ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BJIN] คลังฟิคสั้นของบินฮวาน l #คลังmyxbase

    ลำดับตอนที่ #4 : [SF] Airplane เครื่องบินกระดาษของจีนาน 2/2

    • อัปเดตล่าสุด 21 ส.ค. 59


    Airplane เครื่องบินกระดาษของจีนาน 2/2





     

          กี่โมงแล้ววะ...


           นั่นคือความคิดแรกที่เข้ามาในหัวผม ผมรู้แค่ว่าผมฟุบร้องไห้ฟูมฟายเรื่องจีนานจนเหนื่อยมาหลายวันแล้วก็ล้มตัวลงนอนไปบนเตียงตั้งแต่ตอนเที่ยงๆ


           สัมผัสได้เลยว่าตาต้องบวมมากขึ้นกว่าเดิมแน่ๆเลยอ่ะ แล้วแบบนี้จะออกไปเจอชาวบ้านชาวช่องเขาได้อย่างไง ถ้าใครรู้ว่า ฮันบินสุดหล่อร้องไห้จะเป็นจะตายเพราะจีนาน ผมจะยังเหลือความคาริสม่าให้ได้รักษาไว้ไหม..


           อุตส่าห์โดดเรียนสองวันออกไปเที่ยวคนเดียว เผื่อว่าจะลืมจีนานไปได้บ้าง แต่ต่อให้สนุกมากแค่ไหน ตอนกลับมาก็ยังไม่วายมานั่งคิดถึงแล้วก็จบลงที่การนั่งร้องไห้อยู่ดี


           ทำแต่เรื่องโง่ๆแบบนี้ก็สมกับการเป็นคิมฮันบินดี..


           ปีแรกที่เข้ามาอยู่ในรั้ววิศวะ เพื่อนในรุ่นบางคนถึงกับขยาดในความโง่ของผม นี่ถ้าไม่ได้จีนานช่วยบังคับขู่เข็ญและช่วยติวให้ ผมคงไม่สามารถกลายมาเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งของคณะพ่วงด้วยตำแหน่งประธานรุ่นหรอก


           ผมนอนคิดเรื่องต่างๆในอดีตพร้อมกับกำสร้อยคอที่เป็นรูปเกียร์อันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา


           สำหรับคนอื่นคงเป็น เกียร์อยู่ที่ใคร ใจอยู่ที่เกียร์


           แต่สำหรับผมคงต้องบอกว่า เกียร์อยู่ที่ใคร ใจอยู่ที่จีนาน


           ถึงแม้จะเศร้าแต่งานเสี่ยวก็ต้องมา..


           นอนหลับตาเล่นอยู่บนเตียงสักพักก่อนจะสะดุ้งสุดตัว ผมยังเหลือโปรเจ็คให้ส่งอีกงานนึงนี่หว่า เพราะมัวเศร้าเรื่องจินฮวานเลยลืมไปเลยว่าต้องส่งในอีกไม่กี่วัน


           ได้แต่ฝืนลืมตาแล้วลากตัวเองให้เดินไปล้างหน้าล้างตาแล้วมาเคลียร์งานต่อ มือคลำผนังห้องอย่างสะเปะสะปะเพื่อพยายามหาสวิตซ์ไฟ แสงสว่างวาบขึ้นมาจนต้องหรี่ตาลงสักพักถึงจะชิน ก้าวเท้ายาวๆเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่นอกห้องนอนในคอนโดของตัวเองแล้วจึงพอคลายความง่วงไปได้บ้าง


           ผู้ชายในสภาพผมสีน้ำตาลเข้มมองผมกลับมาด้วยสีหน้ามึนๆจากภาพสะท้อนในกระจก..


           พึ่งไปย้อมผมมาเมื่อวาน ตอนนี้กลิ่นยังเหม็นติดหัวอยู่เลยว่ะ..


           ผมขยี้ผมของตัวเองอย่างหงุดหงิด ไม่น่านอนตอนเย็นเลย ผลที่ได้ก็คือมึนหัวแล้วก็ติดง่วงอยู่แบบนี้


           เปิดก๊อกวักน้ำใส่หน้าตัวเองอย่งลวกๆก่อนจะเดินออกมาหาของกินที่ตู้เย็นที่อยู่อีกห้องนึง นาฬิกาตอนนี้บอกว่าสามทุ่มกว่าแล้ว มีแววว่าคืนนี้ต้องโต้รุ่งอีกตามเคย


           คิดถึงจีนาน..


