ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Boku no hero academia | สมุดบันทึกของวิลเลิน [OC/Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #5 : Episodio V : ไม่เหมือนเดิม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.16K
      124
      17 ต.ค. 64

    พวกเราลงมาถึงตีนเขาในเวลาไม่นาน พอพวกคนที่รออยู่เห็นสภาพของพวกเราก็ดูจะตกใจกันไม่น้อยเลย โดยเฉพาะอิซึคุที่ดูจะเป็นห่วงพวกเรามากกว่าใคร


    "คัตจังแผลเต็มตัวเลย! นัดจังก็ด้วย!! เป็นอะไรมากหรือเปล่า เจ็บข้อเท้างั้นหรอ กระดูกไม่ได้หักใช่มั้ย ทำไงดีต้องปฐมพยาบาลก่อนหรือว่าต้องไปตามหมอ"


    'นัตจัง?'


    "หนวกหูจริงเดกุ! เลิกเเหกปากโวยวายสักที"


    "กะ ก็ผมเป็นห่วงหนิแล้วก็.. ไม่ได้เสียงดังขนาดนั้นซะหน่อย"


    "นี่แกกล้าเถียงฉันหรอ!"


    "พอได้เเล้วน่า เขาก็พูดแค่นี้นายจะไปหัวร้อนทำไม แล้วก็นะอิซึคุผมน่ะไม่เป็นไรหรอกขามันเเค่พลิกนิดหน่อยกลับบ้านทายาเดี๋ยวก็หายแล้ว ไม่ถึงกับต้องไปหาหมอหรอก"


    "ถ้างั้นผมจะเดินไปส่งนะ"


    "ไม่ต้อง! แค่ฉันคนเดียวก็เกินพอแล้ว"


    "แต่ถ้าคัตจังเกิดล้มระหว่างทางล่ะ แบบนั้นทั้งสองคนจะไม่เเย่เอาหรอ"


    "นี่แกจะบอกว่าฉันคนนี้ แบกไอ้ขี้ก้างนี่ไม่ไหวเหรอ!"


    "มะ ไม่ใช่นะ"


    "พอเลย! จากการเถียงกันระหว่างพวกนายมันเริ่มลามมาถึงผมและ เอาเป็นว่ายังไงพวกเราก็ต้องเดินลงไปจากภูเขาด้วยกันอยู่ดี ถ้าไม่รีบเดี๋ยวมันจะมืดซะก่อน ที่สำคัญผมไม่รู้หรอกนะว่าบ้านอื่นเป็นยังไงแต่ถ้ากลับบ้านมืดละก็แม่ผมวีนแตกแน่"


    ด้วยคำพูดนั้นทำให้คัตสึกิหยุดโวยวายแล้วก็ยอมเดินลงมาจากภูเขาด้วยกันแต่โดยดี


    'แบบนี้ยิ่งชัดเลยว่าเจ้านี่มันกลัวแม่ แต่ก็นะเราเองก็ไม่มีสิทธิ์พูดหรอก แม่น่ะเป็นสิ่งมีชีวิตที่หน้ากลัวที่สุดแล้ว'


    พอพวกเราเดินออกจากป่ามาจนมาถึงเส้นทางที่มีถนน หลังจากนั้นก็ค่อยๆทยอยกันแยกย้ายไปกันทีละคนสองคน อิสึคุก็เหมือนกันถึงตอนแรกกะจะปล่อยให้ไปส่งถึงบ้าน แต่พอได้ยินจากที่คัตสึกิโวยวายว่าบ้านเขาอยู่คนละทางกัน ผมก็เลยเป็นอีกหนึ่งเสียงที่บอกให้เขากลับไปก่อน ถึงจะดูไม่ค่อยเต็มใจแต่ก็ยอมแยกทางออกไปอยู่ดี จนเหลือแค่ผมกับคัตสึกิแค่สองคน


    'จะว่าไปพออยู่กันตามลำพังแล้วก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา ถ้าถามตอนนี้คงจะได้สินะ'


    "นี่.. นายกับอิสึคุเคยมีเรื่องอะไรกันรึเปล่า แบบเคยชกต่อยกันอะไรประมาณน่ะ"


    ''หา!? จะไปมีได้ยังไง ถึงมีก็มีเเต่ฉันเนี้ยแหละที่อัดมันอยู่ฝ่ายเดียว"


    "ไอ้คนนิสัยเสีย"


    "อย่างแกก็ไม่มีสิทธิ์พูดหรอก"


    "อย่างน้อยผมก็ไม่เคยไปทำร้ายใครก่อนก็แล้วกัน นายก็ด้วยถึงจะเจ้าอารมณ์แล้วก็ขี้โมโหแต่นายไม่น่าใช่พวกที่จะไปหัวร้อนกับคนที่ดูเรียบร้อยแบบอิสึคุเลยหนิ ถ้าเป็นผมหรือพวกรุ่นพี่ที่อวดเบ่งก็ว่าไปอย่างจริงไหม?"


    "หนวกหูน่า! อย่ามาทำเป็นพูดเหมือนรู้ดี"


    "อา.. ขอโทษนะที่พูดอะไรไม่คิด"


     


     



    คำพูดที่นาโอกิพูดออกมามันตรงกับตัวเขามากเกินไปเหมือนกับอ่านใจได้ เลยเผลอขึ้นเสียงไปเหมือนกับปกติแต่ไม่คิดเลยว่าคนที่คอยกวนประสาทคนอื่นไปทั่วแบบมัน จะมารู้สึกผิดเพราะโดนคนอื่นโกรธที่มายุ่งกับเรื่องส่วนตัวแบบนี้


    'โธ่เว้ยน่ารำคาญจริง..'


