คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : [OS] Hanbin's tale
คุณเคยรู้สึกชอบใครสักคนขึ้นมาเฉยๆรึเปล่า ?
ประมาณว่าอยู่ๆในสายตาตัวเองก็มีแต่คนคนนั้น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร
จะดื่มน้ำ เขียนหนังสือ ลบกระดาน
หรือแค่เดินไปเปิดล็อคเกอร์นอกห้องก็ยังอยู่ในสายตาของคุณน่ะ
คุณอาจเคย คุณอาจไม่เคย
แต่ผมเคย
มาสิ..
ผมจะเล่าให้คุณฟังเอง : )
ส่วนนึงในชีวิตของผมที่มันมีคุณอยู่ในนั้นเต็มไปหมด...
เรื่องมันเกิดขึ้นตอนเปิดเทอมของโรงเรียน
วันแรกของการเป็นนักเรียนชั้นมอปลายปีสองเวลาเช้าตรู่ที่ผมยังคงมุดตัวเองอยู่ในผ้าห่มผืนหนาและคิดเอาไว้ว่าจะไปโรงเรียนสายประเดิมเปิดเทอม
แต่นอนคิดไม่เท่าไหร่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะน้ำเย็นจัดที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน
พอลืมตาขึ้นมาก็เจอน้องสาวตัวเองที่ยืนถือแก้วน้ำไว้ด้วยหน้าตาที่ผมดุไม่ลง
คุณก็รู้...
ผมแพ้น้องสาวตัวเองมากแค่ไหน
“วันนี้บยอลเข้าอนุบาลหนึ่ง ฮันบินต้องไปส่งบยอล”
น้องพูดกับผมทั้งที่หน้าตายังนิ่งอยู่แบบนั้น ผมขยุ้มผมตัวเองด้วยความหงุดหงิด
แต่ก็ถูกของน้องอีกนั่นแหละ
เป็นข้อตกลงที่ผมตกลง(กึ่งบังคับ)กับแม่ไว้
ผมจะเป็นฝ่ายไปส่งน้องที่โรงเรียนอนุบาลอีกฝั่งของโรงเรียนผมแลกกับค่าขนมที่เพิ่มขึ้นอาทิตย์ละ
7000 วอน
จากปกติที่ผมจะได้ประมาณอาทิตย์ละสี่หมื่นวอน มันค่อนข้างจะเยอะสำหรับเด็กมอปลายปีสองอย่างผมและคุณ
ผมรู้...
เวลานี้ผมควรจะเอาเวลาคิดเรื่องเงินที่จะได้มาโฟกัสกับปัจจุบัน ให้ตายเถอะ
ผมเกือบจะสบถคำหยาบออกมาต่อหน้าน้องแล้วตอนที่กดดูเวลาในโทรศัพท์ของตัวเอง
มันพึ่งจะหกโมงเช้า.. ย้ำอีกครั้งว่าเป็นหกโมงเช้า ปกติผมเคยตื่นเวลานี้ซะที่ไหน
เช้าสุดก็นู่น... เจ็ดโมงครึ่ง
ผมกำลังเสียเวลานอนมากกว่าหนึ่งชั่วโมงโดยที่เจ้าตัวการยังยืนกระตุกผ้าห่มคลุมตัวผมอยู่เป็นระยะด้วยสายตาละห้อย แค่นี้ก็รู้สึกผิดแล้ว ผมไม่ชอบสายตาน้องแบบนี้เลย
“ฮันบิน บยอลอยากไปโรงเรียนแล้ว”
“โอเค..ฮันบินขอเวลาอาบน้ำครึ่งชั่วโมง”
“ครึ่งชั่วโมงนี่เข็มนาฬิกาถึงเลขไหน”
“อ่า..”
ผมได้แต่ลุกขึ้นนั่งบนที่นอนแล้วหยิบนาฬิกาปลุกมาอธิบายให้น้องฟังแล้วชี้บอกว่าอันไหนเข็มสั้นเข็มยาวทวนให้อีกครั้ง
แล้วชี้บอกน้องแบบฉลาดในด้านขี้โกงที่ตัวผมเองค่อนข้างถนัดเป็นอย่างยิ่ง
“ดูนี่ ตอนนี้เข็มยาวมันอยู่เลขไหน”
“เลขหนึ่งกำลังจะไปสอง”
“ครึ่งชั่วโมงคือเข็มยาวจะไปถึงเลขสิบสอง”
“......ฮันบิน”
“หืม”
“แม่บอกว่าครึ่งชั่วโมงคือเราต้องบวกเข็มยาวไปอีกหก ตอนนี้จะไปสอง
บวกอีกหกก็ต้องไปถึงแปดสิ”
“........”
