คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Cardiac ❥ Wait
Cardiac ❥
Wait
วี๊วอๆ วี๊วอๆ วี๊วอๆ เสียงไซเรนของรถพยาบาลดังลั่นในใจกลางเมืองของกรุงโซล พร้อมกับบุรุษพยาบาลที่ลงจากรถเพื่อมาช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
“มีคนบาดเจ็บอยู่ในนี้อีกหนึ่งคนเร็วเข้า” เสียงเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งในโซลตะโกนโหวกเหวกโวยวายกันยกใหญ่ รถยนตร์สีดำกับรถมอเตอร์ไซต์คันใหญ่พุ่งชนใส่กันจนเกิดเป็นอุบัติเหตุ รอยเลือดสีแดงกระจายเป็นวงกว้างตามถนน รถราพากันติดแน่นขนัดไปหมดเนื่องจากอุบัติเหตุในครั้งนี้
.
.
.
“คนไข้เสียเลือดมาก ได้รับการกระทบกระเทือนจากสมองอย่างรุนแรง” แพทย์หญิงคนสวยพูดขึ้น เธอมองหน้าคนไข้อย่างมีความหวัง
“ยังไงเค้าก็ต้องรอด” เธอเตรียมอุปกรณ์ผ่าตัด ก่อนจะลงมือผ่าตัด นายต้องรอดนะ ขอร้องเถอะ ฉันขอร้องเถอะนะ
“คนไข้ไม่ตอบสนองเลยค่ะคุณหมอ” พยาบาลสาวพูดขึ้น
“หมอจองค่ะ หยุดเถอะค่ะ อย่าพยายามอีกเลยนะค่ะ คุณหมอ” เธอพูดพร้อมกับจับมือแพทย์หญิงจองซูจองไว้แน่น
“คุณหมอค่ะอย่ายื้อเค้าอีกเลยนะค่ะ”
“ไม่ยังไงเค้าก็ต้องรอด ตื่นสิ ตื่น ฮึก ไม่ได้นะ นายจะตายจากฉันไปแบบนี้ไม่ได้” เธอกอดร่างของคนไข้ไว้แน่น
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!
ผมค่อยๆตื่นขึ้นมาในตอนเช้า นี่ผมอยู่ที่ไหน
“อรุณสวัสดิ์จ๊ะ ชานยอล” ผมพยายามหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นนั่งพิงพนักเตียง เธอเดินเข้ามาช่วยพยุงผมไว้ช้าๆ ผมมองไปรอบๆห้องสีขาว ที่มีโต๊ะสีครีมกับเก้าอี้เข้าชุดกันอีกสองตัว บนโตะมีแจกันสีน้ำตาลที่ภายในมีดอกกุหลาบสีแดงสดอยู่
“คะ คุณ..” ผมเงียบก่อนจะจับที่ศีรษะของตัวเอง ผมรู้สึกปวดหัวมากๆ
“ฉันเป็นหมอเจ้าของไข้นายหน่ะ ชื่อจองซูจอง” เธอยิ้มให้ผมก่อนจะเดินไปหยิบเก้าอี้เพื่อมานั่งข้างๆผม
“นายสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักนะ อาจจะเจ็บหัวหน่อย ช่วงนี้ก็ต้องพยายามทำกายภาพบำบัดหล่ะ นายหลับไปตั้งสิบวันแหนะ” เธอพูดกับผม ผมได้แต่ผงกหัวลงเป็นเชิงว่าขอบคุณก่อนจะยิ้มให้เธอ
“พักผ่อนมากๆหล่ะ” เธอเดินไปที่ประตูก่อนจะเปิดมันออก
“อ่ะ ใช่ เที่ยงๆเดี๋ยวพยาบาลจะเอาอาหารมาให้เธอนะ คงไม่ต้องให้กินอาหารทางสายอย่างแล้วหล่ะ”
“ครับ” ผมยิ้ม
