ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BJIN] คลังฟิคสั้นของบินฮวาน l #คลังmyxbase

    ลำดับตอนที่ #5 : [OS] Memories

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 60



     m e m o r i e s




          เสียงลูกบาสกระทบกับพื้นยิมดังก้องไปทั่วโรงยิม แล้วยังดังก้องมาถึงอัฒจันทร์ที่เขานั่งอยู่ตรงนี้ด้วย ร่างสูงโปร่งที่อยู่ต่ำลงไปด้านล่างกำลังเลี้ยงลูกบาสอย่างคล่องแคล่วก่อนจะชู๊ตมันลงที่ห่วงในจุดที่ได้คะแนนสามแต้มอย่างแม่นยำ


           จินฮวานทำหน้าดีใจก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยการนั่งทำหน้านิ่งอยู่อย่างนั้น เขานั่งดูอีกคนเล่นบาสอยู่คนเดียวก่อนที่จะมองตามแผ่นหลังของอีกคนเมื่อเขาเก็บกระเป๋าแล้วเดินออกไป


           เป็นอย่างนี้มาหลายปีแล้ว แล้วปีนี้ก็เป็นปีสุดท้ายแล้วด้วย...      


           ทั้งตัวเขา และฮันบินตอนนี้อยู่มอปลายปีสามแล้ว อีกแค่ไม่กี่เดือนก็ต้องจบจากโรงเรียนไปต่อที่มหาลัยอย่างคนอื่นๆ แล้ว


           จินฮวานนั่งกอดเข่ามองฮันบินที่เดินไกลไปจากสายตาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ลับหายไปจากประตูตรงนั้น


           ฮันบินเป็นคนเงียบๆเลยไม่ค่อยมีเพื่อน จินฮวานเจอเขาครั้งแรกตอนที่นั่งอยู่ในโรงยิมแล้วฮันบินเดินเข้ามาเล่นบาสอยู่คนเดียว ฮันบินไม่เห็นว่าเขาอยู่ตรงนี้ เขาเลยนั่งมองอีกคนเล่นบาสอยู่เงียบๆ


           เขารู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงตอนที่เห็นฮันบินยิ้มในเวลาที่ชู๊ตบาสลง หรือแม้กระทั่งเวลาที่ชู๊ตลูกพลาดฮันบินก็ยังยิ้มออกมาเหมือนเดิม


           ถ้าฮันบินยิ้มบ่อยๆตอนอยู่กับเพื่อน.. ฮันบินอาจจะไม่ต้องอยู่คนเดียวแบบนี้ก็ได้


           เขาอยากเป็นเพื่อนกับฮันบิน...


           เพื่อนที่คอยช่วยฮันบินได้ทุกเรื่อง ได้อยู่ข้างฮันบิน ได้คอยปลอบตอนที่ฮันบินร้องไห้


           เขาอยากทำแบบนั้น..แต่ไม่มีสิทธิเลยสักนิด


           วันแล้ววันเล่าที่นั่งมองฮันบินเล่นบาสอยู่ในมุมลับสายตาของโรงยิม แล้วก็วันแล้ววันเล่าที่นั่งมองฮันบินร้องไห้อยู่ตรงนี้โดยไม่มีโอกาสได้เข้าไปปลอบเลยสักครั้ง


           วันนี้ก็เหมือนกัน


           ช่วงเวลาที่ความมืดที่เข้ามาเยือนและแสงจากพระจันทร์โผล่ขึ้นมาทักทายภายในโรงยิม เขาก็นั่งกอดเข่ามองความเป็นไปอยู่ตรงนี้ เวลาเกือบสามทุ่มแล้ว ไม่มีนักเรียนเหลืออยู่เลยนอกจากฮันบิน..


           ฮันบินวิ่งเข้ามาเปิดประตูโรงยิมแล้วปิดมันลงเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว แล้วก็นั่งทรุดตัวลงร้องไห้ตั้งแต่ตอนนั้นจนตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุดร้องง่ายๆ


           แสงจากสปอร์ตไลท์ที่ฮันบินเปิดส่องสว่างไปทั่ว ก่อนจะกระทบกับฮันบินที่นั่งร้องไห้อยู่ตรงกลางสนาม จินฮวานมองนาฬิกาที่อยู่อีกด้านนึง ตอนนี้ควรจะกลับหอไปได้แล้ว เพราะตอนสามทุ่มครึ่งจะมีลุงยามออกมาตรวจตามอาคาร และถ้าเห็นว่ามีคนแอบออกมาจากหอพักก็อาจจะโดนลงโทษ..


