ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Boku no hero academia | สมุดบันทึกของวิลเลิน [OC/Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #1 : Episodio I : จุดเริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 5 ส.ค. 64


    วันนี้ท้องฟ้าในตอนกลางคืนมันดูมืดยิ่งกว่าวันไหนๆ เมฆหนาทึบที่ลอยบดบังแสงดาวและดวงจันทร์ ทั้งๆที่มันเป็นสิ่งที่พบเจอได้ตามปกติแท้ๆ

     

    หรือเป็นเพราะตัวเขาเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์นั้นมาเลยรู้สึกว่า..

     

    "มัน... จะมืดเกินไปแล้ว"

     

    เด็กหนุ่มผมสีเงินพูดพึมพำกับตัวเอง ในขณะที่เงยหน้ามองท้องฟ้า ก่อนจะกลับไปก้มควานหาบางสิ่งบางอย่างตามเดิม

     

    บางสิ่งบางอย่าง ท่ามกลางเศษซากตึกที่พังเละเทะ

     

    สถานที่แห่งนี้เพิ่งจะพังได้ไม่นานนักหลังจากที่เกิดเหตุการณ์นั้น แล้วมันก็กลายเป็นเขตหวงห้ามที่ห้ามไม่ให้คนปกติเข้ามาเพราะมันเคยเป็นอดีตรังลับของสมาพันธ์วิลเลิน

     

    หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดการปะทะกันของทั้งสองฝ่ายก็ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้ว พวกตำรวจแล้วก็ฮีโร่หลายคนเลยเริ่มลดถอยกำลังในการตรวจสอบสถานที่ ทำให้เขาแอบเข้ามาที่นี่ได้อย่างง่ายดาย

     

    ถึงตึกแห่งนี้มันจะดูเละจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม แต่ถึงอย่างนั้นสถานที่แห่งนี้ก็เคยเป็นที่แห่งเดียวที่เขาสามารถเรียกว่าที่ให้กลับไป สถานที่ที่เปรียบเสมือนบ้าน

     

    ตัวเขาที่ควานหาสิ่งนั้นมาสักพัก ในที่สุดก็เจอมัน รูปถ่ายที่เขาถ่ายด้วยกันกับครอบครัว รูปที่เขาถ่ายกับพ่อแม่ สิ่งสำคัญเพียงไม่กี่ชิ้นที่หยิบติดมาจากบ้านหลังเก่า บ้านที่ไม่สามารถกลับไปได้

     

    แต่ดูเหมือนว่าวันนี้โชคจะเข้าข้างตัวของเขา ทำให้เจอสิ่งสำคัญอีกชิ้นนึงที่นึกว่าจะหายไปเเล้ว

     

    "ไดอารี่ของ นาโอกิ งั้นหรอ..."

     

    เขาเอื้อมมือไปหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมา ก่อนจะมองดูรอบๆเพื่อเช็คว่าไม่มีคนอยู่แถวนี้ แล้วหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงเก่าๆที่อยู่ในสภาพโทรมเต็มทนแต่ก็ยังพอจะรองรับน้ำหนักของคนนั่งได้โดยที่ยังไม่พังลงไป

     

    "คิดถึงจัง.. ตัวเราในตอนนั้น"

     

    เด็กหนุ่มผมเงินคลี่ยิ้มอ่อนๆออกมา มันเป็นรอยยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติไร้ซึ่งการเสเสร้ง เป็นใบหน้าที่ตัวของเขาไม่ได้แสดงออกมามานานแสนนาน พร้อมกับมือที่เริ่มเปิดไดอารี่หน้าแรกและหน้าถัดๆไป

     

    สายตาทั้งสองที่จ้องมองไปยังตัวหนังสือเเต่ละบรรทัด ทำให้ความทรงจำต่างๆเมื่อหลายปีก่อนมันมันเริ่มหลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ

    . . . . . . . . . .

    . . . .  . 

