ภารกิจลับ…ปิดบัญชีหัวใจยัยตัวร้ายกับนายซาตาน
นางฟ้า’ กับ ‘ยัยปีศาจ’ สงสัยกันแล้วใช่มั้ยล่ะคะว่ามันเกี่ยวข้องกันยังไง ก็เพราะมันหมายถึงฉันทั้งสองคำไงคะ ‘น้ำตาล’ ชื่อหวาน ๆ กับ ความเป็นฉันที่ยิ่งหวานจนใคร ๆ แทบจะสำลักความหวานของฉัน แต่บางมุมก็...เฮ้อ ~ เอาเถอะค่ะ เรื่อง
ผู้เข้าชมรวม
793
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทนำ
“ ผลการโหวตนักเรียนตัวอย่างของโรงเรียนของเราออกมาแล้วนะคะ อยากรู้กันแล้วใช่มั้ยล่ะว่าเป็นใคร เธอคือ... ” อาจารย์ผู้หญิงวัยทอง แต่สวยสง่าประกาศผ่านไมโครโฟนหน้าเวทีเสาธง แถมมีเว้นวรรคให้ตื่นเต้นกันอีก ฉันแอบเห็นหลายคนลุ้นตัวโก่ง อะไรกันมากนักนะ แค่นักเรียนตัวอย่างเอง ใครได้ก็...ไม่เห็นจะมีอะไรมาก ทำตัวปกติอยู่ดีนี่นา ~ “นางสาวชลธิชา ธาราศิริ ค่ะ...”
กรี๊ดดดดดดดดด วิ๊ดวิ๊ว ~ โห่ ๆๆ ๆ
พออาจารย์ประกาศชื่อจบก็มีเสียงโห่ร้องทั้งยินดีทั้งไม่พอใจดังขึ้น ถือเป็นเรื่องธรรมดานะ เพราะคนเรามีคนรักก็มีคนเกลียดได้เป็นเรื่องปกติ
“ยินดีด้วยเลยเพื่อนรัก” ยัยผมสั้นซอยเก๋ ๆที่นั่งข้าง ๆ ฉันพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มยินดี ฉันแค่ยิ้มรับกลับไป อ่อ
ยัยชลธิชาที่ว่า คือฉันเองล่ะค่ะ ส่วนยัยผมสั้นเนี่ยคือ มีน เพื่อนรักของฉัน
“ชลธิชา ขึ้นมารับรางวัลจากผู้อำนวยการเลยค่ะ” อาจารย์เรียกให้ฉันขึ้นไปบนเวทีหน้าเสาธงที่ทุกวันนี้ฉันขึ้นบ่อยจนหลายคนหมั่นไส้แล้วเนี่ย +_+
“ไปได้แล้วย่ะ นังบ้า มานั่งยิ้มหวานละลายใจใครแถวนี้อยู่ได้” และนี่ก็อีกคนนิวเคลียร์ เพื่อนของฉัน ฉันยิ้มให้เพื่อนอีกทีแล้วลุกขึ้นยืนมองตรงไปข้างหน้าและก้าวขึ้นเวทีไปอย่างมาดมั่น แต่อ่อนหวานและเรียบร้อยนัยน์ที--_-- ฉันรู้ดีว่าถึงแม้หลายคนจะไม่ชอบจนโห่ฉันแต่เวลานี้ทุกคนก็ไม่สามารถละสายตาไปจากฉันได้หรอก ก็ฉันสวย ! จะว่าหลงตัวเองก็ไม่สนแต่สำหรับฉัน มันคือความมั่นใจในตัวเองค่ะ ฉันไหว้อาจารย์พิธีกรและผู้อำนวยการอย่างนอบน้อมและรับรางวัลมา เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง นี่แหละความภูมิใจที่ฉันมี รางวัลนี้จะมอบให้นักเรียนม.6ทุกรุ่น และรุ่นนี้มันก็เป็นของฉัน >.<