    "ชิ เออ... ยอมรับก็ได้ฉันไม่ชอบขี้หน้ามัน เจ้านั่น.. เดกุน่ะ มันชอบทำอะไรที่หน้าหงุดหงิดอยู่ตลอด ทั้งๆที่ฉันเเข็งแกร่งกว่าคนไร้อัตลักษณ์อย่างเจ้านั่นแท้ๆเเต่มัน.. กลับมาดูถูกฉันคนนี้แล้วแบบนี้จะไม่ให้หงุดหงิดได้ยังไง"


    "นั่นเพราะอีโก้นายล้วนๆเลยไม่ใช่หรือไง"


    "อีโก้คืออะไร?"


    "ไปเสิร์ชหาเอาเองดิ"


    'ไอ้เจ้านี่!'


    "เรากลับประเด็นเดิมดีกว่า ผมคิดว่าสายตาของอิสึคุมันไม่เหมือนสายตา ของคนที่กำลังดูถูกคนอื่นอยู่เลยนะ"


    "แกพูดเหมือนรู้ว่าเดกุมันคิดอะไรงั้นแหละ"


    "นั้นสินะผมจะไปอ่านใจใครเขาได้ยังไง นายเองก็เหมือนกันไม่รู้ซะหน่อยว่าอิสึคุคิดอะไรอยู่ ถ้าสงสัยหรือหงุดหงิดมากนักก็ไปถามเจ้าตัวเอาตรงๆเลยสิ แต่ถ้าให้ผมแนะนำนะไปลดอีโก้ลงซะแบบนั้นอาจจะช่วยให้นายหงุดหงิดน้อยลงก็ได้แต่สิ่งที่เรียกว่าอีโก้น่ะอย่างคัตสึกิคงจะลดไม่ได้ง่ายๆหรอก ก็นายเป็นพวกอีโก้สูงลิบเลยนี่นะ~"


    'เน้นแต่คำว่าอีโก้ อีโก้ อยู่ได้อย่าให้รู้ความหมายเชียวนะ!'


    "เฮอะ! เห็นเงียบเข้าหน่อยก็คิดที่จะสั่งสอนฉันแล้วงั้นหรอ ไอ้คนที่หงอยไปเพราะโดนตะคอกใส่มันหายไปไหนแล้วล่ะ"


    "เอ๋~ นี่นายเชื่อด้วยงั้นหรอ แต่ก็นะดูจากที่พล่ามมายาวเหยียดเมื่อกี้ก็คงเชื่อจริงๆนั่นเเหละ ใส่ซื่อกว่าที่คิดเลยนะคัตสึกิคุง"


    และแล้วเส้นประสาทความอดทนของคัตสึกิก็ขาดลง


     


     



    "ฉันจะให้แกเลือก.. ว่าจะหุบปากให้เงียบที่สุดหรือคลานกลับบ้าน"


    'ชิบxายและ'


    เส้นเลือดที่ปูดขึ้นตามใบหน้า ความโกรธจัดที่แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด รังสีอาฆาตที่เด็กทั่วไปไม่น่าจะมี ทำให้ตัวผมเผลอกลั้นหายใจโดยที่ไม่รู้ตัวและก็เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าถ้าขืนไปกวนประสาทคนคนนี้อีกสักครั้งคงจะได้คลานกลับบ้านจริงๆแน่


    "ครับ.. ขอโทษครับ จะทำตัวให้เงียบที่สุดครับ"


    เส้นทางหลังจากนั้นนาโอกิจึงพยายามหุบปากตัวเองให้เงียบที่สุด และหลังจากนั้นซักพักคัตสึกิก็พามาส่งที่บ้านตามสัญญาหรือไม่ก็คำขู่ที่เคยลั่นเอาไว้


    ตอนที่พ่อเห็นสภาพของพวกเราในตอนเเรกก็ตกใจกันยกใหญ่ พร้อมกับรั้งตัวคัตสึกิให้เข้ามาทำแผลในบ้านให้เรียบร้อยก่อน หลังจากนั้นคนผมฟางก็ขอแยกตัวกลับไปที่บ้านของตัวเอง ส่วนผมก็โดนพ่อกับแม่ดุไปตามระเบียบ


    'ก็สมควรล่ะนะทำให้พวกเขาเป็นห่วงเเบบนี้'


    ในมื้อค่ำวันนั้นพ่อบอกข่าวดีกับพวกเราว่าได้งานทำในช่วงพักงานเพราะพ่อดันไปมีเพื่อนที่เป็นถึงเจ้าของบริษัทอุปกรณ์ซับพอร์ตฮีโร่ พอรู้ว่าพ่อว่างงานเขาก็เลยจ้างพ่อไปเขียนโปรแกรมอะไรสักอย่างที่น่าจะเกี่ยวกับอุปกรณ์ซับพอร์ต แถมยังเป็นงานที่ทำเเบบออนไลน์ได้ด้วย จะออกไปเจอคนจ้างแบบตัวเป็นๆก็แค่ตอนส่งงานเท่านั้น


    รายได้ก็ดี ทำงานที่บ้านเป็นส่วนใหญ่เเถมยังมีเวลาดูเเลแม่มากขึ้นตามไปด้วย ถ้าให้เปรียบก็คงเป็นยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว เก่งสมกับเป็นพ่อเราจริงๆ


    แต่ที่ทำให้ผมเเล้วก็พ่อตกใจจริงๆ คือเรื่องที่แม่ก็ได้งานทำแล้วเหมือนกัน แถมยังได้งานทำก่อนพ่อซะอีก ถ้าจะให้อธิบายคือแม่เป็นคนที่ถนัดภาษาต่างประเทศอยู่แล้วรวมๆก็พูดได้ประมาณ 4-5 ภาษา ตอนที่อยู่โรงพยาบาลก็เลยเเอบไปสมัครเป็นล่ามออนไลน์ที่มีรายได้เป็นรายชั่วโมง พอลองถามถึงเหตุผลที่ไม่ยอมบอกแม่ก็ตอบกลับมาว่า'กลัวโดนโกงแล้วโดนพ่อล้อก็เลยยังไม่ได้บอก' ทั้งที่ตัวเองก็เก็บเงินได้เกือบสามหมื่นเยนแล้วแท้ๆ แต่ก็นะเรื่องหาเงินเนี่ยต้องยกให้แม่เขาเลย