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Diary By : Minato Naoki

     

          หน้าที่ 1 

     

    สวัดดีฮะถึงตัวผมในอนาคตหรือไม่ก็ใครสักคนที่เผลอมาอ่านไดอารี่เล่มนี้ ตัวผมมีชื่อว่า มินาโตะ นาโอกิ ถึงจะเขียนไว้ที่หน้าปกแล้ว เเต่ก็ถือเป็นการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการแล้วกัน

     

    คำว่า มินาโตะ แปลว่าท่าเรือมีความหมายแฝงว่าเป็นที่พักพิง หรือจะเเปลว่า เป็นสถานที่เเห่งความปลอดภัยก็ได้นะ

     

    ส่วนคำว่า นาโอกิ หมายถึง คนที่มีความซื่อสัตย์ 

     

    เป็นชื่อที่เพราะใช่ไหมล่ะ ก็พ่อกับแม่ของผมเป็นคนช่วยกันตั้งนี่น่า พวกเขาเคยบอกผมว่าชื่อนี้ใช้เวลาคิดตั้งหลายวันเชียวนะ 

     

    ส่วนความฝันในอนาคตก็คือสักวันผมจะเป็นฮีโร่อันดับ 1 ที่เเข็งแกร่งเหมือนกับแม่แล้วก็ไร้เทียมทานเหมือนกับพ่อให้ได้

     

     

          หน้าที่ 6

     

    วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบอายุ 4 ขวบ พ่อซื้อเกมส์มาให้เป็นของขวัญวันเกิดผมด้วยล่ะ พ่อบอกว่า"เกมนี้มันมีทางเลือกอยู่หลากหลายทางทุกอย่างที่เราทำไปในเกมมันจะส่งผลต่อตอนจบของเรื่องราวเลือกให้ดีๆล่ะ"ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจว่ามันสำคัญยังไงแต่จะขอจดคำพูดนี้เอาไว้เผื่อตัวฉันที่โตขึ้นจะเข้าใจบ้างล่ะนะ

     

    เลยเถิดมาเยอะแล้ว.. งั้นขอเข้าเรื่องเลยดีกว่า มันเป็นเกมที่มีชื่อว่า undertale เป็นเกมส์ที่เกี่ยวกับโลกใบหนึ่งที่ถูกปกครองด้วยมนุษย์แล้วก็ปีศาจ ทั้งสองเผ่าพันธุ์ได้ทำสงครามกันมาอย่างยาวนาน แล้วจบลงที่มนุษย์เป็นฝ่ายชนะ พวกมนุษย์กักขังปีศาจเอาไว้ด้วยเวทมนตร์ของพวกเขาหลังจากวันนั้นก็ผ่านมาหลายปี

     

    ตัวเราจะได้รับบทเป็นเด็กคนหนึ่งที่เผลอตกลงไปในดินเเดนของปีศาจส่วนตัวเราที่เป็นผู้เล่นก็ต้องคอยหาทางออกหรือทำอะไรสักอย่างเนี่ยเเหละ พ่อบอกกับผมว่ามันมีตัวละครตัวหนึ่งที่เขามีพลังเหมือนกับอัตลักษณ์ของผมมาก แต่พ่อเนี่ยสิดันเล่นตัวไม่ยอมบอกผมสักทีว่าเขาคนนั้นเป็นใคร แต่ก็เอาเถอะไม่เจอด้วยตัวเองก็ไม่มีความหมายนี่เนอะ

     

    หลังจากเล่นเกมส์มาอย่างยาวนานในที่สุดผมก็เจอตัวละครตัวนั้นซะที เขาชื่อว่า Sans sans น่ะ จะเป็นคนที่เข้ามาทักเราเป็นคนแรกหลังจากออกมาจากประตูได้ ถึงผมจะยังไม่รู้จักกับนิสัยหรือว่าอะไรเกี่ยวกับเขาก็เถอะ แต่ลักษณะภายนอกเขาเหมือนกับเป็นตัวผมเวอร์ชั่นโครงกระดูกเลย ยิ่งสีตาด้านนอกกับนัยตา สียังเหมือนกันอย่างกับแกะ

     

     

    แถมอัตลักษณ์ผมกับพลังของเขาเหมือนกันสุดๆจริงสิ!! อัตลักษณ์ของผมปรากฏออกมาเเล้วนะ 

     

    หลังวันเกิดครบรอบอายุ 4 ขวบ แม่พาผมไปตรวจอัตลักษณ์มา หมอบอกว่าผมน่ะมีถึง 2 อัตลักษณ์เชียวล่ะ

     

    อัตลักษณ์เเรกของผมเป็นการควบคุมกระดูก รายละเอียดการใช้ผมก็ไม่ค่อยรู้หรอกที่พอจะรู้ตอนนี้ก็.. เหมือนว่าผมจะสามารถปล่อยละอองกระดูกเล็กๆออกมาจากมือได้โดยเอาเเคลเซียมในร่างกายเป็นเเหล่งพลังงานล่ะมั้ง.. ถ้าเป็นตามที่พ่อบอกอะนะ ส่วนละอองที่ปล่อยออกมาตัวผมสามารถควบคุมให้มันย่อหรือขยายก็ได้ถึงตอนนี้จะยืดได้ยาวสุดแค่ความสูงของผมก็เถอะ ที่สำคัญกระดูกพวกนี้มันลอยได้ด้วยนะ

     

    ถึงตอนนี้จะยังควบคุมอัตลักษณ์ไม่ได้ตามใจเเต่ในอนาคต สักวันผมจะทำเป็นสเก็ตบอร์ดแล้วขึ้นไปขี่มันให้ดู!!!

