คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : สายที่ 1
สายเรียกเข้า
(รับสาย)
‘ฮัลโหล ไอ้เป้เร็วๆ กูจะไปแล้ว น้องลินโทรตามกูยิกๆๆๆ เลยเนี่ย’
“ฮะ ฮัลโหลนี่ไม่ใช่เป้นะ โทรผิดแล้วล่ะ”
‘อ่าว แล้วนี่ใครอ่ะ’
“ระ เรา ฮึก เราปัง”
‘เฮ้ย ร้องไห้เหรอ’
“ไม่มีอะไร ฮึก ใช่ มะ มั้ย ฮึกๆ เราวางละนะ ฮะฮึก”
‘เฮ้ยๆ อย่าเพิ่งๆ คุยกันก่อนๆ ทำไมถึงร้องไห้อ่ะ’
“เป็นใครทำไมมายุ่งเรื่องของคนอื่นห้ะ! ไม่ใช่ธุระของตัวเองก็ว่าไปซี่!!”
“ดะ เดี๋ยวๆ ปั---“
(วางสาย)
โอ้ยยยย โดนเพื่อนเทไม่พอ ยังต้องมาโดนสายแปลกโทรมาสาระแน ไม่พอยังต้องไปร้องไห้โชว์ให้มันถามอีก ไอ้ปังเอ้ยยย สวัสดีครับผมชื่อ ปัง มันก็มาจากขนมปังนั้นแหละ ยายตั้งให้เพราะผมไปแย่งขนมปังหมากินตอนยังร้องแอ๊
ๆๆ อยู่เลย เมื่อกี้มีคนโทรผิดเข้ามาตอนที่ผมกำลังร้องไห้อยู่ คนยิ่งๆเสียใจอยู่ ยังจะกล้ามาถามกันอีก คงสงสัยละสิ ทำไมผมถึงร้องไห้แบบนี้ ไม่แมนเลยใช่มั้ย ผมเป็นคนไม่มีเพื่อน เข้าหาคนอื่นไม่เป็นมาตั้งแต่เด็ก พอมีคนมาทัก ท่าทีของผมมันมักจะเย็นชาและเฉยใส่เสมอ
จนทำให้ผมไม่มีเพื่อนเลยไม่มีใครชวนไปเตะบอล เล่นเกม เลยทุ่มทุกอย่างให้กับการเรียนส่วนใหญ่ จนผมเรียนได้ที่ 1 เสมอ ทำให้เพื่อนๆในห้องเรียนเริ่มเข้าหาด้วยผลประโยชน์เสมอ พอผมปฏิเสธ เพราะอยากให้เพื่อนๆพยายามบ้าง กลับกลายเป็นโดนนินทาลับหลังว่าผมเห็นแก่ตัวหวงวิชา แรกก็ทนได้หรอก หลังๆมาชักจะหนักขึ้นผมต้องปรับปรุงตัวเอง ผมอยากเพื่อนๆเลิกเข้าใจผมผิดว่าเห็นแก่ตัว แล้วก็สานสัมพันธ์กับเพื่อนๆให้ได้ เลยทำสรุปแล้วถ่ายเอกสารแจกเพื่อนๆ พอถึงตอนถึงจะเอารายงานสรุปไปแจกเพื่อนๆ ผมก็เห็นโต๊ะเรียนของผมมันถูกแต่งเติมด้วยขยะที่เหมือนโดนเทจากถังขยะหลังห้อง
และมีข้อความว่า ไอ้เหี้ย เห็นแก่ตัวหาพ่อง ที่เขียนบนโต๊ะไว้อีก ผมถึงกับพูดไม่ออกกับสิ่งที่เพื่อนทำกับโต๊ะเรียนของผม ทั้งยังจับกลุ่มนินทาต่อหน้า ผมเลยหอบรายงานสรุปวิ่งออกไปร้องไห้ที่หลังอาคารประชุมของโรงเรียน ปล่อยน้ำตามาตามอารมณ์ที่เป็นอยู่ จนมีสายจากเพื่อนไอ้เป้ไหนไม่รู้โทรผิด และตบท้ายด้วยการถามในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
