวทองมันก็ยังคงยืนร้องครวญครางด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและมันก็ดังมากขึ้นเรื่อยๆ


    ทำให้ประสาทสัมผัสการได้ยินของฮิโรชิถูกรบกวนจนไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนที่แอบวิ่งเข้ามา พอรู้ตัวมันก็สายเกินไปไดกิที่ใช้คนผมทองเป็นที่กำบังโผล่ออกมาจากมุมอับสายตา เขาใช้มีดที่มีอยู่ในมือฟันเข้าไปที่ลำตัวของฮิโรชิจนเกิดเป็นแผลกว้างที่ช่วงท้อง ในขณะเดียวกันชายกำปั้นยักษ์ที่สบโอกาสก็ได้ง้างหมัดและต่อยไปที่ฮิโรชิเต็มเเรงจนเขากระเด็นไปและล้มลง


    "ไปลากตัวมันขึ้นมา"


    แขนถูกล็อคเอาไว้แถมขาก็อยู่เหนือพื้น แบบนี้มันคงต่อต้านอะไรไม่ได้แล้ว.. ในที่สุดมันก็สิ้นฤทธิ์สักที


    "ทะ ทำไมถึงได้ทำเรื่องแบบนี้... ถ้าเเค่ฉันก็พอเข้าใจ.. เพราะฉันก็รู้ตัวว่านายกำลังโกรธฉันในเรื่องบางอย่างมาโดยตลอด... แต่กับชิโอริมันไม่ใช่หนิแกเป็นเพื่อนของเธอไม่ใช่หรือไง... แล้วทำไมแกถึงต้องฆ่าเธอด้วย! ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือไง!!"


    "เออใช่! ฉันไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นแกหรือว่าชิโอริฉันก็ไม่เคยนับพวกแกเป็นเพื่อนทั้งนั้นแหละ มีแต่พวกแกที่พูดเองเออเองโคตรตลกเลยว่ะ แถมเมื่อกี้ก็ด้วยแกบอกว่ารู้ว่าฉันกำลังโกรธอะไรบางอย่างแกใช่มั้ย ผิดแล้วฉันเกลียดแกต่างหากเกลียดมาตั้งแต่สมัยเด็กแล้วที่ทนตามแกมาถึงทุกวันนี้เพราะหวังว่าสักวันจะได้ขยี้แกแบบนี้ยังไงเล่า! อา.. น่าสงสารจังนะฮิโรชิคงเป็นครั้งเเรกที่แกทายอะไรผิดซ้ำๆเยอะขนาดนี้ล่ะซิ"


    "...."


    อย่ามัวแต่ก้มหน้าสิฟะ.. แบบนี้ฉันก็อดเห็นหน้าแกพอดี


    "ที่ผ่านมา.. นาย... ไม่เคยแสดงใบหน้าจริงๆให้ฉันเห็นสักครั้งเลยสินะ"


    มันที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตามาตลอด ในที่สุดก็ยอมเงยหน้าขึ้นให้เห็น


    ใบหน้าที่ตัวเขาคาดหวังจะเห็นมันอีกครั้ง.. ใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวังของฮิโรชิ


    "อุบ! หึ ฮ่าๆๆๆ!!!!"ใบหน้าที่ฉีกยิ้มกว้าง เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสะใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


    ไดกิไม่รอช้าเขารีบซุ๊มเปลวไฟแห่งความสิ้นหวังให้มันลุกไหม้มากยิ่งขึ้น


    "แกจำได้ไหมตอนที่ชิโอริเข้าโรงพยาบาลทั้งหมดมันเป็นฝีมือของฉันเอง รวมไปถึงเรื่องในครั้งนี้ก็ด้วย แต่จะโทษฉันฝ่ายเดียวก็ไม่ได้นะเพราะแกดันส่งข้อความแบบนั้นมาทำให้ฉันคิดแผนดีๆแบบนี้ได้ต้องขอบคุณแกจริงๆ.. เป็นความผิดของแกครอบครัวแกถึงต้องตกนรกตามแกไปแบบนี้!"


    สีหน้าขอมันแสดงออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเลย ว่าสิ้นหวังเเละเจ็บปวดแค่ไหน อยากถ่ายรูปเอาไว้จังน่าเสียดายที่มือถือดันพังไปแล้ว..


    "เฮ้อ.. น่าเสียดาย อันที่จริงฉันก็อยากจะทรมานแกอีกสักหน่อยแต่เราก็คุยกันมานานพอแล้ว แถมเดี๋ยวแกชิงตายไปก่อนด้วย อืม.. จะฆ่าแกด้วยวิธีไหนดีนะ.."


