คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [SF] Airplane เครื่องบินกระดาษของจีนาน 1/2
Airplane เครื่องบินกระดาษของจีนาน
หลายๆครั้งที่มีคนถามผมว่า คนเรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร...
นั่นสิ
คนเรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไรกัน เพื่อคนที่ตนเองรัก .. เพื่อความรัก ?
การมีชีวิตอยู่โดยปราศจากความรัก
นั่นคือการใช้ชีวิตที่คุ้มค่าแล้วหรอ
เพื่อคนที่เรารัก
เราพร้อมจะเสียสละได้ทุกอย่างรึเปล่านะ...
แล้ว...เรา จะกลายเป็นเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ของใครได้รึเปล่า
‘สักวันนายจะรู้เอง
ว่านายมีชีวิตอยู่เพื่อใคร’ นั่นเป็นสิ่งที่พี่สาวของผมบอกในงานแต่งงานของเธอ
ภาพหญิงสาวในชุดแต่งงานยืนยิ้มอย่างมีความสุขเคียงข้างเจ้าบ่าวคู่รักของเธอ
ทำให้ใครต่อใครที่มางานแต่งยิ้มตามได้ไม่ยาก รวมทั้งผมด้วยเช่นกัน
นั่นสินะ......
ผมก็ได้แต่หวังว่าสักวัน....
ผมจะได้รู้สักทีว่าผมมีชีวิตอยู่เพื่อใคร
“มานั่งเหม่ออะไรที่นี่
คิมฮันบิน” เสียงเรียกพร้อมแรงที่กระทบลงบนหน้าผากของผม
เรียกให้ผมตื่นขึ้นมาจากในห้วงความคิด เป็นภาพที่ผมชินตาอยู่ทุกวัน
จีนานที่ยืนถือน้ำส้มพร้อมดื่มกล่องเล็ก
ยืนส่งสายตาเหนื่อยใจให้
ใบหน้าหวานที่ชวนเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงยืนกอดอกจ้องมองผม
นัยน์ตาเรียวสีน้ำตาลถูกบังด้วยแว่นสายตา
ที่ส่งเสริมให้เจ้าตัวดูเนิร์ดและโหดมากขึ้นในคราวเดียวกัน นี่ล่ะครับ
รองประธานรุ่นของคณะผม
ไม่ต้องสงสัยหรอกครับ
ว่าทำไมรองประธานรุ่นถึงมายืนอยู่นี่
สาเหตุก็มาจากไอ้คนโดดงานคณะมานั่งเหม่ออย่างผมนี่แหละครับ..
ประธานรุ่นปีที่ 3
คณะวิศวะกรรมศาสตร์ ... คือผมเอง
ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกครับที่ผมหนีความวุ่นวายทั้งเรื่องเรียน
และเรื่องกิจกรรมจากในคณะมานั่งเหม่ออยู่ข้างนอก เพราะแบบนั้นเลยเป็นเรื่องง่ายที่จีนานจะตามหาผมเจอได้ง่ายๆ
เวลาที่ผมแอบออกมา
แถมไอ้ผมสีน้ำตาลอ่อนที่ทำอยู่นี่ก็เด่นซะด้วยสิ
: (
แต่ก็ดีนะครับ .. ผมชอบเวลาที่จีนานเม้มปากมองคาดโทษเวลาหาผมเจอ
ผมว่ามัน... น่ารัก (?) ดีล่ะมั้ง
ผมคิดพร้อมยิ้มออกมา
ยิ่งทำให้คนตรงหน้าขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม
“ยิ้มบ้าอะไร ?” กล่องน้ำส้มพร้อมดื่มที่เจาะหลอดมาแล้วเรียบร้อยถูกยื่นมาให้ผม
หลังจากที่เจ้าตัวบรรจงแกะซองหลอด ก่อนจะเจาะให้ผมด้วยความเคยชิน
“ไม่มีอะไรสักหน่อย” ผมยื่นมือออกไปรับ
พร้อมกับกระเถิบตัวออกมาให้จีนานนั่งข้างๆได้
“ตามใจเถอะ” ร่างบางถอนหายใจพร้อมทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
ทอดสายตามองออกไป
“จีนานมีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า” ผมหยุดดูดน้ำส้มเมื่อเห็นว่าใครอีกคนถอนหายใจออกมา
ถ้าเป็นคนอื่น
การถอนหายใจไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก
แต่เพราะการถอนหายใจนั่นมันมาจาก คนที่เกลียดการถอนหายใจที่สุดเลยไงล่ะ
คนที่บอกว่า
การถอนหายใจจะทำให้ความสุขในชีวิตหายไปหมด
คนที่คอยดึงแก้ม เวลาที่ผมเผลอถอนหายใจออกมา
...รึเพราะว่า มันเป็นจีนานกันนะ
“ไม่มีอะไรสักหน่อย” จีนานหันมาส่ายหน้าเนือยๆ
พร้อมถอนหายใจอีกรอบ ยิ่งทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นไปอีก
เมื่อไหร่จีนานจะรู้ตัวนะ
ว่าเป็นคนโกหกไม่เก่งน่ะ..