    'ไม่รู้ว่าทำไมแต่เหมือนทั้งสองคนกำลังพยายามเก็บเงินกัน แต่ช่วงนี้ก็ไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินหนิ'


    อาจจะรู้สึกไปเองก็ได้ แต่เอาเป็นว่าตอนนี้ดูเหมือนอะไรหลายๆอย่างเริ่มเปลี่ยนไป พ่อกับแม่ถึงจะดูง่วนกับการทำงานแต่ก็ดูผ่อนคลายมากขึ้น รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคัตสึกิ ถึงการพูดจาระหว่างเราจะยังคงเหมือนเดิมเเต่การกระทำของคัตสึกิกลับเปลี่ยนไปตั้งแต่เหตุการณ์ในวันนั้น ถ้าจะให้พูดก็คงเป็น ดูเต็มใจที่จะอยู่กับผมมากขึ้นมั้ง


    "นาโอกิวันนี้ตื่นสายจังนะ คัตสึกิเขามารอลูกได้สักพักนึงแล้วรีบๆเข้าล่ะ"


    "เห~ นี่ผมตื่นสายขนาดเจ้านั่นมารอเลยหรอ"


    'เดี๋ยวก็คงส่งเสียงบ่นน่ารำคาญอีกแหงเลย'


    "อยากได้นาฬิกาปลุกไหมล่ะ?"


    "พ่อก็รู้หนิฮะ ไม่จำเป็นหรอก"


    เมื่อเดินลงมาชั้นล่างก็พบกับคนผมฟาง ที่กำลังนั่งกินของว่างในห้องรับเเขกบวกกับมีเเม่มานั่งคุยอยู่ข้างๆ


    'เดี๋ยวนะ.. นั่นมันขนมที่เราแอบซื้อมาหนิแม่เอาไปได้ไงเนี่ย'


    "เฮ้ยนาโอะ! ช้าชะมัดกว่าจะตื่นขึ้นมาได้นะแก!!"


    "ผมว่านายนั่นแหละตื่นเร็วเกินไปแล้ว นี่เหงาจนต้องตื่นมารอผมตั้งแต่เช้าเลยหรอเนี้ย"


    "เช้าบ้านแกสิ!! ถ้าไม่รีบไปอีก 5 นาทีเราสายเเน่"


    "คร้าบๆ จะรีบไปเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนะ.. เมื่อกี้นายเรียกผมว่าอะไรนะ?"


    "นาโอะไง จะได้หัดตรงเวลาตามชื่อซะบ้าง"


    "งั้นต่อไปนี้นายคือคัตสึ~ เหมือนนายดีใช่ป่ะ"


    "ตรงไหนฟระ!"


    "สีผมนายไงเหมือนหมูชุบแป้งก่อนทอดเลยว่าไหม"


    "เออจะเรียกอะไรก็เรียกไป แต่ถ้าแกยังไม่รีบย้ายก้นออกมาจากบ้านฉันจะซัดแกเเน่"


    "เห็นแก่ความพยายามที่นายมารอผมแต่เช้าผมจะรีบให้ก็ได้"


    ผมหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วก็เดินตรงไปที่ประตู เเต่เหมือนจะทำตัวเอ้อระเหยเกินไปหน่อย สุดท้ายก็โดนเท้าของคัตสึกิช่วยยันออกจากบ้านจนได้








    3 เดือนต่อมาผมก็ยังคงไปไหมมาไหนด้วยกันกับคัตสึตลอด ถึงไม่อยากยอมรับเเต่ผมกับเขาก็เข้ากันได้ในหลายๆเรื่องมากกว่าที่คิดไว้ซะอีกเรียกว่าเป็นสีสันของชีวิตเลยด้วยซ้ำ คงเป็นเพราะเจ้าตัวทั้งขี้โมโหแล้วก็ปากร้ายทำให้เป็นคนเดียวที่ผมรู้สึกว่าสามารถกวนประสาทได้แบบไม่รู้สึกผิด เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจมากกว่าใคร ในฐานะเพื่อนน่ะนะ


    แถมบางครั้งก็ยังมีอีเว้นท์ที่เจ้าตัวไปมีเรื่องกับพวกรุ่นพี่อีก ผมพยายามห้ามแล้วนะแต่พวกรุ่นพี่มันก็กวนประสาทจริงๆนั่นแหละเอาความแก่กว่าแค่ปีสองปีมาข่มรุ่นน้องแบบไม่เข้าท่า เลยปล่อยไปเลยตามเลย ถึงเวลาสู้แบบตัวต่อตัวหมอนี่จะชนะตลอดก็เถอะแต่ตอนที่โดนรุมผมอดใจไม่ไหวจนเผลอเข้าไปร่วมวงด้วยคน ก็นะถ้าผมเข้าไปร่วมวงแบบนี้ยังไงพวกเราก็ต้องชนะอยู่แล้วถือว่าสนุกใช้ได้เลย


    ในระหว่างที่กำลังรำลึกความหลังตัวนาโอกิก็กำลังเดินเหม่อลอยเลยอยู่ข้างๆสนามบอล ทำให้ไม่ได้ทันระวังตัวจนมีลูกบอลลูกนึงที่ปลิวมาจากไหนไม่รู้อัดเข้าไปที่หัวจนเต็มๆ จนเกือบล้มหงายหลังไปกับพื้น ยังดีที่ข้างหลังมีคัตสึกิเดินตามมาทำให้เจ้าตัวรับตัวนาโอกิไว้ได้อย่างเฉียดฉิว


    แต่ว่าเสียงของคนที่ทำมันกลับ..