           จินฮวานไม่รู้ว่าฮันบินร้องไห้เพราะอะไร และก็ไม่กล้าถามออกไปด้วย เลยนั่งมองอยู่เงียบๆเหมือนที่ทำอยู่ทุกวันจนในที่สุดฮันบินก็ปาดน้ำตาของตัวเองแล้วเดินออกไป


           ฮันบินร้องไห้ทุกวันเลย.. จินฮวานเห็นแล้วก็ปวดใจไปด้วยที่ทำอะไรไม่ได้..


           ยิ่งตอนที่ได้แต่มองฮันบินยืนอยู่ตัวคนเดียวก็ยิ่งปวดใจเป็นเท่าตัว..


           แล้วก็หมดไปอีกหนึ่งวันกับการที่ได้แต่นั่งมองฮันบินร้องไห้โดยไม่มีแต่โอกาสจะได้ปลอบเลยสักนิด


           วันแล้ววันเล่าที่ผ่านไป ใบไม้ต่างเปลี่ยนสีแล้วพากันร่วงหล่นลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลกกองทับทมกันเต็มพื้นสนามด้านนอกเต็มไปหมด เหมันต์ฤดูมาเยือนที่นี่แล้ว รวมถึงการปิดเทอมฤดูหนาวด้วยเช่นกัน ข้างนอกไม่มีนักเรียนเดินขวักไขว่เหมือนอย่างอาทิตย์ก่อนมีเพียงนักเรียนไม่กี่คนเท่านั้นที่เลือกอยู่หอของโรงเรียนต่อมากกว่ากลับไปที่บ้าน


           ฮันบินก็ด้วย..


           บ้านของฮันบินอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ มันห่างออกไปเพียงไม่กี่กิโลเท่านั้น แต่จินฮวานกลับเห็นฮันบินมาที่โรงเรียนทุกวัน แล้วก็เหมือนเดิมจบค่ำคืนที่ฮันบินนั่งร้องไห้ที่นี่แล้วเดินกลับหอไปตอนสามทุ่มสิบห้านาที


           แต่วันนี้ไม่เหมือนเดิม..


           ฮันบินวิ่งเข้ามาในโรงยิมและรีบปิดประตูลงพร้อมด้วยรอยช้ำบนใบหน้าและเลือดที่ซึมออกมาตรงมุมปาก และยังไม่รวมคราบเลือดและฝุ่นทที่กระจัดกระจายเต็มเสื้ออีก


           ฮันบินมีเรื่องมา..


           จินฮวานไม่เคยเห็นฮันบินมีเรื่องหนักแบบครั้งนี้เลย..


           เขายิ่งรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเอามากๆเมื่อเห็นอาการฮันบิน ฮันบินทรุดตัวลงพิงประตูโรงยิมทั้งที่หอบจนตัวโยนกลางความมืด เพียงไม่นานก็ทิ้งตัวลงนอนบนพื้นไม้ของโรงยิม เสียงหอบของฮันบินดังอยู่อย่างนั้นก่อนจะเงียบหายไป..


           เงียบ..เหมือนคนที่ไร้ลมหายใจ


    “ไม่นะ..” จินฮวานกระโดดลงมาจากจากอัฒจันทร์ด้านบนพร้อมวิ่งเข้าไปหาฮันบินที่นอนแผ่ลงไปกับพื้น


           ความมืดไม่ใช่ปัญหาของจินฮวาน เมื่อตอนนี้จุดสนใจเขาอยู่ที่อีกคนที่นิ่งเงียบไปแล้ว จินฮวานวิ่งไปนั่งลงข้างตัวฮันบินที่ไม่มีการตอบสนองใดๆ นัยน์ตาหวาเริ่มเต็มไปด้วยหยดน้ำตาที่ไหลมาไม่หยุด


           เขาไม่คิดว่าวันนั้นจะมาถึงโดยไม่ทันตั้งตัวแบบนี้


    “ไม่เอาแบบนี้.. ไม่เอา ..” จินฮวานยังคงร้องไห้พร้อมกับพยายามยื่นมือทั้งสองของตัวเองไปเขย่าตัวฮันบิน แต่สิ่งที่เขาคว้าได้แทนที่จะเป็นตัวของฮันบินกลับกลายเป็นมีเพียงอากาศเท่านั้น


           เพราะมือของเขาทะลุผ่านฮันบินไปทุกครั้ง..


    “ตื่นขึ้นมาสิฮันบิน”


    “...............”


    “.....ฮรึก ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้ !


    “...............”


           ฮันบินยังคงนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น สีหน้าที่เคยสดใสกลับซีดลงเรื่อยๆ เหมือนว่าจะไม่กลับคืนมาอย่างที่เคย จินฮวานนั่งร้องไห้พลางภาวนาว่าให้ฮันบินฟื้นขึ้นมายิ้มให้เขาเหมือนที่เคยเป็น


    “คิมฮันบิน..ฮรึก..ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้”


    “................”


