ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MAFIA STORY : Love Game..เกมรักเกมร้าย[Yaoi,Boy's Love]

    ลำดับตอนที่ #1 : CHAPTER 1 : TONIGHT.[UPDATE]

    • อัปเดตล่าสุด 10 ส.ค. 59






    ใจกลางเมืองลอนดอน ณ ประเทศอังกฤษ

    20.45 น. โรงแรมแห่งหนึ่ง

     

    เจเรมี่นอนพลิกกายอยู่บนเตียงแสนนุ่มด้วยสภาพเปลือยท่อนบนข้างกายมีหญิงสาวที่ตัวเปลือยไม่แพ้กันขดตัวอยู่ข้างหลัง มือของหล่อนลูบไล้กอดจูบแผ่นหลังของเขาไปมาอย่างรักใคร รับรู้ได้เลยว่าพวกเขาเพิ่งจะเสร็จกิจกันไปไม่กี่ชั่วโมงก่อน

     

     

    ครืดดดด...

     

     

    โทรศัพท์ราคาแพงกรอบทองเกิดอาการสั่นอยู่บนหัวเตียง ฝ่ายเจ้าของงัวเงียเอื้อมมือคว้าหยิบอย่างสะเปะสะปะ หยิบมันมากดรับสายแล้วกรอกเสียงอันง่วงซึมของตัวเองลงไป

     

    I’m super busy now.[ตอนนี้โคตรยุ่งเลยว่ะ]” หญิงสาวร่างขาวเนียนนวลผ่องเริ่มเบียดตัวแนบชิดเขาก่อนเริ่มปลุกเร้าอารมณ์เพื่อเริ่มกิจกรรมรักรอบใหม่ และเจเรมี่ก็ไม่คิดจะปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย

     

    [ให้ตาย...หยุดกิจกรรมบนเตียงแล้วมาสนใจฉันหน่อย] ปลายสายพูดเสียงเอือมระอาเพราะได้ยินเสียงที่พวกเขากำลังทำอะไรกันอย่างชัดเจน

     

    เจเรมี่ละจากริมฝีปากแสนนุ่มหวานแล้วหันมาสนใจคนปลายสายแทน

    “มีอะไร” แต่ดูเหมือนสาวน้อยจะไม่พอใจเพราะเริ่มกัดนู่นกัดนี่ตามร่างกายของเจเรมี่จนต้องร้องซี้ดเจ็บเบาๆ

     

    [เราจับตัวคนยักยอกเงินได้แล้ว]

     

    “หืม...เอาตัวมันมาให้ฉัน” เจเรมีวางสายไปแล้วลุกขึ้นนั่งโดยสภาพเหลือเพียงกางเกงในตัวเดียว หญิงสาวเกาะไหล่พร้อมกับขบเม้มหูเจเรมีที่มีต่างหูสีเงินอยู่ เจเรมีหัวเราะเบาๆก้มหยิบเสื้อของตัวเองที่อยู่ปลายเท้าขึ้นมาใส่แต่ไม่ได้ติดกระดุม ลุกขึ้นยืนเดินไปหยิบกางเกงของตัวเองที่พาดอยู่กับเตียง ก่อนก้มลงดูดปากหญิงสาวที่คลานมาหาเขาถึงที่ ยกมือขึ้นโบกลาแล้วเดินไปเปิดประตูออกไป เดินลงบันไดด้วยสภาพไม่เรียบร้อย กระดุมเสื้อไม่ติด กางเกงไม่รูดซิป เซอร์เสียจนเขาไม่อยากเดินลงลิฟต์

     

    เจเรมีเดินลงมาถึงชั้นโรงจอดรถ ก่อนมีรถเปิดประทุนสีดำคันงามขับปาดหน้าไปจอดนิ่งอยู่ตรงหน้า เจเรมีเปิดประตูด้านฝั่งคนนั่ง ก่อนคนขับจะขับออกไป

     

    “จับตัวมันได้รึยัง” เจเรมีเอนตัวพิงเบาะแล้วติดกระดุมเสื้อไปด้วย

     

    “ตอนนี้อยู่แถวโกดังของเรา” อเล็กซ์ตอบกลับมองเจเรมีผ่านกระจกก่อนละความสนใจหันมาจดจ่อถนนต่อ

     

    “หรอ” เจเรมีหลับตาพักผ่อนก่อนลืมตาขึ้นมามองรถสีดำสนิทสองคันที่ขับผ่านไปแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ “สมกับที่เป็นลูกน้องของฉันเลยนะ”

     

    อเล็กซ์ขับเลี้ยวเข้าไปในโกดังของบริษัทรายใหญ่แห่งหนึ่ง ลึกเข้าไปจนคนภายนอกมองเข้าไปไม่เห็น ก่อนรถจะจอดดับสนิทหน้าโกดัง เจเรมีเปิดประตูลงมาจากรถ ลูกน้องที่ขับตามมาสองคันรีบวิ่งมาอารักขาเต็มที่ ลูกน้องคนหนึ่งเดินมายื่นบุหรี่ให้อย่างรู้ใจ ห่างจากเจเรมีไปไกลเป็นโธมัสยืนถือปืนเล็งไปทางชายหนุ่มที่นั่งคุกเข่า มือสั่นขาสั่น ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หวาดผวาตกใจเมื่อเห็นผู้ตัดสินชะตากรรมชีวิตของตัวเองกำลังเดินย่างกรายเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