“....ฮันบินโกหกบยอล”
“...”
“...แต่ว่าวันนี้บยอลใจดี จะแถมให้ฮันบินละกันนะ”
“เด็กดี”
“งั้นบยอลรอฮันบินข้างล่างนะ”
“อือ”
เจ้าตัวเล็กในชุดอนุบาลวิ่งออกจากห้องนอนไปด้วยท่าทีร่าเริง ผมยิ้มให้กับความฉลาดของน้องตัวเองและเริ่มรู้สึกถึงความเปียกชื้นและความหนาวเย็นจากน้ำในแก้วของบยอล
ผมควรไปอาบน้ำแต่งตัว ขี้เกียจนอนต่อแล้วสายจนต้องโดนบยอลมาสาดน้ำใส่อีกรอบ
แม่กับพ่อนั่งกินข้าวพร้อมกับบยอลอยู่ด้านล่าง
พ่อหัวเราะเมื่อเห็นผมหน้ายุ่งกว่าปกติแล้วจึงโยนขนมปังปิ้งสีน้ำตาลให้ผมมาแผ่นนึง
มันมักเป็นแบบนี้เสมอ เสียงหัวเราะในตอนเช้าๆพร้อมกับพ่อแม่ที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา
ผมไม่คิดว่าตัวเองจะต้องการอะไรไปมากกว่านี้
ผมกระดกน้ำส้มสีสดที่แม่วางไว้ให้
เอาตามจริงก็ไม่ชอบมันเท่าไหร่นักหรอก มันเปรี้ยวแล้วก็ทำให้ผมตาสว่าง
และยังเป็นอุปสรรคที่จะขัดขวางการแอบนอนในคาบโฮมรูมของผมในทุกวันอีกด้วย แต่เพราะว่าแม่เป็นคนทำให้เลยต้องดื่มมันทุกวันพร้อมกับอาหารเช้าแบบง่ายๆ
ปากผมยังคาบขนมปังไว้อีกแผ่นแม้ว่าจะพึ่งกินแฮม ไข่ดาว แล้วก็ไส้กรอกมา
ผมแค่เอามาคาบไว้ให้ดูคูลๆไปงั้นแหละ
(ซึ่งคุณบอกตอนหลังว่ามันดูเห่ยเป็นบ้า)
ผมจูงมือน้องลงจากเนินมาที่แถวหน้าปากซอย
ปกติผมจะเดินไกลออกไปอีกนิดเพื่อที่จะขึ้นรถเมล์
แต่วันนี้มีน้องไปด้วยวันแรกผมเลยพาน้องนั่งแท็กซี่ไปดีกว่า
ไม่อยากเห็นน้องมาเบียดเสียดกับฝูงชนแบบที่ผมเจอ หลังจากวันนี้ค่อยคิดว่าจะเอาไงต่อ
ผมอาจจะใช้บริการรถของโรงเรียนบยอลก็ได้ แต่คงต้องเป็นหลังจากที่เก็บเงินได้พอแล้ว
แท็กซี่ราคาไม่ค่อยเป็นมิตรกับเงินในกระเป๋าผมเท่าไหร่นัก
แค่ตอนเช้าเงินผมก็ปลิวไปหลายพันวอนแล้ว แต่ก็นั่นแหละ ไม่ได้หงุดหงิดอะไรนักหรอก
ผมจ่ายเงินตอนที่เขาพาผมกับน้องมาส่งที่หน้าโรงเรียนฝ่ายอนุบาลและประถมศึกษา
“ตอนเย็นห้ามกลับกับคนอื่นนอกจากพ่อนะบยอล”
“อือ”
“ฮันบินไปแล้วนะ”
“อือ รักนะฮันบิน”
ฮันบยอลเขย่งปลายเท้าจุ๊บแก้มผมบอกลา
ในตอนที่ผมก้มลงไปส่งกระเป๋าและกำชับเจ้าตัวเล็ก ฮันบยอลเป็นเด็กดี
ผมรู้และก็เป็นเด็กฉลาดที่น่าจะมากกว่าผมซะอีก
ที่เหลือก็แค่ปล่อยให้น้องได้ใช้เวลาในโรงเรียน ผมก็ควรจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน
คุณเคยถามผมว่าในเมื่อน้องกลับกับพ่อ ทำไมตอนมาทั้งผมกับน้องไม่มากับพ่อ
คำตอบคือเวลาเข้างานของท่านคือ 10 โมงเช้า
คุณพอจะเข้าใจรึเปล่าว่าทำไมผมกับน้องถึงต้องออกมาก่อน ?