“จ๊ะ ไปนะ” เธอยิ้มตอบผมก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ผมเดินมาเล่นที่สวนสาธาณะที่ประจำของผม เมื่อไหร่พี่จะกลับมานะ พี่ปล่อยให้ผมรอทุกวันเลย ไปอยู่ต่างประเทศแล้วลืมผมไปแล้วหรือไง ติดต่อก็ไม่ได้เลย ผมคิดในใจก่อนจะเดินคอตกออกจากสนามเด็กเล่น ที่มีต้นแปะก๊วยต้นใหญ่ตั้งอยู่ ผมหันหลังกลับไปมองที่สวนสาธาณะอีกครั้งก่อนจะ
“ผมจะโกรธพี่จริงๆนะพี่จงอิน ไอ้พี่บ้า ไปอยู่ต่างประเทศแล้วทิ้งให้ผมมานั่งเหงาที่ชิงช้าคนเดียวตั้งสองปีสิบวันแล้วหน่ะ ไหนบอกว่าครบสองปีแล้วจะกลับมาไง” ผมตะโกนเสียงดังก่อนจะเดินออกมาจากสนามเด็กเล่นที่นั่น ถึงเวลาที่ผมต้องรีบไปทำงานพิเศษแล้ว วันนี้ผมอุตส่าห์รีบออกมาจากมหาลัยเพื่อมารอพี่เค้า แต่พี่เค้าก็ไม่มาตั้งหลายวันแล้วนะ จะหายไปก็ไม่ยอมบอกผมเลย ผมงอนนะไอ้พี่กัมจง ผมเดินตามทางมาเรื่อยๆอากาศก็เริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆแล้วเพราะตอนนี้มันอยู่ในช่วงของฤดูใบไม้ร่วงนี่น่า ผมกระชับผ้าพันคอลายทางสีเขียวขาวแน่นก่อนจะเดินไปยังร้านแฟมมิลี่มาร์ทที่ผมทำงานอยู่
.
.
.
“ทั้งหมด9000วอนครับ” ผมยิ้มให้ลูกค้าก่อนจะโค้งให้ “ขอบคุณครับ” ผมพูดก่อนจะนั่งลงอย่างหมดแรงตอนนี้หมดเวลางานของผมแล้วถึงเวลาที่ผมจะต้องกลับบ้านแล้วหล่ะ ผมเก็บกระเป๋าก่อนจะสะพายเป้สีดำคู่ใจออกมา ผมเดินเข้ามาจนถึงอพาร์ตเม้นท์ของผม ข้างในมีแค่เตียงเล็กๆโต๊ะทำการบ้านตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำหนึ่งห้อง ผมเก็บเงินไว้ในกล่องเงินของผมก่อนจะรีบมาอ่านหนังสือ
ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนรถเข็นที่มีพยาบาลสาวคนนึงเข็นอยู่ ผมเพิ่งทำกายภาพบำบัดเสร็จครับ ตอนนี้กำลังจะกลับห้อง พยาบาลเข็นรถเข็นมาให้ผมจนถึงห้องก่อนจะค่อยๆพยุงผมนั่งที่เตียง เธอจัดผ้าปูที่นอนให้ผมยิ้มให้เธอก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องไป บางทีผมก็สงสัยเหมือนกันนะถึงผมจะได้รับการกระทบกระเทือนที่สมองอย่างหนักตามที่แพทย์ซูจองเค้าบอกผม แต่ผมก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกันว่าทำไมผมไม่ได้ความจำเสื่อม ซ้ำยังจำทุกอย่างได้ปกติ ผมจำได้ว่า คุณพ่อคุณแม่ของผมเป็นนักธุรกิจ ผมมีพี่สาวชื่อว่าปาร์คยูรา พี่ผมทำงานเป็นผู้ประกาศข่าว สั้นๆง่ายๆก็นักข่าวแหละครับ ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ผมชอบเล่นกีต้าร์ แถมผมยังสามารถเล่นกลองได้อีกด้วย ผมไม่ชอบแมลง ผมโสด แล้วก็มีเพื่อนสนิทชื่อเซฮุน แต่ผมรู้สึกว่ามีสิ่งนึงในตัวผมที่แปลกไป มันเหมือนไม่ใช่ตัวผม แต่ช่างเถอะคิดไปก็ปวดหัวป่าวๆ ผมขยับตัวช้าๆเพื่อให้นอนในท่าที่สบายก่อนจะพล่อยหลับไป
วันนี้ผมตื่นมาเช้ากว่าปกติ ผมคิดไว้ว่าจะไปนั่งเล่นชิงช้าที่สวนสาธารณะก่อนจะออกไปมหาวิทยาลัย ผมเดินออกจากอพาร์ทเม้นต์ของผมมายังเส้นทางที่คุ้นเคย อากาศวันนี้ดีมากเลยครับ ถึงจะหนาวก็เถอะ แต่ผมชอบอากาศแบบนี้นะ มันรู้สึกดีมากๆเลยหล่ะ ผมเดินมาถึงสวนสาธารณะก่อนจะนั่งลงที่ชิงช้าสีฟ้าอ่อนตัวโปรดแล้วโยกไปมา ผมมักจะมาที่สวนสาธาณะนี้เวลาที่ผมรู้สึกแย่ จนมีวันนึงผมจำได้ว่าตอนนั้นผมโดนเพื่อนแกล้ง พวกเค้าเอารายงานของผมไปฉีกทิ้ง วันนั้นผมกลับมาแล้วก็มานั่งร้องไห้ที่สวนสาธาณะทีนี้ ทำให้ผมเจอกับสุนัขตัวนึงครับ ชื่อมงกู มันเดินมาเลียผม ผมจำได้ว่าผมเงยหน้าขึ้นก่อนจะไล่มันออกไป
“ย่า!! มงกูอ่า ไปเลียเค้าแบบนั้นได้ไงห๊ะ ไอ้ตัวแสบ” ผมเงยหน้ามองสุนัขตัวนั้น พี่เค้ามองมาที่ผม
“เป็นอะไรไหมเรา อย่าร้องไห้สิ อากาศดีๆวันดีๆแบบนี้ต้องยิ้มเยอะๆนะรู้ไหม” พี่เค้าเดินมาหาผม ก่อนจะยิ้มให้ผมอีกครั้ง
“เด้กน้อย ยิ้มสิ เราไม่เหมาะกับน้ำตาเลยนะ เจ้ามงกูหน่ะ ไม่ชอบเห็นใครร้องไห้หรอกนะ” พี่เค้ายื่นสุนัชที่ชื่อมงกูมาให้ ผมจำได้ว่ามันเลียหน้าผมจนเปื่อยเลยหล่ะ แต่มันก็ทำให้ผมกลับมายิ้มได้อีกครั้ง
ผมยิ้มก่อนจะลุกขึ้นพูดกับตัวเอง ต้องไปมหาวิทยาลัยแล้วนะคยองซู
“ซูจองครับ วันนี้พาผมออกไปข้างนอกได้ไหม ผมเบื่อหน่ะ” ผมพูดกับคุณหมอประจำไข้ของผม
“อื้อ ได้สิค่ะ ฉันก็เห็นคุณทำหน้าเบื่อโลกบ่อยๆเหมือนกัน” เธอพูดก่อนจะถอดแว่นตาออก
“เอาเป็นว่าหลังทำกายภาพบำบัดเสร็จ ฉันจะพาคุณไปรอบๆโรงพยาบาลแล้วกัน”
“ครับ” ผมยิ้มอย่างดีใจ
วันนี้ผมตั้งใจทำกายภาพบำบัดเป็นพิเศษเพราะผมจะได้ออกไปเดินเล่นข้างนอก ผมเบื่อกับการที่จะต้องมองเห็นวิวเดิมๆผนังสีขาวแบบเดิมๆเต็มทนแล้ว แถมวันนี้คุณพ่อคุณแม่รวมถึงพี่สาวของผมก็จะบินกลับจากอเมริกามาเพื่อมาเยี่ยมผมอีกด้วย ผมยิ้มให้กับคุณหมอประจำไข้ของผม เธอเป็นคุณหมอที่สวยมากครับ แต่ผมคิดว่าสวยๆแบบเธอคงมีแฟนแล้วหล่ะ
