ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Forward Mail by ME

    ลำดับตอนที่ #13 : Thai

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ค. 52



    อาจจะยาวไปหน่อย แต่ลองอ่านดู อาจจะเชื่อหรือไม่เชื่อ

    พอดีเมื่อวานไปถวายเทียนพรรษาที่วัดหลวงพ่อโอภาษีครับ คิดว่าเพื่อนๆที่อยู่แถวพระราม 2 คงรู้จักกัน ทุกคน

    เข้าเรื่องเรยนะครับ ผมก็ไปกับที่บ้านรวม 5 คน เข้าไปถึงกุฎิที่พ่อผมบอกว่าเป็นพี่ชายของเจ้าอาวาสเป็นหลวงพ่อ อายุราวๆ 70 ตาซ้ายเสียอ่ะค รับ เห็นบอกว่าองค์นี้เก่งมาก ก็เข้าไปถวายเทียนพรรษาพร้อมๆ กับอีกหลายๆ คนที่มาหาหลวงพ่อเช่นกัน

    พอถวายเทียนเสร็จหลวงพ่อท่านก็เล่าว่าท่านนิมิต(ฝัน)ว่า ท่านได้ไปนรกครับไปเจอเท้าเทพสุวรรณ( ยมฑูต) ท่านก็เล่าว่า ท่านถามสุวรรณว่าท่านตายแล้วหรอ

    สุวรรณบอกว่าท่านยังไม่ตายแต่จะพาไปเที่ยว แล้วเค้าก็พาหลวงพ่อเดินไปเดินไปเรื่อย จนถึงระยะหนึ่ง 
    หลวงพ่อหยุดเดิน สุวรรณที่เดิินนำก็เดินกลับมาครับ 
    แล้วถามว่า หยุดทำไม 
    ท่านก็ตอบว่า เดินตั้งนานแล้วในนรกไม่เห็นมีอะไรเรย 

    ระหว่างนั้นท่านก็บรรยายบรรยกาศของนรก ว่านรกมีไฟเพลิงสีส้มแดง แต่ไม่มีควัน แล้วก็ไม่ร้อนที่ท่านไม่ร้อน เพราะท่านมีบุญดีอยู่
    แล้วสุวรรณก็ถามต่อครับว่าอยากเห็นอะไรละ 
    ท่านตอบว่า อยากเห็นต้นงิ้วและกะทะทองแดง 
    สุวรรณบอกว่าไม่มีหรอก มนุษย์อุปโหลก ขึ้นมาเองทั้งนั้น ในนี้มีแต่ไฟโลกัณฑ์เดินไปอีกหน่อยแล้วจะรู้เอง ท่านก็ได้เดินต่อไป สิ่งที่ท่านเห็นก็คือ

    เหวที่มีไฟแดงฉานอยู่ข้างล่าง สุวรรณบอกว่า
    ใครทำกรรมชั่วมากก็จะอยู่ข้างล่างสุด ทำกรรมชั่วน้อยก็จะอยู่ข้างบน ซึ่งข้างล่างจะร้อนกว่าข้างบน

    คราวนี้เดินต่อไปเรื่อยๆ ท่านก็เห็นทาง สามแพร่ง มีน้ำกันอยู่ จึงได้ถามสุวรรณว่านี้คืออะไร

    สุวรรณตอบว่านี่คือทางไป นรก สวรรค์ โลกมนุษย์ ซึ่งมีคนยืนในช่องทางไปโลกเยอะมากๆ มีบางคนแอบซุกเพื่อหลบน้ำที่จะต้องผ่าน

    ท่านจึงถามว่าน้ำนี่คืออะไร สุวรรณตอบว่าน้ำนี่ใช้ชะล้างจิตใจ ให้ลืมอดีตแล้วไปเกิดใหม่ คนที่หลบหลีก น้ำนี้ไปได้จะต้องเป็นทุกข์(ที่เข้าใจคือระลึกชาติได้)

    แล้วท่านก็เล่าว่า พวก สส.ที่มันได้ดีเพราะมันกินบุญเก่า> เหมือนปลูกต้นแอปเปิ้ลไว้ ตัวเองปลูกตัวเองก็ได้กิน เมื่อต้นแอปเปิ้ลหมด ก็อดกิน ก็เหมือนกับพวก สส.ที่กินบุญเก่าอยู่เราไม่สามารถไปทำอะไรเค้าได้ ต้องรอให้เค้าหมดบุญไปเอง

    หลวงพ่อท่านก็ถามสุวรรณต่อว่าวิญญาณมนุษย์ไปเกิดก็เยอะแล้ววิญญาณที่ยังอยู่ที่โลกก็เยอะ ทำไมไม่จับมาให้หมด 
    สุวรรณก็ตอบว่า จับมาไม่ได้เพราะเค้ายังไม่หมดอายุขัย

     ร่างกายคนเรามี สังขาร (ร่างกาย) และจิตวิญญาณ เมื่อละสังขารแล้ว แต่ยังไม่ละจิตวิญญาณ คือยังไม่ถึงที่ตาย เช่นพวกฆ่าตัวตาย หรือถูกรถชนตายวิญญานก็จะต้องวนเวียนอยู่ในโลกไปจนกว่าจะถึงเวลาที่ละวิญญาณแล้ว ถึงจะไปรับมาได้

    ท่านจึงถามต่อว่า พ่อหลวงจะมีอายุยืนยาวไหม 
    สุวรรณตอบว่าท่านสิ้นอายุขัยแล้ว แต่มีคนต่ออายุขัยให้ท่าน ซึ่งก็คือพี่สาวของท่านเอง

    แล้วประเทศไทยละ จะเป็นอย่างไรต่อไป 
    สุวรรณตอบว่า บอกไม่ได้

    แล้วหลวงพ่อก็เดินต่อไปอีก คราวนี้ไปเจอแอ่งน้ำลักษณะเหมือนเขื่อนซึ่งมองไปที่กำแพงกั้นน้ำ 
    สิ่งที่ท่านเห็นคือ ม้าตัวผอมเซียว ซึ่งมี พระเจ้าตาก และพระปิยะมหาราชยื่นขว้างลำน้ำอยู่

    ท่านบอกว่า ที่เห็นอยู่คือกษัตริย์เก่าๆช่วยไม่ให้กรุงเทพฯ ถูกน้ำท่วม จริงๆกรุงเทพฯต้องถูกน้ำท่วมไปนานแล้ว แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ม้าจะหมดแรง จากความหนาวของน้ำแล้วการอดอาหารมานาน

    หลวงพ่อท่านพูดจบท่านน้ำตาท่านก็ไหลออกมา
    แล้วบอกให้ทุกคนที่ได้รับฟังเรื่องราวของท่าน ว่าเป็นนิมิตของท่าน จะเชื่อหรือไม่ก็ได้ เพราะท่านก็ยังคิดว่าเป็นความฝันของท่าน

    แต่ท่านก็กำชับกับทุกๆคนเอาไว้ว่า เวลาไปที่วงเวียนใหญ่ หรือพระบรมรูปทรงม้าหรือที่ไหนก็แล้วแต่ที่มีพระบรมรูป ให้กราบไหว้โดยนำ หญ้าที่ม้ากินล้างให้สะอาดไปถวายด้วย
    เพื่อให้ม้ามีกำลังยืนต่อไปได้

    ผมก็คิดว่านี่เป็นสิ่งที่ทุกคนมองข้ามไปจริงๆ เพราะคนส่วนมากเวลาไปไหว้ก็จะนำแต่ดอกไม้ไปไหว้เท่านั้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×