คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [OS] Memories
m e m o r i e s
เสียงลูกบาสกระทบกับพื้นยิมดังก้องไปทั่วโรงยิม แล้วยังดังก้องมาถึงอัฒจันทร์ที่เขานั่งอยู่ตรงนี้ด้วย
ร่างสูงโปร่งที่อยู่ต่ำลงไปด้านล่างกำลังเลี้ยงลูกบาสอย่างคล่องแคล่วก่อนจะชู๊ตมันลงที่ห่วงในจุดที่ได้คะแนนสามแต้มอย่างแม่นยำ
จินฮวานทำหน้าดีใจก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยการนั่งทำหน้านิ่งอยู่อย่างนั้น
เขานั่งดูอีกคนเล่นบาสอยู่คนเดียวก่อนที่จะมองตามแผ่นหลังของอีกคนเมื่อเขาเก็บกระเป๋าแล้วเดินออกไป
เป็นอย่างนี้มาหลายปีแล้ว แล้วปีนี้ก็เป็นปีสุดท้ายแล้วด้วย...
ทั้งตัวเขา
และฮันบินตอนนี้อยู่มอปลายปีสามแล้ว อีกแค่ไม่กี่เดือนก็ต้องจบจากโรงเรียนไปต่อที่มหาลัยอย่างคนอื่นๆ แล้ว
จินฮวานนั่งกอดเข่ามองฮันบินที่เดินไกลไปจากสายตาเรื่อยๆ
จนในที่สุดก็ลับหายไปจากประตูตรงนั้น
ฮันบินเป็นคนเงียบๆเลยไม่ค่อยมีเพื่อน จินฮวานเจอเขาครั้งแรกตอนที่นั่งอยู่ในโรงยิมแล้วฮันบินเดินเข้ามาเล่นบาสอยู่คนเดียว
ฮันบินไม่เห็นว่าเขาอยู่ตรงนี้ เขาเลยนั่งมองอีกคนเล่นบาสอยู่เงียบๆ
เขารู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงตอนที่เห็นฮันบินยิ้มในเวลาที่ชู๊ตบาสลง
หรือแม้กระทั่งเวลาที่ชู๊ตลูกพลาดฮันบินก็ยังยิ้มออกมาเหมือนเดิม
ถ้าฮันบินยิ้มบ่อยๆตอนอยู่กับเพื่อน..
ฮันบินอาจจะไม่ต้องอยู่คนเดียวแบบนี้ก็ได้
เขาอยากเป็นเพื่อนกับฮันบิน...
เพื่อนที่คอยช่วยฮันบินได้ทุกเรื่อง ได้อยู่ข้างฮันบิน
ได้คอยปลอบตอนที่ฮันบินร้องไห้
เขาอยากทำแบบนั้น..แต่ไม่มีสิทธิเลยสักนิด
วันแล้ววันเล่าที่นั่งมองฮันบินเล่นบาสอยู่ในมุมลับสายตาของโรงยิม
แล้วก็วันแล้ววันเล่าที่นั่งมองฮันบินร้องไห้อยู่ตรงนี้โดยไม่มีโอกาสได้เข้าไปปลอบเลยสักครั้ง
วันนี้ก็เหมือนกัน
ช่วงเวลาที่ความมืดที่เข้ามาเยือนและแสงจากพระจันทร์โผล่ขึ้นมาทักทายภายในโรงยิม
เขาก็นั่งกอดเข่ามองความเป็นไปอยู่ตรงนี้ เวลาเกือบสามทุ่มแล้ว
ไม่มีนักเรียนเหลืออยู่เลยนอกจากฮันบิน..
ฮันบินวิ่งเข้ามาเปิดประตูโรงยิมแล้วปิดมันลงเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
แล้วก็นั่งทรุดตัวลงร้องไห้ตั้งแต่ตอนนั้นจนตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุดร้องง่ายๆ
แสงจากสปอร์ตไลท์ที่ฮันบินเปิดส่องสว่างไปทั่ว
ก่อนจะกระทบกับฮันบินที่นั่งร้องไห้อยู่ตรงกลางสนาม จินฮวานมองนาฬิกาที่อยู่อีกด้านนึง
ตอนนี้ควรจะกลับหอไปได้แล้ว เพราะตอนสามทุ่มครึ่งจะมีลุงยามออกมาตรวจตามอาคาร
และถ้าเห็นว่ามีคนแอบออกมาจากหอพักก็อาจจะโดนลงโทษ..
จินฮวานไม่รู้ว่าฮันบินร้องไห้เพราะอะไร
และก็ไม่กล้าถามออกไปด้วย เลยนั่งมองอยู่เงียบๆเหมือนที่ทำอยู่ทุกวันจนในที่สุดฮันบินก็ปาดน้ำตาของตัวเองแล้วเดินออกไป
ฮันบินร้องไห้ทุกวันเลย.. จินฮวานเห็นแล้วก็ปวดใจไปด้วยที่ทำอะไรไม่ได้..