    "ฮะ ฮ่า โฮ่ยๆ เดินระวังๆหน่อยสินี่มันข้างสนามบอลนะเว้ย ไม่ระวังเลยเป็นแบบนั้นไงถึงได้โดนบอลอัดหน้าเข้าไปเต็มๆ"ตามด้วยเสียงคิกคักของคนโดยรอบที่อยู่ในสนาม


    'ดูมันเเตะมาโดนคนอื่นแท้ๆ กลับยิ้มหน้าระรื่นอีก'


    "นี่แก!!"


    "ใจเย็นก่อนคัตสึคุง ไม่ถึงกับต้องมีเรื่องกันหรอกผมจัดการเอง"


    ผมรีบเอื้อมมือไปขว้าไหล่ของเพื่อนข้างกายเพื่อห้ามอีกฝ่ายก่อนที่เจ้าตัวจะพุ่งไปซัดคนที่อยู่ในสนาม


    ''เฮ้ย! ไอ้คนข้างล่างน่ะอยากได้บอลคืนใช่ไหม?"


    "ใช่ส่งมาเร็ว"


    "ได้สิ~ ถ้าอยากได้คืนนักงั้นก็.."


    ผมเปลี่ยนปลายเล็บให้ยาวและแหลมขึ้น ก่อนจะออกแรงกดที่มือทั้งสองข้างเข้าไปที่ลูกบอล จนมันระเบิดออกมาเเล้วเกิดเสียงดังไปทั่วสนาม


    "เฮ้ย!!ทำอะไรของนายเนี่ย!"


    "อ้าว~ แปลกจังนะแค่จับธรรมดาๆมันก็ดันแตกซะแล้ว แต่ไม่เป็นไรหรอกเนาะเอาไปอุดรูสักหน่อยเดี๋ยวก็คงกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม จริงสิไหนๆก็จะไปอุดรูรั่วแล้วนายเองก็อย่าลืมไปอุดรูรั่วที่กะโหลกด้วยสมองไหลหายไปหมดแล้ว ปะพวกเราไปกันเถอะ"


    หลังจากพูดจบผมจึงรีบเดินออกไป โดยทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของพวกที่โวยวายอยู่ข้างล่าง คัตสึเองถึงจะดูหงุดหงิดอยู่เเต่ก็ยอมเดินตามมาอยู่ดี ก่อนที่จะหันไปคุยอะไรสักอย่างกับเพื่อนอีกสองคนที่อยู่ข้างหลังโดยที่ผมไม่ได้ยิน


    'รู้สึกลางไม่ดีเลยแฮะ'


     


     



    ในเย็นวันนั้นคัตสึกิขอแยกตัวกับนาโอกิ แล้วออกมาพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนที่นัดกันไว้ว่าจะไปสั่งสอนไอ้คนปากดีเมื่อตอนกลางวัน


    'ถึงเจ้านาโอะมันจะยอมแต่ใครจะปล่อยให้คนหน้าหมั่นไส้อย่างมันลอยหน้าลอยตากันล่ะ'


    พวกเราแอบมาดักรอเจ้านั่นตรงสวนสาธารณะพอรอไปสักพักมันก็เดินมา ตัวเขาเองไม่รอช้ารีบตรงไปคว้าคอเสื้อของมันเเล้วลากเข้าไปในสวนสาธารณะก่อนจะต่อยเข้าไปที่ท้องหนึ่งหมัด


    "อึก เจ็บ นายเป็นใครกันทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะ!?"


    ''หึ!! ดูสิ! ตอนนี้ทำมาเป็นพูดจาน่าสงสาร แล้วตอนที่แกเตะบอลใส่หน้าคนอื่นดันทำมาเป็นปากดี พวกฉันคงต้องสั่งสอนแกหน่อยเเล้วว่าถ้ามายุ่งกับคนของคนอื่นมันจะเป็นยังไง"


    เสียงจากการหักมือดังขึ้นมาตามทาง พวกเราค่อยๆเดินเข้าไปใกล้กับร่างที่กำลังสั่นกลัว


    ''โถ่.. น่าสงสารตัวสั่นใหญ่เลย แต่ไม่ได้ผลหรอก ถึงแกจะร้องไห้เเค่ไหนก็ต้องโดนอัดอยู่ดี''


    แต่ก่อนที่พวกเราจะได้เดินเข้าไปใกล้มากกว่านี้กลับมีคนวิ่งมาขวางซะก่อน


    'ชิ!! เจ้านั่นอีกแล้ว'


    "ใจร้ายคัตจัง เขาร้องไห้ใหญ่เเล้วไม่ใช่หรอ ขืนทำไปมากกว่านี้ล่ะก็... ผม.. ผม... ไม่ยอมจริงๆด้วย!"


    'ยังจะกล้าตั้งการ์ดขึ้นมาอีก ทั้งที่สั่นเป็นเจ้าเข้าขนาดนั้นแท้ๆ'


    "เฮอะ!! ทั้งที่ไม่มีอัตลักษณ์แท้ๆ ยังสะเออะทำตัวเป็นฮีโร่อีกหรอ เดกุ"


    'เจ้านั่นเอาไว้ทีหลัง อัดเจ้าเดกุที่บังอาจทำตัวน่าหงุดหงิดนี่ก่อนแล้วกัน'


    ผลหลังจากนั้นเจ้าเดกุมันก็ถูกอัดเละอย่างที่ควรจะเป็นทั้งๆที่ไม่มีอัตลักษณ์ ทั้งที่สู้ตัวเขาไม่ได้เลยแท้ๆ แต่กลับออกตัวว่าจะปกป้องเจ้านั่นจนน่ารำคาญ ถึงจะล้มไปกี่ครั้งก็ยังลุกขึ้นมาเอาเเต่บอกว่าจะปกป้อง


    'ไอ้เจ้าบ้านั่นน่าหงุดหงิดชะมัด!'


