คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ความทรงจำ
ณ เกาะเชจู
"ฮือๆๆ...ฮือๆๆๆ" เสียงอะไรว่ะ!!! เด็กน้อยตัวเล็กเดินเข้าไปตามเสียงที่ได้ยินด้วยความอยากรู้ว่าที่ได้ยินคือเสียงอะไรและแล้วก็เจอกับเด็กผู้หญิงผมสั้นตัวไม่ใหญ่ไปกว่ากันนั่งก้มหน้าร้องไห้ เลยเดินเข้าไปหาเด็กผู้หญิงคนนั้นเพื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง
"เธอ...เธอ" เงีบไม่มีเสียงตอบรับจึงลองเรียกอีกครั้ง
"เธอ...เธอ" เงียบไม่มีอะไรตอบสนองกลับมาเจ้าเด็กน้อยความอดทนต่ำเริ่มจะเดินกลับแต่ขณะเดินกลับ
"ฮือๆๆๆๆฮือๆๆๆ..." เสียงร้องไห้ที่หนักกว่าเดิมดังขึ้น ด้วยความตกใจจึงรีบวิ่งเข้าไปดูเด็กหญิงคนนั้นอีกครั้ง แต่เปลี่ยนวิธีเรียกใหม่
"เธอ...อย่าร้องไห้นะ บอกได้มั้้ยว่าเป็นอะไร ทำไมมานั่งร้องไห้อยู่คนเดียว มีอะไรให้เราช่วยมั้ย? บอกเราได้นะ"
เงียบไปแปปนึงก็มีเสียงเล็กๆปนสะอื้น ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องซักเท่าไหร่ ตอบกลับมา
"ฉันหลงทางกับ พ่อแม่ หาไม่เจอไม่รู้จะทำยังไง ฉันกลัว ฉันกลับไม่ถูก ฮือๆๆๆ"
"ไม่เป็นไรนะเราจะอยู่เป็นเพื่อนเอง ไม่ต้องกลัว" และแล้วบรรยากาศรอบข้างก็เงียบมีแต่เสียงคลื่นกระทบหาดทรายสลับกับเสียงสะอื้นของเด็กหญิงคนข้างดังสลับกันไปมา จนจะได้ใกล้เวลามื้อเย็นเด็กน้อยก็เริ่มหิวแต่ก็ไม่กล้าทิ้งเด็กผู้หญิงไว้คนเดียว นั่งคิดอยู่แปปนึงก็ปล่อยเสียงออกมา "ใกล้จะมื้อเย็นแล้ว หิวมั้ย?" เงียบตามเคยได้แต่นั่งถอนหายใจหันไปมองหน้าคนข้างๆพิจารณาใบหน้าเธอแล้วเด็กคนนี้น่ารักเหมือนกันนะไม่น่าต้องมานั่งร้องไห้คนเดียวอยู่ตรงนี้เลย น่าสงสารจัง จนคนที่้ถูกมองอยู่รู้สึกได้จึงหันกลับไปมอง เมื่อวินาทีที่ได้สบตากับเด็กน้อยอีกคนที่คอยส่งยิ้มมาให้ตัวเอง เจ้าตัวก็หยุดร้องไห้รู้สึกดีใจที่มีเพื่อนมาคอยนั่งเป็นเพื่อนไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว ความกลัวที่มีก็ลดน้อยลงมากโข เมื่อเด็กน้อยเห็นเด็กหญิงหันหน้ากลับมาและเริ่มหยุดร้องได้ก็ส่งยิ้มหวานๆตามฉบับส่งไปให้ แล้วก็ยกมืออันน้อยนิดขึ้นมาเช็ดคราบน้ำตาตามพวกแก้มสีชมพู พอเช็ดแล้วมันเหมือนจะไม่หมดเลยล้วงมือไปหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กๆมาซับให้อีกทีไล่เช็ดตั้งแต่แก้มที่เปื้อนน้ำตาทั้งสองข้างจนมาถึงดวงตา ก็เขินอายขึ้นมากเมื่อสังเกตเห็นว่าเด็กหญิงคนนี้ตาหวานจัง เช็ดเสร็จแล้วก็ส่งผ้าเช็ดหน้าให้เด็กหญิงเอาไปเช็ดต่อ เพราะตัวเองอายที่จะสบตากับเด็กหญิงคนข้างๆ
"หิวหรือยัง?" อยู่ๆเสียงของเด็กน้อยดังออกมาเรียกความสนใจให้กับเด็กหญิงข้างกาย
“หิวแล้ว” ดีใจจังที่ได้ยินเสียงของเด็กหญิงเธอยิ้มให้น้อยๆ แต่แล้วเด็กหญิงทำเหมือนจะร้องไห้อีกครั้งเด็กน้อยเห็นท่าไม่ดีจึงรีบถามอีกครั้ง “เป็นอะไรทำหน้าเศร้าอีกแล้ว” เมื่อเด็กหญิงได้ยินที่ถามก็ตอบกลับไปว่า “เราไม่มีเงินเลย” เด็กน้อยเมื่อได้ยินก็ยิ้มสดใสตามฉบับกลับไปให้แล้วบอกว่า “ไม่เป็นไรไปกินกับเราก็ได้นะ เพราะเราก็มากับพ่อแม่มีพี่ชายด้วยนะพวกเขาเลี้ยงเราได้”