    "....."


    ถ้าโต้ตอบสักหน่อยคงสนุกมากกว่านี้แท้ๆ คิดออกแล้ว...


    "ฉันจะค่อยๆตัดคอแก.. แล้วเอาไปให้ลูกชายแกดูดีไหมน้า~"


    "อย่านะเว้ย!"


    "จุ๊ๆ เสียใจด้วยแกไม่มีสิทธิ์เลือกหรอก"


    มีดค่อยๆเชือนเข้าไปที่คอของมันทีละนิดๆจนขาดออกจากลำตัว แต่มันกลับไม่ยอมกรีดร้องออกมาสักนิด


    ถึงตอนสุดท้ายจะน่าเบื่อไปหน่อย แต่ก็ต้องขอบคุณแกที่ทำให้ฉันมีความสุขมากขนาดนี้


    "เฮ้อ.. "


    พอแกตายก็รู้สึกหวิวๆแฮะ อืม.. แต่ช่างมันเถอะไปหาความสนุกกับลูกของมันต่อดีกว่า


    หลังจากนั้นไดกิก็ใช้อัตลักษณ์เร่งความเร็วออกไป โดยทิ้งสองคนนั้นเอาไว้ข้างหลัง...




     


     


    โดยที่เขาไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด ว่าการมุ่งตรงไปที่แห่งนั้นจะนำมาสู่จุดจบของชีวิต


    ตั้งแต่ที่เขาเลือกจะประมาทในตัวของนาโอกิ มันคือข้อผิดพลาดครั้งใหญ่


    เพราะตัวเขาคิดเพียงเเค่ว่าเด็กชายจะเหมือนกับผู้เป็นพ่อ


    เเต่ใครจะไปคิดกัน ว่าเด็กหนุ่มที่ชื่อ มินาโตะ นาโอกิ จะเป็นตัวตนที่เด่นชัดที่สุดที่แสดงถึงกลุ่มก้อนแห่งความเกลียดและความโกรธแค้น


    ไดกิได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่เพราะเขาได้หว่านเมล็ดแห่งความเกลียดชังที่มีต่อฮีโร่ เมล็ดที่จะนำมาสู่โศกนาฏกรรมใหญ่ในอนาคต


     


     


     


     


     


     


     


     


     


     


     


     


     


     


     


     


    Talk :

    สวัสดีค่าคิดถึงกันบ้างไหมเอ่ย ในตอนนี้อาจจะให้บรรยากาศหม่นๆตลอดทั้งตอน แต่อย่าเครียดและอ่านเพื่อความบันเทิงดีกว่าเนอะ 


    ไรท์อยากจะลองเขียนเรื่องของปัญหาในครอบครัวดูบ้างจากที่วาดฝันถึงครอบครัวที่สมบูรณ์แบบในมุมมองของตัวไรท์เองมาแล้ว เลยอยากจะให้นาโอะคุง กับ ไดกิ เป็นขั้วตรงข้ามของกันและกันในแง่ของการถูกเลี้ยงดู คนนึงได้รับความรักจากครอบครัวเต็มเปี่ยม ส่วนอีกคนก็เป็นคนที่ถูกครอบครัวทารุณกรรม แต่เขากลับเลือกที่จะไม่เกลียดคนที่ทำร้ายตัวเองและไปเกลียดคนที่ถูกปลูกฝังให้เกลียดแทน น่าแปลกใช่ไหมล่ะคะเพราะสำหรับไดกิคำว่าครอบครัวเป็นความสัมพันธ์ชนิดพิเศษ ที่แค่คำว่าเกลียดก็ไม่สามารถพูดหรือระบายออกมาตรงๆได้ ลองคิดเล่นๆนะคะถ้าหากไดกิไม่ได้เกิดในครอบครัวนี้เขาจะกลายเป็นคนแบบนี้รึเปล่า ใครกันแน่ที่เป็นคนผิดที่แท้จริงของเรื่องราวในครั้งนี้


    ยังไงก็ตามเเต่.. ตอนพิเศษนี้เป็นการเฉลยปมของทั้ง 6 ตอนที่ผ่านมา รวมไปถึงการขมวดปมใหม่ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ


    แถมท้าย ลุคตัวละครไดกิที่กะไว้จะประมาณนี้จ้า



    แล้วเจอกันใหม่นะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×