    "พอ! กลับ"


    เสียงที่ดังแกมตะคอกของคัตสึกิส่งไปถึงอีกสองคน จนทั้งคู่ต้องหยุดมือและเท้าที่กำลังจะกระทืบไปที่ตัวของคนผมเขียวที่นอนอยู่กับพื้น


    "เอ๊ะ จะกลับแล้วหรอแล้วเจ้านั่นล่ะ"


    "บอกให้กลับก็กลับดิ!"


    'ฝากไว้ก่อนเถอะเดกุ'








    'รู้สึกแปลกๆเหมือนกันนะ ที่คัตสึขอกลับบ้านก่อนแบบนี้'


    แถมพอไม่มีหมอนั่นอยู่ก็เลยไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี จนเผลอเดินมาเรื่อยๆรู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ที่สวนสาธารณะซะเเล้ว แต่ผมดันได้ไปเห็นภาพที่คัตสึกับเพื่อนอีกสองคนที่เดินออกมาจากในสวน เพราะรู้สึกทะแม่งๆ เลยเลือกที่จะซ่อนตัวพอพวกนั้นพ้นสายตาก็ค่อยเดินเข้าไปข้างใน จนไปพบกับอิสึคุแล้วก็เจ้าเด็กสนามบอลนอนอยู่ในสภาพสะบอม


    'อา.. พอจะเดาได้เเล้วว่าสถานการณ์มันเป็นยังไง'


    ตัวผมที่เห็นแบบนั้นก็เลยรีบวิ่งกลับไปที่บ้าน คว้ากล่องปฐมพยาบาลมาก่อนจะวิ่งกลับไปที่สวนสาธารณะ


    'โชคดีแฮะ.. ดูเหมือนจะยังอยู่ที่เดิม'


    ผมเดินเข้าไปอย่างช้าๆ เเต่พอเจ้าเด็กสนามบอลนั่นเห็นผมมันก็รีบวิ่งออกไปเลย


    'หลังจากนี้คงต้องไปคุยกับคัตสึหน่อยแล้ว'


    "นัตจัง?"


    "ไงอิสึคุสภาพดูไม่ได้เลยนะ ลุกขึ้นมาก่อนสิเดี๋ยวผมทำแผลให้"


    "อะ อืมขอบใจนะ"


    อีกฝ่ายเอื้อมมาจับกับมือที่ผมยื่นไปให้เพื่อพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น หลังจากนั้นเราจึงเดินไปหาม้านั่งที่ใต้ต้นไม้แล้วเริ่มทำแผล


    "นี่อิสึคุแผลพวกนี้คัตสึเป็นคนทำใช่ไหม"


    "อืม.. เเต่ไม่ใช่ฝีมือคัตจังคนเดียวหรอก"


    "ไอ้พวกบ้านั่น เดี๋ยวหลังจากนี้ผมไปซัดพวกนั้นเรียงตัวให้เอง"


    "ไม่ต้องหรอก! ผมเองก็เป็นคนเข้าไปขวางไม่ดูตาม้าตาเรือเองน่ะ เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก"


    "อิสึคุเนี่ยเป็นคนดีจังนะ นี่.. ผมต้องขอโทษด้วยนะ"


    "เอ๊ะ! นัตจังไม่จำเป็นต้องขอโทษเลยนะ มันไม่เกี่ยวกับนัตจังซะหน่อย"


    "เกี่ยวสิ.. ก็ผมน่ะเป็นคนที่อยู่กับคัตสึบ่อยที่สุดนี่ รู้ทั้งรู้ว่าหมอนั่นจะทำอะไรแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจถึงขนาดจะตามไปห้าม เพราะผมมันนิสัยไม่ดียังไงล่ะ เเถมยังรู้สึกถูกใจหมอนั่นก็เลยทิ้งไม่ลง ขอโทษนะ ผมรู้ว่านายชื่นชมในตัวเขาเเต่ว่าช่วยพยายามถอยห่างออกมาจากคัตสึหน่อยได้ไหม แล้วถ้าเจ้านั่นมันอยู่ในสายตาผมละก็จะไม่ปล่อยให้เจ้านั่นไปทำร้ายนายแน่นอน"


    'เงียบไปเลยเเฮะ... เราพูดอะไรผิดหรือเปล่า'


    "เรื่องคอยอยู่ห่างๆคัตจังผมจะทำตามที่นัตจังบอก แต่ไอ้เรื่องที่ให้นายปกป้องน่ะไม่เอาหรอก ผมรู้ว่าการจะพูดเรื่องต่อจากนี้ คนไม่มีอัตลักษณ์แบบผมพูดมันออกมาอาจจะดูเกินตัว แต่ผมก็อยากเป็นฮีโร่เหมือนกัน จะคอยแต่ให้ใครมาปกป้องอยู่ฝ่ายเดียวน่ะไม่เอาหรอก!"


    คำพูดที่อิสึคุพูดออกมาทำให้ผมอึ้งไปชั่วขณะ ที่ผ่านมาผมมองเขาเป็นเเค่เด็กเรียบร้อยคนนึง โดยที่ไม่ทันสังเกตว่าเขาก็เหมือนกับคนอื่นๆที่อยากจะเป็นฮีโร่ ด้วยความที่อิสึคุไม่มีอัตลักษณ์ทำให้เราเผลอดูถูกเขา คิดว่าเขาจะปกป้องตังเองไม่ได้ เรานี่มัน...


    "อืม! เข้าใจเเล้ว ขอโทษที่พูดกับนายแบบนั้นนะ ผมจะไม่คอยปกป้องนายแล้ว"


    "อ้าว? นายไม่ขำผมหรอกหรอ"


    "เรื่องอะไรล่ะ?"