     

     

    หลังจากที่ลองใช้พลังมาสักพักผมก็เริ่มรู้ว่าอัตลักษณ์นี้มันก็มีข้อเสียกับร่างกายเหมือนกันเพราะถ้าผมใช้มันมากเกินไป ร่างกายก็จะอ่อนเเรงหรือไม่ก็ขยับไม่ได้ มีหลายครั้งเหมือนที่ผมฝึกอัตลักษณ์อยู่ดีๆจู่ๆภาพมันก็ตัดไปเฉยเลย ตอนที่ลองเข้าไปถามพ่อว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะลบข้อเสียออกไปได้บ้าง พ่อบอกมาว่าให้ผมกินนมเยอะๆเดียวมันก็หายไปเอง

     

     เเต่...ผมเกลียดนมอะ

     

    ส่วนอัตลักษณ์ที่สอง คือ เทเลพอร์ต ตอนที่มันปรากฏออกมาครั้งเเรกเป็นตอนที่ผมออกมาจากโรงพยาบาล ตอนนั้นจู่ๆดวงตามันก็ร้อนขึ้นมาภาพบรรยากาศรอบตัวก็เปลี่ยนกลายเป็นสีขาวดำ ในตอนที่ลองเพ่งมองไปที่ถนนร่างกายมันก็ย้ายมาอยู่ที่ตรงนั้นไปแล้ว ตัวผมควบคุมพลังนี้ไม่ได้จนเกือบโดนรถชน ดีนะที่เเม่มาช่วยไว้ได้ทันไม่งั้นตัวผมก็คงโดนรถชนแล้วซี่เเหง๋ชัว

     

    หลังจากนั้นเเม่ก็หัดให้ผมใส่คอนเทคเลนส์แบบพิเศษ เเม่บอกว่ามันจะช่วยยับยั้งการใช้อัตลักษณ์โดยไม่ตั้งใจได้ระดับนึง เเล้วก็สอนวิธีควบคุมอัตลักษณ์ว่าอย่าไปถลึงตาใส่อะไร หรือว่าใส่ใคร แถมดันถูกสั่งห้ามใช้อัตลักษณ์จนกว่าจะขึ้นม.ต้นเพราะมันอันตรายเกินไป เซ็งชะมัด เเต่ก็ไม่เป็นไรหรอกผมดูเเม่ใช้อัตลักษณ์เพลินๆผ่านในโทรทัศน์แทนก็ได้

     

     

    หลังจากนั้นก็ผ่านมา 2 ปี ทุกครั้งที่รู้สึกเบื่อๆก็มักจะมานั่งเขียนไดอารี่ถึงชีวิตประจำวันที่แสนเรื่อยเปื่อย วันนี้ก็เหมือนกันผมเปิดโทรทัศน์ที่ห้องนั่งเล่นเอาไว้เพื่อฟังข่าว ในขณะที่มือก็เขียนอยู่ที่สมุดเล่มเดิม

     

            หน้าที่ 47

     

    อรุณสวัสดิ์ยามเย็นที่น่าเบื่อ วันนี้พ่อกับเเม่ก็กลับบ้านช้าอีกแล้ว ถ้ากลับช้าเเบบนี้รับรองเลยว่าพ่อกับแม่ต้องได้ออกโทรทัศน์อีกชัวเลย เเล้วพ่อน่ะก็คงพูดว่า....

     

    เป๊าะ!

     

    เสียงของไส้ดินสอที่หักลงจากแรงกดที่มากเกินไป การเขียนที่ขาดตอนเพราะความตกใจ

     

    "โกหก... แม่เนี้ยนะ"

     

    ในโทรทัศน์กำลังเล่นข่าวเกี่ยวกับแม่ที่เข้าไปช่วยเด็กคนนึงที่ถูกลูกหลงจากการต่อสู้จนตัวเองได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก

     

    "อ้าว.. เอ๊ะ ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ แม่แข็งแกร่งจะตายไปไม่ใช่หรอไม่น่าจะเจ็บตัวเพราะเรื่องแค่นี้หนิ..."