           เป็นความรู้สึกที่ช่วงนี้มักผ่านเข้ามาให้รู้สึกบ่อยกว่าปกติ ยิ่งทำใจให้ชินเท่าไหร่ก็ยังชินไม่ได้สักที.. เมื่อไหร่จะผ่านไปสักทีนะกับความรู้สึกแบบนี้


           ผมเดินถือน้ำส้มแก้วโตมาวางข้างแมคบุ๊คของตัวเองที่กำลังขึ้นหน้าจอพิมพ์ค้างไว้ ภาพหน้าจอเป็นรูปจีนานที่เคยแอบถ่ายไว้ตั้งนานแล้ว..


           แน่นอนว่าเจ้าตัวยังไม่รู้เรื่องนั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้


           ผมหยุดคิดเรื่องจีนานพร้อมกับลงมือพิมพ์งานต่อ ถ้ามัวแต่คิดถึงอยู่แบบนี้นอกจากงานจะไม่เสร็จแล้ว ตาที่บวมอยู่แล้วก็คงจะบวมมากขึ้นเพราะเผลอร้องไห้อีกแน่ๆ

     


     

    .

     


    “ครั้งล่าสุดที่เจอ มึงไม่ได้ผมสีนี้ถูกม้ะ ?” จีวอนพูดพร้อมชี้ที่หัวผม ทันทีที่เห็นผมทรุดตัวลงนั่งข้างๆมัน ที่โต๊ะนั่งใต้คณะที่เก่าที่เคยเจอกันมาตลอดสามปี


    “อือ” ผมตอบมันพร้อมกับฟุบหน้าลงกับโต๊ะ เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ตีห้าเข้าไปแล้ว แถมยังต้องตื่นมาที่คณะแต่เช้าอีก ตอนนี้เลยไม่อยากจะสนทนาอะไรกับใครทั้งนั้น


    “เมื่อคืนโต้รุ่งเลยดิมึง”


    “ก็เกือบๆ”


    “กูไลน์ไปบอกมึงตั้งแต่วันที่มึงหยุดวันแรกแล้วนะ”


    “เออ.. กูผิดเองไง พอใจมึงยังอ่ะ”


    “นี่กูบอกมึงดีๆนะ”


    “กูก็ตอบมึงดีๆอยู่นี่ไง”


    “ไอ้ฮันบิน !


    “อะไรของมึงเนี่ยจีวอน มึงจะหาเรื่องกูรึไง” ผมเงยหน้ามองจีวอนด้วยสีหน้าหาเรื่อง อาการหงุดหงิดของตัวเองยิ่งมากขึ้นในทุกที


           ไม่ชอบตัวเองตอนนี้เลย.. แต่ก็ไม่อยากให้ใครมากวนตอนนี้เหมือนกัน


    “พอเลยพวกมึงอ่ะ ฮันบินมึงนอนไปเลย ส่วนจีวอน ถ้ามึงว่างมาก มึงมาช่วยกูทำงานนี่” ยุนฮยองพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ


    “ก็เมื่อกี้ไอ้ฮันบินมันกวนกูอ่ะ”


    “คิม จี วอน” ยุนฮยองพูดย้ำอีกรอบ จนจีวอนทำท่าฮึดฮัดก่อนจะยอมเดินไปนั่งข้างยุนฮยองที่ทำงานอยู่อีกฝั่งอย่างโดยดี


           ถ้าเป็นเมื่อก่อน คนที่เคยห้ามพวกเขาเวลาทะเลาะกันก็คงเป็นจีนานล่ะเนอะ..


           คิดถึงอีกแล้ว..


           ไม่ว่าจะทำอะไรก็ห้ามความคิดถึงไว้ไม่ได้เลย..


           ผมเป็นต๋าของจีนาน เป็นของจีนานคนเดียว แต่ตอนนี้จีนานไม่ได้อยู่ตรงนี้อีกแล้ว..


           ไม่อีกแล้ว..


    “เออ นี่ฮันบิน มึงได้เช็คข้อความบ้างรึเปล่า” ยุนฮยองเงยหน้าขึ้นมาจากชีทงานเป็นปึกที่อยู่ในมือก่อนจะถามผม


    “ไม่ได้แตะเลยว่ะ ทำไมวะ?”


