ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    behide the secreat

    ลำดับตอนที่ #5 : เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน

    • อัปเดตล่าสุด 6 มิ.ย. 52


     

                แม้เอริน่าจะเหนื่อยแต่เพราะมีความหวังที่จะได้ออกไปจากที่นี่ แรงที่หายไปก็เพิ่มพูนขึ้นมาใหม่ เอริน่าเดินตามมาร์ไปเรื่อยๆ ไม่นานเขาก็หยุดเดิน 

                เบื้องหน้าของเธอคืออารามรูปทรงแปลกๆที่ลอยขึ้นลงกับพื้นมันมีขนาดไม่ใหญ่มาก มีหมอกสีแดงห่อคลุมอยู่ทั่วอาราม ทำให้เห็นตัวอารามไม่ชัดเท่าไหร่ เอริน่าลองเอามือไปสัมผัสอาราม แต่ปรากฏว่ามือของเธอไม่สามารถโดนตัวอารามได้เลย มันผ่านวืดไปเหมือนไม่มีสิ่งใดอยู่ตรงนั้น


               
    ทำไมถึงมีเจ้าสิ่งนี้อยุ่ในสถานที่อย่างนี้นะ เอริน่าพูดออกมาเบาๆก่อนจะหันไปถามมาร์ นายแน่ใจหรอว่านี่คือทางออก นายรู้ได้ยังไง

                ฉันคิดว่าใช่นะ แต่ก็ไม่ 100% เหมือนกันมาร์เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าครุ่นคิด เขาหันมามองเธอก่อนจะเดินอ้อมไปยังอีกฟากของตัวอาราม 

                เอริน่าเดินตามมาร์ไปยังจุดที่เขาอยู่ เขาชี้ให้เธอดูแท่นประหลาดที่โผล่พ้นออกมาจากตัวอาราม และที่แปลกกว่านั้นคือเจ้าสิ่งนี้ไม่โดนหมอกคลุม มันไม่ลอยขึ้นลงเหมือนตัวอารามด้วย

                มันมีลักษณะเป็นแท่นสี่เหลี่ยมหนาพอสมควร ความสูงก็ประมาณเอวของเอริน่า ด้านบนของมันมีหินอ่อนฉาบหน้า และที่หินอ่อนนี่เองที่สร้างความสนใจให้เอริน่าเพราะมันถูกสลักด้วยภาษาเดียวกันกับมีดที่อยู่ที่เอวของเธอตอนนี้ มือของเธอเลื่อนไปจับที่ด้ามมีดโดยไม่รู้ตัว

                มันคือภาษามายี ภาษาเก่าแก่ของกลุ่มคนทางตอนใต้ของโลก มันเป็นภาษาโบราณที่หายสาบสูญไปนานมากแล้ว มาร์อธิบายให้เอริน่าฟัง เพราะเห็นเธอนิ่งไปนาน เธออ่านภาษานี้ออกมั้ย

                ไม่ออกหรอก ฉันก็พึ่งรู้จากนายนี่แหละว่ามันคือภาษามายีเอริน่าเอ่ยตอบออกไป เธอมองภาษานั้นอย่างใช้ความคิด ท่าภาษานี้เป็นภาษามายีจริงๆ ดังนั้นคนที่ช่วยเธอก็มาจากเผ่ามายีน่ะสิ แต่มาร์บอกว่าภาษานี้หายสาบสูญไปนานแล้วหนิ แสดงว่าคนนั้นอาจไม่ได้เป็นคนของเผ่านี้ก็ได้ มันอาจแค่บังเอิญเท่านั้น

                เอริน่า เธอไม่เป็นไรนะ มาร์ที่เห็นเอริน่านิ่งไปเอ่ยเรียกสติเธอพร้อมกับเขย่าร่างของเอริน่า

                อ๋อเปล่าหรอก ไม่มีอะไร ฉันแค่คิดว่านายถามฉันว่าอ่านออกมั้ย แสดงว่านายเองก็อ่านไม่ออกเหมือนกัน งั้นนายรู้ได้ไงว่านี่คือทางออกล่ะ เอริน่าที่เรียกสติตนเองกลับมาทันเอ่ยถามอย่างสงสัย


               
    ก็อย่างที่บอกฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ในภาษามายีฉันอ่านออกอยู่คำนึงนั่นคือ อ๊อต ซึ่งเจ้าตัวนี้มันแปลว่าออกน่ะสิ มาร์เอานิ้วชี้ไปที่ตัวอักษรตัวหนึ่งบนนั้น