พอได้ฟังเด็กหญิงก็ยิ้มออกมาบางๆและพยักหน้าเพื่อเป็นการตอบตกลงตามนั้น
แล้วทั้งเด็กน้อยและเด็กหญิงก็จับมือกันเดินไปหาพ่อแม่ของเด็กน้อยที่ยืนรออยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ ในความคิดของเด็กน้อยในตอนนั้นรู้สึกแค่อยากทำให้เด็กหญิงคนนี้หยุดร้องไห้ เพราะใบหน้าน่ารักนี้ไม่น่ามีน้ำตาให้เปื้อนเลยจริงๆ คงไม่ได้ต่างกัไนที่เด็กหญิงคนนี้รู้สึกปลอดภัยขึ้นมากไม่คอยกลัวอะไรอีกคิดอะไรเพลินๆก็เจอหน้ากับผู้ใหญ่สองคนดูหน้าตาใจดียืนยิ้มมาให้ จึงยิ้มตอบกลับไป ชายกลางคนท่าทางใจดีกล่าวกับเด็กน้อยที่ตนเองจับมือด้วยสีหน้ายิ้มบางๆ
"ไปพาใครมาเล่นด้วยหล่ะ เลิกเล่นได้แล้วนะ ได้เวลากินข้าวแล้ว จะได้ไปพักผ่อน" พร้อมลูบหัวเด็กน้อย
"เขาหลงทางกับพ่อแม่ นั่งร้องไห้ตรงหาดคนเดียว สงสาร" ปากก็พูดบอกผู้เป็นพ่อไปแต่ตากลับมองแต่ใบหน้าเด็กหญิงแล้วยิ้ม ชายคนนี้นย่อตัวลงให้ระดับความสูงประมาณสายตาเด็กหญิง
"หนูหลงทางหรอจ๊ะ พอจำทางกลับบ้านได้มั้ย? หรือจำได้มั้ยว่าพักอยู่ที่ไหน อาจะไปส่งไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ"
พอได้ฟังที่ชายคนนี้พุดก็ส่ายหน้าเบาๆเป็นการบอกให้รู้ว่า จำไม่ได้
"ไม่เป็นไรนะ ค่อยๆคิด." ชายคนนั้นบอกอย่างใจดีและผู้หญิงท่าทางใจดีอีกคนเอามือลูบหัวเด็กทั้งสอง
"ป่ะงั้นกินข้าวกันก่อนนะจะได้มีแรงคิด หิวแล้วใช่มั้ย?" เด็กหญิงพยักหน้าให้รู้คำตอบว่าหิวแล้วและเด็กน้อยคนเดิมก็จูงมือเ็ด็กหญิงไปที่โต๊ะอาหารของครอบครัวที่มีเด็กชายคนหนึ่งนั่งรอพร้อมกับอาหารน่าทานหลายอย่างเต็มโต๊ะเรียกน้ำลายเด็กหญิงได้อย่างดี
"ทำไมมาช้าจัง พี่หิวข้าวแล้วนะนั่งซิ!!!" เด็กชายบอกกับเด็กน้อยพร้อมทั้งที่มีอาหารเต็มปาก เด็กน้อยนั่งลงข้างๆพี่ชายและไม่ลืมที่จะเลื่อนเก้าอี้ข้างๆให้เด็กหญิงที่มาด้วยได้นั่งใกล้ๆกัน และแล้วก็กินอาหารมืออร่อยปนเสียงสงครามแย่งอาหารตามฉบับพี่น้องที่ไม่มีใครยอมใคร หัวเราะบ้าง ทะเลาะบ้าง งอนกันบ้างของสองพี่น้องเรียกร้อยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ไม่หลงเหลือคราบน้ำตาของเด็กหญิงได้เป็นอย่างดี เมื่อทานอาหารเสร็จกันหญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีที่น่าจะเป็นแม่ของเด็กน้อยก็ลองถามเด็กหญิงอีกทีเพื่อจะตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อดี
"พอจำได้หรือยังค่ะว่าพักอยู่ที่ไหน? อาจะพาไปส่ง" เงียบไปครู่นึงเด็กหญิงก็เหมือนจะนึีกอะไรออกขึ้นมา