และผมก็ไม่คิดเรื่องขับรถมาเองด้วย ผมขี้เกียจ...
วันไหนที่สายมากๆจนเลยคาบโฮมรูมตอนเช้า
ผมก็มาเรียนครึ่งวันหลัง เท่านั้นเอง...
ผมเดินทอดน่องไปตามฟุตบาทที่จะพาไปหน้าโรงเรียนของตัวเอง
มันมีเวลาเหลือให้พอเดินเล่นชิวๆกว่าจะถึงคาบโฮมรูม
และเปิดเทอมวันแรกก็คงไม่มีอะไรจะเรียนนักหรอก ผมถึงเดินโยกไปตามจังหวะเพลงจากเอ็มพีสามที่ฟังอยู่
คุณรู้แล้วอาจจะขำ
เพราะที่ผมฟังมาตลอดมันเป็นเพลงประกอบการ์ตูน ไม่ใช่เพลงสากลอย่างที่ใครๆคิดไว้
แปลก็ไม่ออกหรอกเพราะผมไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นแต่ก็อาศัยว่าฟังแล้วมันชวนให้รู้สึกสนุกเหมือนตอนที่ได้ดูหรืออ่านการ์ตูนเล่มนั้นอยู่
ผมพึ่งเริ่มบ้าการ์ตูนเรื่องนึง
แล้วก็ตามซื้อหนังสือมาได้ครึ่งทางในขณะที่มันใกล้จะจบแล้ว
มันชื่อ แฟรี่เทล
และผมรู้ว่าคุณคงรู้จักมันเป็นอย่างดี
เป็นการ์ตูนที่เกี่ยวกับเวทย์มนต์ ตัวละครในเรื่องเป็นจอมเวทย์
แน่นอนว่าตัวละครโปรดของผมเป็นนัตสึ ตอนเขาใช้เวทย์ดราก้อนสเลเยอร์หรือมังกรไฟล่ะเท่อย่าบอกใครเชียว
และตอนนี้ก็มีภาคหนังชื่อ Dragon Cry ออกมาด้วย
ด้านหน้าผมก็มีแผ่นหลังเล็กๆที่ใส่ยูนิฟอร์มชุดเดียวกับผม
ผมไม่ได้สนใจนักหรอกเพราะตอนนั้นคุณยังเป็นแค่หนึ่งในเพื่อนร่วมห้องประเภทที่ผมไม่รู้จัก
ซึ่งจากช่วงก้าวที่ยาวกว่าทำให้ผมเดินแซงคุณไปได้ไม่ยาก
ก็เป็นแบบนี้เหมือนเมื่อก่อน ถ้าไม่ติดว่าวันนี้ผมเห็นการ์ตูนที่อยู่ในมือคุณ
ผมเกือบจะหลุดอุทานใส่คุณเลยรู้ไหม
ในมือคุณนั่นมันการ์ตูนเล่มพิเศษที่แถมให้เฉพาะคนที่ไปดูภาคพิเศษที่กำลังจะเข้าฉายนี่นา
มีแค่ไม่กี่คนที่ได้มันมาอ่านก่อน และที่ผมสงสัยคือคุณได้มันมาได้ไง..