“เสร็จแล้วค่ะ คุณชานยอล ไปกันเลยไหมค่ะ” เธอพูดพร้อมกับเก็บแฟ้มของเธอให้เรียบร้อย
“ครับ” ผมพยายามลุกขึ้น ก่อนที่เธอจะมาช่วยพยุงผมไปนั่งบนรถเข็นช้าๆ
เธอพาผมมานั่งที่สวนสาธารณะภายในโรงพยาบาลซึ่งเต็มไปด้วยดอกไม้ ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ดอกไม้ต่างก็พากันเปลี่ยนสีพร้อมร่วงโรยกันไปหมดแล้ว ผมมองไปรอบๆอย่างสนใจ ก่อนที่จะหยุดมองไปที่ต้นไม้ต้นนึง
“คุณซูจองครับ นั้นต้นอะไรหรอครับ” ผมพูดพร้อมกับชี้ไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง
“ต้นแปะก๊วยค่ะ สวยใช่ไหมหล่ะค่ะ คุณไม่เคยเห็นหรอค่ะ คุณเป็นคนเกาหลีนะ” เธอมองหน้าผมอย่างสงสัยจริงๆผมแอบคิดว่าเธอกวนผมมากกว่านะ
“จำได้สิครับคุณซูจอง ผมแค่จำชื่อมันไม่ได้ต่างหาก ผมเงยหน้ามองอีกคน”
“ฉันก็แค่แซวเล่นนะค่ะ คุณเรียกฉันว่าซูจองเฉยๆก็ได้นะค่ะ”
“ครับ งั้นคุณก็เรียกผมว่าชานยอลเฉยๆเหมือนกันนะครับ” เธอยิ้มให้ผม
“ค่ะ” เธอยิ้ม
“ว่าแต่คุณซูจองเป็นคุณหมอที่นี่มานานแล้วหรือยังครับ”
.
.
.
ตอนนี้ผมกลับมาที่ห้องของผมแล้วครับ วันนี้ผมกับซูจองคุยกันหลายเรื่องเลยหล่ะ ไม่ว่าจะเป็นชอบทานอาหารแบบไหน ประเทศที่อยากไปเที่ยว ดอกไม้ที่ชื่นชอบ รวมถึงเรื่องที่เค้าเข้ามาทำงานที่นี่ด้วยครับ เค้าบอกว่าผมเป็นคนไข้รายแรกที่เค้ารักษาเลยหล่ะ คุณซูจองเรียนจบทางด้านหัวใจมาครับ เธอเรียนจบมาจากประเทศอังกฤษ ผมรู้สึกชื่นชมความสามารถของเธอนะครับ เธอทั้งสวยทั้งรวยแถมยังเก่ง เป็นผู้หญิงที่มีความสามารถรอบด้านจริงๆ ผู้ชายคนไหนได้เธอเป็นแฟนนี้คงโชคดีมากๆเลย
ก๊อกๆๆ
“ตายอล!!! ชานยอล!!!” ผมหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะพบคุณพ่อคุณแม่และพี่สาวของผม พวกเค้าวิ่งมากอดผมกันใหญ่เลยครับ
“เป็นอะไรมากไหมลูก แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้มาเยี่ยมลูกวันที่ลูกฟื้นวันแรก แม่ขอโทษจริงๆนะลูก” คุณแม่พูดพร้อมกับกอดผมน้ำตาของท่านค่อยๆไหลออกมา
“ครับ ไม่เป็นไรหรอก คุณพ่อคุณแม่ก็มาหาผมแล้วไงครับ” ผมกอดพวกท่านแน่น
“นายเห็นกุหลาบสีแดงที่ฉันเอามาเปลี่ยนให้ไหม” พี่ยูราถามผม
“เห็นครับ พี่สาวคนสวย” ผมยิ้มก่อนที่พี่สาวจะสวมกอดผมอีกคน ครอบครัวเรากอดกันอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน
“นี่เซฮุนฝากขอโทษเราด้วยนะที่ไม่มีเวลามาเยี่ยมเลย เห็นบอกว่าจะจัดงานแต่งงานคริสต์มาสนี่แล้วนะชานยอล” พี่ยูราพูดขึ้น