"หนูอยู่ที่โรงแรมที่มีสระน้ำใหญ่ะ มีรูปปั้นปลาตัวใหญ่ๆหลายตัวค่ะ" เด็กหญิงตอบกลับไปด้วยความมั่นใจ และทั้งครอบครัวของเด็กน้อยก็ขับรถไปยังโรงแรมที่เด็กหญิงบอก ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงยังโรงแรมที่เด็กหญิงบอกเพราะแถบนี้ไม่ค่อยมีโรงแรมขนาดใหญ่แถมยิ่งบอกว่ามีรูปปั้นปลาตัวใหญ่ยิ่งหาง่ายเพราะมีอยู่ที่เดียว ทั้งหมดพากันเดินไปที่ล็อบบี้เพื่อจะแจ้งให้ตามหาพ่อแม่ของเด็ก ในขณะที่กำลังจะบอกกับเจ้าหน้าที่ก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลังวิ่งเข้ามาหาพวกเธอ
"มิยอง มิยองอ่า!!! หายไปไหนมาลูก รู้มั้ยแด็ดเป็นห่วงแทบแย่ แด็ดขอโทษนะลูกกลัวมั้ย? แด็ดอยู่นี่แล้วนะเด็กดี"
เสียงของชายมีหนวดตัวใหญ่ท่าทางใจดีพูดพร่ำบอกกับเด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา เด็กหญิงทำได้แค่ส่ายหัวยิ้มหวานกว้างๆให้ชายที่กอดตัวเองและยกนิ้วน้อยๆชี้มาทางเด็กน้อย ชายตัวใหญ่เดินเข้ามาหาเด็กน้อยพร้อมจูงมือเด็กหญิงมาด้วย
"เขาช่วยหนู พาหนูไปกินข้าวแล้วก็พาหนูมาส่งที่นี่" เด็กหญิงบอกผู้เป็นพ่อด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสที่ทำให้เด็กน้อยอึ้ง!ไปเลย ในความคิดเด็กน้อยเมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่น่ารักสดใสไร้น้ำตาคลอเบ้าถึงกับใจสั่นๆไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ร้อนที่หน้าลามไปถึงใบหู จนหน้าแดงไปถึงใบหู ทำให้ชายตัวใหญ่อดเป็นห่วงไม่ได้เพราะรู้สึกดีกับเจ้าตัวน้อยนี้ที่ช่วยลูกสาวเค้า
"ไม่สบายหรอลูกทำไมหน้าตาแดงกำ่ขนาดนี้ " ชายตัวใหญ่ถามพร้อมเอามือถาบเหมือนวัดไ้ข้ เด็กตัวน้อตกใจยืนตัวแ็ข็งทื่อส่ายหน้าบอกไม่เป็นไร เขาจึงพยักหน้ากลับเพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่าเข้าใจที่เด็กน้อยสื่อออกมา
"ขอบใจหนูมากนะ ที่ช่วยลูกสาวของลุง ไม่งั้นลุงคงไม่ให้อภัยตัวเองเลยที่ปล่อยให้ลูกหลงทาง โชคดีของลูกสาวลุงมากที่เจอกับหนู ไม่งั้นลุงไม่รู้เลยลูกลุงจะเป็นยังไง ลุงคงเสียใจและไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิตแน่เลย ขอบใจหนูมากจริงๆนะ" ชายตัวใหญ่พร่ำบอกขอบคุณหลายครั้งจนเด็กน้อยยอมปล่อยเสียงน้อยๆออกมา "ไม่เป็นอะไรค่ะ เพื่อนกัน"
เขายิ้มให้กับความใจดี จริงใจ ไร้เดียงสาของเด็กน้อยตรงหน้า และหันไปขอบคุณคนเป็นพ่อเป็นแม่ของเด็กน้อยพร้อมก้มหัวให้ 90ํ ให้ด้วยความขอบคุณที่ตื้นตันใจที่ได้เจอลูกสาวอีกครั้ง
"ขอบคุณพวดุณมากจริงๆนะครับที่ช่วยเหลือลูกสาวของผม ขอบคุณมากจริงๆครับ ถ้าลูกผมเป็นอะไรไปผมไม่รู้จะทำยังไงเลยครับ ผมคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีลูก"
หลังจากขอบคุณกันเสร็จทั้งหมดก็ชวนกันไปนั่งคุยกันสักพักหนึ่ง พอเห็นเวลาชักดึกแล้วจึงแยกกันไปพักผ่อนโดยที่ชายตัวใหญ่พูดขอร้องให้ครอบครัวของเด็กน้อยมาทานอาหารเย็นด้วยกันวันพรุ่งนี้ตอนเย็น และเมื่อเห็น มิยอง ท่าทางเล่นมีความสุขกับเด็กน้อยคนนั้นจึงขออนุญาตพ่อแม่ของเด็กน้อยว่าพรุ่งนี้จะพาเด็กๆไปดูการแสดงโลมาสีชมพู พ่อแม่เด็กน้อยตกลงตานั้นโดยไม่ลืมถามความสมีัครใจของลูกทั้งสองของตน