    “ก็จีนานบอกกูว่ามึงไม่ตอบไลน์เลย กูก็สงสัย”


    “จีนานไลน์มาหรอวะ” ผมผุดขึ้นนั่งเต็มตัวก่อนที่จะเปิดกระเป๋าเป้สีดำใบเก่งของตัวเอง จำได้ว่าเมื่อเช้าใส่ไว้ในช่องนี้นี่ว่าแล้วตอนนี้มันหายไปไหนแล้วเนี่ย


           ค้นไปค้นมาก็เจอไอโฟนสีดำเครื่องโปรดที่นอนอยู่ก้นกระเป๋า ผมหยิบมันขึ้นมาอย่างใจร้อนแล้วพบว่ามีไลน์เข้ามาจากจีนานอย่างที่ยุนฮยองมันว่าจริงๆ ผมกดเข้าไปที่แจ้งเตือนก่อนจะพบว่ามีข้อความมากว่าที่คิดไว้


           จำนวนข้อความที่ไม่คิดว่าคนไม่ชอบเล่นโซเชียลอย่างจีนานจะส่งมาเยอะขนาดนี้


    ต๋า !

    เราถึงจีนแล้วนะ !


           ผมยิ้มให้กับข้อความของคนตัวเล็ก นึกภาพจีนานที่ทำหน้าอึนอยู่กลางสนามบินได้ชัดเจนเลย..

           เพราะฉะนั้นก็รีบๆกลับมาได้แล้ว..


    อากาศที่นี่หนาวมากๆเลยล่ะ

    แว่นขึ้นฝ้าเลย..


           แล้วก็นึกภาพออกตอนที่จีนานต้องถอดแว่นออกมาเช็ดด้วยผ้าสีหม่นๆที่พกติดตัวไว้ตลอด..


    ต๋าเป็นไงบ้าง

    ไม่อยู่แล้วคิดถึงจีนานอ่ะดิ


          อือ.. คิดถึงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว


    ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกตอนไหนเนอะ

    อยากเห็นหน้าโง่ๆของต๋าจัง

    ดูแลตัวเองด้วยล่ะ !


           ใจร้าย.. ไม่เคยคิดว่าจีนานจะใจร้ายขนาดนี้


           คิดว่าคนที่โดนทิ้งอย่างผมจะสบายนักรึไง.. มันไม่ตลกเลยนะ..


           อยากเจอหน้า อยากคุยด้วย แค่เสี้ยววินาทีก็ยังดี


           กลับมาไม่ได้หรอ.. ผมคิดถึงจนไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรต่อแล้ว


    “เฮ้ยมึง” จีวอนฟาดกระดาษลงบนหัวผมเบาๆ


    “หืม” ผมเงยหน้าละสายตาจากจอโทรศัพท์ มือของมันที่ยังถือกระดาษก็ยังคงค้างไว้อย่างนั้น


    “เป็นอะไรป้ะเนี่ย”


    “ไม่นี่.. ทำไมวะ”


    “กูเห็นมึงมองโทรศัพท์แล้วก็นิ่งไปเลย”


    “กูไม่ได้เป็นอะไร”


    “แน่ใจนะ”


    “เออดิ.. แล้วนี่ยุนฮยองไปไหน” ผมถามถึงคนที่เคยนั่งทำงานงกๆข้างจีวอนที่ตอนนี้หายตัวไปแล้วเรียบร้อย


    “ไปซื้อน้ำ เดี๋ยวก็มา”


    “เออๆ” ผมตอบมันพร้อมกับหันมาจ้องหน้าจอไอโฟนที่อยู่ในมืออีกครั้ง ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นว่าจีนานไลน์เข้ามา


           เข้ามาตอนนี้เลย.. ตอนนี้เลยอ่ะ..


           นี่ออนตรงกันด้วยหรอเนี่ย..


           แล้วทำไมผมต้องดีใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆขนาดนี้ด้วยวะ..


    อ่านแล้วไม่ตอบนี่คืออะไร

    โกรธจีนานหรอ ?


           ผมมองข้อความที่อยู่ในมืออยู่อย่างนั้น มือสั่นจนพิมพ์ผิดพิมพ์ถูก.. วินาทีที่กำลังจะกดส่ง ไอโฟนลูกรักก็ขึ้นเตือนถึงแบตเตอรี่ที่มีอยู่น้อยนิดเพราะไม่ได้ชาร์ตมาสองวันก่อนจะดับลงไปด้วยตัวเอง..


           ผมอ้าปากค้างมองอดีตลูกรักที่นอนแน่นิ่งอยู่ในมือ ใครสั่งใครสอนว่าแบต 20% แล้วให้กลายป็น 0% เลยทันที 19 18 17 มันหายไปไหน ที่บริษัทตรงเลขรึไงเห้ย..


