ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทัณฑ์อสูร

    ลำดับตอนที่ #1 : ทัณฑ์อสูร 1

    • อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 51


              อากาศที่แสนจะอบอ้าวในยามบ่ายกระทบผิวกายที่ขาวเนียนและแสนจะบอบบางของเธอ   ทิชาจำไม่ได้ว่าเธอได้มานั่งอยู่บนรถคันนี้ได้อย่างไร    เพราะ มันเป็นรถที่หาดูยาก และหากเดาไม่ผิดคนที่จะมีรถแบบนี้ได้นั้นต้องเป็นมหาเศรษฐีเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามมันไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีแน่ที่เธอมานั่งอยู่บนรถคันนี้ แม้มันจะสวยหรูสมใจก็ตาม  ภาพสุดท้ายที่เธอจำได้คือ เธอกำลังไปเที่ยวห้างที่มีชื่อแห่งหนึ่งกับเพื่อนของเธอ    เพราะนั่นถือเป็นสิ่งที่เธอทำประจำอยู่แล้ว  หรือจะกล่าวกันตามจริง คือเธอเป็นลูกของเศรษฐี       พ่อของเธอทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรม และเป็นคนที่มีชื่ออันดับต้นๆ ของประเทศเลยทีเดียว   ทิชาจึงถูกเลี้ยงมาแบบตามใจเสมอ   เพราะเธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของบ้านไม่ว่าอะไรที่เธอต้องการเธอจะต้องได้มา   และวันนั้นก็เช่นกันเธอและเพื่อนสนุกกับการใช้เงินตามเคย โดยไม่คำนึงภึงความจำเป็นเอาเสียเลย   หลังจากที่เหนื่อยกับการเดินเที่ยวเธอและเพื่อนจึงแยกตัวกันกลับบ้าน ทิชาเดินมาจนถึงโรงจอดรถของห้าง และในขณะที่กำลังเปิดประตูท้ายเพื่อเอาของเก็บให้เข้าที่ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีมือหนาและแข็งกระด้างมาตะบบปากของเธอ  เธอพยายามสู้และร้องสุดเสียงเพื่อหวังจะให้ใครได้ยิน เพราะที่นี้ต้องมียามแน่ๆ แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นผลแม้แต่น้อยเพราะเธอดิ้นได้อีกไม่นานนักก็รู้สึกง่วง และเพลียอย่างประหลาด  หลังจากนั้นเธอก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย   จนกระทั่งบัดนี้ เธอฟื้นขึ้นมาแต่เธอไม่ได้อยู่คนเดียวอย่างที่คิดเพราะมีบุรุษ  คนนั่งอยู่บนรถกับเธอด้วย   พวกเขาดูจะไม่เดือดร้อนอะไรเอาเสียเลยที่จับตัวเธอมาทำราวกับว่าเธอไม่มีตัวตนเสียอย่างนั้น     หน้าตาของพวกเขาไม่จัดว่าโหดราวโจรป่าหรอก ถ้าจะกล่าวกันตามจริงก็จัดว่าดูดีเลยทีเดียว  แต่พวกเขาทำอย่างนี้ทำไมกันล่ะ  เธออยากที่จะถามพวกเขาแต่ว่าก็สุดกำลังเหลือเกินเพราะเธอถูกผ้าหนาปิดปากเอาไว้จนระบมไปหมด แถมยังถูกมัดมือและเท้าอีกต่างหาก และในยามนี้เธอก็อ่อนแรงไปมาก รู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และคอแห้งอย่างบอกไม่ถูก      รถยังคงวิ่งไปตามถนนเรื่อยๆ อย่างไม่มีทางสิ้นสุด ไม่มีเสียงสนทนากันในรถ มีเพียงความเงียบที่เข้าคลอบงำ     เธอทั้งเหนื่อยและเพลียมากเพราะไม่เคยนั่งรถนานอย่างนี้มาก่อน   ทิชามองออกไปนอกรถผ่านกระจกบานใส     หากเดาไม่ผิดแถบนี้น่าจะเป็นทางภาคเหนือ   เพราะเธอสังเกตุเห็นภูเขาลูกแล้วลูกเล่าที่ผ่านไป  และยังมีอะไรอีกหลายอย่าง แต่เธอไม่มีอารมณ์ที่จะมานั่งชมวิวหรอกในตอนนี้ ......