1
นางฟ้า(จอมปลอม) vs นายซาตาน
“ นี่ ~ ฉันว่านักเรียนตัวอย่างปีนี้เหมาะดีนะ น้ำตาลน่ะ สวยหวาน น่ารัก อ่อนหวาน เรียบร้อย โอ๊ยแก ฉันไม่เคยเห็นใครแสนหวานขนาดนี้มาก่อนเลย แถมยังนิสัยดีด้วยอ่ะ ” เสียงวิจารณ์เกี่ยวกับฉันและรางวัลนั่นยังไม่มีท่าทีว่าจะจบลง นักเรียนทุกคนยังคงพูดถึงฉันอยู่ น่าภูมิใจจริง ๆ
“ ใช่สิ ! เธอคงพวกเดียวกับยัยนั่น ที่เห็นน่ะแค่หน้ากากล่ะสิ ยัยนั่นเฟคจะตาย อาทิตย์ที่แล้วแค่ฉันเข้าไปคุยด้วยนิดเดียวเองยังกัดไม่ปล่อยเลย ^ ^ ” นี่คงเป็นคนหนึ่งที่โดนฉันเล่นงานสักอย่าง หมอนั่นพูดด้วยน้ำเสียงอย่างกับโกรธแค้นฉันมาเป็นชาติ
“นี่! น้ำตาลเป็นคนนะยะ นายไปว่าเขาแบบนั้นนายมีอะไร จีบเขาไม่ติดแล้วทำมาโมโหกลบเกลื่อนล่ะสิ ใครจะเชื่อนาย เชอะ ไปไกล ๆเลยเกะกะ” ผู้หญิงอีกคนถึงกับเถียงแทนฉันเลยล่ะ ฮ่าๆ - ๐ –
กลับมาที่กลุ่มฉันเถอะ >.< เรานั่งอยู่ที่โต๊ะประจำในสวนที่เรียกว่าสวนหินของโรงเรียนตั้งแต่วันที่ฉันรับรางวัลจนถึงวันนี้ครบหนึ่งอาทิตย์พอดีแต่ทุกอย่างในชีวิตฉันก็ปกติดี ไร้การเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
“นี่ แกปฏิเสธเวย์เหรอ ออกจะหล่อ” นิวเคลียร์ถามแต่สายตาไม่ได้มองฉันเลยสักนิด นังนี่
“แกก็ได้ยินแล้วนี่ แต่ถ้าภาษีดีกว่านี้สักนิด ฉันคงควงเล่นสักวัน”ฉันตอบเสียงเรียบ ก็ช่วยไม่ได้นะ คนริอ่านจะมาจีบสาว ๆกลุ่มฉันน่ะต้องทำใจนิดนึงเพราะพวกเราที่พร้อมด้วยหน้าตาและฐานะจะมองฐานะของพวกเขาด้วยแล้วก็ฉันบอกรึยังว่าฉันเรียนโรงเรียนรัฐบาลน่ะ ก็แค่อยากจะอยู่แบบติดดินบ้างก็แค่นั้น แล้วก็...คอนเซ็ปของพวกฉันน่ะ ไม่บอกดีกว่า แต่อีกไม่นานก็คงจะรู้เองแหละ -_- “
“ย่ะ! นังคุณหนู นี่แกกะจะไม่ใช้เงินพ่อแม่เลยใช่มะ น่าสงสารพวกไฮโซนั่นชะมัด” มีน พูดเสียงแข็งประชดประชันฉัน แต่ก็นั่นแหละ ฉันคบแบบนั้นแหละ แต่ที่ได้ พวกนั้นเสนอเองนะ ฉันไม่ได้ขอ !