“โกหก” ผมยื่นมือไปจับหน้าจีนานมาเพื่อไม่ให้ใครอีกคนหลบสายตาได้
จีนานมองหน้าผมอย่างลังเลก่อนจะหลบตาผมและหันกลับไป
“คือว่า...”
“ว่า ?”
“จีนานมีเรื่องจะบอกต๋า”
“..ก็ว่ามาสิ”
ท่าทางของจีนานมันทำให้ผมกลัวสิ่งที่เขาจะพูดออกมาชะมัด
หยุดคิดฟุ้งซ่านแล้วตั้งใจฟังจีนานได้แล้ว
คิมฮันบิน..
“จีนานจะไปเรียนต่อที่จีน”
“ห้ะ” น้ำส้มกล่องเล็กในมือผมถูกปล่อยให้ร่วงตามแรงโน้มถ่วงลงไปนอนอยู่บนพื้นเรียบร้อย
บางทีเมื่อกี้ผมอาจจะได้ยินผิดก็ได้ ผมอาจจะหูฝาดไป
บางทีจีนานอาจจะบอกว่าบางคนในคณะไปเรียนต่อที่จีนก็ได้
คนคนนั้นจะไม่ใช่จีนานใช่ไหม
ขอร้องล่ะ...
“ได้ยินไม่ผิดหรอกต๋า” จีนานหันมาย้ำกับผมก่อนจะมองออกไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย
น้ำส้มที่หล่นลงไปที่พื้นถูกจีนานขึ้นมาแล้ววางไว้ที่ข้างเท้าเตรียมไปทิ้ง “จีนานจะไปเรียนต่อที่จีนจริงๆ”
“ตอนปีสามเนี่ยนะ”
“อือ”
“เห้ย ไมทำงี้อ่ะ”
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
อีกคนพูดเหมือนกับมันเป็นเรื่องปกติ
“ไม่รู้ได้ไงจีนาน”
“ก็แม่ถามว่าอยากกลับไปอยู่จีนกับแม่ไหม แถมพ่อก็ยังอนุญาตอีก”
“............”
“มหาลัยที่ไปต่อก็อยู่เครือเดียวกันกับที่นี่ โอนเรียนได้อยู่แล้ว”
“................”
“มันก็ไม่มีปัญหาอะไรให้ต้องกังวลไม่ใช่หรอต๋า”
ให้ตายเถอะ...
ตอนนี้ในหัวผมมีแต่เนื้อเพลงแอร์แพลนของไอค่อนขึ้นมาในหัวเลยอ่ะ
จำได้ลางๆว่าเคยเปิดไปเจอแล้วพบว่าหัวหน้าวงที่ชื่อบีไอนั่นหล่อมาก
잠깐 멈춰봐
(อย่าพึ่งไปเลยนะ)
가벼운 미소만을 남기고 웃는 얼굴로 넌 떠났지
(การจากไปของรอยยิ้มอันสดใสเพียงหนึ่งเดียว
คุณจากไปพร้อมกับหน้าที่เปื้อนยิ้มนั้น)
เพราะในชีวิตผมตอนนี้มีแค่รอยยิ้มของจีนานที่พอจะเยียวยามันให้ดีขึ้นมาได้
ถ้าผมลงไปนั่งกอดขาขอร้องจีนานว่าอย่าไป จีนานจะยอมอยู่ที่นี่ไหมนะ ?
ผมสะบัดหัวละความคิดฟุ้งซ่านในหัวทิ้งไป ในฐานะเพื่อน(?)ที่ดีผมไม่ควรจะไปฉุดรั้งจีนานไว้สิ
ในเมื่อจีนานกำลังจะได้ไปในทางที่ดี...ใช่ไหม ?