ผมอยากได้มันแทบจะบ้า
แต่เพราะว่ารู้เรื่องทีหลังชาวบ้านเขาเลยกดจองบัตรไม่ทัน
ผมตัดสินใจหยุดเดินแล้วยืนพิงกำแพงโรงเรียนรอคุณเดินมาแล้วค่อยเอ่ยปากทักอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด
อ่า..คุณชื่ออะไรนะ.. ผมจำคุณไม่ได้เพราะคุณเป็นคนไร้ตัวตนในสมาชิกห้องเสมอ จริงก็ไม่ใช่ไร้ตัวตนหรอก ผมแค่ไม่ได้สนใจคุณเองนั่นแหละ
“หวัดดี..”
“......”
“เอ่อ..มาแต่เช้าเลยเนอะ”
คุณเงยหน้ามองผมพร้อมด้วยสีหน้าที่ไม่ได้เปลี่ยนไปนัก
ผมยิ้มให้อย่างเก้อๆแล้วกลายเป็นยิ้มแห้งเมื่อเห็นว่าคุณหันหลังไปมองกลุ่มนักเรียนหญิงด้านหลังแล้วเดินต่อไปเหมือนไม่รู้จักผม
ผมรวบรวมความกล้าในการทักคุณแล้วกลายเป็นว่าคุณคิดว่าผมทักพวกผู้หญิงด้านหลัง..
เกิดมาคนหล่ออย่างผมไม่เคยรู้สึกหน้าแตกแบบนี้มาก่อนเลย
นั่นแหละ...ครั้งแรกในการรู้สึกถึงการมีตัวตนของคุณในชีวิต
อาทิตย์แรกในการใช้ชีวิตที่โรงเรียนไม่ได้น่าเบื่อแบบที่ผมคิด
เพราะผมเอาแต่มองหาคุณในทุกครั้งแบบไม่รู้ตัว พยายามปลอบใจตัวเองว่าผมกำลังจะหาโอกาสในการอ่านการ์ตูนเล่มพิเศษนั่นแต่ลึกๆในใจก็รู้ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น
ผมยิ้มตามตอนที่เห็นว่าคุณสามารถตอบคำถามของอาจารย์ได้
ผมหัวเราะตอนที่คุณเดินแล้วสะดุดกับก้อนอิฐที่ปูไม่สนิทกัน
ผมอมยิ้มตอนที่เห็นว่าคุณเบ้หน้าเวลาได้กินนมที่พวกเรามักจะได้มาในตอนเบรก
ผมมองคุณตอนที่เล่นบาสอยู่สนามข้างๆจนโดนลูกบาสอัดเข้าหน้าแล้วเลือดกำเดาไหล
อธิบายง่ายๆก็มองคุณในทุกอิริยาบถนั่นแหละ
เหมือนคุณจะไม่ชอบเท่าไหร่ที่มันเป็นแบบนั้น
เพราะเพื่อนๆในกลุ่มผมก็จับอาการผมได้แล้วเริ่มส่งเสียงแซวคุณเหมือนกัน ความจริงแล้วผมไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้นเลย
แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรให้คุณฟังเพราะระหว่างเราไม่มีบทสนทนาอะไรเลย
และอจะได้คุยกันคุณก็จะเป็นฝ่ายเดินหนีผมเสมอ
จนวันที่คุณยกกองการบ้านจะไปส่งแล้วผมเดินไปช่วยนั่นแหละ
คนอื่นก็แซวกันจนคุณเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา เสียงแผ่วเบาแบบที่ได้ยินแค่ผมกับคุณ
“ขอคุยด้วยหน่อยสิ"
คุณบอกแล้วเดินนำหน้าไปส่งการบ้านในห้องอาจารย์
เสียงกริ่งคาบแรกดังขึ้นแล้วและเราสองคนก็ยืนกันอยู่บนดาดฟ้าของตึกที่เราเรียนอยู่
ผมไม่รู้ว่ามันกว้างขนาดนี้ กว้างจนมองเห็นทุกที่ในโรงเรียนเลย
คุณยืนทำหน้านิ่งๆแล้วถามผมที่กำลังทำหน้าเคลิบเคลิ้มกับสายลมและแสงแดดอยู่
ถ้าคุยกับคุณผมต้องเรียกคุณว่าอะไรดีนะ
จะเรียกจินฮวานไม่ก็นาย มันจะดูแปลกๆไหม ผมกำลังจะคิดมากอีกแล้ว
ไม่เคยประหม่าแบบนี้เลย ปกติกับพวกผู้ชายคนอื่นหรือพวกเพื่อนๆผมคงจะใช้มึงกูไปแล้ว
แต่เพราะมันเป็นคุณ
ผมเลยคิดว่าคุณต้องพิเศษกว่าคนอื่นหน่อย
“นายต้องการอะไร”
“หืม??”