“ที่ไหนหรอครับ หมอนั้นอยู่อเมริกานี่น่า ถ้าผมจำไม่ผิด”
“เห็นว่าเจ้าสาวอยากกลับมาแต่งที่ประเทศเกาหลีหน่ะ เห็นว่าชื่อลู่หาน พี่เห็นในภาพแล้วน่ารักมากเลย แล้วเราหล่ะ เมื่อไหร่จะแต่งงานกับเค้าบ้างหล่ะ หื้ม”
“พี่ครับ ผมเพิ่งรถโดนรถชนนะ เรื่องนี้ผมยังไม่คิดหรอกครับ” แม่ผมค่อยๆป้อนแอปเปิ้ลให้ผม
“แต่แม่ก็อยากให้แกแต่งแล้วนะ แม่อยากอุ้มหลานเร็วๆ อายุแกก็ตั้งยี่สิบห้าแล้วนะ แม่ว่าคุณหมอที่เค้าดูแลแกก็สวยใช่เล่น แม่ไปสืบหมดแล้วประวัติดีมากเลยนะ” แม่ผมพูด พร้อมกับพี่ยูราและคุณพ่อที่พากันผงกหัวสมทบกันอีกแรง
“คร้าบบบบบ คุณพ่อคุณแม่พี่สาว แล้วเอ่อ คู่กรณีของผมหล่ะครับ ผมเป็นคนขับรถไปชนเค้านะ”
“แม่ว่าเรามากินข้าวกันดีกว่า แม่ทำกับข้าวของโปรดแกมาด้วยนะ” แม่ของผมพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“คะ ครับ” ผมตอบก่อนจะยิ้มให้ท่าน ผมเริ่มสงสัยแล้วหล่ะ มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ผมหวังว่าเค้าจะไม่เป็นอะไรนะ
“วันนี้จะกินอะไรดีน้า” ผมหยิบมาม่าหลากหลายรสที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับโต๊ะหนังสือมาหนึ่งห่อ รสชีส! วันนี้กินรสชีสดีกว่า ผมเดินไปหยิบหม้อต้มมาม่าสีทองก่อนจะเริ่มปรุงรสมาม่าแสนอร่อยของผม ชีสสึ ชีสสึ ชีสสึ~ ผมทำไปพร้อมกับฮัมเพลงไปอย่างสนุกสนาน เมื่อต้มมาม่าเสร็จผมก็จัดการกินมันไปพร้อมๆกับใช้ฝาหม้อแทนจาน มาม่านี่อร่อยสุดๆไปเลย
“ย่า คยองซูอ่า ทำไมกินแต่มาม่าหล่ะ”
“ก็คยองซูไม่มีตังค์นี่ พี่จงอินจะเลี้ยงคยองซูหรอ” ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมทำตาลุกวาวสุดๆเลยหล่ะ
“ป่าวซะหน่อย พี่จะได้เอามาต้มกินด้วยไง ประหยัดค่าไฟที่หอพี่”
“โหย พี่จงอินอ่ะ ขี้งก”
“อะไร ว่าพี่หรอไอ้ตัวแสบมานี่เลยมา”พี่จงอินวิ่งมาเหมือนจะจับผม แต่สุดท้ายพี่เค้าก็มาเอาแค่หม้อมาม่าไป
“แบร่ๆๆๆ อ่ะมาม่า”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เด็กบื้อ พี่จะกินหมดแล้วนะ มากินสิ เดี๋ยวพี่กินหมดก่อนนะ”
ตอนนี้พี่อยู่ไหนนะ ตอนนี้มันสองปีสิบสองวันแล้วหน่ะ…
กลับมาแต่งฟิคชื่อเดิมแต่เปลี่ยนพล็อตเข้ามาอ่านกันเยอะๆนะค่า สัญญาเลยว่าเรื่องนี้จะตั้งใจแต่งให้จบแล้วก็จะอัพบ่อยๆด้วย ขอบคุณทุกคนเลยน้า >~<
ความคิดเห็น