สายเรียกเข้า
(คุณไม่ได้รับสาย)
สายเรียกเข้า
(คุณไม่ได้รับสาย)
“อะไรนักหนาวะ โทรมาอยู่ได้” ผมบ่นอุบอิบแล้วกดปิดเครื่อง
(ปิดเครื่อง)
ผมหอบกองสรุปกลับเข้าห้องเรียน เก็บกองเอกสารที่ไม่มีความหมายจากความพยายามของผมที่อยากเป็นเพื่อนกับทุกคน ทุกคนจับกลุ่มนินทา เห็นผมเป็นตัวตลก ผมเก็บขยะกลับไปทิ้งที่ถังขยะหลังห้องจนหมด เหลือแต่คำด่าที่ถูกเขียนน้ำยาลบคำผิด กว่าจะลบออกคงต้องใช้เวลานานมากๆ ไว้วันหยุดค่อยมาโรงเรียนนั่งขูดทิ้งละกัน
ผมนั่งเรียนจนถึงเลิกเรียนด้วยความกระอักกระอ่วนใจ
พวกหลังห้องโยนยางลบ เศษกระดาษใส่ผมตลอด พอผมยกมือถามครูในเรื่องไม่เข้าใจ
ก็จะมีเสียงสบประมาทจากคนนั้นคนนี้บ้าง ผมก็ได้แต่เก็บไว้ในใจ ผมออกจากห้องเป็นคนสุดท้าย เก็บขยะ ลบกระดาน จัดโต๊ะในห้องเรียนผมทำแบบนี้ทุกวันจนชินไปแล้วล่ะ
หลังจากทำเสร็จผมก็สะพายกระเป๋าห้องจากห้อง ปิดประตูห้องเรียน และแล้วความกวนประสาทก็เข้ามาให้ปวดประสาทอีกครั้ง
“จะเอาอะไรอีกไอ้เจมส์ จะล็อคห้องเรียนแล้ว”
ไอ้เจมส์ คนที่ผมไม่ถูกชะตามากที่สุดในโลก มันทั้งกวนประสาท ขี้แขวะ ขี้แซะผมตลอดเวลา มีเรื่องตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรก แค่ได้ยินเสียงผมก็เหม็นแล้ว
“ก็…ไม่อ่ะ อยากขึ้นมาเฉยๆมีไรป่ะ”
ผมกลั้นอารมณ์หงุดหงิด ก่อนที่มันจะระเบิดออกมาเหมือนระเบิดเวลา
“งั้นก็ถอย จะกลับบ้าน” ผมหันหลังไปล็อคห้องเรียน แล้วเดินหลบเจมส์ที่ยืนขวางผมอยู่หน้าประตูห้องเรียน แล้วเดินออกไป
“ทำขนาดนี้ ทั้งเก็บห้อง ปิดห้อง ทำไมถึงยังโดนแบนน้าาา คงเห็นแก่ตัวไว้เยอะละมั้ง ทำแค่นี้ชดใช้ไม่ได้หรอก”
“!!!” ผมหยุดเดิน แล้วหันหน้าไปจ้องเขม็งใส่ไอ้เจมส์ ทำไมต้องด่ากันขนาดนี้ด้วยวะ คนทำก็ทำด้วยใจปะวะ ไม่ได้จะมาชดใช้กรรมอะไรซักหน่อย
“อะไร พูดถึงน้องแก้ว ม.4 เฉยๆ มองทำไมห้ะ” มันทำท่ากวนประสาทแล้วก็ทำเป็นว่าคนอื่น ผมไม่พูดอะไรมาก
แค่ตอนเช้าก็หนักพอแล้ว ผมไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับมันเหมือนทุกวัน ผมเลยเดินออกมาแบบไม่พูดอะไร
“แปลกว่ะ วันนี้ไม่ด่า ฝนตกแน่ๆ”