“ยิ้มให้สิบสองครั้ง หัวเราะออกเสียงใส่เจ็ดครั้ง
พูดชื่อฉันเกือบยี่สิบครั้ง และเพื่อนนายโห่แซวฉันกับนาย”
“.........”
“ทั้งหมดนี่เกิดภายในอาทิตย์เดียวหลังจากที่นายทักฉันวันนั้น”
“อ้าว วันนั้นคุณรู้ด้วยหรอว่าผมทักคุณ”
“รู้..แต่ฉันกับนายไม่รู้จักกันเลยไม่รู้ว่าจะตอบนายทำไม”
“ผมรู้จักคุณนะ”
“....”
“คุณชื่อคิมจินฮวาน”
“........”
“ม่ะ..ไม่ได้ชื่อจินฮวานหรอ..”
“นายมันแปลก”
คุณมองผมไม่วางตา เอาเถอะ
สายตาคุณมันไม่ได้น่ากลัวอะไรเลยรู้ไหม
ผมเกือบหลุดขำออกมาเลยล่ะถ้าไม่ติดว่ายังอยากยืมแฟรี่เทลเล่มพิเศษจากคุณอยู่
คุณเป็นนักเรียนเรียนดีที่โดดเรียนมานั่งบนดาดฟ้ากับผมในคาบเช้าของวันอังคาร และบทสนทนาที่ออกจะห้วนๆสำหรับเราสองคน
“ตกลงจะบอกได้รึยังว่าต้องการอะไร”
“อยากยืมแฟรี่เทลอ่ะ”
“ว่าไงนะ?..”
“แฟรี่เทลภาคดราก้อนครายที่คุณอ่านวันนั้น”
“สรุปว่าที่ทักนี่เพราะแฟรี่เทล ?”
“อือ ..ขอยืมอ่านบ้างได้ไหม อยากอ่านอ่ะ”
“แล้วนายไม่ได้ไปดูดราก้อนคราย ?”
“ผมกดจองไม่ทัน มันขึ้นว่า sold out ไปแล้ว..”
“เข้าใจล่ะ”
“ตกลงจะให้ยืมหรอ”
“ทำไมต้องให้”
“อ้าว”
“ก็เราไม่ได้สนิทกันป้ะวะ ทำไมต้องให้ยืม ?”
“ถ้าสนิทกันแล้วคุณจะให้ยืมหรอ”
“อือ”
“งั้นเราก็สนิทกันตอนนี้เลยสิ”
“.....”
คุณทำท่าหัวเสียกับการสนทนาที่ต่อให้คุณยกเหตุผลอะไรมาผมก็พร้อมจะบอกว่าอยากสนิทกับคุณ
ผมยิ้มออกมาแม้ว่าจะมีสายตาไม่ชอบใจจากคุณตามมา ผมรู้ว่าคุณปฏิเสธคนไม่เก่งหรอกจากการสังเกตมาอาทิตย์นึง
คุณน่ะขี้เกรงใจจะตายรู้รึเปล่า
พอดีกับผมเลย
ผมเป็นคนไม่ค่อยเกรงใจชาวบ้านอยู่แล้วด้วย
“งั้นถ้าอยากยืมก็ต้องมีข้อตกลง”
“ว่ามา”
“ไปขโมยดอกไม้ของชมรมเกษตรมา”
“ห้ะ?”