    “นายก็รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นอย่างนั้น” เสียงพูดดังพร้อมกับเสียงก้าวเท้าเดินเข้ามาจากด้านหลัง บีไอดึงจินฮวานให้ลุกขึ้นพร้อมมองอีกคนที่นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้นด้วยสายตาเจ็บปวด


    “บีไอ ..ฮันบิน ฮรึก”  จินฮวานยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นแม้ว่าอ้อมกอดของบีไอจะอบอุ่นแค่ไหนก็ตาม ปากของเขาเอาแต่พูดตัดพ้อถึงฮันบินจนบีไอต้องดึงตัวออกแล้วก้มหน้าลงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง


    “ฟังฉันเดี๋ยวนี้คิมจินฮวาน !


    “ไม่ เราไม่ฟังอะไรทั้งนั้น”


    ฮันบินตายไปแล้วจินฮวาน..ที่นายเห็นอยู่ก็แค่วิญญาณ”


    “ไม่..ฮรึก ฮันบินยังไม่ตาย”


    “พอกันที.. นายจะมาทำแบบนี้ไม่ได้แล้วจินฮวาน ยอมรับความจริงซะที”


    “ไม่ ! ฮันบินต้องฟื้นขึ้นมา”


    “คิมจินฮวาน” บีไอปล่อยให้เขาทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ คนตัวสูงขยุ้มผมตัวเองอย่างหัวเสียเมื่อเห็นว่าจินฮวานไม่ยอมฟัง เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นยังดังอย่างต่อเนื่องแล้วก็เงียบเสียงไป


    “................”


    “ฉันก็เจ็บปวดไม่ต่างกับนายหรอกจินฮวาน”


    “.....................”


    “ฮันบินก็น้องชายฉันนะ อย่าทำเหมือนนายเจ็บปวดอยู่คนเดียวได้ไหม..”


    “....................”


    “หยุดหลอกตัวเองเถอะนะ”


           คิมจินฮวานก้มหน้าลงชิดอกพร้อมกำมือของบีไอที่เอื้อมมากุมไว้ ความรู้สึกในอกตอนนี้มันแน่นไปหมดจนเขาอธิบายออกมาไม่ถูก จินฮวานนั่งเช็ดน้ำตากอดเข่ามองวิญญาณของฮันบินที่ค่อยๆเปล่งแสงขึ้นอย่างเชื่องช้า


           ฮันบินตายไปสองปีแล้ว .. จากเขาไปด้วยโรคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันอย่างที่เขาเห็นเมื่อกี้ หลังจากนั้นไม่กี่วันเขาก็เจอฮันบินที่นี่อย่างไม่คาดคิด แต่ฮันบินที่จินฮวานเจอไม่มีความรู้สึก ไม่มีความทรงจำใดๆที่เกี่ยวกับตัวเขาอีกเลย เป็นเพียงแค่เสี้ยววิญญาณที่ยังคงยึดติดกับสถานที่ตอนยังมีชีวิตอยู่ เขาเลยได้แต่มองวิญญาณฮันบินอยู่ตรงนั้นมาตลอดสองปี เพราะบีไอบอกว่าถ้าพวกเขายื่นมือไปยุ่งจะเป็นการบิดเบือนชะตากรรมของฮันบิน


           ภาพของฮันบินเล่นย้อนชีวิตของฮันบินตลอดสองปีก่อนที่ฮันบินจะจากเขาไป


           และตอนนี้มันก็ถึงตอนสุดท้ายแล้ว.. ตอนที่ฮันบินจากเขาไปตลอดกาล


           จินฮวานยื้ออะไรต่อไปอีกไม่ได้แล้ว..


           หมดเวลาแล้ว..


    “บอกลาฮันบินสิ” บีไอพูดพร้อมลุกขึ้นยืน ร่างสูงมองคนที่หน้าคล้ายกับตัวเอง น้ำตาที่ไม่มีใครได้เห็นก็ไหลออกมาหลังจากที่เจ้าตัวพยายามกั้นมันไว้ “ฉันดีใจที่ได้เกิดมาเจอนายฮันบิน”


    “............”


    “ฉันรออยู่ข้างนอกนะจินฮวาน”


           จินฮวานพยักหน้าเงียบๆแล้วนั่งอยู่อย่างนั้น เสียงปิดประตูของบีไอดังพร้อมกับเสียงก้าวที่ดังห่างออกไป คิมจินฮวานพยายามกุมมือฮันบินไว้แม้จะสัมผัสไม่ได้ก็ตามแล้วจึงเริ่มพูดสิ่งที่อยู่ในใจ สิ่งที่เก็บอยู่ข้างในใจของตัวเองมาตลอดเวลา


           คำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้พูดตอนที่อีกฝ่ายไม่อยู่แล้ว


    “ฉันรักนาย”


    “..................”