"นี่ นี่ ชื่ออไรหรอ? ยังไม่ได้บอกเลยนะ" เด็กหญิงถามเด็กน้อยออกไปเพราะเขารู้ชื่ของเธอแต่เธอไม่รู้ชื่อของเขาเลย แต่หารู้ไม่ว่าการกระทำแบบนี้เรียก รอยยิ้มให้คนโดนถามและคนที่ได้ยินรอบข้างต่างพากันยิ้มเอ็นดูให้เด็กทั้งสอง
"คนนี้พี่ชายเราชื่อ จีอุง ส่วนเรา..." เงียบไปพักนึง "ไว้บอกพรุ่งนี้" บอกออกมาทั้งยิ้มและทำน่ากวนๆ ยั๊กคิ้วข้างเดียวให้เด็กสาวได้อายเล่นใบหน้าแดงก่ำ โชคดีที่ตอนนี้ไม่ค่อยสว่างเลยไม่มีใครสังเกตุเห็นว่าเด็กหญิงเขินอายมากแค่ไหนกับการกระทำของเด็กน้อยตรงหน้า ครอบครัวเด็กน้อยกำลังขึ้นรถเพื่อกลับบ้าน เด็กหญิงรีบคว้ามือเด็กน้อยไว้แล้วโน้มใบหน้าเข้าใกล้หน้าใสๆของเด็กน้อย พร้อมพูดด้วยเสียงเบาๆด้วยความเขินอาย
"ขอบคุณมากนะที่วันนี้ช่วยเรานะ ยินดีที่ได้รูจัก" ยิ้มให้คนตรงหน้าพยักหน้าเข้าใจที่เด็กหญิงพูด
"จุ๊บ!!!... ฝันดีนะ" เด็กน้อยยืนอึ้ง! ไม่รู้จะก้าวไปทางไหนดีคิดไม่ออก อากาศก็ร้อน ใจก็เต้นแรง พอตั้งสติได้จะหันกลับไปบอกฝันดีกับเด็กหญิง ก็ไม่เห็นใครแล้วเพราะครู่กรณีวิ่งหายเข้าไปกับพ่อซะแล้ว ได้แต่ถอนหายใจและรีบวิ่งขึ้นรถเพื่อกลับบ้านไปพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้มีนัดไปเที่ยวกับเด็กหญิงที่ชื่อ มิยอง แต่เช้า พอถึงบ้านทำภารกิจของตัวเองเสร็จก็รีบเข้านอนแต่ก็ยังนึกถึงใบหน้าน่ารัก รอยยิ้มหวานๆที่เห็นแล้วชวนให้ใจสั่น แล้วต้องอมยิ้มกับภาพที่โดนเด็กหญิง จุ๊บแก้ม
"คิดถึงทีไรหน้าแดง ใจเต้นเร็วทุกที เฮ้อ!!!" บ่นกับตัวเองเบาๆ "ผันดีนะ มิยองอา"
อีกฝากของเด็กหญิงก็อมยิ้มใต้ผ้าห่มผืนหน้าด้วอาการเขินอายที่ตัวเองกล้าไป จุ๊บแก้มเด็กน้อย
"พรุ่งนี้เราจะต้องรู้จักชื่อเธอให้ได้ อิอิอิ" ตั้งใจกับตัวเองเรียบร้อยแล้วรีบข่มตาหลับ เพราะพรุ่งนี้มีนัดไปเที่ยวกับเพื่อนใหม่แต่เช้า
9.00 น. หน้าโรงแรมของเด็กหญิง สองพี่น้องรอการปรากฎตัวของใครบางคนและไม่นานเกินรอก็เห็นเด็กหญิง
หน้าตาน่ารักวิ่งมาหา2พี่น้องที่ยืนรออยู่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มหวานสดใสตามฉบ้บ ทำให้คนที่มองถึงกับเคลิ้มตามเป็นผลทำให้พี่ชายต้องตบหัวเพราะเรียกหลายรอบแล้วไม่รู้สึก "น่ารักอ่ะดิ ชอบก็จีบเลยดิว่ะ เดี๋ยวอดนะเว้ย" คำพูดล้อเลียนเมื่อเห็นอาการน้อง
"กินอะไรกันมารึงยัง เดี๋ยวแด๊ดดี้สั่งให้" เด็กหญิงถามด้วยร้อยยิ้มหวาน หวานมากในความคิดเด็กน้อยตอนนี้พาลให้ยิ้มตาม
"ไม่เป็นไรเรากับพี่กินมาจากที่โรงแรมที่เราพักแล้วเหมือนกัน ขอบใจนะที่ถาม" ส่งยิ้มหวานกลับไปให้เด็กหญิงตรงหน้าอีกครั้ง