           เงยหน้าส่งสายตาเว้าวอนให้จวอนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ก่อนที่มันจะส่งกระดาษในมือมาฟาดหัวผมอีกครั้งแล้วก้มหน้าทำงานของมันต่อ


    “กูไม่มีพาวเวอร์แบงค์ให้มึงหรอกนะ”


    “ไอ้จีวอนนนนนนนนนนนน”


    “พวกมึง วันนี้อาจารย์ยกคลาสว่ะ” ยุนฮยองเดินมาพร้อมกับน้ำแก้วในมือสามแก้ว น้ำองุ่นของมันกับจีวอน แล้วก็น้ำส้มของผมเอง


    “ห้ะ/what” เสียงสบถพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย


    “แล้วโทรศัพท์มึงเป็นอะไรล่ะนั่น”


    “แบตหมดว่ะ”


    “กูก็ไม่ได้เอาพาวเวอร์แบงค์กับสายชาร์ตมาซะด้วย” ยุนฮยองนั่งลงฝั่งตรงข้ามพร้อมกับยื่นน้ำส้มแก้วโตมาให้ก่อนจะยื่นมือไปฟาดแขนจีวอนที่เอากระดาษงานไปนั่งวาดรูป


    “เอาไงดีวะ..”


    “ไหนๆวันนี้ก็ไม่ต้องเรียนแล้ว มึงก็กลับไปชาร์ตที่คอนโดมึงไป” จีวอนว่าพร้อมกับรีบตะโกนเมื่อเห็นผมลุกขึ้นคว้ากระเป๋าพร้อมรีบวิ่งออกไป “อ้าวเห้ย เดี๋ยวก่อนนนนน”


    “ไปล้ะมึง เจอกัน”

     


     

    .


     

           ผมจ่ายเงินให้พี่แท็กซี่ก่อนจะเดินเข้ามาใต้คอนโด แก้วน้ำส้มที่ยุนฮยองซื้อให้ตอนนี้ก็โดนดูดเรียบระหว่างนั่งอยู่บนรถไปแล้ว เลยทิ้งมันลงที่ถังขยะก่อนจะเดินเข้าร้านสะดวกซื้อใต้คอนโดของตัวเองเพื่อตุนของกินเก็บไว้สักหน่อย


           ตู้แช่ขนาดใหญ่ที่เคยมีน้ำส้มเรียงกันอยู่สามแถวตอนนี้เลยอยู่แค่ไม่กี่กล่อง.. ผมมองมันก่อนจะเบะปากออกมาด้วยความเซ็งแล้วจึงหยิบน้ำอย่างอื่นแก้ขัดไป


           เอาเหอะ ดีกว่าไม่มีอะไรกิน..


    256 บาทค่ะ” พนักงานคิดเงินก่อนจะส่งของที่อยู่ในถุงใบโตให้กับผม ผมก้มมองเงินในกระเป๋าตังตัวเองแล้วจึงยื่นแบงค์ห้าร้อยที่มีอยู่ไม่กี่ใบให้ไป


           เฮ้อ.. ต้องไปกดเงินอีกแล้วสิเนี่ย


    “เออพี่”


    “คะ”


    “ทำไมวันนี้น้ำส้มหมดไวอ่ะ”


    “เมื่อสักพักมีน้องผู้ชายมาซื้อไปสิบกว่ากล่องแน่ะ ท่าทางจะชอบกินน้ำส้มเหมือนเรานะ”


    “น้องผู้ชาย?”


    “อื้อ.. ตัวเท่านี้ ใส่แว่น แล้วก็ท่าทางอึนๆหน่อย” พี่ผู้หญิงทำมือสูงกว่าตัวพี่เขาไปหน่อยซึ่งมันก็อย่แถวๆไหล่ของผมพอดี


           ลักษณะเด็กผู้ชายที่พี่เขาบรรยายมาทำให้ผมรู้สึกแปลกๆยังไงก็บอกไม่ถูก แต่ที่รู้ๆตอนนี้ใจมันเต้นแรงจนไม่เป็นจังหวะแล้ว หลังจากที่รับเงินทอนมาก็ได้แต่ก้าวยาวๆเข้ามาในคอนโดก่อนที่จะวิ่งเพราะแค่การก้าวยาวมันเร็วไม่ทันใจ