ยิ่งตอนที่ได้แต่มองฮันบินยืนอยู่ตัวคนเดียวก็ยิ่งปวดใจเป็นเท่าตัว..
แล้วก็หมดไปอีกหนึ่งวันกับการที่ได้แต่นั่งมองฮันบินร้องไห้โดยไม่มีแต่โอกาสจะได้ปลอบเลยสักนิด
วันแล้ววันเล่าที่ผ่านไป
ใบไม้ต่างเปลี่ยนสีแล้วพากันร่วงหล่นลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลกกองทับทมกันเต็มพื้นสนามด้านนอกเต็มไปหมด
เหมันต์ฤดูมาเยือนที่นี่แล้ว รวมถึงการปิดเทอมฤดูหนาวด้วยเช่นกัน
ข้างนอกไม่มีนักเรียนเดินขวักไขว่เหมือนอย่างอาทิตย์ก่อนมีเพียงนักเรียนไม่กี่คนเท่านั้นที่เลือกอยู่หอของโรงเรียนต่อมากกว่ากลับไปที่บ้าน
ฮันบินก็ด้วย..
บ้านของฮันบินอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ มันห่างออกไปเพียงไม่กี่กิโลเท่านั้น
แต่จินฮวานกลับเห็นฮันบินมาที่โรงเรียนทุกวัน
แล้วก็เหมือนเดิมจบค่ำคืนที่ฮันบินนั่งร้องไห้ที่นี่แล้วเดินกลับหอไปตอนสามทุ่มสิบห้านาที
แต่วันนี้ไม่เหมือนเดิม..
ฮันบินวิ่งเข้ามาในโรงยิมและรีบปิดประตูลงพร้อมด้วยรอยช้ำบนใบหน้าและเลือดที่ซึมออกมาตรงมุมปาก และยังไม่รวมคราบเลือดและฝุ่นทที่กระจัดกระจายเต็มเสื้ออีก
ฮันบินมีเรื่องมา..
จินฮวานไม่เคยเห็นฮันบินมีเรื่องหนักแบบครั้งนี้เลย..
เขายิ่งรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเอามากๆเมื่อเห็นอาการฮันบิน
ฮันบินทรุดตัวลงพิงประตูโรงยิมทั้งที่หอบจนตัวโยนกลางความมืด
เพียงไม่นานก็ทิ้งตัวลงนอนบนพื้นไม้ของโรงยิม
เสียงหอบของฮันบินดังอยู่อย่างนั้นก่อนจะเงียบหายไป..
เงียบ..เหมือนคนที่ไร้ลมหายใจ
“ไม่นะ..” จินฮวานกระโดดลงมาจากจากอัฒจันทร์ด้านบนพร้อมวิ่งเข้าไปหาฮันบินที่นอนแผ่ลงไปกับพื้น
ความมืดไม่ใช่ปัญหาของจินฮวาน
เมื่อตอนนี้จุดสนใจเขาอยู่ที่อีกคนที่นิ่งเงียบไปแล้ว จินฮวานวิ่งไปนั่งลงข้างตัวฮันบินที่ไม่มีการตอบสนองใดๆ
นัยน์ตาหวาเริ่มเต็มไปด้วยหยดน้ำตาที่ไหลมาไม่หยุด
เขาไม่คิดว่าวันนั้นจะมาถึงโดยไม่ทันตั้งตัวแบบนี้
“ไม่เอาแบบนี้.. ไม่เอา ..”
จินฮวานยังคงร้องไห้พร้อมกับพยายามยื่นมือทั้งสองของตัวเองไปเขย่าตัวฮันบิน แต่สิ่งที่เขาคว้าได้แทนที่จะเป็นตัวของฮันบินกลับกลายเป็นมีเพียงอากาศเท่านั้น
เพราะมือของเขาทะลุผ่านฮันบินไปทุกครั้ง..
“ตื่นขึ้นมาสิฮันบิน”
“...............”
“.....ฮรึก ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้ !”
“...............”
ฮันบินยังคงนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น สีหน้าที่เคยสดใสกลับซีดลงเรื่อยๆ
เหมือนว่าจะไม่กลับคืนมาอย่างที่เคย จินฮวานนั่งร้องไห้พลางภาวนาว่าให้ฮันบินฟื้นขึ้นมายิ้มให้เขาเหมือนที่เคยเป็น
“คิมฮันบิน..ฮรึก..ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้”
“................”