                                                     ....................................................................................................
                   รถเริ่มชรอความเร็วลง นั่นเพราะคงจะถึงที่หมายแล้วกระมั่ง    ล้อทั้งสี่ผ่านประตูรั่วขนาดใหญ่เข้ามา ภายในอาณาเขตแห่งนี้แม้ดูผิวเผินก็ยังเหมือนกับวิมานบนดินก็ไม่ปาน  มีสระดอกบัวขนาดย่อม   ดอกไม้เรียงรายริสองฝั่งทาง  ด้านข้างมีศาลาขนาดเล็กกระทัดรัดที่ทำจากไม้อย่างดี     รถเคลื่อนเข้าไปสู่อาณาจักรภายในที่บัดนี้มองเห็นบ้านที่สวยงามและกว้างขวางเหมือนดั่งคฤหาสสมันก่อน    แต่ถูกดูแลรักษาเป็นอย่างดีจึงทำให้มีสภาพที่งามตระการตาเช่นนี้    แม้ทิชาจะเป็นถึงลูกผู้มีอันจะกิน ผ่านกองเงินมาก็มาก แต่ก็ยังไม่เคยเห็นบ้านที่ไหนจะยิ่งใหญ่จะสวยงามเท่านี้มาก่อน มันเป็นบ้านกึ่งยุโรป กึ่งเรือนไทยแบบโบราณที่ถูกผสานเข้ากันอย่างลงตัว    เสียงรถดับสนิทแล้ว ประตูรถเปิดออก พร้อมกับคนขับรถที่นำเธอมา      เขาเปิดประตูและดึงแขนให้เธอเดินตามหากแต่ว่า เธอจะเดินได้อย่างไรเล่า....ในเมื่อเธอถูกมัดเท้าเสียอย่างนี้    จนทำให้ บุรุษทั้งสองคนต้องหันหน้าปรึกษากัน พวกเขาพูดอะไร ที่เธอไม่เข้าใจ และมองมาทางเธอหลายรอบ  เมื่อพวกเขาปรึกษากันเสร็จ หนึ่งในนั้นก็เดินมาแก้มัดที่เท้าให้เธอ และดันหลังให้เธอเดินไปข้างหน้า....ทันทีที่เท้าเธอแตะพื้นดูเหมือนว่าเธอจะเป็นเป้าสายตาของทุกคนในที่นี้โดยปริยาย   สายตาของบรรดาสาวใช้ชายหญิง และเหล่า บรรดาบุรุษที่แต่งตัวเหมือนกับบอดิการ์ดก็ไม่ปาน เพราะแม้พวกเขาจะไม่ได้ใส่สูทผูกไท แต่ดูจากการวางตัว แล้วก็น่าจะใช่ เพราะเธอเคยเห็นในหนังไทยมาก่อน....เธอถูกลากตัวผ่านบรรดาคนเหล่านั้นเข้ามาภายใน   ทิชา มองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง เหมือนกวางตัวน้อยที่ระวังภัยจากเจ้าเสือร้าย     ภายในเป็นห้องโถงขาดใหญ่เลยทีเดียว ซึ่งถูกประดับประดาไปด้วยของหายากจากที่ต่างๆ ที่นี่มีโซฟายาวที่น่านั่งเหลือเกินเพราะเธอรู้สึกว่าขาของเธอเริ่มก้าวไม่ออกแล้ว  แม้ว่าข้าวของที่นี่จะน้อยชิ้น แต่ก็เป็นของที่หายาก และถูกจัดแบ่งสัดส่วนการวางอย่างลงตัว  .....ขณะที่เธอกำลังมองและคิดอะไรเพลินๆ ก็มีเสียงเดินลงมาจากบันไดที่อยู่ข้างหน้าของเธอ เสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และหากเดาไม่ผิดแล้วเขา คนนี้น่าจะเป็นนาย ......ของบ้าน เพราะเมื่อมีเสียงเดินลงมา บรรดาคนที่เหลือต่างก็พากันถอยหลัง จากไปจนหมด เหลือเพียงหล่อนที่ยังยืนขาสั่นอยู่คนเดียว.....แต่ในยามนี้สมองของเธอไม่สั่งการอะไรเอาเสียเลย   ขาก็พลันจะทรุดเสียให้ได้  เธอทั้งกลัว และรู้สึกหนาวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก อะไรบางอย่างบอกกับเธอว่า บุคคลที่กำลังมาคือ มัจจุราชสำหรับเธอ.....