     

    “บอส-บอสเจเรมี!” ชายหนุ่มที่นั่งคุกเข่าอยู่รีบคลานไปหาพร้อมกับเกาะขาขอโทษขอโพย

     

    “ไง จอห์นนี่ไม่ได้เจอกันนานเลย สบายดีไหม” เจเรมีก้มลงส่งยิ้มพรายไปให้ ฝ่ายจอห์นยิ้มกว้างดีใจที่นายของตนไม่โกรธอะไร

     

    “อย่ามาจับตัวฉัน! เจเรมีสะบัดเตะออกไปจนร่างไถลไปไกล เจเรมีก้มลงปัดขากางเกงตัวเองเหมือนจอห์นนี่เป็นตัวน่ารังเกียจสำหรับเขา

     

    “ทรยศฉันแล้วยังกล้ามาขอโทษอีกหรอ ...ทุเรศลูกตา” เจเรมีทำสีหน้ารังเกียจเต็มที่ ยกมือขึ้นแบไปทางอเล็กซ์ แล้วดูเหมือนเขาจะเข้าใจในสิ่งที่เจเรมีต้องการบอก ส่งปืนพกสีเงินที่เหน็บอยู่ข้างกายให้ เจเรมีรับมาชักเตรียมลั่นไกไปทางจอห์นนี่ จอห์นนี่หน้าตาเหลอหลา หวาดกลัว ตกใจ ร้องดังลั่นเมื่อลูกน้องของเจเรมีเดินเข้ามาดึงแขนข้างสองข้างของตนให้ยื่นไปข้างหน้า แล้วตรึงเอาไว้แน่น

     

    “มือไหนเอ่ยที่จับเงินของฉัน...ข้างซ้ายรึเปล่านะ~”

     

     

    ปัง!

     

     

    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อ๊ากกกกกกก” จอห์นนี่ดิ้นพล่านที่มือข้างซ้ายของตนมีเลือดแดงฉาน ความเจ็บปวดแล่นปลาบแทบขาดใจอยู่ตรงนี้ เส้นเลือดปูดบนใบหน้า

     

    “อ้าว...ไม่ใช่หรอ ถ้างั้นก็ข้างขวางั้นสิ ขอโทษนะ” เจเรมียิ้มหวานขอโทษขอโพย ก่อนลั่นไกอีกครั้ง

     

     

    ปัง!

     

     

    “อ๊ากกกกกกกกกกก อ๊าาาาาาาาา อ๊ากกกกกกกก” จอห์นนี่กรีดร้องลั่นโกดัง ความเจ็บแล่นเข้าสู่สมองอีกครั้ง ลูกน้องทั้งสองคนที่ตรึงแขนเอาไว้พากันปล่อยให้เป็นอิสระ จอห์นนีร้องโอดครวญชักดิ้นชักงอ เจ็บจนชาไปหมด

     

    “ยก ยก ยก-โทษให้ด้วย” จอห์นนี่ค่อยๆใช้คางคลานเข้ามาหาเจเรมีจนหน้าแทบแนบเข้ากับรองเท้าหนังราคาแพง ค่อยๆเงยหน้าอ้อนวอนขอไว้ชีวิต

     

    “เลียรองเท้าฉันสิ” เจเรมียิ้มหวานแต่แฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์ ท้าทายคนใต้เท้า

     

    จอห์นนี่ค่อยๆก้มลงเลียรองเท้าหนังของเจเรมีอย่างเชื่องช้า ปากสั่นซีดจนน่ากลัว มือทั้งสองข้างถูกยิงทะลุจนเลือดท่วมมือ เจเรมีผิวปากร้องว้าวในใจ

     

    จอห์นนี่เงยหน้ามองส่งยิ้มแห้งๆซีดๆไปให้ ใบหน้าแทบจะซีดเพราะเสียเลือดมากเกินไป เจเรมียิ้มตอบ ขยับเท้าหนีส่งปืนไปให้อเล็กซ์

     

    “อำพรางศพให้เนียนที่สุด” เจเรมีสั่งเสียงเย็นชา ดั่งประดุจซาตาน จอห์นนี่เงยหน้ามองตกใจร้องตะโกนขอไว้ชีวิตอย่างน่าเวทนา เจเรมีหันหลังเดินกลับไปที่รถกับลูกน้องนับสิบคน อเล็กซ์ชำเลืองมองตามเจเรมีที่ขึ้นรถไปแล้ว ยกปืนขึ้นยิงโดยที่ไม่มองเลยสักนิด

     

     

    ปัง!