“นายก็รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นอย่างนั้น”
เสียงพูดดังพร้อมกับเสียงก้าวเท้าเดินเข้ามาจากด้านหลัง
บีไอดึงจินฮวานให้ลุกขึ้นพร้อมมองอีกคนที่นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้นด้วยสายตาเจ็บปวด
“บีไอ ..ฮันบิน ฮรึก” จินฮวานยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นแม้ว่าอ้อมกอดของบีไอจะอบอุ่นแค่ไหนก็ตาม
ปากของเขาเอาแต่พูดตัดพ้อถึงฮันบินจนบีไอต้องดึงตัวออกแล้วก้มหน้าลงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฟังฉันเดี๋ยวนี้คิมจินฮวาน !”
“ไม่ เราไม่ฟังอะไรทั้งนั้น”
“ฮันบินตายไปแล้วจินฮวาน..ที่นายเห็นอยู่ก็แค่วิญญาณ”
“ไม่..ฮรึก ฮันบินยังไม่ตาย”
“พอกันที.. นายจะมาทำแบบนี้ไม่ได้แล้วจินฮวาน
ยอมรับความจริงซะที”
“ไม่ !
ฮันบินต้องฟื้นขึ้นมา”
“คิมจินฮวาน” บีไอปล่อยให้เขาทรุดตัวลงนั่งร้องไห้
คนตัวสูงขยุ้มผมตัวเองอย่างหัวเสียเมื่อเห็นว่าจินฮวานไม่ยอมฟัง
เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นยังดังอย่างต่อเนื่องแล้วก็เงียบเสียงไป
“................”
“ฉันก็เจ็บปวดไม่ต่างกับนายหรอกจินฮวาน”
“.....................”
“ฮันบินก็น้องชายฉันนะ
อย่าทำเหมือนนายเจ็บปวดอยู่คนเดียวได้ไหม..”
“....................”
“หยุดหลอกตัวเองเถอะนะ”
คิมจินฮวานก้มหน้าลงชิดอกพร้อมกำมือของบีไอที่เอื้อมมากุมไว้
ความรู้สึกในอกตอนนี้มันแน่นไปหมดจนเขาอธิบายออกมาไม่ถูก
จินฮวานนั่งเช็ดน้ำตากอดเข่ามองวิญญาณของฮันบินที่ค่อยๆเปล่งแสงขึ้นอย่างเชื่องช้า
ฮันบินตายไปสองปีแล้ว ..
จากเขาไปด้วยโรคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันอย่างที่เขาเห็นเมื่อกี้
หลังจากนั้นไม่กี่วันเขาก็เจอฮันบินที่นี่อย่างไม่คาดคิด
แต่ฮันบินที่จินฮวานเจอไม่มีความรู้สึก ไม่มีความทรงจำใดๆที่เกี่ยวกับตัวเขาอีกเลย เป็นเพียงแค่เสี้ยววิญญาณที่ยังคงยึดติดกับสถานที่ตอนยังมีชีวิตอยู่
เขาเลยได้แต่มองวิญญาณฮันบินอยู่ตรงนั้นมาตลอดสองปี เพราะบีไอบอกว่าถ้าพวกเขายื่นมือไปยุ่งจะเป็นการบิดเบือนชะตากรรมของฮันบิน
ภาพของฮันบินเล่นย้อนชีวิตของฮันบินตลอดสองปีก่อนที่ฮันบินจะจากเขาไป
และตอนนี้มันก็ถึงตอนสุดท้ายแล้ว..
ตอนที่ฮันบินจากเขาไปตลอดกาล
จินฮวานยื้ออะไรต่อไปอีกไม่ได้แล้ว..
หมดเวลาแล้ว..
“บอกลาฮันบินสิ” บีไอพูดพร้อมลุกขึ้นยืน
ร่างสูงมองคนที่หน้าคล้ายกับตัวเอง น้ำตาที่ไม่มีใครได้เห็นก็ไหลออกมาหลังจากที่เจ้าตัวพยายามกั้นมันไว้
“ฉันดีใจที่ได้เกิดมาเจอนายฮันบิน”
“............”
“ฉันรออยู่ข้างนอกนะจินฮวาน”
จินฮวานพยักหน้าเงียบๆแล้วนั่งอยู่อย่างนั้น
เสียงปิดประตูของบีไอดังพร้อมกับเสียงก้าวที่ดังห่างออกไป คิมจินฮวานพยายามกุมมือฮันบินไว้แม้จะสัมผัสไม่ได้ก็ตามแล้วจึงเริ่มพูดสิ่งที่อยู่ในใจ สิ่งที่เก็บอยู่ข้างในใจของตัวเองมาตลอดเวลา
คำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้พูดตอนที่อีกฝ่ายไม่อยู่แล้ว
“ฉันรักนาย”
“..................”