           น้ำตาพร้อมกับเสียงสะอึกสะอื้นทำให้พูดออกมาได้ไม่เป็นประโยค ความทรงจำดีดีที่มีให้กันเมื่ออดีตหวนกลับเข้ามาในความคิดทีละเรื่องจนเหมือนมีดแหลมที่กรีดหัวใจเขาให้เจ็บเจียนตาย...


           ทั้งรอยยิ้มที่คอยยิ้มให้เขา..


           ทั้งสัมผัสอบอุ่นที่คอยปลอบเวลาเขาร้องไห้


    “รักนาย..มาตลอดเวลา..ที่ได้รู้จักกัน แล้วก็..จะรักตลอดไป”


    “......................”


     “คิมฮันบินบ้า..ไหนว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไง”


    “...............”


    “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ..”


    “................”


    “ฉันคิดถึงนาย..”


           จินฮวานไม่รู้จะพูดอะไรต่อจากนี้แล้ว เขาเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียวพร้อมกับมองร่างฮันบินที่นอนอยู่ค่อยๆจางขึ้นในทุกที และนั่นทำให้เขาร้องไห้หนักกว่าเดิม


    “ฉันรักนายฮันบิน ฮรึก ฉันรักนาย..”


           คำบอกรักดังซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้นราวกับจะไม่มีวันหยุด จินฮวานทั้งเพลียทั้งเสียใจแต่ก็ยังนั่งร้องไห้แม้ว่าวิญญาณฮันบินจะหายไปโดยสมบูรณ์แล้วก็ตาม



    “รู้แล้ว”


    “....ฮะ..ฮันบิน ?”


    “ฉันรู้แล้ว..ความรู้สึกของนายน่ะ”


           เสียงฮันบินที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนอยู่ๆก็ดังขึ้นมา จินฮวานลุกขึ้นมองไปทั่วโรงยิมที่เต็มไปด้วยความมืดแต่ก็ไม่เห็นอะไรนอกจากเงาอัฒจรรย์ที่กระทบแสงจันทร์เท่านั้น


    “นายอยู่ไหนน่ะฮันบิน”


    “ฉันหรอ..”


    “..............”


    “..เดี๋ยวก็ต้องไปแล้วล่ะ”


    “ไปไหน.. ไม่เอา คิมฮันบินกลับมานะ !” จินฮวานตะโกนก้องโรงยิมสองขาที่อ่อนแรงของตัวเองทำให้ต้องทรุดลงกับพื้นแล้วน้ำตาก็ไหลอีกครั้ง “กลับมาหาฉัน..”


    “ฉันไม่ได้หายไปไหนจินฮวาน..”


    “....................”


    “ฉันจะอยู่ในความทรงจำของนาย”


     “......................”


    “.....ขอโทษที่ไม่ได้อยู่รับผิดชอบความรู้สึกของนายนะ.. แล้วก็ขอโทษที่พึ่งมาคุยกับนายได้”


    “...ไม่.. ไม่ต้องขอโทษ..แค่กลับมาฮันบิน กลับมา”


    “..ฉันคิดว่าฉันมีบางอย่างที่ไม่ได้บอกนายเหมือนกัน”


    “..อะไร..” จินฮวานพูดเสียงสั่นกับอากาศที่อยู่ด้านหน้า ก่อนจะชะงักแล้วนิ่งไปเมื่อเขาสัมผัสถึงบางอย่างที่อบอุ่นประทับลงบนหน้าผากของตัวเองพร้อมเสียงที่ดังขึ้นตรงหน้าอย่างแผ่วเบา


    “ฉันก็รักนาย”


           ไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อหลังจากนั้น ไม่มีทั้งเสียงทั้งความสัมผัสอะไรที่เกี่ยวกับฮันบินอีกต่อไป มีเพียงเสียงร้องไห้ของจินฮวานที่หนักจนบีไอที่อยู่ด้านนอกวิ่งเข้ามากอดปลอบไว้หลวมๆ


           ไม่มีฮันบินอีกแล้ว.. ไม่มีคนที่คอยมาเล่นบาสหรือนั่งร้องไห้ที่นี่อีกแล้ว


           ไม่มีอีกต่อไปแล้ว..


           เหลือไว้เพียงคำบอกรักที่จะคงอยู่ไปตลอดกาล..


           




    เป็นฟิคที่แต่งเก็บไว้นานแล้วค่ะ

    จากความคิดที่ว่า "คนเราตายแล้วไม่ได้หายไปไหน..แต่จะอยู่ในความทรงจำของคนที่รักแทน"

    กลายเป็นฟิคหม่นๆเฉยเลย : )

    ถ้าชอบสามารถคอมเม้นท์ติชมได้เลยค่ะ เจอกันอีกครั้งเมื่อมีโอกาสค่ะ 

    รัก 




       T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×