     

     

    กระสุนสีเงินเข้ากลางหน้าผากทะลุไปด้านหลัง จอห์นนี่ล้มลงไปนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง ลูกน้องสองสามคนรีบมาจัดการร่างไร้วิญญาณของจอห์นนี่ ส่วนอเล็กซ์เก็บปืนไว้ข้างในเสื้อสูท หันหลังเดินกลับไปแล้วอ้อมมาด้านฝั่งคนขับ เปิดประตูเข้าไปนั่ง

     

    “จอห์นนี่เป็นพี่ชายของแจ็คกี้...จะดีหรอถ้าหากฟิลิปส์รู้เรื่องเข้า” อเล็กซ์ลองเชิงถามถึงแม้จะรู้คำตอบอยู่แล้ว

     

    “ช่างปะไร มันตายไปแล้ว เอากลับคืนมาไม่ได้” เจเรมียักไหล่ไม่ใส่ใจ ยกขาขึ้นพาดไปบนหน้ารถ นั่งหลับตาอย่างสบายใจ

     

    “สงสัยฉันต้องเอารองเท้านี่ไปทิ้งแล้วล่ะ...รีบขับหน่อย พรุ่งนี้พ่อฉันเรียกตัว”

    อเล็กซ์ตีสีหน้าเย็นชาเหยียบสปีดขับออกไป

     

     

     

     

     

    เช้าต่อมา

     

    อดีตมาเฟียอังกฤษรุ่นที่สาม กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ในห้องของตัวเองบนโซฟานวมตัวใหญ่พร้อมกับลูกชายคนเล็กที่เกิดกับภรรยาคนที่สาม ฟิลิปส์ ดาร์วิน มัวร์ ที่นั่งไขว่ห้างอ่านหนังสืออยู่ตรงข้าม

     

     

    ปัง!

     

     

    “แหม แหม~ อยู่กับฟิลิปส์ด้วยหรอเนี่ย” เจเรมีเดินอารมณ์ดีเข้ามาในห้อง สายตามองฟิลิปส์อย่างเป็นมิตร ฟิลิปส์มองเจเรมีด้วยหางตาก่อนก้มลงอ่านหนังสือของตัวเองต่อ

     

    “เสียมารยาท บอกกี่ครั้งแล้วให้เคาะประตูก่อนเข้ามา สมบัติผู้ดีควรศึกษาด้วย” คนเป็นพ่อพูดเสียงเครียด หน้าเคร่งขรึมตามฉบับคนที่ไม่เคยเจอเรื่องตลก

    ฝ่ายคนโดนว่ากลับยักไหล่ไม่ใส่ใจ ยืนมือล้วงกระเป๋ากางเกงมองพ่อตัวเอง

     

    “ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะมีการลงทุนในอิตาลี” คนเป็นพ่อพูดขึ้นมา

     

    “จริงหรอ! ก็ไม่เลว ผมสนับสนุนเต็มที่ ผมคิดมานานแล้วนะเนี่ย พ่อรู้ใจผมจริงๆ” เจเรมีเลียรอบริมฝีปากของตัวเองอย่างหื่นกระหายในอำนาจ

     

    “แต่เราอาจจะมีปัญหากับมาเฟียอิตาลี ฝ่ายนั้นเป็นเจ้าของโลกมืดในอิตาลีนะ” ฟิลิปส์พูดแทรกขึ้นมา

     

    “อย่าปอดแหกไปหน่อยเลย ฟิลิปส์ ฉันอยากจะทำมันจนควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว”

     

    “แกจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับอิตาลีสักอย่าง เจเรมี ฉันมีงานอื่นที่สำคัญกว่างานนี้มาแล้ว” คนเป็นพ่อขัดขึ้นมา เจเรมีเลยเลือกที่จะเบ้ปากบอกปัด

     

    “ขอผ่าน”

     

    “งานนี้สบายมาก เพื่อนฉันอยากได้บอดี้การ์ดสักคนให้ลูกชายตัวเองที่เพิ่งจะจบมา แค่แกไปดูแลให้แค่นั้น หวังว่าแกจะทำให้ได้”

     

    เจเรมีนิ่งคิดอยู่นาน ก่อนจะเปิดปากถาม “หมอนั่นชื่ออะไร”

     

    “เอียน บารอน มาร์ช”

     

     

    !?

     

     

    เหมือนโลกหยุดหมุน ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเจเรมีหยุดชะงัก เหมือนหัวใจแทบจะหยุดเต้น เมื่อชื่อที่เขาไม่อยากได้ยินที่สุด ถูกเอื้อนเอ่ยออกมา ชื่อไม่เคยลืมและทำใจลืมไม่ได้ ชื่อของคนที่ทำร้ายเขาจนแทบตกนรกทั้งเป็น ชื่อของคนที่เขาเกลียด...ถึงขั้วหัวใจ

     

    ฟิลิปส์ส่งเสียงหึในลำคอลุกขึ้นยืนมองเจเรมีด้วยสายตาแปลกๆ

    “ผมจะไปอิตาลี ขอให้โชคดีนะเจย์” ฟิลิปส์ยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ แล้วหันหลังเดินออกไปจากห้อง

     

    “ฟิลิปส์!” เจเรมีร้องเรียกน้องชายตัวเองไว้ไม่ทัน หันขวับมามองพ่อด้วยสายตาโกรธๆ

     

    “ผมไม่ทำ! ให้ตายก็ไม่ทำ!