    "เรื่อง.. ที่ผมอยากเป็นฮีโร่"


    "มีอะไรต้องขำด้วยหรอก็มันเป็นความฝันของนายหนิ ผมจะคอยเชียร์นะคุณว่าที่ฮีโร่"


    'เงียบไปอีกแล้ว.. เราพูดอะไรผิดอีกหรือเปล่าเนี่ย'


    "นี่อิสึคุผมพูดอะไรผิดรึเปล่า... เอ๊ะ!? เดี๋ยวสิ! ทำไมอยู่ๆถึงร้องไห้เล่า เจ็บแผลหรอหรือเจ็บตรงไหนรึเปล่า"


    "ฮึก เปล่าผม ผมเเค่ดีใจ ฮึก ไม่มีใครเคยพูดอะไรแบบนี้กับผมมาก่อนเลย"


    หลังจากนั้นอิสึคุก็ร้องไห้ไปอีกสักพักใหญ่ๆ พอเขาหยุดร้องพวกเราก็ค่อยแยกย้ายกันไป


     


     


     


    ผ่านมาอีก 3 เดือน ตอนนี้ก็ครบกำหนดที่หมอบอกเอาไว้ แม่เองก็กลับมาเดินเเล้วก็ทำกิจวัตรต่างๆได้เหมือนกับปกติ


    'อีกไม่นานแม่กับพ่อคงกลับไปเป็นฮีโร่อีกครั้งสินะคงจะเหงานิดหน่อยเเต่.. ชั่งมันเถอะ... ไม่น่าจะเหงาหรอกก็ตอนนี้ไม่ได้อยู่คนเดียวนี่...'


    "นี่นาโอกิว่างอยู่รึเปล่า?"


    "มีอะไรหรอฮะ?"


    "มาคุยกันหน่อยเร็ว"


    พอเดินตามต้นเสียงไปยังห้องนั่งเล่นก็พบกับพ่อเเล้วก็เเม่กำลังนั่งอยู่ตรงโซฟา แม่ตบเบาๆไปตรงที่นั่งข้างๆตัวเองเป็นสัญลักษณ์ให้ผมไปนั่งตรงนั้น ผมเลยเดินตรงเข้าไปนั่งข้างๆตามที่เธอบอก


    'เรียกมาคุยกันแบบนี้มีเรื่องอะไรสำคัญรึเปล่านะหรือว่าเราจะไปเผลอทำอะไรผิดมา.. ไม่น่าจะมีนี่ หรือว่าจะเป็นเรื่องที่จะกลับไปเป็นโปรฮีโร่'


    "คือ.. พ่อกับแม่คุยกันเอาไว้แล้วล่ะ เรื่องที่จะกลับไปทำงานเป็นโปรฮีโร่"


    'ใช่จริงๆด้วย'


    "แม่คิดว่าพวกเราจะกลับไปทำงานในฐานะฮีโร่ อีกครั้งในตอนที่ลูกขึ้นชั้นมัธยมแล้วแบบนี้มันคงจะดีกว่าน่ะ"


    "ห๊ะ!? เอาจริงหรอครับ ทำไมทำอย่างงั้นล่ะ?"


    "ตอนนี้บริษัทเพื่อนของพ่อเขากำลังขาดแคลนคนลงโปรแกรมอยู่น่ะ พ่อก็เลยกะจะอยู่เป็นพนักงานของเขายาวๆเลย"


    "แล้วเเม่ล่ะ ถ้าออกจากงานยาวแบบนี้จะกลับไปทำงานได้หรอฮะ ไหนจะพวกแฟนคลับอีก"


    "เรื่องนั้นช่างมันไปก่อนเถอะ ตอนนี้เราอยากทำหน้าที่ในฐานะพ่อกับแม่ให้ดีที่สุดมากกว่า ขอโทษนะที่ชอบทิ้งให้อยู่เดียว"


    "ไม่เห็นต้องทำขนาดนั้นเลย ผมอยู่คนเดียวได้อยู่แล้ว แล้วไหนจะพวกผู้คนที่พ่อกับแม่ต้องไปปกป้องอีก"


    "ไม่เป็นไรหรอกเรายังมีออลไมท์อยู่ทั้งคน แม่กับพ่อเองก็โหมงานหนักมาหลายปีแล้วเหมือนกันพักสักหน่อยคงไม่เสียหายอะไรหรอก"


    "เปลี่ยนจากโหมงานหนัก มาให้ความสำคัญกับเจ้าลูกชายตัวน้อยที่อยู่ในวัยกำลังโตดีกว่า ใช่ไหมแม่"


    "ช่าย~ จะได้สอนให้ลูกรู้จักควบคุมอัตลักษณ์ด้วย"


    "อ๊ะ.. นี่ลูกซึ้งจนร้องไห้เลยหรอ?"


    "เปล่านะ!! นี่มันยุงบินเข้าตาต่างหาก"


    ถึงจะพูดแบบนั้น แต่รอยยิ้มกับน้ำตาที่ซึมออกมาเพราะความดีใจก็คงซ่อนเอาไว้ไม่มิด


    'มันคงไม่เป็นไรใช่มั้ยถ้าผมจะเห็นแก่ตัวบ้าง.. ไม่อยากปฎิเสธคำพูดที่ว่าเลือกผมมากกว่าหน้าที่ ถ้าอย่างงั้นขอผมอยู่แบบนี้จนกว่าจะขึ้นมอ.ต้นหน่อยเถอะ ก็ผมเป็นพวกติดพ่อแม่นี่นะ'




    ........




    ...




    ..