    อ๊อต หรอเอริน่าเอ่ยย้ำ แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อมีดที่อยู่ข้างลำตัวของเธอเปล่งแสงสีแดงออกมา มันค่อยๆร้อนขึ้นๆ เอริน่าอดที่จะดึงมีดออกจากฝักไม่ได้ มันเปล่งแสงสีแดงมากขึ้นและสั่นอย่างรุนแรง

                เอริน่าจำต้องปล่อยมีด มีดพุ่งตรงเข้าหาอารามทันที มันทะลุหมอกควันสีแดง และพุ่งเข้าหาซุ้มประตู และเสียบเข้าตรงกลางพื้นที่ว่างเปล่าบริเวณช่องรอดใต้ซุ้ม มันลอยอยู่กลางอากาศเหมือนว่ามีสิ่งใดขวางกั้นอยู่ไม่ให้มันทะลุซุ้มได้ ซึ่งสิ่งนั้นเอริน่ากับมาร์ไม่เห็นและไม่รู้ว่าคืออะไร

                หมอกควันที่ตอนแรกปกคลุมอารามจนมองไม่ชัด บัดนี้เริ่มจางหายไป ทำให้อารามสีทองปรากฏขึ้นเด่นชัด ตัวอารามไม่ลอยขึ้นลอยลงอีกแล้ว มันลอยลงมาติดกับพื้น ไม่มีเสียง ไม่มีการสั่นไหว

                เกิดอะไรขึ้นเอริน่ามองเจ้ามีดนั่นอย่างทึ่งๆๆ

                ฉันคิดว่ามีดของเธอน่าจะเป็นกุญแจหรือไม่ก็สิ่งที่เชื่อมกับตัวอาราม เมื่อเธอพูดคำว่าอ๊อต เธอซึ่งเป็นเจ้าของมีดก็เหมือนกับสั่งให้มนต์ป้องกันมันคลายล่ะมั้ง มาร์วิเคราะห์เหตุการณ์ให้เอริน่าฟัง เธอไม่ใช่คนเผ่ามายีหนิ ทำไมถึงมีมีดของเผ่านี้ได้และยังไม่รู้อีกว่ามันมีความสำคัญอะไร

                เอ่อคือฉันได้มันมาโดยบังเอิญน่ะ เอริน่าตอบออกไปอย่างกำกวม ถึงแม้ชายคนนี้จะน่าไว้ใจขนาดไหนแต่เธอก็ยังต้องระวังไม่ให้เขารู้เรื่องส่วนตัวมากเกินไป

                อืม อย่างนี้นี่เอง มาร์ไม่เซ้าซี้อะไรต่อแต่เดินไปดึงมีดที่ปักอยู่กลางประตูออกแล้วเดินไปคืนให้เอริน่าที่รับมีดไปแล้วจับมีดขึ้นมาสำรวจอีกครั้ง


               
    มีดที่สร้างความประหลาดใจให้เธอยังคงเหมือนเดิมทุกประการ ความคมและสภาพยังดีเยี่ยมเหมือนเดิม เอริน่าหมุนใบมีดไปอีกฝั่ง เจ้าตัวอักษรมายีที่เธอคิดว่าคือชื่อของเจ้าของยังถูกสลักไว้ที่ใบมีดเหมือนเดิม ไม่ได้จางหรือหายไป 

    เอริน่ากำลังจะเก็บมันเข้าฝัก แสงสีแดงจากซื่อก็สะท้อนเข้าตาเธอ เธอจ้องมันอีกครั้งแต่ก็ไม่มีแสงหรือสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นอีก เอริน่าจึงเก็บมันเข้าฝักอีกครั้ง

    เข้าไปดูข้างในกันเถอะ เอริน่าที่เงยขึ้นมาเห็นมาร์กำลังจ้องเธออยู่เอ่ยขึ้นแล้วเดินนำเขาเข้าไปข้างในอาราม
     

    เธอลอดผ่านซุ้มประตูเข้าไป ไม่มีสิ่งใดผิดปกติจนเท้าทั้งสองของมาร์เหยียบลงที่พื้นอาราม อารามเริ่มสั่นอย่างรุนแรง แล้วพื้นที่ทั้งสองเหยียบอยู่ก็จางหายไป

    เอริน่าและมาร์ร่วงลงไปข้างล่าง ทั้งสองล่วงลงไปยังสถานที่ที่คล้ายกับหลุมดำ ไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความมืด พูดออกไปก็ไม่ได้ยินเสียงตนเอง ไร้ซึ่งสรรพสิ่งทั้งมีชีวิตและไม่มีชีวิต ทั้งสองพยายามวาดมือไปมาเพื่อสัมผัสตัวของแต่ละคนแต่ก็ไม่มี 