“นี่ต๋า”
ภาพมือบางที่โบกอยู่หน้าผมจากการจมอยู่กับความคิดตัวเอง จีนานมองผมที่กำลังนั่งทำหน้างงๆ
ก่อนจะยิ้นมือนั่นมาบีบแก้มผมเบาๆ “เลิกเหม่อได้แล้ว”
“....”
ผมมองหน้าอีกคนด้วยความว่างเปล่า
จะว่ายังไงดีล่ะตอนนี้ผมรู้สึกอะไรมากมายจนความรู้สึกทั้งหมดมันกลายเป็นว่างเปล่าไปแล้วอ่ะตอนนี้
“จะไปตอนไหน”
“อาทิตย์หน้า”
“อา..ทิตย์..หน้า” ผมหยิบโทรศัพท์เครื่องโปรดขึ้นมากดดูในปฏิทิน ถ้าจีนานจะไปตอนอาทิตย์หน้างั้นแปลว่าจะไปตรงกับช่วงปิดเทอมแรกเลยสินะ
“อือ..อาทิตย์หน้า”
“แล้วขอวีซ่ารึยัง”
“เรียบร้อยหมดแล้ว”
“แบบนี้กะจะไม่ให้เตรียมใจเลยสินะ” ผมพูดขึ้นแบบนั้นทำให้บรรยากาศยิ่งแย่ลงไปอีกเท่าตัว
จะให้ผมทำไงอ่ะ
ผมน้อยใจเป็นนะเว้ย
อย่างน้อยผมอยากให้จีนานมาปรึกษาอะไรผมบ้าง..
ทำไมต้องตัดสินใจทำอะไรแบบนี้แล้วค่อยมาบอกผมอ่ะ
ผมยังมีค่าอยู่ใช่ป้ะวะ..
“...ฮันบิน” จีนานเรียกผมพร้อมเอามืออีกข้างมากุมไว้
ยอมรับเลยว่านั่นทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยนึง..
“.......ทำไมถึงจะไปที่นู่นล่ะ”
“ก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้อยู่ที่นี่แล้วนี่” จีนานหยิบสมุดวาดเขียนในกระเป๋าสะพายตัวเองขึ้นมาวาดๆเขียนๆเล่นอย่างที่เคยทำเป็นประจำเวลาที่ว่าง
มือเล็กฉีกกระดาษออกมานั่งพับ
ใช้เวลาเพียงแป้บเดียวกระดาษเปล่าใบนั้นก็กลายร่างเป็นเครื่องบินกระดาษลำจ้อย จีนานหยิบปากกาสีดำมาเขียนที่ปลายปีกพร้อมกับยื่นให้ผม
เครื่องบินของต๋าที่จีนานทำให้
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ.. ที่ผมใช้เวลาว่างของตัวเองไปกับการจ้องมองจีนานอยู่แบบนี้
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ.. ที่ความรู้สึกของจีนานกลายเป็นเรื่องสำคัญของผม
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ... ที่ผมมีจีนานในชีวิตประจำวัน
และก็ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ... ที่ผมรักจีนาน
“แล้ว..ฉันล่ะจีนาน”
“.........”
“ฉันเป็นเหตุผลให้นายอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอ”
“...... ต๋า”
“ว่าไง”
“ฉันว่านายเพ้อแล้วล่ะ ไปนอนไป” คนตัวเล็กหยิบสมุดวาดภาพเคาะที่หัวผมก่อนที่จะเดินออกไปไม่มีแม้แต่เสี้ยววินาทีที่จะหันกลับมามอง
ทิ้งเครื่องบินกระดาษลำจ้อยไว้ในมือของผมที่นั่งโง่อยู่ตรงนี้
---------------------------
วันเดินทาง
“มึงจะทำอย่างงี้จริงๆหรอฮันบิน”
ยุนฮยองมองเพื่อนที่เอาแต่นอนซุกหน้าอยู่กับผ้าห่มบนเตียงด้วยความเหนื่อยใจ
ต่อให้พูดอะไรไป ไอ้บ้านี่ก็ไม่ฟังเขาเลยสักนิด เอาแต่นอนนิ่งอยู่แบบนั้นแหละ
“...มันยังไม่ลุกอีกหรอวะ”
จีวอนโผล่หน้าเจ้ามาที่ประตูพร้อมกับเหลียวมองคนที่อยู่บนเตียง
“มึงหลบหน้าจีนานมาอาทิตย์นึง เค้าไลน์มามึงก็ไม่ตอบ เค้าโทรมามึงก็ไม่รับ
เจอกันในคลาสมึงก็โดด งานในคณะมึงก็ไม่ไปคุมให้จีนานคุมคนเดียว
แถมนี่มึงยังมาดราม่าไม่ไปส่งจีนานอีกหรอวะ” จีวอนด่าออกมาพร้อมกับกระชากผ้าห่มออก
แต่ยิ่งหงุดหงิดเมื่อไอ้คนที่แกล้งหลับดึงผ้าห่มไว้สุดแรง
“มึงจะโกรธจีนานเรื่องอะไรพวกกูไม่รู้หรอกนะ แต่อย่างน้อยกูอยากให้มึงห่วงความรู้สึกจีนานมากกว่านี้”
“................”