คุณก็ยังเป็นคุณ
ข้อเสนอของคุณมันยากยิ่งกว่าไปขอยืมข้อสอบจากอาจารย์ซะอีก ใครใครในโรงเรียนก็รู้ว่าชมรมเกษตรหวงดอกไม้ในเรือนกระจกมากแค่ไหน
ถ้าจะให้ไปขโมยคงไม่ต่างกับการบอกให้ไปฆ่าตัวตาย ทำไมคุณใจร้ายจังเลยนะ
ผมพยักหน้ารับข้อเสนอนั่น
ถึงคุณจะฉลาดแต่มันก็มีเรื่องที่คุณไม่รู้อยู่เหมือนกัน
ผมมีเพื่อนอยู่ที่ชมรมเกษตร ไม่ใช่เพื่อนสนิทที่ถึงขั้นเดินไปกินข้าวด้วยกันในตอนเที่ยง
แต่เราเป็นเพื่อนสนิทกันเพราะผมชอบนัดมันเล่นเกมส์ออนไลน์ด้วยกันบ่อยๆ
มันเป็นคนเก่งคอมพิวเตอร์แต่ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าไปอยู่ชมรมเกษตรทำไม
คุณลงจากดาดฟ้าไปแล้ว
คงจะเดินกลับห้องเรียนอย่างที่บอกไว้ ผมมองตามแผ่นหลังของคุณที่ไกลออกไป ไกลออกไป
จนหายลับไปแล้วถึงได้เดินตามทางที่คุณเดินเพื่อไปชมรมเกษตร
ผมโดดเรียนทั้งวันเลย
มันคงจะดีถ้าเห็นคุณชะเง้อมองหาผมแบบที่ผมชะเง้อมองหาคุณบ้าง
แอร์เย็นๆในห้องของชมรมเกษตรบวกกับการจ้องมองดอกไม้ด้านในผ่านกระจกใสช่วยให้ผมฆ่าเวลาไปได้เยอะ
เพื่อนคนที่ว่าตอนนี้นั่งเรียนอยู่ในห้องแต่ก็ยอมบอกที่ซ่อนกุญแจชมรมให้ผมแล้วบอกว่าจะตัดดอกอะไรก็ตัดไปเลย
เรื่องมันจบง่ายกว่าที่ผมคิดซะอีก
คุณบอกแค่ว่าให้ผมขโมยดอกไม้
แต่ไม่ได้เจาะจงดอกไม้มา แสดงว่าผมจะขโมยดอกไม้ดอกไหนก็ได้อย่างนั้นสินะ
แต่ก็กลายเป็นว่าผมใช้เวลาที่เหลือในการนั่งหาความหมายของดอกไม้ในโทรศัพท์ว่าดอกไม้แบบไหนที่เหมาะกับคุณ
จากการยืมการ์ตูนกลายมาเป็นเรื่องดอกไม้ได้ยังไงกัน
คุณเป็นคนที่วิเศษชะมัด เปลี่ยนเรื่องที่ผมสนใจอยู่ได้ง่ายๆเลย
แต่ก็แปลกอีกนั่นแหละ เรื่องที่ผมสนใจมากที่สุดก็ยังคงเป็นคุณ
ผมถ่ายรูปคู่ตอนตัวเองกำลังจะตัดดอกไม้ ชูสองนิ้วที่ตัวเองทำเป็นอยู่ท่าเดียว เพราะไม่รู้ว่าจะตัดดอกอะไร ผมเลยตัดดอกโคลเวอร์ที่ขึ้นกระจัดกระจายอยู่นอกเรือนกระจกแทน มันมีความหมายนะ ผมอยากให้คุณเป็นคนโชคดี โชคดีในทุกทุกเรื่อง
แบบผม..ที่โชคดีได้รู้จักคุณ
อีกอย่างผมหาใบที่มันเป็นสี่แฉกไม่เจอ คิดว่าดอกขาวๆของมันคงแทนกันได้ใช่ไหมนะ ความหมายมันจะเปลี่ยนไปรึเปล่า แล้วคุณจะชอบมันไหม ?
สุดท้ายผมก็ไม่ได้บอกความหมายคุณไปหรอก
และก็ไม่ได้ให้ดอกไม้ไปด้วย เพราะวันต่อมาคุณก็ไม่ได้มาโรงเรียน
เป็นนักเรียนเรียนหน้าห้องที่ขาดเรียนบ่อยกว่านักเรียนหลังห้องอย่างผมซะอีก
เพื่อนของคุณบอกว่าคุณไปหาพ่อของคุณที่ที่ทำงานแล้วจัดการอะไรสักอย่าง
ผมไม่ได้ตั้งใจฟังเพราะไม่ว่ายังไงมันก็หมายถึงว่าวันนี้คุณไม่มาโรงเรียน
แล้วเจ้าดอกไม้นี่ผมจะทำยังไงกับมันดี
จะแช่น้ำก็กลัวปลายก้านมันจะช้ำแล้วก็จะเน่า
ผมเลยเอามันเก็บไว้ในหนังสือชีววิทยาเล่มหนาเตอะที่ไม่เคยได้อ่าน
และผมก็โดดเรียนอีกครั้ง
ใช่...