     




     


    ผ่านมา 5 ปี ตั้งแต่ตอนที่นาโอะย้ายมาตอนนี้พวกเราก็อยู่ป.6 กันแล้ว อีกไม่นานก็คงขึ้นม.ต้น


    ส่วนเจ้าเดกุหลังจากที่โดนต่อยไปครั้งนั้นก็ไม่ค่อยมายุ่งวุ่นวายเหมือนกับเเต่ก่อน ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดี


    แต่ไม่รู้ทำไมมันถึงมาคอยเดินตามนาโอะต้อยๆแทน แบบนี้มันยิ่งน่ารำคาญมากกว่าแต่ก่อนซะอีก ส่วนเจ้านาโอะไม่ว่าเดกุจะคอยตามตอแยขนาดไหนมันก็ไม่มีท่าทีว่ารำคาญเลยสักนิด แถมนับวันมันก็ยิ่งอัพสกิลความกวนประสาทมากขึ้นทุกวันๆ ทั้งๆที่มันแอบหลับในคาบบ่อยแท้ๆแต่ดันได้อันดับดีกว่าตัวเขาซะงั้น แต่ถ้าพูดถึงเรื่องที่พอจะทำได้ดีกว่ามันก็คงเป็น..


    "โธ่!! แพ้อีกแล้ว ได้ไงเนี้ยนี้มันห้าตาติดแล้วนะ คัตสึนายเเอบโกงใช่ไหม?"


    "อะไรเล่า~ นาโอะแกกระจอกเองก็อย่ามาโทษฉันสิวะ"


    "ขออีกตานึง สลับจอยกันด้วย"


    "ผลก็เหมือนเดิมนั้นแหละ เอ้าเอาไป"


    เกมส์ต่อสู้บนกล่อง ps2 ถูกเล่นขึ้นอีกตา แม้ว่าเขาจะเเกล้งทำเป็นเสียเปรียบอยู่บ้างแต่สุดท้ายคนที่ชนะก็เป็นตัวเขาอยู่ดี


    "โธ่เว้ย!! ไม่เล่นแล้ว"


    "เห้ย!! อย่าโยนจอยดิวะ"


    คัตสึกิคว้าจอยที่กำลังจะตกพื้นได้อย่างเฉียดฉิว


    "เออจริงสิเรื่องงานเทศกาลวันพรุ้งนี้แกจะไปตอนกี่โมง"


    "อ๊ะ! เอ่อ.. คือ... ขอโทษนะพอดีผมไม่ว่างเเล้ว"


    "ห๊า!? แกเป็นคนนัดเองเเท้ๆ แล้วจะมาเบี้ยวนัดเนี้ยนะ"


    "คือว่า.. พ่อผมเขาอยากพาพวกเราไปเที่ยวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกลับไปเป็นโปรฮีโร่อีกครั้ง แล้วพ่อเขาก็พึ่งมาบอกผมเมื่อเช้าเอง ขอโทษด้วยนะ"


    "เออ.. แกจะไปไหนก็ไป แต่ถ้าครั้งหน้าแกเบี้ยวนัดอีกฉันไม่เอาแกไว้เเน่"


    "รับทราบคร้าบ~ คัตสึเนี้ยใจกว้างผิดคาดแฮะ งั้นเอางี้ถ้าผมกลับมาแล้ว.. เดี๋ยวจะบอกความลับเรื่องอัตลักษณ์ที่สองของผมให้ฟัง"


    "โม้เรื่องนี้อีกแล้วหรอ เห็นเคยพูดตั้งหลายครั้งแต่ก็ยังไม่เห็นแกทำให้ดูสักที"


    "คนเรามีความลับกันบ้างสิถึงจะดูเท่ไม่ใช่มีอะไรก็ออกมาโชว์หมด แล้วก็แน่นอนว่าผมแสดงให้นายดูเป็นคนเเรกเลย"


    "เออๆเเล้วจะรอดู"


    ในตอนนั้นผมไม่ทันได้รู้สึกตัวเลย ว่านั่นจะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้เจอกับนาโอะคนเดิมอีกครั้ง


     


     


     


    ในเวลานั้นทั้งบ้านของคัตสึกิเเละอิสึคุกำลังกินข้าวกับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา พลางเปิดโทรทัศน์คลอไปพลางๆ แล้วมันก็คงจะเป็นมื้อเย็นที่เรื่อยเปื่อยของสองครอบครัวเหมือนกับวันอื่นๆ ถ้าไม่ใช่เพราะข่าวล่าสุดในโทรทัศน์นั่นที่กำลังฉายอยู่ ทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองคนตื่นตระหนกจนไม่อาจนั่งตัวติดกับเก้าอี้


    "เมื่อ 2 วันที่ผ่านมาในช่วงค่ำของวัน ได้เกิดคดีฆาตกรรมขึ้นกับครอบครัวมินาโตะเเละโปรฮีโร่อีกหนึ่งที่ร่วมทางไปด้วย ลูกชายของครอบครัวเป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตเเต่เขาก็สูญเสียตาซ้าย หลังจากที่พาเขาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเขาก็ได้มาให้ปากคำในภายหลังว่าในระหว่างที่กำลังขับรถไปทางถนนเลี่ยงเมืองพวกเขาก็ถูกวิลเลินสองคนเข้าโจมตีจนรถเสียหลักเเละพลิกคว่ำ คุณเเละคุณนายมินาโตะรอดจากเหตุการณ์ที่รถคว่ำแต่ก็ถูกพวกวิลเลินเข้าทำร้ายจนเสียชีวิตทั้งคู่ ส่วนโปรฮีโร่ที่ร่วมเดินทางไปด้วยเข้าต่อสู้อย่างสุดความสามารถจนกำจัดวิลเลินทั้งสองคนได้สำเร็จแต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บจนเสียชีวิตในที่สุด..."


     


     


     


    คุณลุงกับคุณน้าตายเเล้วงั้นหรอ.. โกหกใช่มั้ยสองคนนั้นเป็นถึงอดีตโปรฮีโร่เลยนะ กลับโดนวิลเลินสองคนฆ่าตายเนี่ยนะ.. ไหนจะนาโอะอีกทำไมภาพที่มีมันถึงได้เอาออกมาฉายน้อยจังวะ


    'มันเกิดบ้าอะไรขึ้น...'