“มึงเป็นเพื่อนที่สนิทกับจีนานที่สุดนะเว้ย”
“...................”
“ถึงจีนานจะยังไม่รู้ว่ามึงคิดเกินเพื่อนไปแล้วก็เถอะ..”
ยุนฮยองมองหน้าจีวอนที่กำลังหัวเสียแล้วส่ายหน้าเบาๆ
เสียงถอนหายใจของทั้งสองคนดังขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
จนในที่สุดทั้งคู่ก็เดินออกไปแล้วทิ้งฮันบินไว้บนเตียง
เสียงฝีเท้าก้าวห่างออกไปตามด้วยเสียงปิดประตูห้องบ่งบอกว่าตอนนี้ในห้องมีแค่เขาคนเดียวแล้วที่จีวอนพูดออกมามันทำให้ผมเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
เพราะคำว่าเพื่อนที่ทำให้ผมไม่กล้าที่จะแสดงความรู้สึกออกไป
ความรู้สึกที่ผมมีให้จีนานมันเปลียนจากเพื่อนเป็นคนรักตั้งแต่ตอนไหนวะ..
บางที
อาจจะเป็นตั้งแต่ตอนที่เจอกันครั้งแรกตอนรับน้องเลยก็ได้
“นายชื่ออะไร” ผมเอ่ยถามชื่อคนที่รุ่นพี่จับคู่บัดดี้ให้
“จีนาน”
คนตรงหน้าบอก สายตาแบ๊วๆนั่นทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา
“ยิ้มอะไร
มีอะไรตลกรึไง” จีนานบอกก่อนจะมองด้วยสีหน้าติดหงุดหงิด
“ทำไมชื่อดูจีนจัง
ไม่ใช่เป็นคนเกาหลีรึไง”
“ลูกครึ่ง”
“ดีจัง
งั้นตั้งชื่อจีนให้เรามั่งสิ”
“นายชื่ออะไรล่ะ”
“ฮันบิน
คิมฮันบิน”
“หน้าอย่างนายชื่อต๋าแล้วกัน”
“ต๋า..แปลว่าอะไร
?”
“ไม่มีความหมายหรอก”
คนตัวเล็กพูดพร้อมยิ้มออกมาจนตาหยี
ตอนนั้นผมรู้เลย
ว่าผมมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร...
ผมมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นต๋าของจีนานนี่เอง
เมื่อคิดถึงความหลังก็ได้แต่ยิ้มให้กับตัวเอง
ก่อนจะหุบยิ้มและลุกขึ้นนั่งบนเตียงพร้อมมองนาฬิกาปลุก
อีกไม่ถึงชั่วโมงจีนานต้องขึ้นเครื่องไปจีนแล้ว
แล้วนี่ทำไมผมยังอยู่ที่นี่อีกวะ..