"ถามนิดเดียวตอบซะยาวเชียว" เด็กหญิงแซวเด็กน้อยกลับและทั้ง2ก็หัวเราะให้กันนิดหน่อย จนคนที่มาด้วยไม่เข้าใจว่าให้เขามาด้วยทำไมเหมือนมาเป็นส่วนเกินยังไงก็ไม่รู้ คิดแล้วก็เศร้าใจไม่รู้ว่าวันนี้จะสนุกหรือเปล่า? แต่ก็ต้องหยุดคิดเมื่อได้ยินเสียงของชายตัวใหญ่ที่จูงมือเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับตัวเองเข้ามาหา เด็กหญิงเข้าไปจูงเด็กผู้ชายที่มาด้วยให้เดินมาตรงหน้า2พี่น้อง
"วันนี้ขอพาพี่ชายเราไปเที่ยวด้วยกันนะ นี่พี่ชายเราชื่อ เลโอ" 2พี่น้องยิ้มให้พี่ชายของเด็กหญิงอย่างเป็นมิตร เมื่อทำความรู้จักกันเสร็จทุกคนก็ึขึ้นรถเพื่อที่จะไปดูการแสดงของโลมาสีชมพูกัน
ในรถแวนผู้เป็นพ่อของเด็กหญิงเป็นคนขับ ถัดมาเป็นที่นั่งของเด็กหญิงและเด็กน้อยและท้ายสุดเป็นของพี่ชายทั้ง2ที่ดูจะ
เป็นเพื่อนเล่นที่เข้ากันได้ดีทีเดียว เด็กหญิงหันไปมองเด็กน้อยก็พบว่าอีกคนนั่งเล่นแต่เกมส์ไม่สนใจจะคุยกับเธอเลย
"ไม่อยากคุยกับเราหรอ" เด็กหญิงถามด้วยความน้อยใจเพราะตั้งแต่ขึ้นมาเด็กน้อยไม่คุยกับเธอเลย
"ไม่รู้จะคุยอะไร ......เงียบ........ ต่อไปฉันจะเรียกเธอว่า มิยอง นะ" หันกลับไปยิ้มหวานให้เด็กหญิงที่นั้่งยิ้มให้ข้างๆ ใจเด็กหญิงเต้นแรงเหมือนกัน ตัวเด็กน้อยเองก็เขินอายไม่กล้าสบสายตา ...เงียบกันสักพักมีแต่เสียงพี่ชายทั้ง2เล่นกันอยู่ด้านท้ายองรถ
"ฉันยังไม่รู้จักชื่อเธอเลยนะ เมื่อไหร่จะบอกหล่ะ!!!" ถามเพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบ และเด็กหญิงเองก็อยากมีเรื่องคุยกับเด็กน้อยข้างๆ
"ไว้มื้อเย็นค่อยบอกล่ะกัน ปล่อยให้ทายเอง ห้าม! ถามใครนะพี่จีอุงก็ห้ามถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะไม่คุยกับ มิยอง แล้วจะบอกเอง"
แล้วยั๊กคิ้วข้างเีดียวให้เป็นการกวนนิดๆ เรียกความหมั่นไส้ให้กับเด็กหญิงที่ทำได้เพียงย่นจมูกใส่คนข้างๆ
"อ่ะถึงแล้ว ลงกันได้เลยนั่งรอดูการแสดงตามหมายเลยนะลูกอยู่กันดีๆหล่ะเดี๋ยวแด๊ดไปซื้อน้ำกับขนมให้กินกันระหว่างดูนะ
"ค่ะ/คับ" ทุกคนตอบรับ ที่นั่งก็จะเป็น แด๊ดดี้-มิยอง-เด็กน้อย-จีอุง-ลีโอ(เพราะอายุมากสุดดูแลน้อง) ไม่นานเกินรอแด๊ดดี้ก็กลับมาพร้อมกับน้ำอัดลมและขนมมากมายเต็มไปหมด ทั้งหมดดูการแสดงของโลมาที่ทั้งน่าัรัก และฉลาด ด้วยความตื่นเต้นเพราะไม่เคยได้มาดูเลยสนใจเป็นพิเศษ เวลาผ่านไปจนการแสดงจบทุกคนปรบมือและถ่ายรูปกับโลมาเป็นที่ระลึกและแน่นอนเด็กๆกลุ่มนี้ก็ไม่พลาดเหมือนกันเิริ่มจาก ถ่ายกันหมดแก๊งเลย(แด๊ดดี้ถ่าย)-เลโอถับมิยอง-เด็กน้อยกับจีอุง-เลโอกับจีอุง- สุดท้ายจะเป็น มิยองกับเด็กน้อย ใช้เวลานานพอควรเพราะอาการเขินอายของทั้งคุ่ที่หน้าแดงก่ำกันทั้งคู่
"เร็วๆซิ มันร้อนนะ" เสียงเลโอเร่งดังขึ้นเพราะหมั่นไส้กับอาการท่าทีเิขินอายของน้องสาว
"ใกล้อีก โอบกันหน่อย" เสียงจีอุงดังขึ้นมาบ้างเหมือนกันเพราะเริ่มหมั้่นไส้กับอาการของน้องตัวเอง