           ลิฟท์ทั้งสองตัวของคอนโดมีคนเรียกใช้อยู่ทั้งคู่ ซึ่งตอนนี้ตัวที่ใกล้ที่สุดก็เป็นชั้น 24 จะให้วิ่งขึ้นบันไดไปก็เกรงว่าเขาจะไม่น่ารอดชีวิต เลยต้องรอให้มันเคลื่อนตัวลงมาที่ชั้นแรก ทันทีที่มาถึง ผมก็รีบก้าวเข้าไปแล้วกดชั้นอย่างว่องไว ตัวเลขในลิฟท์ที่เคลื่อนตัวขึ้นอย่างช้าๆบีบหัวใจผมเข้าไปในทุกที ในใจได้แต่เร่งให้มันไปไวกว่านี้


           ถึงจะเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ขอคาดหวังหน่อยละกัน


           3


           4


           5


           .


           .


           .


           16


           เสียงลิฟท์ดังพร้อมกับประตูที่ค่อยๆแยกออกจากกัน ผมก้าวเท้าออกมาจากลิฟท์ก่อนจะชะงักแล้วยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเมื่อเห็นว่าหน้าห้องผมมีอะไรที่มันไม่เหมือนเดิมจากที่เคยเป็น


           ร่างเล็กคุ้นตาที่นั่งคุดคู้อยู่ที่พื้นหน้าห้องกำลังนั่งหลับพิงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ แถมด้วยถุงใส่น้ำส้มกล่องที่ซื้อจากร้านข้างล่างก็วางอยู่ตรงนั้น ผมเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับนั่งยองๆจ้องใบหน้าที่อยู่หลังแว่นสายตาอันเขื่อง


    “จีนาน..”


    “อือออ...” คนตรงหน้าทำเสียงงัวเงียพร้อมกับค่อยๆลืมตาขึ้นมาก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าใบหน้าผมอยู่ใกล้เขามากแค่ไหน “ต่ะ..ต๋า ??”


    “มานั่งทำอะไรอยู่นี่แล้วทำไม..” ผมถามออกไปด้วยความเป็นห่วง ในหัวมันสับสนไปหมดว่าเกิดอะไรขึ้น จนไม่รู้ว่าจะถามอะไรออกไปอีก


           จีนานทำหน้ามึนก่อนจะมองหน้าผมแล้วเงียบ..


           นี่คงไม่ใช่ว่างอนเรื่องที่ผมอ่านแล้วไม่ตอบไลน์หรอกใช่ไหม..


           เฮ้ออ.. ผมถอนหายใจกับตัวเองก่อนจะคว้าคนตัวเล็กมากอดไว้แน่นทั้งๆที่ยังนั่งกันอยู่แบบนั้น จีนานดิ้นอยู่ในอ้อมกอดของผมก่อนจะยอมอยู่เฉยๆเมื่อได้ยินเสียงที่ผมกระซิบข้างหู


    “คิดถึง”


           ผมว่านะ.. หลังจากนี้ผมกับจีนานคงต้องคุยกันยาวเลยล่ะ : )

     



    잡기 위해서내 모든 짓을 해볼

    ผมจะทำทุกๆอย่างเพื่อให้คุณอยู่ด้วยกัน

     

    적어도 후회 속에서까지 살지 않기 위해서

    เพราะผมไม่อยากจมอยู่กับความเสียใจ

    .

    .

    .

    เพราะแบบนั้น.. อย่าหายไปไหนอีกนะครับ



    -END-





    เราหายไปนานเลย ขอโทษด้วยนะคะ ฮืออออออออ

    อย่างที่บอกไว้ในตอนก่อนหน้านี้ ว่าทีแรกเราว่าจะจบมันแบบหน่วงๆ แต่ว่าเอ้อ ใจนึงก็ไม่อยากทำแบบนั้น 55555555

    ตอนนี้ก็เลยเกิดขึ้นมาจนได้ แถมใช้เวลาวางพล็อต (ที่ดูเหมือนจะไม่มี) นานมากกกกกกก

    ถ้าชอบอย่าลืมคอมเม้นท์แล้วก็กดเฟบเพื่อเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะ !

    เจอกันตอนหน้าค่ะ : )

    ปล. ต้องขอบคุณอิมเมจน้องต๋าที่แอทแทคเราได้รุนแรงจากภาพของบ้าน staytrue ค่ะ ต๋าในเรื่องนี้ก็ทรงผมประมาณนี้แหละค่ะ //เขิน



    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×