ก็เพราะว่าไม่รู้จะทำอย่างไง
สุดท้ายนาฬิกาปลุกสีเทาก็นอนอยู่ข้างเตียงในสภาพที่โดนถอดถ่านออก
จากความไม่เข้าใจอะไรของผมเอง
มันคงเหมาะกับคนขี้แพ้แบบผมอยู่แล้วแหละ
นอนโง่ๆอยู่บนเตียง
ไม่ต้องสนใจว่าจีนานจะเป็นอย่างไง แล้วก็ไม่ต้องสนใจว่าจีนานจะรู้สึกอย่างไงเวลาที่ไม่เห็นผมโผล่ไปพร้อมกับพวกยุนฮยอง
สายตาเหลือบไปเห็นเครื่องบินกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ
มือเอื้อมไปหยิบมันไว้โดยอัตโนมัติ ตัวอักษรที่จีนานเขียนไว้ยังไม่เลือนหายไปไหน
มันยังคงชัดเจนอยู่ตรงนั้น พอๆกับที่จะชัดเจนอยู่ในใจของผม
ผมล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
พร้อมกับชูเครื่องบินกระดาษนั่นไว้แล้วขว้างมันออกไปสุดแรงที่มี
เครื่องบินนั่นบินวนอยู่อากาศก่อนที่จะชนผ้าม่านและร่วงลงตรงหน้าต่างห้อง
ผมถอนหายใจแล้วลุกขึ้นจากเตียง
มองมันที่ยังนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น ลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่าง
ทำให้เครื่องบินนั่นพัดเข้ามาใกล้ในระยะที่เอื้อมถึง
เครื่องบินกระดาษกลับมาอยู่เดิมของมันพร้อมกับผมที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง
และเปิดผ้าม่านออกดูโลกภายนอกนั่น
อากาศวันนี้สดใสเกินความจำเป็น
ผมเกลียดที่มันเป็นแบบนี้ เกลียดทุกอย่าง
เกลียดที่จีนานทิ้งผมไปโดยไม่รู้สึกอะไร
เกลียดที่อย่างไงวันนี้จีนานก็ต้องไป
เกลียดที่....ไม่ว่าอย่างไงผมก็ยังรักจีนาน
โทรศัพท์สั่นพร้อมกับเสียงข้อความเข้า
ผมล้วงมือลงไปหยิบมันจากในกระเป๋ากางเกง ใช้เวลาอ่านเพียงน้อยนิดก่อนที่จะโยนมันขึ้นไปบนเตียง
และทรุดตัวลงนั่งร้องไห้เหมือนคนบ้า
Massage
from jinan
ไปแล้วนะต๋า
ดูแลตัวเองด้วยนะ
จีนาน.
ที่ผมเกลียดมากที่สุดคือ..เกลียดที่ความรู้สึกของผม
ไม่มีค่าพอที่จะรั้งจีนานไว้
----------------------------------
꼭 오늘 가야 해 왜 내일은 안돼
ทำไมต้องวันนี้ ไปพรุ่งนี้ไม่ได้หรอ
보내기 싫은데 가면 언제 오는데
ไม่อยากส่งคุณไปเลยจริงๆ เมื่อไหร่จะได้กลับมาล่ะ
너와 멀어지는 게 난 두려워
ผมกลัวการที่ต้องแยกจากคุณ
하루만 한 시간만 딱 일 분만 한마디만 하게
แค่หนึ่งวัน หนึ่งชั่วโมง
หรือหนึ่งนาทีก็ได้ แค่พอให้ผมได้พูดอะไรสักคำ
Hey Mr. Airplane
เฮ้ คุณเครื่องบิน
잠깐 멈춰봐
อย่าพึ่งไปเลยนะ
.
.
.
นะครับ
ขอบคุณทรานส์จากบ้าน B.I THAILAND ( @Hanbin_TH )
หลายคนอาจจะบอกว่าจากตอนที่แล้วไหนบอกว่าจะไม่ได้อัพบ่อยๆ นี่มาอัพอีกล้ะ
จริงๆเพราะว่าแต่งเรื่องยาวไม่ออกค่ะ //ก้มหน้าร้องไห้กระซิกๆ
พอมันแต่งไม่ออกเราเลยมาแต่งฟิคสั้นที่เคยดองไว้เนิ่นนานให้จบๆไปสักที
เรื่องนี้ทีแรกเราตัดสินใจว่าจะให้มันจบแบบนี้แหละค่ะ
แต่อยากลองดูฟีดแบ็กอีกที .. อย่าลืมคอมเม้นต์หรือแอดเฟบไว้นะ
มันเป็นกำลังใจให้นักเขียนตัวอ้วนๆคนนี้ได้อย่างมากเลยล่ะค่ะ : )
รักทุกคนค่ะ ❤
ขอบคุณธีมสวยๆจาก
ความคิดเห็น