                   " ดีนี่  ..ไม่เสียแรงที่ลงทุน "  ในที่สุดเจ้าของเสียงก็ปรากฏกายต่อหน้าเธอ     เขาเดินลงบันไดมาทีละก้าวอย่างเชื่องช้า สายตาจ้องมองที่หญิงสาวต่อหน้าไม่วางตา เหมือนจะมองให้เธอละลายหายไปจากโลกเสียให้ได้  

                  " คุ้มจริงๆ ที่ตัดสินใจเอาตัวคุณมา  ไม่เสียแรงเลย "   พูดพลางเดินสำรวจรอบตัวหล่อน    " หน้าตาสวย   สมแล้วที่เป็นลูกของนาย อนันท์  ..หึ...ปานนี้พ่อเธอคงคลั่งแน่ ถ้ารู้ว่าลูกสาวหัวแก้ว หัวแหวน หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย "   เขาพูดในขณะที่ใช้มือดันคางของเธอให้เชิดขึ้นมองหน้าเขา  ซึ่งห่างออกไปเพียงไม่กี่นิ้ว   ทิชาอยากจะตอบโต้เขา หากแต่ทำ ไม่ได้ดั่งใจเอาเลย เพราะผ้าที่ปิดปากอยู่นะซี ที่ทำให้เธอไร้วาจาออกมา   ทำได้มากสุดก็เพียงอู่อี้ในลำคอเท่านั้น หากแต่ตอนนี้ เธอไม่มีแรงเอาเสียเลย  เขาพลักเธอออกโดยแรงจนเธอล้มลง  ส่วนตัวเขาเองเดินไปนั่งที่โซฟาอย่างสบายโดยไม่มองว่าหล่อนจะเจ็บสักเพียงใดก็ตาม   
                  เขาพูดอะไรอีกหลายอย่างมากมาย แต่หล่อนจดได้ไม่หมด  แต่โดยรวมแล้วล้วนเกี่ยวพันกับบิดาหล่อนทั้งสิ้น  ที่สำคัญเวลาเขาพูดสายตาของเขาแทบอยากจะฉีกเนื้อหล่อนเป็นชิ้นๆ เลยก็ว่าได้   
     
                 " พ่อของเธอมันเลว  ชั่วช้าสามาน  เอาเปรียบคนอื่น แต่ วันนี้แหละ ฉันจะ บีบ หัวใจมันให้แหลกคามือเลยทีเดียว " เขาก้าวมาจากโซฟาที่ห่างไปเพียงไม่กี่ก้าว   เพื่อบีบคอระหงส์ของหล่อน  มือนั้นกร้านและแข็งแรงราวปอกเหล็ก    เขาบีบเพียงนิดเดียวหล่อนก็แทบบหายใจไม่ออก  กลัวจนน้ำตาซึม   เขาหัวเราะเครียด ขณะมองหล่อนร้องไห้   จนในที่สุดเขาก็ยอมเปล่อยมือจากคอของหล่อน  เขาลุกขึ้นยืน สายตามองมายังร่างที่กองอยู่บนพื้น   ในสายตาคู่นั้นไม่มีความปราณีเอาเสียเลย มีแต่เพลิงไฟแห่งความแค้น ที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามาจากไหนนักหนา 