“อย่างกับแกเคยควงหนุ่มติดดินนะมีน เห็นแต่ละคนตระกูลดังทั้งนั้น” ฉันตอกกลับเพราะจริง ๆแล้วพวกเราต่างกันที่ไหนล่ะ
“แล้วจะมาประจานตัวเองกันทำไมยะ กลัวคนอื่นเขาไม่รู้เหรอว่า มีเยอะน่ะ” นิวเคลียร์ร้องขึ้นมาแบบเซ็ง ๆ เป็นอะไรไปล่ะนั่น
“เป็นอะไรอ่ะ ไปกินรังแตนที่ไหนมาคะคุณหนูนิวเคลียร์” มีน ทำหน้าช็อคสนิทใส่แล้วถาม นังบ้านี่มันกวน Teen จริง ๆ
“เฮ้อ ~ ไม่รู้ กลับบ้านเหอะ” แล้วก็พรวดพลาดลุกขึ้นเป็นคนแรก
“วันนี้แกกลับบ้านเหรอ ฮ่า ๆ เหมือนฉันเลย” มีนบอกและหัวเราะแห้ง ๆตาม แต่นานมากแล้วนะที่หลังเลิกเรียนแล้วสองคนนี้กลับบ้านน่ะฉันก็ด้วย ปกติมีนัดต่อตลอด อิอิ “แกอ่ะน้ำตาล เป็นไง” แล้วก็หันมาถามฉันที่ยิ้มให้บาง ๆก่อนแล้ว -__-
“วันนี้ฉันมีนัดกับโมเมนต์ ลูกชายไฮโซ ฮ่า” ฉันบอกและยิ้มร่า เล่นเอาสองคนนี่เบ้ปากให้อย่างหมั่นไส้ ฮ่า ๆ
แล้วพวกนี้ก็ลากฉันออกมาหน้าโรงเรียนที่ตอนนี้มีสปอร์ตเบนซ์สีบรอนด์จอดรออยู่แล้วและเจ้าของรถก็ออกมายืนเต๊ะท่าหล่อ ๆส่งยิ้มให้สาว ๆ แถวนี้ละลายกันไปแล้วหลายคน
“หล่อด้วยนี่ ใช้ได้ สมแล้วที่ถูกคัดโดยน้ำตาล” มีนบอกพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่อยู่ในประมาณว่ารู้กันมากกว่า
“หึ ! ท่าทางจะหมดอายุเร็วซะด้วยสิ รีบไปก่อนที่แกจะเบื่อขี้หน้าหมอนี่แล้วเขี่ยทิ้งกลางทางเหอะ” นิวเคลียร์เบ้ปากอีกทีแล้วเสมองไปทางอื่น
“อาฮะ เจอกัน” ฉันตอบรับแล้วก้าวออกไปหา ผู้ชายผมสีฟ้าในชุดนักเรียนเอกชนกางเกงขายาวผูกเน็กไทล์ ที่ยืนเด่นอยู่ไม่ไกล ฉันยิ้มให้บาง ๆ เหมือนกับบอกให้คนที่ผ่านมาเห็นรู้ว่าฉันรู้จักหมอนี่แล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะเดินเข้าไปทำความรู้จัก
“ถึงจะอยู่ในชุดนักเรียนรัฐบาล แต่ความสวยไม่ตกไปเลยจริง ๆ” เป็นเขาที่ทักมาก่อนพร้อมสายตาวิบวับ
“คิก ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ โมเมนต์รอน้ำตาลนานหรือเปล่าคะ” ฉันถามด้วยเสียงที่หวานจัดอย่างธรรมชาติที่เพิ่มความหวานเข้าไปทั้งกริยาท่าทาง มารยาทแบบผู้ดี (แบบเฟคนิด ๆ -_- )
“ไม่นานเลยครับ แค่ครึ่งชั่วโมงเอง” เขาตอบและยิ้มกลับแบบจงใจหว่านเสน่ห์ เหอะ แค่ครึ่งชั่วโมงเอง ของมันแน่อยู่แล้ว เรื่องอะไรฉันต้องตรงเวลากับคนพวกนี้ล่ะ คนสวยทำอะไรก็ไม่ผิดหรอก จริงมั้ยคะ >.<