และแล้วก็ได้ถ่ายสักทีผลปรากฎบนรูปเป็นภาพที่ เด็กน้อยยืนโอบคอมิยอง ส่วนมิยองโอบเอวเด็กน้อย ทั้งหมดก็เดินดูไปเรื่อยๆเจอตรงไหนสวยก็ถ่ายกันจนถึงร้านอาหารที่ดูน่ารับประทาน เพราะตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงครึ่งแล้วทุกคนจึงเริ่มหิวข้าวกันแล้ว
"พอกินเสร็จ แด๊ดดี้พาไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำนะลูก" ผู้เป็นพ่อกล่าวก่อนกินอาหาร
"คับ/ค่ะ" เสียงใสๆของเด็กๆตอบกลับมาอย่างสดใสด้วยความตื่นเต้นเพราะไม่เคยไป จึงรีบกินแล้วก็รีบไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
เมื่อมาถึงเด็กๆต่างตื่นตาตื่นใจก้ับสิ่งที่ได้พบเห็นทุกคนเดินตามไกด์(แด๊ดดี้)เป็นคนนำเที่ยว อธิบายให้เด็กๆได้ฟังกัน มีปลามากมายให้ตู้กระจกขนาดใหญ่มากๆ บ้างก็มีคนว่ายในชุดดำน้ำให้อาหารปลาอยู่เด็กน้อยยืนดูอย่างสนใจจนมิยองต้องเข้ามาดูด้วยเพราะอยากรู้ว่าเด็กน้อยดููอะไรทำไมน่าสนใจขนาดนี้ เมื่อเดินกันจนครบรอบ 2 3 รอบก็แล้วเด็กๆก็อยากจะเดินอีกให้เหตุผลว่าอยากเห็น น่ารัก .............จนไกด์(แด๊ดดี้)ใจอ่อนพาเดินอีกรอบ
"รอบสุดท้ายแล้วนะคับเด็กๆ เพราะมื้อเย็นนี้เรามีนัดทานข้าวกับครอบครัวกันใช่มั้ย?" ให้เหตุผลกับเด็กๆเขาจะได้เข้าใจเเด๊ดดี้
"คับ/ค่ะ" ตอบรับอย่างว่าง่าย
"แด๊ดดี้ค่ะ ก่อนกลับพามิยองไปซื้อของที่ระลึกหน่อยนะค่ะ นู๋อยากได้อ่ะ" เด็กหญิงอ้อนผู้เป็นพ่อเรียกร้อยยิ้มได้รวมถึงเด็กน้อยที่กำลังแอบมองอยู่เป็นระยะๆ พอเข้ามาในร้านขายของที่ระลึกต่างคนต่างเลือกของที่ชอบที่ถูกใจตามใจชอบ(แด๊ดดี้จ่าย)
"อ่ะ...อ่าว" มิยองกับเด็กน้อยอุทานพร้อมกัน
"ชอบเหมือนกันหรอ?" มิยองถามอมยิ้ม เพราะมือของทั้ง2จับกันเข้าพอดีตอนนี้หน้ามิยองเริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาบ้างแล้ว
"อืม" เด็กน้อยตอบแบบอายๆเพราะนอกจากจะโดนมือกันแล้วยังชอบแบบเดียวกันอีก คิดแล้วเขินจัง!!!(ในความคิด)
สิ่งที่ทั้งสองคนสนใจเป็นเพียงพวงกุญแจรูปโลมาตัวใสแต่ด้านในมีของเหลวเหมือนเป็นน้ำมันใส่สีมีกริตเตอร์เป็นประกาย พอเขย่าหรือกระเทาะก็จะมีไฟให้เห็น
"ถ้าเป็นตอนกลางคืนไฟมันต้องสวยเห็นชัดกว่าตอนนี้แน่ๆเลย ว่ามั้ย?อ่ะ" พูดไปยิ้มไปมองหน้าคนข้างๆแล้วอมยิ้มอายๆ
มิยองเอาเจ้าตัวโลมาที่มีของเหลวใสสีชมพูอยู่ด้านในพอเขย่าหรือกระเทาะกับฝ่ามือเบาๆจะมีแสงไฟขาวอมฟ้าปรากฎขึ้นให้เห็น
"เราก็ว่าอย่างนั้นแหล่ะถ้าเป็นตอนกลางคืนแสงมันคงสวยมากๆเลย" พูดไปยิ้มไปแอบมองคนข้างๆเป็นระยะๆ
เด็กน้อยเลือกโลมาที่มีของเหลวใสสีฟ้าอยู่ด้านในแต่พอเขย่ามันแล้วสีที่ออกมากลับเป็นสีขาวชมพูเข้มปรากฎให้เห็น
ทั้ง2เลือกได้แล้วก็เดินไปหาแด๊ดดี้กับพี่ชายทั้ง2(ให้จ่ายเงินให้) แล้วทั้งหมดก็พากันนั่งรถกลับไปทานข้าวกับครอบครัวเด็กน้อยตามที่ตกลงกันไว้ ระหว่างทางขับรถกลับโรงแรงของมิยองนั้นโทรศัพท์แด๊ดดี้ดังขึ้น
"??????? ...... Hello!!! @#@#####@&%#%&$%##%#$^&$@$^*&^%$$(*&^$@##&฿......yes! OK."