                " ไม่ต้องห่วงหรอก ..ผม ไม่ฆ่าคุณตอนนี้แน่    เพราะมันง่ายเกินไป   ยังมีอะไรสนุกกว่านี้และทรมานกว่านี้อีกเยอะ  คุณจะได้อยู่ที่นี่อย่างสนุกแน่ ๆ คุณทิชา  สกุลวัฒน์ "   เขาเน้นหนักที่ชื่อและนามสกุลของหล่อนทีละคำอย่างชัดเจน  

                                                  .......................................................................................................

                ทิชา  ถูกนำตัวมาขังไว้ ในห้องขนาดใหญ่และสวยงาม    แต่สำหรับเธอแล้วในยามนี้มันช่างเป็นนรกที่ร้ายกาจเหลือเกิน  เธอสับสน และเวียนหัวอย่างบอกไม่ถูก  มีคนไปจับตัวเธอมา และกล่าวหาว่า บิดาของเธอเป็นคนเลว ซึ่งเธอทนฟังแทบไม่ได้ เพราะ สำหรับทิชาแล้ว พ่อคือทุกอย่างสำหรับเธอ ตั้งแต่แม่ของเธอจากไป พ่อก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อเธอมาโดยตลอด    เธอจำได้ว่า ตอนเด็กๆ เธอและพ่อชอบไปเดินเล่นด้วยกันบ่อยๆ  ตอนนั้นเธอมีความสุขมาก พ่อบอกกับเธอว่า  แม้ว่าแม่จะไม่อยู่แล้ว พ่อก็จะดูแลเธอ ไม่ให้ใครมารังแกเด็ดขาด เธอกอดคอบิดา และหัวเราะอย่างชอบใจ   และจากวันนั้นมาเธอก็แทบจะไม่ร้องไห้หาแม่อีกเลย เพราะเธอสนิทกับพ่อมาก    มากจนไม่รู่ว่า หากขาดพ่อไปเธอจะทำอย่างไรในชีวิต  ......เมื่อคิดถึงภาพวันวานที่ผ่านมา น้ำตาของเธอก็รินไหลอาบสองแก้มนวลขาว    เธอปิดหน้าร้องไห้เพียงลำพัง เพื่อหวังจะระบายความในใจให้บิดารู้    หล่อนร้องไห้ครั้งแล้วครั้งเล่าจนแทบเป็นสายเลือด   แต่ทุกอย่างก็ยังคงเลวร้ายเหมือนเดิม   มันยังคงเป็นความจริงมิใช่ฝันร้าย   อย่างที่เธอหวังจะให้เป็น  ทิชามองไปข้างหน้าอย่างไร้ความหวัง แม้ว่าในยามนี้เธอมิได้ถูกมัดมือ และถูกปิดปากไว้อย่างเมื่อผ่านมา แต่ก็ยังไม่เห็นทางที่เอจะหนีออกจากที่นี่ได้เลยแม้แต่น้อย    เหมือนนกที่ถูกขังอยู่ในกรง มันช่างทรมานเหลือเกิน  ....ป่านนี้บิดาของเธอคงทุกข์มากที่เธอหายไป   คิดแล้วน้ำตาก็พาลจะไหลเสียให้ได้ แต่จะมีประโยชน์อันใดล่ะ เพราะถึงอย่างไรน้ำตาก็คงช่วยให้เธอไปจากที่นี่ไม่ได้หรอก......เสียงประตูถูกเปิดออกและถูกปิดโดยทันทีพร้อมกับใครอีกคนที่เธอคุ้นหน้าก้าวผ่านเข้ามา   ทำให้เธอถูกปลุกจากภวังเมื่อครู่
              " นายต้องการอะไร "  หล่อนตั้งสติรวมรวมความกล้าและถามออกมาในที่สุด  เพราะหน้าตาเขาตอนนี้ช่างไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย
              " หึ....ถามได้ดีนี่   แล้วถ้าผมบอก คุณกล้าให้หรือเปล่าล่ะ  แต่ช่างเถอะ   เพราะถึงคุณไม่ให้     ผม...ก็จะเอาอยู่แล้ว.."  เขาพูดพลางมองเธออย่างมีความหมาย  จนเธอรู้สึกหนาวจับใจขึ้นมาทันที  เธอถอยหลังตามสัณชาตญาณแห่งการเอาตัวรอดเมื่อเขาก้าวเข้ามาใกล้อย่างคุกคาม   
              "  ผมจะบอกให้เอาบุญนะ " เขากระชากแขนหล่อนเข้ามาใกล้   จนหล่อนแทบละอายที่ต้องสัมผัสกับร่างกายของผู้ชายอย่างใกล้ชิดขนาดนี้   แม้ว่าหล่อนจะโตมาจนถึงอายุ 20 ปีเต็ม แต่ก็ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนที่กล้าประชิดตัวหล่อนทั้งตัวแบบเขา    อย่างมากก็แค่จับไม้จับมือกันเท่านั้นเอง แต่นี่ หล่อนรับรู้ถึงความแข็งแรงของบุรุษเพศอย่างชัดเจน
                