     

    'แต่ว่ารูปที่อยู่ในข่าวนั่นเป็นแม่ไม่ผิดแน่ๆ... หรือว่า...'

     

    "เพราะเข้าไปปกป้องยัยนั่น... แม่ถึงต้องเจ็บตัว"

     

    ทำไมแม่ต้องทำถึงขนาดนั้นด้วยฮีโร่แค่คอยต่อสู้กับพวกเหล่าร้ายไม่ใช่หรอ ไม่.. เดี๋ยวสิ... การปกป้องคนอื่นก็เป็นหน้าที่ของฮีโร่เหมือนกัน พ่อก็เคยบอกหนิ แต่ถ้ายัยนั่นยอมหนีไปตั้งแต่เค้าประกาศอพยพมันก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้

     

    "ทำบ้าอะไร"

     

    นาโอกิสะดุ้งตกใจกับคำพูดของตัวเอง ที่พลั้งปากพูดออกมา ตัวเขาพยายามกุมมือที่สั่นเทาของตัวเองเอาให้หยุดสั่น เด็กหนุ่มพยายามหยุดความคิดในหัวที่ตีกันแล้วเริ่มตั้งสติ

     

    'เรื่องหน้าที่ของฮีโร่ เรื่องพวกนั้นมันใช่สิ่งที่ควรคิดตอนนี้รึไง ตอนนี้เราต้องคิดว่าแม่จะเป็นอะไรมากหรือเปล่า เรื่องที่เราพอจะทำได้.. เรื่องที่เราพอจะทำให้แม่.. เรื่องที่เราพอจะทำได้...'

     

    ''นาโอกิ!''

     

    เสียงเรียกของคนที่คุ้นเคยทำให้เด็กหนุ่มหลุดออกจากห้วงความคิด

     

    "พ่อ!? มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วแม่ล่ะ แม่ล่ะฮะ ตอนนี้แม่อยู่ที่ไหน?"

     

    "ใจเย็นๆก่อนนาโอกิใจเย็นๆ ตั้งสติก่อนนะ"

     

    ผู้เป็นพ่อเข้ามาจับไหล่ทั้งสองข้างของลูกชายเอาไว้ พยายามพูดดึงสติของเจ้าตัวน้อยไม่เตลิดไปมากกว่านี้

     

    "ครับ..."

     

    พอเห็นอีกฝ่ายเริ่มนิ่งลงเขาจึงเริ่มอธิบายสถานการณ์รวมถึงตอบคำถามที่ฝ่ายสงสัย

     

    "เก่งมากเด็กดี ฟังนะตอนนี้แม่ถึงมือหมอแล้ว เขากำลังผ่าตัดให้แม่อยู่แล้วเขาก็เป็นหมอที่เก่งมากๆด้วย แม่จะต้องปลอดภัยแน่เธอจะกลับมาแข็งแรงแล้วคอยบ่นนาโอกิได้อีกครั้งพ่อเชื่อแบบนั้น นาโอกิเชื่อเหมือนที่พ่อเชื่อหรือเปล่า?"

     

    "อืม"

     

    หลังจากนั้นพ่อก็พาผมไปขึ้นรถ ก่อนที่จะขับออกไปด้วยความเร็วเลยที่กฏหมายกำหนดเล็กน้อยบรรยากาศในรถหลังจากนั้นเต็มไปด้วยความเงียบ คงเป็นเพราะพ่อเองก็กำลังกังวลใจอยู่เหมือนกันคงไม่อยากเสียสมาธิในการขับจนทำให้ผมต้องเจ็บตัวไปด้วยคนอีกคน แต่ก็ดีแล้วล่ะ.. เพราะผมเองก็พูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน

     

    หลังจากนั้นไม่นานพวกเราก็มาถึงโรงพยาบาล

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Talk : แก้ไข 26/6/64

    แถมท้ายนิสนึง ถึงปกติแซนส์จะดูขี้เล่นแต่เวลาเอาจริงเเล้วโครตโหดค่ะ! ถ้าลองไปสัมผัสเกมส์ undertale ก็จะรู้ได้ทันที่เลยค่า *ทางเราไม่ได้รับสปอนเซอร์นะคะแค่อยากขาย

     

     

    เครดิตของภาพ :

    https://pin.it/2ghAY6Z
    https://pin.it/5JFte7F

     

    แล้วเจอกันใหม่นะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×