“ตายจริง ๐.๐ นี่น้ำตาลให้โมเมนต์รอนานขนาดนั้นเลยเหรอคะ แย่จังเลยอ่ะ” ฉันแกล้งทำหน้าตาตกใจกลับความผิดของตัวเองราวกับเพิ่งได้รับรู้ ก่อนจะตีหน้าเศร้าออกมา - ๐ -
“ไม่แย่หรอกครับ ในเมื่อน้ำตาลจะเดตกับผมเป็นการชดเชย” นั่นสินะ ไม่แย่เลย เพราะถึงฉันจะนิยมควงไฮโซแต่ก็ใช่ว่าไฮโซทุกคนจะได้สิทธิ์นั้น ฉันยิ้มรับด้วยความเต็มใจที่มีมากล้น และอีกเดี๋ยวหมอนี่ก็จะปรนเปรอฉันด้วยข้าวมื้อเย็น เสื้อผ้า รองเท้ากระเป๋า และถ้าเดตด้วยบ่อย ๆโอกาสที่จะให้เครื่องประดับฝังเพชรก็มีเยอะ แต่ฉันไม่คว้าไปไกลขนาดนั้นหรอก เดี๋ยวจะกลายเป็นผูกมัดตัวเองซะเปล่า ๆ
“ถ้าอย่างงั้น...ไปกันเลยหรือเปล่าคะ” รอยยิ้มหวานใจที่ถูกส่งไปนั่นฉันรู้ดีว่ามันทำเขาหัวใจเต้นแรง ถึงได้ทำไงล่ะ และวิธีการ สถานที่ ในการเดตแต่ละครั้งกับพวกไฮโซ ส่วนใหญ่มักมักจะเริ่มจาก...
“น้องน้ำตาลนี่ใส่ชุดไหนก็สวยหมดเลยนะคะ” เจ้าของร้านเสื้อผ้าแบรนหรูที่ฉันมักจะมาเรียกว่าแทบจะทุกวันเลยหลังเลิกเรียนบอกฉันมองตัวเองในกระจกมันสะท้อนภาพฉันที่สูงถึงร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรและตอนนี้ก็อยู่ใน
เดรสสั้นลายขาวสลับสีฟ้าขาวกับรองเท้าส้นสูงสีฟ้าที่เพิ่มความสูงของฉันเข้าไปอีกสี่นิ้วผมสีดำสนิทของฉันตอนนี้ถูกปล่อยให้สยายเต็มแผ่นหลังโชว์ความสวยอย่างมีสุขภาพ ไร้รอยมัดแต่อย่างใดแบบไม่ต้องเพิ่งไดร์เลยแล้วก็...ไม่ได้ยืดถาวรมาด้วยธรรมชาติล้วน ๆ ฉันฉีกยิ้มให้ตัวเองแล้วก้าวออกมาหาคนที่รออยู่เขามองฉันและตาค้างไปถึงห้าวินาที มันเป็นอะไรที่ช่วยไม่ได้จริง ๆนะ
“โมเมนต์ โมเมนต์คะ หึ !” ฉันเรียกเขาด้วยเสียงหวาน ๆ ก่อนจะหยักยิ้มที่มุมปากอย่างร้ายกาจแต่มันไม่นานพอที่คนที่กำลังเหม่อสังเกตได้หรอกนะ และกับมายิ้มหวานให้เขาเหมือนเดิมราวกับกำลังเขินและทำอะไรไม่ถูก
“เอ่อ...ขะ ...ขอโทษครับแต่ น้ำตาลสวยจนผมเผลอมองนานไปหน่อย” ยอมรับซะด้วยแฮะ ฉันก้มหวานหลบสายตาเขาก่อนจะช้อนขึ้นมามองแบบใส ๆ
“...เราจะไปไหนกันต่อเหรอคะ” ฉันส่งเครื่องหมายคำถามไปให้อย่างใสซื่อประมาณว่าพาไปไหนก็ไป ?.?