สีหน้าของผู้เป็นพ่อไม่ดีเท่าไหร่กังวลไม่รู้จะบอกกับลูกทั้ง2ยังไง ต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ใ้ห้ลูกเห็นแต่ไม่พ้นสายตามิยอง
"แด๊ดดี้เป็นอะไรค่ะทำไมทำหน้าบึ้งไม่ยิ้มเลย ใคร?โทร.มาหรอค่ะ" เด็กน้อยถามตาใสไม่รู้เรื่องอะไร ทำให้ผู้เป็นพ่อกลั้นน้ำตาทันที
"ฟังแด๊ดดี้กันดีๆนะทั้ง2คน ตอนนี้มั๊มมี้กับพี่มิเชลประสบอุบัติเหตุ อาการสาหัสมากเราต้องรีบกลับไปดูแลให้เร็วที่สุด เราจะกลับกันเย็นนี้เลย" พอได้ฟังที่ผู้เป็นพ่อพูดเท่านั้นเด็กทั้ง2ร้องไห้กันโยโยลำบากต้องให้อีก2คนที่ไม่รู้เรื่องคอยปลอบโดย มิยองให้เด็กน้อยปลอบส่วนเลโอให้จีอุงปลอบ โดยท่าทีที่ไม่มีทางจะหยุดร้องเลย
"วันนี้คงไม่ได้ทานข้าวเย็นด้วยกันแล้วนะต้องรีบกลับบ้าน ฮือๆๆๆๆๆ มั๊มมี้กับพี่มิเชลถูกรถชน ฮือๆๆๆ" มิยองพูดไปร้องไห้ไป
"ไม่เป็นไรนะค่อยกันกันวันหลังก็ได้ แม่กับพี่เธอต้องไม่เป็นอะไรนะ อย่าร้องเลย" เด็กน้อยไม่รู้จะปลอบยังไง
"แต่บ้านเราอยู่ไกลมากเลยนะกว่าจะได้เจอกันอีกคงจะอีกนานมากๆเลย ฮือๆๆๆๆ ยังไม่อยากกลับเลย ฮือๆๆๆๆๆ"
"แล้วบ้านเธออยู่ไหนหล่ะบางทีเราอาจจะไปหาก็ได้นะ อยู่ไหนหล่ะ?" ยังคงเอาัมือลูบหัวเพื่อปลอบโยนคนที่กำลังร้องไห้อยู่
"จริงหรอ? ฮือๆๆๆ บ้านเราอยู่นู่นที่อเมริกา ไปหาเราน่ะเราจะรอ ฮือๆๆๆ" มิยองน้อยร้องไห้พูดไปฟังแทบไม่รู้เรื่อง
"โห!!! ไกลจังเลยอ่ะ เราจะไปยังไง? ตอนนี้เราเพิ่ง 8 ขวบ เองนะจะไปได้ยัง แต่ถ้าเราโตกว่านี้เราสัญญาว่าจะไปหานะ"
ให้คำมั่นสัญญาโดยที่ยังไม่รู้เลยว่าอเมริกาอยู่ตรงไหนของโลก ไกลแค่ไหนก็ตั้งใจจะไปหาเด็กหญิงที่ร้องไห้ในอ้อมกอดนี้ให้ได้
"บอกเราได้มั้ย? ว่าเธอชื่ออะไร? ฮือๆๆๆ เราจะได้จำชื่อเธอไว้ จะได้ไม่ลืมกัน ฮือๆๆๆ" มิยองถามอยากรู้เป็นที่สุด
"ได้ซิ ฟังให้ดีๆนะแล้วจำเอาไว้เราชื่อ แทงกู แต่คนในครอบครัวชอบเรียกเราว่า แทแท นะฟังแล้วจั๊กจี๊ ยังไงไม่รู้"
"งั้นเราจะเรียกว่า แทแท นะน่ารักดี ฮือๆๆๆ มิยองอยากเป็นครอบครัวเดียวกับแทแทนะ ฮือๆๆๆ" แทแท ได้แต่พยักหน้าตกลงและคอยปลอบโยนอยู่ข้างๆตลอดการเดินทางจนรถมาถึงโรงแรมของมิยอง
"สวัสดีครับ รอนานมั้ยครั้บ" ผู้เป็นพ่อของมิยองถามเมื่อเจอกับครอบครัวของ แทแทที่มีนัดมาทานข้าวเย็นด้วยกัน
"ไม่เลยครับ เราก็เพิ่งมาถึงกันได้แปปเดียวเองครับ เป็นไงเด็กๆวันนนี้เที่ยวสนุกมั้ย? บอกพ่อซิ" พร้อมเอามือทั้ง2ลูบลูกทั้ง2