ผมเดินกลับบ้านคนเดียวประจำเพราะโรงเรียนและที่บ้านไม่ไกลมากนัก ผมลืมไปว่าผมปิดโทรศัพท์หนีไอ้สาระแนคนหนึ่งอยู่ แล้วผมก็กดเปิดเครื่องเผื่อว่าแม่หรือยายจะโทรหาตอนผมปิดเครื่อง เลยจะทำให้เป็นห่วงก็ได้
(สายที่ไม่ได้รับ 15 สาย)
ปึ้ด…
“ไอ้นี้มันเป็นใครวะ สโตคเกอร์หรือไง”
เส้นเลือดในสมองผมปูดปึ้ดด้วยความหงุดหงิด คนบ้าอะไร ได้ยินเสียงแปปเดียว รู้จักอะไรนักหนาวะ
สายเรียกเข้า
(รับสาย)
“ฮัลโหล จะเอาอะไรนักหนา โทรมาอยู่ได้”
ผมหยุดรับโทรศัพท์อยู่สนามเด็กเล่นข้างทางด้วยความเกรี้ยวกราดเล็กน้อย
“เฮ้ย ไม่ใช่นะๆ” เขารีบปฏิเสธพัลวัน
“แล้วมีอะไรว่ามา”
“ก็ไม่อะไรหรอก เราเป็นคนที่ได้ยินใครร้องไห้ก็อดอยากปลอบไม่ได้น่ะ”
“แล้วทำไม อยากรู้เหรอว่าเราร้องไห้ทำไม”
“ก็ใช่…แต่เราไม่ได้จะมายุ่งหรืออะไรนะ แต่มันอดห่วงไม่ได้ มันเป็นนิสัยเราน่ะ” เขาเสียงอ่อนทันทีหลังจากที่ผมถามเสียงกร้าวไป
“หึๆ แล้วนายชื่ออะไรเหรอ เราชื่อปังนะ แล้วก็ไม่ใช่เป้นะ” ไม่รู้ทำไมผมถึงยอมผูกมิตรง่ายๆกับใครก็ไม่รู้ที่อยู่ดีๆก็อยากรู้เรื่องของผม
“อ๋อ ฮ่าๆๆๆ เราชื่อ เอ่อออ เรา…เรา”
“?”
“เราแยมนะ” ผู้ชายไรชื่อแยม ว่าชื่อแปลกๆบนโลกมันก็เยอะล่ะนะ
“ชื่อแปลกจัง เหมือนผู้หญิงเลย”
“ใช่มั้ย ม๊าเราบอกว่าอยากได้ลูกสาว แต่ดันได้เรามาแทน ฮ่าๆๆ” เขาหัวเราะอย่างร่าเริง ทำให้ผมรู้สึกตลกไปกับเสียงเจ้ยๆของเขา
“อ๋อออ อื้ม แล้วแยมอยากปลอบเราจริงๆเหรอ”
“จริงๆนะ เล่ามาได้ทุกเรื่องเลยนะ เรายินดีฟัง”
“ก็….” ผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้กับแยมอย่านพอควร พระอาทิตย์เริ่มลับฟ้า ผมกับแยมเข้าได้ดีมากๆ เขาทั้งและปลอบใจและให้คำปรึกษาบางทีก็ยิงมุกแป้กๆมา ทำให้ผมยิ้มและหัวเราะ ลืมเรื่องตอนเช้าไปชั่วขณะ ผมบอกลาแยมและวางสาย ตอนนี้ผมใจชื้นมากๆ ผมรู้สึกดีที่ได้คุยกับคนคนนี้ได้ขนาดนี้ ที่ไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้า รู้แต่ชื่อได้ยินแต่เสียง ทำไมมันรู้สึกมีความสุขขนาดนี้นะ หรืออาจจะเป็นเพราะผมกำลังจะได้เพื่อนใหม่ ได้คุยเล่น พูดตลกๆใส่กัน ผมอยากคุยกับเขาอีกจัง พรุ่งนี้จะยังได้คุยกันอีกไหมนะ
edit 2017/10/30
ความคิดเห็น