                 " น่าเสีย ดายนะที่เธอเกิดมาเป็นลูกของนายอนันท์ จึงต้องมาใช้กรรมแทนพ่อ "      เขาพูดพร้อมมองหน้าเธอราวกับจะกลืนกิน
              " คุณไม่มีสิทธิ์มาพูดอย่างนี้กับพ่อฉัน   ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้   พ่อฉันไปทำภอะไรให้นายนักหนาห๊า.."   หล่อนพยายามดิ้นในอ้อมแขนที่แข็งแรงของเขา    แต่ดูเหมือนว่ายิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นไปอีก จนเธอรู้สึกเจ็บและหยุดดิ้นในที่สุด  

             " ไม่ต้องรีบร้อนหรอก เพราะเธอต้องอยู่ที่นี่อีกนาน เธอได้รู้ความสารเลวของพ่อเธอครบแน่  " เขาขบกรามพูดจนเป็นสันนูนขึ้นมาทันตา      " ฉันจะให้พ่อเธอตายทั้งเป็นที่ได้รู้ว่า ลูกสาว มาเป็นนางบำเรอสนองอารมณ์ของผู้ชายที่ชื่อ กรวินธ์  ธิตินันท์"    หล่อนแทบจะเป็นลม นี่มันอะไรกันจู่ๆ หล่อนก็ถูกจับตัวมาเป็นนางบำเรอของใครก็ไม่รู้ที่เธอไม่รุ้จัก  หนำซ้ำ เขายังต้องการแก้แค้นบิดาเธอด้วย ด้วยการลากเธอมาเป็นเหยื่อ   เขาพลักเธอออกห่างตัว และเดินไปนั่งริมเตียงนอนกว้างหนานุ่ม  ในท่าทางสบายเหมือนเธอและเขารู้จัก หรือเป็นเพื่อนกันก็ไม่ปาน    หล่อนมองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อหู ใบหน้าเธอซีดขาวราวไก่ต้ม    มือ และเท้าเย็นเยือกจับขั่วหัวใจ     ขาทั้งสองขาอ่อนเพลี้ย เหมือนเธอพึ่งผ่านการปีนเขามาหยกๆ   ......... เขามองหน้าเธอ หัวเราะชอบใจ เหมือนเด็กที่ได้ของเล่นใหม่ และตื่นเต้นที่ได้มา แต่เธอซิ   จะทนได้อย่างไร ......ที่ต้องมาเป็นนางบำเรอสนองอารมณ์และความใคร่ของเขา.......

                                       .......................................................................................................................................
                                                              
                                                                                   โปรดติดตามตอนต่อไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×