“จะทุ่มนึงแล้วผมว่าเราไปทานข้าวกันก่อนดีกว่า น้ำตาลว่ายังไงครับ” เขาเสนอและถามความเห็นของฉัน พร้อมกับส่งกระเป๋าถือสีฟ้าแสนหวานที่ฉันฝากไว้มาให้ก่อนที่ฉันจะยิ้มรับแล้วเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบบัตรเครดิตมาส่งให้พนักงาน
“น้ำตาลจะทำอะไรครับ” 0.0 เขากุลีกุจอถามทันทีเลย แต่คิดเหรอว่าที่ควักออกมาน่ะฉันจะจ่ายเอง ไม่ทางอ่ะ
“ค่าชุดนี้ไงคะ -_-“ รอยยิ้มหวานถูกส่งไปละลายใจเขาอีกครั้งจนเหม่อไปอีกแล้ว น่าเบื่อชิบ !
“เดี๋ยวให้ผมจัดการเองดีกว่าครับ...นะครับ” เขาบอกและย้ำอีกครั้งว่าเต็มใจเมื่อเห็นฉันทำหน้าลำบากใจก่อนจะยิ้มหว่านเสน่ห์ใส่ฉัน เชอะ !
“ขอบคุณค่ะ” ก็แค่นั้น ! เขาจัดการทุกอย่างโดยที่ฉันแค่ยืนอยู่เฉย ๆแล้วก็แค่ยิ้มอาย ๆ เมื่อโดนทักว่าเป็นแฟนกันอะไรงี้ ทั้งที่จริงพนักงานในร้านน่ะรู้ดีกันทั้งนั้น แต่ฉันก็ยังทำเหมือนอยากจะเป็น ส่วนจะปฏิเสธหรือไม่ก็แล้วแต่ความพอใจของเขาซึ้งไม่มีผลอะไรกับฉันอยู่แล้ว...
จากนั้นก็ดูหนังรักด้วยกันโดยให้เขาเป็นคนเลือก ก็ฉันดูจนหมดทุกเรื่องแล้วนี่เดตมันทุกวัน ซ้ำบ้างก็เป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่ซ้ำก็ถือว่าดี แต่ส่วนใหญ่จะซ้ำเบื่อแทบตายแต่ต้องทำเป็นสนใจน่ะพอดูหนังจบก็เดินเล่นด้วยกันอีกสักพักถึงมันจะดึกแล้วก็ยังพอทนแต่ตอนนี้ มันจะสามทุ่มแล้ว ถือว่าหมดโควตาของวันนี้แล้วค่ะ และฉันก็ได้ของมาตามที่คาด รองเท้า กระเป๋า เสื้อผ้า ของพวกนี้ฉันแค่จะซื้อแต่เขาเสนอตัวเป็นคนจ่ายกก็เลยให้เขาจ่ายไป แล้วก็...ของรายนี้ฉันได้สร้อยข้อมือทองคำขาวมาด้วย ป๋ามาเองค่ะงานนี้ แต่ถามว่าทุ่มแบบนี้ได้ใจมั้ย ? คำตอบคือ ไม่ได้เลยสักนิด !