    อากาศที่เริ่มจะหายไปที่ละนิด ในไม่ช้าทั้งสองก็เริ่มหายใจติดขัดและวินาที่ที่เอริน่ากำลังจะหมดลมหายใจเธอก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา

    เฮือกกก เอริน่าสูดหายใจเข้าปอดอย่างกระหาย ทันทีที่ตาชินกับแสงแดด เธอก็มองเห็นป่าไม้ แม่น้ำ สถานที่ทีเธอเลือกจะนอนพักเพื่อรอแข่งประลอง 

    เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นทำไมเรารู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก เอริน่าพยายามทบทวนสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ฉันกำลังจะถูกเฟเร็ดหลอกแต่ก็มีชายลึกลับเข้ามาช่วย ฉันนำมีดของเขามาสำรวจและก็หลับไป สงสัยคงจะฝันร้ายแต่ทำไมถึงจำไม่ได้ล่ะว่าฝันว่าอะไร...

    ในช่วงเวลาที่เอริน่าหายวับไปมาร์ซึ่งยังไม่รู้ว่าเอริน่าได้หายไปแล้วพยายามตะโกนหาเธอแต่มันก็ไม่ได้ผล เขาไม่ได้ยินเสียงตนเองหรือเสียงเอริน่า เขารู้ว่าอากาศที่มีเริ่มหายไปในไม่ช้าเขาจะต้องหายใจไม่ออกและตาย
     

    เขาหลับตาลงเพื่อยอมรับความตายแต่ทำไมเขาถึงยังไม่ตายนี่มันก็นานมากแล้วนะ เขาลองลืมตาขึ้นมา สายตาของเขาปะทะเข้ากับท้องฟ้าสีสวย เขาจำไม่ได้ว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น จำได้แค่ลางๆว่ามันมืดไปหมด เขานั่งคิดแต่ก็คิดไม่ออกจนเวลาล่วงเลยมาพักใหญ่ เขาจึงลุกขึ้นเพื่อไปยังสนามประลองหรือจุดกึ่งกลางของเกาะนี้นั่นเอง….

    เอริน่าลุกขึ้นเก็บข้าวของ เธอก็รู้สึกแสบที่ขาและหัวเข่า เมื่อก้มดูก็ปรากฏรอยแผลถลอกเล็กน้อย เธอคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกว่าไปได้แผลนี้มาจากไหน จนในที่สุดก็ทำได้แค่ไปล้างแผลและปิดมันด้วยผ้าสะอาด

    เพียงไม่นานเอริน่าก็เก็บของทุกอย่างเสร็จ เธอก็ออกเดินทางไปยังสนามประลองทันที ระหว่างทางเธอพบกับเรื่องที่ทำให้หัวใจตีบตันขึ้นมา

    นั่นคือเธอพบว่ามีคนหลายคนที่นอนแน่นิ่งอยู่ เขาไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย เมื่อเอริน่าเข้าไปจับตัวพวกเขาจึงรู้ว่าพวกเขาทั้งหมดตายแล้ว

    เมื่อเอริน่าเดินมาถึงสนามประลอง ก็พบว่าคนดูแลทั้งหลายกำลังแบกคนตายมาวางไว้ที่หน้าเต้นท์ สีหน้าของทุกคนแสดงถึงความงุนงง 

    เอริน่าสบตาเข้ากับชายผู้หนึ่ง เขามีดวงตาสีเทาและผมสีน้ำตาลแดง เธอรู้สึกคุ้นเคยกับเขาเหมือนเคยเห็นที่ไหน แต่เพียงไม่นานทั้งเขาและเธอก็ละสายตาออกจากกันเมื่อเศรษฐีที่เป็นคนจัดงานปรลองนี้ขึ้นได้เดินทางมาถึงยังสนามประลอง

    ชายผู้นี้ไม่มีท่าทีว่าตกใจแต่ประการใด เขาทำเพียงแค่สั่งคนของเขาให้จัดการกับศพพวกนี้ให้เรียบร้อย เพียงไม่นานศพทั้งหลายก็ถูกขนไปไว้ในป่าและเผาทิ้ง

    ผู้ประลองที่เหลืออยู่เป็นส่วนมากต่างมองกันอย่างระแวงสงสัยว่าใครเป็นคนฆ่าคนพวกนี้ โดยที่ไม่มีใครรู้ถึงสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นเมื่อวาน และไม่มีใครจำได้ถึงสิ่งที่ตนเองตื่นมาเจอในช่วงที่คิดว่ามันคือความฝัน......



    -----------------------------------------------------------------------------------------

    ขออัพก่อน เพราะวันที่ 5เมษาไม่ว่างน้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×