     

    “แค่แกไปเป็นเพื่อนเล่นไม่กี่เดือน ถึงวันแค่หนูเอียนแต่งงานพอ”

     

    เจเรมีเจ็บแปลบกับประโยคหลัง คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรสามารถพูดออกมาโดยไม่คิดถึงคนฟังเลยจริงๆ

     

    “ถึงวันแต่งงานหรอ? แล้วจากนั้นก็เฉดหัวผมใช่ไหม! เห็นผมเป็นของเล่นรึยังไงละ!

     

    “เพื่อผลประโยชน์ เจเรมี ต่อให้มันเป็นเรื่องที่แกไม่อยากทำก็ตาม ฉันเคยสอนแกไปแล้ว จำไม่ได้หรือไง”

    เพราะมันไม่ใช่แค่ทำเสร็จๆแล้วก็จบไปนะสิ! เจเรมีหัวเสียนึกอาฆาตพ่อตัวเองในใจ

     

    เจเรมีมองพ่อตัวเองด้วยสายตาตัดพ้อ ไม่รออยู่ฟังต่อเดินกระแทกเท้าออกจากห้องแถมปิดประตูห้องอย่างแรง อเล็กซ์ที่ยืนพิงรออยู่หน้าห้องเดินตามมาขนาบข้าง เจเรมีควักหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบเพื่อคลายความเครียด เดินมือล้วงกระเป๋าอารมณ์หงุดหงิด ก่อนสายตาจะมองออกไปข้างนอกหน้าต่างชั้นสาม ข้างนอกเต็มไปด้วยป่าล้อมรอบและมีสวนดอกไม้ไว้สำหรับเดินชมหรือนั่งเล่นอยู่ตรงโต๊ะเก้าอี้ที่ตั้งเอาไว้ เด็กหนุ่มวัยหน้าละอ่อน ใบหน้ายาวเรียวสวย ตากลมโตสีเฮเซลนัท ริมฝีปากที่ยามยิ้มช่างน่าชวนมอง ทรงผมถูกตัดรับเข้ากับหน้าตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้น่ามองยิ่งขึ้นกำลังเดินชมสวนอยู่

    สำหรับเจเรมีนั้นเป็นเด็กที่น่าเหยียบย่ำให้จมดิน บีบรัดให้ตายคามือหรือไม่ก็ทรมานจนสามารถจดจำเขาไปจนวันตาย

    เจเรมีเบ้ปากมองไม่พอใจแค่เห็นหน้าไกลๆ ก็ทำให้เขาของขึ้นขนาดนี้แล้ว แต่ยังจะให้เขาไปเป็นบอดี้การ์ดอีกงั้นหรอ?

     

    “คิดจะทรมานกันไปถึงไหน...อเล็กซ์ติดต่อฟิลิปส์ให้ฉัน”

    อเล็กซ์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาฟิลิปส์ให้ทันที แล้วจัดแจงนัดสถานที่ให้เสร็จสรรพ

     

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

     

    เจเรมีเดินเข้าในห้องรับแขกที่เป็นห้องใหญ่ที่สุดของบ้านโดยมีฟิลิปส์นั่งรออยู่ก่อนแล้ว เจเรมีเดินมานั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม สาวใช้ค่อยๆเดินมาเสิร์ฟของว่างให้อย่างรู้งาน ส่วนอเล็กซ์ยืนอยู่ข้างหลังเจเรมีคอยเป็นบอดี้การ์ดให้

     

    “เรามาคุยกันอย่างเป็นการเป็นงานดีกว่า”

     

    ฟิลิปส์เงยหน้ามองด้วยสายตาเรียบนิ่ง นิ่งจนไม่อาจจะรู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เจเรมียกกาแฟขึ้นมาชิมรสชาติ

     

    “ได้ข่าวว่าเอียนสนิทกับนาย”

     

    “ก็ไม่เท่าไหร่” ฟิลิปส์เอนตัวพิงโซฟา “น้อยครั้งที่จะคุยกัน”

     

    “โกหก” เจเรมีพูดเสียงเย็นชา สายตาคมปลาบมีประกายโทสะเจือปนอยู่ด้วย ฟิลิปส์จ้องมองกลับอย่างท้าทาย ก่อนจะเป็นฝ่ายยอมแพ้แทนเพราะเหนื่อย

     

    “นายต้องการอะไร” ฟิลิปส์พูดเข้าเรื่องหลักทันที

     

