คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : คำว่าเพื่อน
#สวนหลังโรงเรียน#
เมื่อฉันเดินไปถึงสวน คังโซก็นอนอยู่ที่พื้นหญ้าเรียบร้อยแล้ว ถุงขนมวางอ้าอยู่ข้างๆเขา ฉันเดินไปนั่งข้างๆเขาหรืถ้าจะพูดให้ถูกนั่งข้างถุงขนมแสนรักนั่นเอง
“เอาเล่ามาได้แล้ว เกิดไรขึ้น” ฉันเอ่ยเมื่อเคกินั่งลงข้างๆเรียบร้อยแล้ว
“ก็ไม่มีไรมากหรอก แค่ไปเจอแฟนคลับคังโซมันเอา” เคกิเอ่ยยักไหล่
“ใครอ่ะแฟนคลับคังโซ” ก็แฟนคลับหมอนี่เยอะออก อยากไปหว่านเสน่ห์เขาทำไมล่ะ คืออิจฉาที่ตนเองไม่มีเหมือนเค้านั่นเอง -*-
“ก็พวกยัยริริโนะน่ะสิ วิ่งอย่างเร็วพวกฉันโกยอ้าวแทบไม่ทัน “ เคกิเอ่ยแล้วนอนลงกลับพื้นหญ้าบ้าง ส่วนฉันน่ะหรอเริ่มแกะขนมปังกินไง
“นี่คังโซ นายก็ใช่ไม่ได้นะ จะปล่อยให้น้องเขารอนายไปถึงเมื่อไหร่กัน ก็รีบรับไปเถอะน้องเขาก็ออกจะน่ารัก” ไม่วายหันไปแซวคังโซที่ทำเงียบไม่รู้เรื่องรู้ราว
คังโซลุกขึ้นนั่งแล้วทำในสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงนั่นคือแย่งถุงขนมฉันไปถือไว้ ฉันพยายามแย่งคืนแต่ก็โดนมือของเขากันไว้ได้ แล้วมืออีกข้างของเขาก็ยกขึ้นมาดีดหน้าผากฉัน ชิชะเขางอลตัวเองแล้ว ฉันค้อนให้เขาวงโตหนึ่งวง
“งอล”ต้องประกาศให้รู้เดี๋ยวมันไม่ง้อ อดกินขนม (เออนางเอกเราเห็นแก่กินมากไปมั้ยคะ)
“เอาตัวเองให้รอดก่อนแล้วค่อยมาสอนคนอื่น” คังโซเอ่ยก่อนจะยอมคืนถุงขนมให้ฉัน แล้วก็ล้มตัวนอนต่อ พอรับขนมกลับมา ฉันยิ้มจนตาหยีให้คังโซทีนึงก่อนเขาจะนอนแล้วแกะขนมกินต่อมันช่างเป็นขนมที่อร่อยอะไรขนาดนี้ตังส์ก็ไม่ต้องจ่ายซักบาท ของฟรีมันอร่อยอย่างนี้เอง ^_^
“อินไอ๋ (กินไหม)”ฉันเอ่ยทั้งที่ยังมีขนมอยู่เต็มปากพลางยื่นขนมให้เพื่อนชายทั้งสอง”ออ่อยอ๊ะ (อร่อยนะ)”
“ไม่อ่ะ กินไปเถอะ”คังโซพูดแล้วพลิกตัวหันไปอีกทาง
“ไม่กิน เดี๋ยวอ้วน” เคกิพูดแล้วตะแคงไปอีกข้างเหมือนคังโซ
ตาบ้าฉันยังไม่อิ่มเลยนะ ดูพูดเข้าอยากจะสำรอกของที่อยู่ในท้องออกมาให้หมด เสียดายก็เสียดาย จะกินก็กลัวอ้วน
~กินเข้าไปก็กินเข้าไป เธอกินจนเป็นตุ่ม ! ตุ่ม! ตุ่ม!~เสียงวิทยุรถยนต์คันหนึ่งดังขึ้นมาในโสตประสาทหูของฉัน ไม่ต้องคิดอะไรอีก ฉันวางของกินทั้งหมดทันที แล้วล้มตัวนอนบ้าง หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน
คังโซหันมามองฉันที่กำลังล้มตัวนอนบ้าง เขาแสไปมองถุงขนมที่อยู่บนพื้นหญ้า ซึ่งตนกับเคกิซื้อไว้เยอะมากประชดซามิแต่ดูเหมือนจะไม่รู้สึกตัว
“ไม่กินแล้วหรอ” คังโซถามขึ้นก็เมื่อกี้ยังเห็นกินไม่หยุดอยู่เลย
“ไม่กิน เดี๋ยวอ้วน “ ฉันพูดพลางเน้นย้ำประชดไปทางเคกิ
“555+ อย่างงั้นเธอกินไปได้เลย ไม่ต้องกลัวหรอก” คังโซเอ่ยอีกครั้งแล้วหลับตาลงพลิกกลับไปอยู่ท่าตะแคงข้างเหมือนเดิม
“หืม ทำไมอ่ะ ” ฉันถามออกไปอย่างงงๆ นายต้องการสื่ออะไรเนี่ยไม่เห็นจะเข้าใจ เดี๋ยวให้กินเดี๋ยวไม่ให้กิน ฉันรอให้คังโซพูดต่อแต่จนแล้วจนรอกเขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา กระตุ้นต่อมความอยากรู้ของฉันเป็นอันมาก
“เฮ้ออออ ทำไมฉันถึงมีเพื่อนเป็นยัยทึ่มไปได้นะ” เคกิทนเห็นความฉลาดที่มีอยู่น้อยนิดของฉนไม่ได้เอ่ยเฉลยข้อข้องใจให้ฉันรับรู้”ไอ้คังมันก็หมายความว่า เธออ้วนอยู่แล้วไง”
“555+ 555+ “คังโซหลุดหัวเราะออกมา (ท่าทางจะกักเก็บไว้นานนะเนี่ย ซะดังเลย -*-) เขาขำจนต้องลุกขึ้นมานั่ง
“หนอยตาบ้า”ฉันร้องขึ้นแล้วเริ่มทุบตีคังโซเหมือนนางเอกในละครหลังข่าวที่ถูกพระเอกแกล้ง คังโซปัดป้องเป็นพัลวัน ปัดได้ปัดไปมันต้องโดนบ้างแหละ
คังโซเห็นว่าฉันเลือดขึ้นหน้า เพราะฉันยังไม่หยุดตีเขาสักที เขาเลยต้องงัดไม้เด็ดไม้ตายสุดท้ายขึ้นมา เขาคว้าข้อมือทั้งสองข้างของฉันไว้ ฉันสะดุดกึกทันทีใบหน้าเริ่มร้อนผ่าวและขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัด
“ปะปล่อยได้แล้ว จะจับไว้ทำไมเล่า” ฉันเอ่ยออกไป
“ก็เธอจะตีอีกป่ะล่ะ ใครจะยอมเจ็บตัวฟรี” คังโซเอ่ยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง เขาชอบดูใบหน้าเวลาอายของฉัน
ในระหว่างที่คังโซจับมือของฉันอยู่นั้น เคกิที่นอนพลิกไปอีกด้านพลิกกลับมาอย่างรวดเร็ว ฉันที่นั่งหันหลังให้เขาอยู่ จึงไม่เห็นสายตาที่แสดงออกว่าหึงหวงอย่างเห็นได้ชัดของเคกิ แต่คังโซเห็น
“ไม่แล้วจ้า” ฉันเอ่ยพลางส่ายหัวดุกดิกไปมา
“ปล่อยเธอ”เคกิเอ่ยโดยที่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา
ถ้าไม่ปล่อยล่ะ ชั่วขณะหนึ่งความคิดนี้ได้เข้ามาในสมองของคังโซแต่เพราะคำว่าเพื่อนนี่เองที่ชนะใจของเขาได้ คังโซจึงปล่อยมือของซามิออกแบบไม่ค่อยจะเต็มใจซักเท่าไหร่ เมื่อเห็นดังนั้นเคกิก็พลิกกลับไปอยู่ท่าเดิม คังโซแอบโถนหายใจเบาๆ เกือบเสียเพื่อนแล้วไม่ล่ะ
เมื่อมือเป็นอิสระจากการถูกจับ หน้าก็เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ฉันก็นึกขึ้นได้ว่าต้องไปเรียนหนังสือ (กว่าจะนึกได้นะ) ฉันก้มลงดูนาฬิกาตอนนี้ 11.50 เดินไปก็พอดีหมดคาบเวลาเรียนชั่งโมงนี้
“ไปกันเถอะ”ฉันเอ่ยหลังจากคำนวนเวลาเรียบร้อย
“ไปไหน”เคกิและคังโซเอ่ยขึ้นพร้อมกันและลุกขึ้นมานั่ง
“ก็ไปเรียนน่ะสิ เรามาที่นี่เพื่อเรียนนะ.....” ฉันยังพูดไม่จบทั้งเคกิและคังโซก็ล้มตัวนอนต่อแล้ว อ้าว!นึกว่าจะลุก
ฉันเลยจำต้องฉุดอีตาสองคนนี้แต่ผู้หญิงคนเดียวอย่างฉันมีหรือจะฉุดขึ้นอย่างว่าแค่คนเดียวก็ไม่รอดแล้ว นี่ดันมีตั้งสองคนทั้งๆที่รู้อย่างนั้นแต่ฉันก็ยังทำอยู่ดี (อ่านะ)
“นี่พวกนายจะไม่ยอมลุกใช่ป่ะ”ฉันเอ่ยอย่างหมดความอดทน
“อืม เธอจะทำไมหรอ”เคกิแกล้งทำเสียงงัวเงีย มีการขยี้ตาให้ดูสมจริงสมจังแสดงให้เห็นว่าไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลยสักนิด ส่งผมให้ช่วงล่างของฉันเริ่มอยากกระตุกใส่หน้าเขา
“ฉันก็จะจะจะจะจ
.” จะอะไรดีนะที่ทำให้นายทั้งสองยอมลุก จุดอ่อนของพวกนี้มีไรบ้างจะได้เอามาขู่ คิดได้สักพักก็สรุปได้ว่าไม่มี
“จะอะไรล่ะ ว่ามาซักที่สิ”คังโซช่วยตอกย้ำ
“จะจะนั่งอยู่ตรงนี้ ไม่ทำไรอีกแล้ว”ฉันเอ่ยอย่างสิ้นคิด ปากมันสั่งการไปเอง ที่จริงฉันฉลาดนะแต่มันคิดช้าไม่ทันปากอ่ะ จริงๆเชื่อเถอะ (หรอ)
*--* *--* นี่คือหน้าของคังโซกับเคกิที่ได้ยินประโยคของฉัน
“เคกิเราไปเรียนกันเหอะ”คังโซเอ่ยแล้วลุกขึ้นยืนและปัดเศษหญ้าออกจากตัว
“เอ่อใช่ เดี๋ยวสมองไม่ได้ทำงานแล้วจะเหมือนยัยนี่” เคกิหันมาเหน็บฉัน ท่านผู้ชมคะเหมือนมีดมาปักอก มันช่างแทงใจดำจริงๆ โหถ้าฉันรู้ว่าพวกนายยอมง่ายขนาดนี้ฉันไม่พูดออกไปหรอก ไม่ให้ความคิดอันไร้สาระของฉันมาเพ่นพ่านหรอก T-T
แล้วพวกเราก็เดินไปห้องเรียนกัน.....
ความคิดเห็น