น้ำตาพร้อมกับเสียงสะอึกสะอื้นทำให้พูดออกมาได้ไม่เป็นประโยค
ความทรงจำดีดีที่มีให้กันเมื่ออดีตหวนกลับเข้ามาในความคิดทีละเรื่องจนเหมือนมีดแหลมที่กรีดหัวใจเขาให้เจ็บเจียนตาย...
ทั้งรอยยิ้มที่คอยยิ้มให้เขา..
ทั้งสัมผัสอบอุ่นที่คอยปลอบเวลาเขาร้องไห้
“รักนาย..มาตลอดเวลา..ที่ได้รู้จักกัน
แล้วก็..จะรักตลอดไป”
“......................”
“คิมฮันบินบ้า..ไหนว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไง”
“...............”
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ..”
“................”
“ฉันคิดถึงนาย..”
จินฮวานไม่รู้จะพูดอะไรต่อจากนี้แล้ว
เขาเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียวพร้อมกับมองร่างฮันบินที่นอนอยู่ค่อยๆจางขึ้นในทุกที
และนั่นทำให้เขาร้องไห้หนักกว่าเดิม
“ฉันรักนายฮันบิน ฮรึก ฉันรักนาย..”
คำบอกรักดังซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้นราวกับจะไม่มีวันหยุด
จินฮวานทั้งเพลียทั้งเสียใจแต่ก็ยังนั่งร้องไห้แม้ว่าวิญญาณฮันบินจะหายไปโดยสมบูรณ์แล้วก็ตาม
“รู้แล้ว”
“....ฮะ..ฮันบิน ?”
“ฉันรู้แล้ว..ความรู้สึกของนายน่ะ”
เสียงฮันบินที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนอยู่ๆก็ดังขึ้นมา
จินฮวานลุกขึ้นมองไปทั่วโรงยิมที่เต็มไปด้วยความมืดแต่ก็ไม่เห็นอะไรนอกจากเงาอัฒจรรย์ที่กระทบแสงจันทร์เท่านั้น
“นายอยู่ไหนน่ะฮันบิน”
“ฉันหรอ..”
“..............”
“..เดี๋ยวก็ต้องไปแล้วล่ะ”
“ไปไหน.. ไม่เอา คิมฮันบินกลับมานะ !”
จินฮวานตะโกนก้องโรงยิมสองขาที่อ่อนแรงของตัวเองทำให้ต้องทรุดลงกับพื้นแล้วน้ำตาก็ไหลอีกครั้ง
“กลับมาหาฉัน..”
“ฉันไม่ได้หายไปไหนจินฮวาน..”
“....................”
“ฉันจะอยู่ในความทรงจำของนาย”
“......................”
“.....ขอโทษที่ไม่ได้อยู่รับผิดชอบความรู้สึกของนายนะ..
แล้วก็ขอโทษที่พึ่งมาคุยกับนายได้”
“...ไม่.. ไม่ต้องขอโทษ..แค่กลับมาฮันบิน กลับมา”
“..ฉันคิดว่าฉันมีบางอย่างที่ไม่ได้บอกนายเหมือนกัน”
“..อะไร..” จินฮวานพูดเสียงสั่นกับอากาศที่อยู่ด้านหน้า
ก่อนจะชะงักแล้วนิ่งไปเมื่อเขาสัมผัสถึงบางอย่างที่อบอุ่นประทับลงบนหน้าผากของตัวเองพร้อมเสียงที่ดังขึ้นตรงหน้าอย่างแผ่วเบา
“ฉันก็รักนาย”
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อหลังจากนั้น
ไม่มีทั้งเสียงทั้งความสัมผัสอะไรที่เกี่ยวกับฮันบินอีกต่อไป
มีเพียงเสียงร้องไห้ของจินฮวานที่หนักจนบีไอที่อยู่ด้านนอกวิ่งเข้ามากอดปลอบไว้หลวมๆ
ไม่มีฮันบินอีกแล้ว.. ไม่มีคนที่คอยมาเล่นบาสหรือนั่งร้องไห้ที่นี่อีกแล้ว
ไม่มีอีกต่อไปแล้ว..
เหลือไว้เพียงคำบอกรักที่จะคงอยู่ไปตลอดกาล..
เป็นฟิคที่แต่งเก็บไว้นานแล้วค่ะ
จากความคิดที่ว่า "คนเราตายแล้วไม่ได้หายไปไหน..แต่จะอยู่ในความทรงจำของคนที่รักแทน"
กลายเป็นฟิคหม่นๆเฉยเลย : )
ถ้าชอบสามารถคอมเม้นท์ติชมได้เลยค่ะ เจอกันอีกครั้งเมื่อมีโอกาสค่ะ
รัก ♥
ความคิดเห็น