ถ้าคุณรู้ก็คงจะทุบผมด้วยหนังสือเล่มใหญ่ๆที่คุณอ่านไม่ก็มองด้วยสายตาไม่ชอบใจแน่ๆ
แต่ผมก็โดดเรียนแล้วนี่นา
ผมขอที่อยู่คุณจากเพื่อนของคุณแล้วกระโดดผ่านรั้วหลังโรงเรียนตอนพักเที่ยง
ออกจะเป็นการแสดงตัวไปนิดกับการใส่ยูนิฟอร์มโรงเรียนเดินไปไหนมาไหนตอนที่โรงเรียนยังไม่เลิก
ผมเลยแวะเข้าร้านหนังสือร้านโปรดที่อยู่ระหว่างทางไปบ้านคุณพอดีหวังว่าจะซื้อแฟรี่เทลให้ตัวเองก่อนไปหาคุณ
ผมกำลังจะคิดว่าตัวเองตาฝาด
แต่ขยี้ตาหลายครั้งก็ยังเห็นอยู่เหมือนเดิม
ผมเห็นคุณยืนอยู่ที่ชั้นการ์ตูนที่ผมกำลังจะเดินไป
คุณยืนเลือกการ์ตูนอย่างตั้งใจแล้วก็ยืนอยู่แบบนั้น
จนผมเดินเข้าไปคุณถึงหันมามองแล้วกลับเลือกการ์ตูนต่อ
เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคุณอยู่ในชุดธรรมดา
เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ขาสามส่วน บวกกับรองเท้าคอนเวิร์สสีแดง
ผมก้มมองรองเท้าที่ตัวเองใส่อยู่ อ่า.. มันเป็นคอนเวิร์สสีแดงเหมือนกันเลย
ให้ความรู้สึกเหมือนคุณกับผมกำลังใส่รองเท้าคู่
เขินจัง.. อยู่ๆผมก็เขินขึ้นมาล่ะ..
“อ่านถึงเล่มไหนแล้ว”
ผมสะดุ้งนิดหน่อยที่คุณเป็นฝ่ายเปิดการสนทนาทั้งที่ปกติคุณจะไม่พูดอะไรออกมานักเพราะไม่ชอบผม
ผมสบตาคุณอย่างเหลอหลาแล้วจึงเอานิ้วไปจิ้มเล่มล่าสุดที่อ่านไป
เล่ม 21 ..
ใช่แล้วตอนนี้มันออกมาจนจะเล่ม 60 แล้ว
ผมก็ยังอ่านถึงแค่เล่ม 21 ถึงได้ต้องทำข้อตกลงในการมาส่งน้องแลกกับเงินที่เพิ่มขึ้นมานั่นไง
ผมจะสามารถซื้อหนังสือเพิ่มได้อาทิตย์ละสามเล่มเชียวนะ
“อ่านช้าจังนะ.. “
“อือ..”
ผมพยักหน้าตอบคุณ
อยู่ๆบรรยากาศก็ดูเป็นกันเองมากกว่าบนดาดฟ้า คุณไม่ได้หน้าบึ้งเหมือนวันนั้น
แถมยังยิ้มบางๆออกมาด้วย ผมหยุดมองคุณจนคุณเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาอีกรอบ
“วันนี้โรงเรียนไม่ได้หยุดนี่ ทำไมนายมาอยู่ที่นี่”
“แล้วคุณล่ะ..”
“ฉันมาทำธุระ”
“..ผมก็เหมือนกัน”
“....”