    “ฉันหวังเอาไว้นานแล้วว่าจะลงทุนที่อิตาลี แต่ไม่มีใครเปิดทางให้สักที แต่พอถึงวัน นายกลับเป็นคนได้ไปซะนี่ ฉันควรจะดีใจหรือเสียใจดีนะ”

    เจเรมีหัวเราะสมเพชตัวเอง ฟิลิปส์นั่งฟังนิ่งเขาบอกกับตัวเองว่าไม่ควรจะต่อปากต่อคำกับเจเรมีในตอนนี้เด็ดขาด

     

    “อยากให้ทำอะไร”

     

    “ในการลงทุนครั้งนี้ให้นายลงนามโดยใช้ชื่อฉัน ถ้าทางอิตาลีไปได้ดี ฉันจะได้หลุดพ้นจากตาแก่นี่สักที” เจเรมีเผยรอยยิ้มเข้าเล่ห์

     

    “แลกกับอะไร”

     

    “นายอยากได้อะไร” เจเรมีย้อถามอย่างสบายใจ ต่อให้ฟิลิปส์ขออะไรเขาให้ได้หมดแต่ยกเว้น...

     

    “เลิกยุ่งกับฉันสักที” ฟิลิปส์เหมือนล่วงรู้ใจพี่ชายตนเอง เจเรมีชะงักก่อนปิดปากกลั้นหัวเราะเหมือนกับมันเป็นเรื่องตลกขบขัน

     

    เจเรมีค่อยๆหยุดหัวเราะ พลางเช็ดน้ำตาที่หางตาตัวเอง

    “ฝันอยู่หรอไงฟิลิปส์” เจเรมีแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย

     

    ฟิลิปส์ยังคงมีใบหน้าที่เรียบนิ่งเหมือนรู้คำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วก่อนจะเปลี่ยนคำตอบ

    “ถ้าอย่างนั้นอย่าทำอะไร...ก็พอ”

     

    เจเรมีอารมณ์สะดุดพูดอย่างฉุนกึก “ฉันจะไปทำอะไรได้ล่ะ”

     

    “ที่ให้ฉันทำแบบนี้ภายใต้ชื่อนายก็ไม่ได้ทำเพื่อ เขา หรอ?” ฟิลิปส์ยิ้มมุมปากเหมือนหยอกล้อคนเป็นพี่

     

    “หยุดพูดเรื่องนี้สักที” เจเรมีกัดฟันกรอดพูดเสียงลอดไรฟัน

    “หรือสัญญาที่เคยพูดเอาไว้กับ เขา นั่นจะเป็นแค่เพียงลมปาก” ฟิลิปส์ยังคงแหย่เล่นต่อไป

     

     

    ปัง!

     

     

    เจเรมีลุกขึ้นตบโต๊ะเสียงดังลั่น สาวใช่ที่อยู่แถวนั้นต่างตื่นตระหนก หันไปกระซิบกระซาบพลางมองมาทางเจเรมีด้วย

     

    “ฉันบอกว่าให้หยุดพูดไม่ได้ยินหรือไง! เจเรมีตาวาวโรจน์ อเล็กซ์ต้องตบบ่าเบาๆสองสามทีเป็นการเตือนสติ เจเรมีนั่งลงส่งสายตาเย็นชา บรรยากาศเริ่มหนักอึ้ง ทำให้คนแถวนั้นเริ่มอึดอัดแต่ฟิลิปส์กลับนั่งนิ่งเฉยไม่ทุกข์ไม่ร้อน ก่อนจากปากที่กัดฟันกรอดจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย

     

    “นายคงไม่อยากให้แจ็คกี้รู้เรื่องบางเรื่องหรอกนะ”

     

    “เจเรมี” อเล็กซ์ห้ามปราม ฟิลิปส์หรี่ตาสงสัย

     

    “หมายความว่าไง”

     

    “เจเรมี” อเล็กซ์เรียกเสียงแข็งเมื่อเจ้านายเริ่มเกินขอบเขต เจเรมียกมือขึ้นห้ามก่อนเริ่มพูด “จอห์นนี่ยักยอกเงินฉัน ถูกจับได้เมื่อคืน”

     

    ฟิลิปส์มีอาการตกใจเล็กน้อยก่อนเปลี่ยนเป็นนิ่งสงบเหมือนเดิม

    “แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน” ฟิลิปส์ถามเสียงนิ่งแต่เพิ่มความกดดันในแววตา

     

    “คิดว่าอยู่ไหนละ โรงพยาบาลหรือ....หลุมศพ” เจเรมียิ้มร้ายบอกเป็นนัยๆ

     

    ฟิลิปส์เบิกตาโตนิ่งอึ้งจ้องมองใบหน้าเจเรมีอย่างไม่เชื่อสายตา ถึงจะรู้ดีอยู่แล้วแต่ชายคนนี้ไม่มีความเมตตากับใครเลยสักนิด

     

    “ทำไมนาย...” ฟิลิปส์พยายามข่มอารมณ์เต็มที่ “ถึงทำแบบนี้”