    ตั้งแต่ได้ยินข่าวก็รีบไปหามันที่โรงพยาบาลแต่เพราะพวกหมอห้ามไม่ให้เข้าเยี่ยม ทำให้ได้เจอกันอีกทีตอนงานศพ ทันทีที่ผมเห็นอีกฝ่ายสภาพของคนตรงหน้าเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ผ้าพันแผลที่พันเอาไว้เริ่มมีเลือดไหลซึมออกมาโดยเฉพาะมือทั้งสองข้างแต่เจ้าตัวกับดูไม่สนใจใยดีเลยสักนิด


    ในหัวของคัตสึกิคิดได้เพียงสิ่งเดียว คือสรรหาคำพูดอะไรก็ได้ ที่ดีพอจะทำให้เจ้าตัวรู้สึกดีขึ้นแม้สักนิดก็ยังดี เพราะสัญชาตญาณบางอย่างมันบอกกับตัวเขาว่าถ้าปล่อยนาโอะไปตอนนี้ตัวตนของเจ้านั่นคนเดิมอาจจะหายไป 


    ด้วยความคิดเหล่านั้นทำให้คัตสึกิเผลอเข้าไปสวมกอดอีกฝ่ายจากด้านหลัง พลางลูบหัวเบาๆราวกับกลัวคนตรงหน้านี้จะแตกสลาย


    "นาโอะ.. ขอโทษที่ไม่ได้ไปหาแกให้เร็วกว่านี้.. เจ็บมากไหม?"


    'ถามบ้าอะไรวะ มันต้องเจ็บมากอยู่แล้ว'


    "ไม่หนิ... ตอนนี้ไม่เจ็บเลยสักนิด..."


    "หยุดโกหกสักที! มือแกเลือดไหลอยู่ไม่ใช่รึไง!!"


    "อ้าว... ไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่"


    ณ วินาทีนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมได้สบตากับอีกฝ่าย สายตาเเบบนั้นมันทำให้ผมตัวแข็งทื่อจนพูดอะไรไม่ออก 


    "แต่ฉันพูดจริงนะ.. แผลแค่นี้ไม่รู้สึกเจ็บเลย... ก็ไอ้สาระเลวพวกนั้นมันเอาไปจากฉันหมดแล้ว.. ทั้งความเจ็บปวด ทั้งการที่พวกมันมาพลากสิ่งสำคัญไป ทุกสิ่งสิ่งทุกอย่าง..."


    คำพูดที่ปราศจากการโกหก ดวงตาที่มองมาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น 


    "นี่.. สังคมนี้มันโหดร้าย.. ว่างั้นไหมคัตสึกิ"


    ใบหน้าเหยียดยิ้มขึ้นมาอย่างบิดเบี้ยว เสียงหัวเราะที่เเทรกขึ้นมาในคำพูด ไร้ซึ่งความโศกเศร้า ยิ่งตอกย้ำคำตอบนั้นให้ชัดเจน'ตัวเขามาช้าเกินไป คนที่ชื่อนาโอกิได้เเตกสลายไปเเล้ว'


    ด้วยความตกใจในการกระทำของอีกฝ่ายทำให้ผมเผลอปล่อยมือออกจากร่างที่อยู่ตรงหน้า 


    และเพราะการปล่อยมือครั้งนั้น


    หลังจากงานศพ ผมก็ไม่เคยเจอกับนาโอะอีกเลยย


     


     


     


     


     


     


     


     


     


     


     


     


    Talk : ช่วงเกล็ดเล็กน้อย 

    หวัดดีค่าถ้าใครยังจำกันได้ มันจะมีช่วงนึงที่นาโอะคุงกับคัตจังเขาเปลี่ยนไปตั้งชื่อเล่นให้อีกฝ่าย 


    ขอเสริมนิสนึงเผื่อคนที่ไม่รู้นะคะคำว่า นาโอะ มีความหมายว่าตรงหรือซื่อสัตย์ นางคัตเขาเลยตั้งไปเพื่อล้อที่อีกฝ่ายไม่ค่อยทำอะไรตรงตามที่พูดซักเท่าไหร่เพราะส่วนมากหลังจากเหตุการ์ณตกเขานาโอะจะชอบทำตัวเชื่องช้าเวลาตื่นนอนให้คัตสึโมโหเล่นค่ะ ส่วนคัตสึ ถ้าเอาความหมายตรงตัวคือมันมาจากคำว่า cutlet ที่แปลว่าทอดกับเนื้อทอดจ้า(ตั้งชื่อได้สิ้นคิดมาก)


    แถมอีกนิด ถ้าใครยังจำได้นาโอะเป็นพวกตื่นง่ายค่ะน้องเลยไม่จำเป็นต้องมีนาฬิกาปลุกเเค่ได้ยินเสียงพ่อทำกับข้าวเจ้าตัวก็ตื่นเเล้วค่ะ แต่ส่วนมากจะแกล้งนอนต่อ 


    แถมอีกนิด V2. ในเหตุการณ์ช่วงท้ายๆนาโอกิดันคิดแต่เรื่องอื่นจนไม่ได้สังเกตคำพูดของคัตสึกิเลยว่าเขาเป็นห่วงอยู่ นานๆทีเจ้าตัวเขาจะพูดออกมาตรงๆกลับโดนเมินซะงั้นน่าสงสารจริงๆ กระซิก*


    ก่อนจะจากกันไรท์ขอไว้อาลัยให้กับพ่อเเม่ของนาโอกิด้วยคนนะคะ ทั้งสองคนเป็นคนสำคัญของน้องมากจริงๆ แอบสปอยค่ะคำที่เน้นตัวหน้าจะมีผลในตอนหลังๆ




    แล้วเจอกันใหม่นะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×