“ผมมาหาคุณ ธุระของผมคือมาหาคุณ”
“มาหาฉันทำไม”
“ดอกไม้”
ผมเปิดกระเป๋าแล้วหยิบหนังสือชีวะวิทยาออกมายื่นให้คุณ คุณทำหน้างงนิดหน่อยจนผมบอกให้เปิดออก
ดอกโคลเวอร์นอนอยู่ตรงนั้น แบนไปนิดแต่ก็ยังดูออกว่าเป็นอะไร
คุณหัวเราะออกมาตอนที่เห็นมันแล้วจึงก้มหยิบซองสีขาวในกระเป๋ากางเกงออกมายื่นให้ผมบ้างเหมือนกัน
“เอาไปสิ”
“???”
"ทีแรกคิดว่าจะเอาไปให้พรุ่งนี้ แต่ไหนๆก็เจอนายแล้วนี่นะ"
ผมรับมาเปิดไว้แล้วมองคุณสลับกับเจ้าซองขาวนี่
มือสั่นไปหมดตอนที่เปิดซองแล้วเจอของที่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้มาก่อน
บัตรดูภาพยนต์ [Fairytail] Dragon
Cry แบบ VIP สองใบ พร้อมกับของที่ระลึกที่จะได้ตอนที่ไปดู
มันเจ๋งชะมัด ผมหยุดยิ้มไม่ได้เลย...
“เอาไปดูกับเพื่อนนายก็ได้”
“....”
“อุตส่าห์ไปขอแด๊ดมาให้ อย่าลืมไปนะ”
คุณพูดพร้อมคืนหนังสือให้ผม ในมือคุณมีช่อดอกโคลเวอร์ที่แบนๆอยู่
ใบหน้าคุณยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอะไรนักและคุณก็ทำท่าจะเดินออกไปแล้วถ้าไม่ติดว่าผมคว้าแขนคุณไว้
น่าอายนิดหน่อยถ้าจะให้พูดตอนนี้ แค่เวลาสัปดาห์กว่าๆเอง แล้วเราก็เป็นเพื่อนร่วมห้องกันด้วย
“คุณ..”
“.......”
“ไปดูด้วยกันสิ”
“ฉันดูแล้ว”
“ถ้าดูหนังด้วยกันก็จะได้สนิทกันมากขึ้น”
“.........”
“เรามาสนิทกันเถอะครับ”
คุณอาจจะมองว่าที่ผมอยากสนิทกับคุณมันเป็นเพราะเรื่องการ์ตูน
ความจริงแล้วมันก็ใช่ แต่ก็เป็นแค่เรื่องบังหน้าเท่านั้นแหละครับ การ์ตูนมันทำให้ผมสนิทกับคุณได้ง่ายขึ้น ผมอยากสนิทกับคุณ
สนิทแบบที่เราคุยกันได้ทุกเรื่องและผมก็อยากรู้เรื่องของคุณให้มากกว่าที่เป็นอยู่นี่
มันอาจจะได้มีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ไปทางไหนสักทาง
อย่างน้อยมันก็ดีกว่าการที่เป็นแค่เพื่อนร่วมห้องที่แทบจะไม่ได้คุยกันแบบตอนนั้น
แล้วก็แอบหวังให้มันพัฒนาไปในทางที่คุณจะชอบผมแบบที่ผมชอบคุณน่ะครับ
ความจริงเรื่องราวก่อนหน้านี้และต่อจากที่ได้ไปดูหนังด้วยกันมันมีอีกเยอะแยะ
ถ้าให้ผมเล่าคุณคงจะเบื่อซะก่อนเพราะมันมีแต่เรื่องที่เกี่ยวกับคุณ คุณ คุณ
มีแต่คุณทั้งนั้นเลย
ก็สายตาผมมีแต่คุณนี่นา..
ไว้สนิทกันอย่างที่คุณบอกเมื่อไหร่
ผมจะเล่าให้คุณฟังทุกเรื่องเลย : )
e n d.
แด่ การอยากดูดราก้อนครายแต่เป็นเด็กต่างจังหวัด...
แด่ ดอกโคลเวอร์ที่ไม่รู้ว่าเกี่ยวอะไรกับแฟรี่เทล
แด่ แฟรี่เทลที่จะจบแล้วแต่พึ่งอ่านถึงเล่ม 48
แด่ ฮันบินและจินฮวานที่เป็นตัวแทนของเราในการเล่าเรื่องราว
.
แด่ คนอ่านที่กำลังอ่านอยู่
รักนะคะ
ความคิดเห็น