     

    “ยิ่งเราให้อภัยมันเท่าไหร่มันยิ่งได้ใจมากเท่านั้น ต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลมนั่นแหละดี” เจเรมีหยิบคุกกี้ขึ้นมากัดดังกรุบ มองฟิลิปส์เหมือนถือไพ่เหนือกว่า...ศึกครั้งนี้เขาชนะใสใส

     

    “ถ้าแจ็คกี้รู้เข้า”

     

    “ใช่...ถ้าแจ็คกี้รู้เข้าละก็” เจเรมีลุกขึ้นยืนโน้มตัวเข้าไปใกล้ฟิลิปส์ จนใบหน้าใกล้ชิดกันเหลือไม่กี่คืบ กระซิบที่ข้างหูดั่งเสียงซาตานกระซิบ “นายจะทำยังไงละ ฟิลิปส์

     

    พูดจบก็ดึงตัวเองกลับมานั่งไขว่ห้างเคี้ยวคุกกี้อย่างไม่แยแส ลอบมองปฏิกิริยาของฟิลิปส์ไปในตัว ฟิลิปส์นั่งนิ่งเงียบ สายตาเหม่อลอยจมอยู่กับความคิดของตัวเอง

     

    ...ง่ายเสียจริงๆ เจเรมีลอบยิ้มเจ้าเล่ห์

     

    “อยากทำอะไรก็ทำ” ฟิลิปส์พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย “ถ้านายอยากได้ธุรกิจนั่นนักฉันก็จะทำให้แลกกับเรื่องของแจ็คกี้กับ...” ฟิลิปส์ลุกขึ้นยืนส่งสายตาเย็นชากลับเพื่อเสริมคำพูดของตัวเองและบอกเป็นนัยว่า อย่าได้คิดจะทำอะไรไปมากกว่านี้

     

    ฟิลิปส์เดินออกจากห้องผ่านสาวใช้ที่ก้มหัวโค้งคำนับอยู่สามสี่คนโดยไม่ชายตามองสักนิด เจเรมีมองตามไปแล้วส่งเสียงไม่พอใจส่งท้าย ตีสีหน้าเย็นชาลุกขึ้นยืนตัวตรงแล้วเดินออกจากห้องไปอีกทาง อเล็กซ์เดินตามออกมาด้วย

     

    “ฉันคิดว่าเราไม่ควรมีปัญหากับฟิลิปส์” อเล็กซ์พูดไปเดินไป

     

    “หมอนั่นไม่กล้าทำอะไรหรอก” เจเรมีตอบกลับรู้นิสัยของฟิลิปส์ดี ก็อยู่ด้วยกันมานานแค่ไหนแล้ว

     

    “แต่พอถึงเวลา งูตัวนั้นอาจจะมาแว้งกัดเราก็ได้”

     

    “เราถึงต้องใช้งานให้เป็นไงละ” เจเรมียิ้มร้าย

    อเล็กซ์ส่ายหน้าเอือมระอา เจเรมีไม่เคยใช้งานคนโดยไม่แฝงเจตนาร้ายเลยสักครั้ง

     

     

     

    อเล็กซ์กับเจเรมีเดินผ่านมาถึงห้องโถงใหญ่ อีกทางประตูมีชายมาดผู้ดีแต่งตัวคล้ายเด็กเรียน ผมบลอนด์ทองระต้นคอเล็กน้อย เดิมมาพร้อมกับบอดี้การ์ดที่ดูมีกล้ามนิดหน่อยเมื่อมองจากภายนอก เจเรมีเดินผ่านพลางมองด้วยหางตา ส่วนอีกคนที่เขามองกลับมองตรงไปข้างหน้าไม่แลเลยสักนิด จนสุดทางผ่านเจเรมีไป เขาส่งเสียงหึในลำคอ ละสายตาจากร่างเล็กนั้นแล้วทำท่าหมั่นไส้ลับหลัง

     

    “อยู่ดีกินดีจริงๆ” เจเรมีทำหน้าบูดเบี้ยวพลางพูดไปด้วย ก่อนเดินออกจากคฤหาสน์ใหญ่ออกไปแบบไม่สบอารมณ์

     

     

    “คุณหนูจะดีหรอครับที่ให้ผู้ชายคนนั้น-” ชายชุดดำบอดี้การ์ดร่างโตเกิดอาการระแวง

    หนุ่มร่างเล็กยกมือขึ้นห้ามพูด กลายเป็นผู้มีฐานะต่ำกว่าต้องยอมจำนนเงียบไป

     

    “ถือซะว่ากำลังเล่นเกมคลายเครียดแล้วกัน” พูดจบก็เดินเข้าไปพบลุงเพื่อทักทาย

     

     

     

    ปึก!