"คือต้องขอโทษ! ด้วยนะครับที่วันนี้พวกเราไม่สามารถทานข้าวเย็นด้วยได้แล้ว พอดีภรรยากับลูกสาวของผมประสบอุบัติเหตุ ผมกับลูกต้องรีบกลับไปดูครั้บ" พ่อของมิยองกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าปนความรู้สึกขอโทษที่ผิดนัด สองสามีภรรยาก็ไม่ด้ว่าอะไรเพราะคงไม่อยากให้มีใครเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
"ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราเข้าใจเหตุผล ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกนะคะ เพราะถ้าเป็นฉ้นก็คงทำแบบเดียวกับคุณ รีบไปเถอะค่ะเดี๋ยวไม่ทัน"
"เดินทางไกลมั้ยครับกว่าจะถึง" พ่อของแทแทถามด้วยความเป็นห่วงเพราะดูอาการของพ่อเด็กหญิงคงไม่มีสมาธิขับรถนานๆแน่
"ครอบครัวผมอยู่ที่ อเมริกา นะครับ พวกเราจะึ้ขึ้นเครื่องกลับเย็นนี้เลยครับ ที่จริงอีก3วันกว่าจะกลับเพราะผมสัญญาไว้กับลูก
เสร็จงานแล้วจะพาพวกแกเที่ยวให้เต็มที่เลย แต่ต้องเปลี่ยนแผนผมเองก็สงสารลูก แต่ก็ห่วงทางนู้นอยู่มากเลยต้องรีบกลับ"
"พวกแกเป็นเด็กดีต้องเข้าใจคุณครับ" พ่อของแทแทให้กำลังใจพ่อมิยอง
"งั้นขอตัวพาลูกไปเตรียมตัวกลับก่อนนะครับ ขอบคุณมากนะครับ" พร้อมทิ้งนามบัตรให้สองสามีภรรยาไว้ให้ติดต่อเพื่อต้องการความช่วยเหลือหรือถ้าไป อเมริกา ก็ติดต่อครอบครัวของเขาได้เพื่อที่เขาจะได้ดูแลคืนบ้าง เขาคุกเข่าต่อหน้าเด็กน้อย
"ลุงขอบใจมากเลยนะที่ช่วยมิยองเอาไว้ ไว้ไป อเมริกา ลุงจะพาไปเที่ยวให้ทั่วเลยนะ ลุงไปก่อนนะเด็กดี" แทแทได้แต่พยักหน้าขึ้นลง
"ป่ะลูก ไปเตรียมตัวกันได้แล้วเดี๋ยวจะไม่ทันเครื่องออกกัน" พร้อมจูงมือลูกน้อยทั้ง2เดินข้าไปในโรงแรมที่พัก อยู่ดีๆเด็กหญิง มิยองตัวน้อยก็วิ่งกลับมาหา แทแทอีกครั้ง พร้อมยื่นพวงกุญแจโลมาตัวสีชมพูให็แทแท
"แทแท แลกกันนะจะได้ดูเวลาที่คิดถึงมิยอง ฮ์อๆๆๆ" มิยองพูดไปสะอื้นไป ส่วนแทแทก็พยักหน้าแล้วแลกเปลี่ยนของกันแะละกันแต่อยู่ๆดีๆก็ต้องตกใจ หน้าแดงร้อนผ่าวเพราะโดน มิยองน้อย จุ๊บ! เข้าที่ริมฝีปางเล็กๆ ด้วยความเขินทำได่เพียงแค่ยึืนอาย
"ไว้เราค่อยเจอกันใหม่นะ เราจะจำแทแทไปตลอดนะ บ๊ายบายแทแท" พูดเสร็จมิยองวิ่งกลับเข้าไปโรงแรมตามผูู้เป็นพ่อไป ทิ้งให้แทแทยืนด้วยความอาย" ก็จะมีเพียงภาพเด็กน้อยขี้แยที่กล้าหอมแก้ม จุ๊บปากแทแทในความทรงจำตลอดเวลา
ความคิดเห็น