     

     

    เสียงกระแทกแก้วดังปึกบนโต๊ะอาหารในภัตตาคารชื่อดังระดับห้าดาวดังขึ้น เจเรมีทำหน้าเบื่อโลกเต็มที่ ฝ่ายที่ถูกชวนมาก็ไม่แพ้กัน เขากำลังมีปาร์ตี้สำคัญแต่กลับต้องมานั่งสวีทหวานกับเพศผู้ด้วยกันเสมือนคู่รักอยู่ตรงนี้

     

    “ฉันก็อยากจะรู้นักนะว่าลูกมาเฟียมีอำนาจอย่างนายจะมานั่งเบื่อโลกในร้านระดับแพงหูฉี่” โธมัสเปรยขึ้นมา

     

    “อย่างนายไม่รู้อะไรหรอก ฉันต้องไปพัวพันกับเกมของพ่อที่สร้างขึ้นมาเพื่อเล่นตลกกับหัวใจของฉันน่ะ” เจเรมีฟุบหน้าลงกับโต๊ะ

     

    โธมัสแยกเขี้ยวยิงฟัน รู้สึกเสียดายสุดขีดที่ต้องสละปาร์ตี้สุดมันส์มานั่งฟังปัญหาคนอกหักพร่ำเพ้อกลางวันแสกๆ

     

    “จะเล่นตลกเล่นแป้กอะไรก็ช่างเถอะ ฉันไม่เห็นอยากจะรู้ด้วยเลยนะไอ้ปั๊บปี้เลิฟของนายกับหนุ่มน้อยน่ารักเนี่ย” โธมัสนั่งจิ้มเนื้อเสต็กเข้าปาก

     

    “ปั๊บปี้เลิฟ? น่ารัก? เฮอะ!” เจเรมีแค่นเสียงประชด

     

    “อย่ามาปากอย่างใจอย่างนะ!” โธมัสแยกเขี้ยวขู่ฟ่อพลางจะเอาส้อมจิ้มตาอยู่รอมร่อ เขาเบื่อพวกไอ้ปากไม่ตรงกับใจที่สุด

     

    “ฉันมีปาร์ตี้สระว่ายน้ำสุดเหวี่ยงกับแม่เสือสาวอยู่ รีบเมาเร็วๆเข้า” โธมัสทำหน้าสีหน้าดุดัน ส่วนเจเรมีเบ้ปากหมั่นไส้ อเล็กซ์ยืนรินไวน์ใส่แก้วให้ซึ่งกลายเป็นบริกรจำเป็นสำหรับเจเรมีไปแล้ว

     

    “แต่เมื่อเช้านี้ฉันเห็นว่าหมอนั่นเข้าไปพบบอสด้วยนี่ นายได้เจอไหม”

     

    เจเมีชะงักกึกเท้าคางทำหน้าเซ็ง ยกไวน์ขึ้นดื่มหมดแก้วแล้วลุกขึ้นเดินหนีออกไป

    “เฮ้ย! ไอ้บ้านี่ แล้วค่าอาหารแพงหูฉี่ฉีกกระเป๋านี่ละ?!” โธมัสโวยวายขึ้นมาดังลั่น เจเรมีหยุดยืนหันไปยักคิ้วหลิ่วตาใส่ “จ่ายเองเลย โทษฐานทำฉันเสียใจ”

     

    พูดจบก็เดินออกไปโดยมีอเล็กซ์เดินตามหลังออกมาด้วย ส่วนอีกคนก็นั่งนิ่งค้างเพราะค่าอาหารที่ทำเอากระเป๋าเขาแฟบในวันเดียวนี่! ไอ้บ้าเจเรมี ฝากไว้ก่อนเถอะ!

     

    “โว้ย! เซ็ง” เจเรมีทำหน้าบูดหยุดยืนรออยู่หน้าร้าน รอรถมารับจากลูกน้อง ส่วนอเล็กซ์ยืนสีหน้าเรียบนิ่งอยู่ข้างๆไม่พูดไม่จา เจเรมีแทบจะขยี้หัวตัวเองเพราะคิดหาทางเรื่องนี้ไม่ออก ได้แต่ระบายไปกับบุหรี่ ปล่อยไปกับควัน สงสัยคืนนี้เขาต้องไปหาเสือสาวอีกสักคืนแล้วสิ

     

    รถลีมูซีนคันดำจอดเทียบท่าอยู่ตรงหน้า อเล็กซ์เดินไปเปิดประตูด้านข้างให้ เจเรมีก้าวขึ้นไปนั่ง อเล็กซ์ปิดประตูแล้วเดินอ้อมเดินมาเปิดประตูอีกด้านหนึ่งเข้าไปนั่ง ก่อนรถจะแล่นออกไป

     

    “คืนนี้ติดต่อให้อีกสักคืน” เจเรมีพ่นควันบุหรี่

     

    “งดสักวันเถอะ นายอาจจะเป็นเอดส์ตายได้นะ”  อเล็กซ์พูดติดตลก เจเรมียิ้มมุมปากก่อนจะบอกลูกน้องให้ตรงไปจอดที่คอนโดของตัวเอง เพื่อเตรียมตัวสำหรับการล่าสาวในค่ำคืนนี้

     

     

     

    คลับชื่อดัง XXX

     

    รถเปิดประทุนสีดำคันโปรดของเจเรมีมาจอดอยู่หน้าผับ ฝ่ายพนักงานต้อนรับมองเห็นและจำได้ก็รีบวิ่งมาเปิดประตูให้คนที่นั่งอยู่ในนั้นได้ลงมา แล้วทักทายอย่างเป็นกันเอง

     

    “ยินดีต้อนรับครับบอสเจเรมี” พนักงานต้อนรับโค้งคำนับ เจเรมีตบบ่าดังปึกสองสามทีแล้วเดินผ่านเข้าไปข้างในที่มีเสียงเพลงดังกระหึ่ม ชายหญิงต่างนั่งดริงค์บ้าง โยกเต้นส่ายเอวกันบ้าง เจเรมีและอเล็กซ์เดินผ่านเข้ามานั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์ที่ประจำของพวกเขาและดูเหมือนบาร์เทนเดอร์จะรู้ใจเขาซะด้วย

     

    “แบบเดิมสินะครับ มาร์ตินี่”

    เจเรมียิ้มรับเอื้อมมือยกขึ้นดื่ม แต่จริงๆคืนนี้เขาไม่ได้อยากจะดื่มมันเลย

     

    “แหม แหม วันนี้สาวเยอะเป็นพิเศษเลยนะ” เจเรมีสอดส่องมองหาเหยื่อ

    อเล็กซ์มองตามก่อนละสายตาหันหลังให้ไม่สนใจอีก

     

    เจเรมีโยกตัวเต้นตามจังหวะเสียงเพลง เสียงกระซิบกระซาบกับสายตาของสาวๆส่งมาให้อย่างบ้าคลั่ง เจเรมียักคิ้วหลิ่วตาไปตามแบบฉบับมาเฟียเพลย์บอย เจเรมียิ้มเจ้าล์ยกมาร์ตินี่ขึ้นดื่มก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นสาวที่ตรงสเป็คของตัวเองนั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

     

    เจเรมีวางแก้วลงเลียริมฝีปากอย่างหื่นกระหาย เดินเข้าไปหาอย่างเชื่องช้า อเล็กซ์มองตามไปเพื่อไม่ให้คลาดสายตา ส่วนคนแถวนั้นที่เห็นเจเรมีเดินมาก็หลบกันเป็นแถบเพราะรู้ว่า จิ้งจอกตัวนี้เจอเหยื่อแล้ว ฝ่ายหญิงสาวที่เจเรมีหมายปองเอาไว้ ดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้สึกตัวหันมามองก่อนส่งยิ้มให้

     

    Hi.” เจเรมีนั่งลงข้างๆโดยตัวแทบจะชิดกัน

     

    Hi, Jeremih.” หญิงสาวผมทองยาวสลวยเอ่ยทักทาย เจเรมีชะงักไปเล็กน้อย...คนรู้จักหรอนี่

     

    “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” เจเรมีเนียนตามน้ำ

     

    “ก็นายไม่มาที่คลับนี้เลยนี่ เห็นเพื่อนฉันบอกว่านายชอบไปอีกคลับที่มันดังๆนั่น” หญิงสาวสลับขาไขว่ห้าง เจเรมีมองตามการกระทำแล้วยิ้มหื่น

     

    “แถวนั้นมีสาวๆ เยอะนี่นะ” เจเรมีเอื้อมมือไปเล่นผมของหญิงสาว

     

    “ทำให้คิดถึงแย่เลย” หญิงสาวกระซิบข้างหู

     

    เจเรมียิ้มพอใจดูเหมือนคืนนี้เขาจะได้เหยื่อซะแล้วสิ

    “ถ้างั้นคืนนี้...” เจเรมีเว้นว่าง แต่ดูเหมือนหญิงสาวเข้าใจ

     

    “วันนี้คงว่าง” หญิงสาวใช้นิ้วลากไล้ตั้งแต่ต้นคอจนมาหยุดอยู่ที่หน้าอกของเจเรมี

     

    “ก็ดีเลยสิ” เจเรมียิ้มชั่วร้ายก่อนจะ....

     

    “ดีกับผีสิ”

     

     

    ซ่า!

     

     

    ค็อกเทลสีใสถูกสาดเข้าใส่หน้าเจเรมีเต็มๆ ฝ่ายหญิงสาวที่นั่งข้างๆร้องตกใจ เจเรมีกะพริบตาปริบๆงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยกมือขึ้นลูบหน้าไล่ความเปียกชื้นออกไป มองสภาพของตัวเองที่เปียกเลอะไปเกือบครึ่งตัว เจเรมีรีบเงยหน้ามองหนุ่มร่างบางผมบลอนด์ทองกำลังถือแก้วค็อกเทลอยู่

     

    เจเรมีกัดฟันกรอด เกิดอารมณ์ประทุขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยชื่อของผู้กระทำลอดไรฟัน

    “เอียน!!!

     

    TBC



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×