“โมเมนต์คะ ดึกแล้ว น้ำตาลว่าเรากลับกันเถอะค่ะเดี๋ยวคุณแม่จะเป็นห่วง” ฉันหันไปบอกเขาด้วยมาดคุณหนูที่พ่อแม่หวงยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจ
“อืม...ครับเอางั้นก็ได้ งั้นเดี๋ยวผมขับรถไปส่งที่บ้านนะครับ” นี่สิ Jentleman แต่...อย่าหวังจะได้โผล่เศียรไปให้พ่อแม่ฉันเห็นเลยผู้ชายที่สามารถโผล่ไปถึงบ้านฉันได้น่ะมีแต่คนที่พ่อแม่พาไปกันทั้งนั้น ประมาณพวกทายาทนักธุรกิจ ทายาทไฮโซทั้งนั้นและยิ่งไปครั้งแรกต้องโผล่ไปทั้งพ่อด้วยแม่ด้วยแล้วก็มีแต่แขกของพ่อแม่ฉันทั้งนั่นน่ะ ฉันไม่เคยพาผู้ชายหน้าไหนเข้าบ้านหรอกนะ
“เอ่อ...ขอบคุณนะคะแต่พอดีว่าพี่ชายของน้ำตาลเขาส่งข้อความบอกว่าจะมารับไปทำธุระต่อน่ะค่ะ” สะตอสด ๆเนี่ยแหละ ฉันบังคับต่างหากและที่ทำได้เพราะระหว่างฉันกับพี่ชายมีข้อตกลงลับ ๆกันอยู่ด้วย ประกอบกับความห่วงน้องสาวขั้นโหดถึงได้ยอมมารับดีกว่าให้ผู้ชายที่ไหนไม่รู้ไปส่งแล้วโดนพ่อแม่เฉ่งทั้งคู่ แถมเผลอ ๆโดนมันหลอกอีก ส่วนธุระ เหอ ๆไม่มีหรอกค่ะ - _-
“พี่น้ำต้นน่ะเหรอครับ งั้นก็ได้ครับแต่ว่าผมขอส่งน้ำตาลให้เจอพี่ชายก่อนนะ” เขาถามออกมาหน้าตาดูแหย ๆไปนิด ก็กิตติศัพท์พี่ชายฉันก็ใช่จะน้อย ๆนี่นา ฮ่า ๆ
“ค่ะ J” ฉันตอบและส่งยิ้มให้เพราะถ้าถึงมือพี่น้ำต้นแล้วทุกอย่างก็หายห่วง เขาเดินลงมาส่งฉันที่หน้าห้างนั่นแหละไม่ถึงห้านาทีหลังจากที่ฉันโทรบอกเฟอรารี่สีขาวสุดเริดก็เข้ามาจอดตรงหน้าฉันบอกลาเขาแค่ ‘บายค่ะ’
คำเดียว นั่นหมายถึงไม่ระหว่างเราจบแล้วและโอกาสที่จะกลับมาเดตกันอีกครั้งนั้นมีเปอร์เซ็นเป็นหนึ่งจากร้อยแต่พอฉันนั่งบนรถได้เท่านั้นแหละ...
“ไง หอบหิ้วมาซะเต็มมือ” พี่ชายฉันหันมามองแค่แว๊บเดียวแสยะยิ้มแบบขำ ๆ อะไรของเขา ไม่ชินอีกหรือไงนะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันทำซะหน่อย โธ่ !
“ก็ดีค่ะ...แค่น่าเบื่อไปหน่อย แล้วก็ ดีอย่างที่ไม่ได้ขี้อวดอย่างที่คิด” อ่า จริง ๆนะ คิดว่าจะมาโม้เรื่องบ้านรวยอย่างนั้นอย่างนี้แต่ไม่ใช่แฮะ เขาชวนฉันคุยเรื่องเรียนต่อมหา’ลัยเฉยเลยท่าทางจะหาข้อมูลมาดีแฮะเพราะตัวเขาเองก็ดูจะไม่ใช่คนที่จะรักเรียนขนาดเอาเรื่องเรียนมาคุยตอนเดต...เพราะต่อให้ฉันเป็นเด็กเรียนแค่ไหนก็ไม่ชอบที่จะพกมันใส่หัวมาคุยตอนเดตหรอก…น่าเบื่อจะตาย --- ^
“แล้วพอจะหยุดได้หรือยังล่ะ -_-” ฉันหันไปมองหน้าพี่ชายฉันที่ขับรถอยู่ทันทีเลย เขาคิดได้ยังไงอยากให้ฉันหยุดทีตัวเองยังไม่คิดจะหยุดเลย!
“อย่าให้ย้อนนะคะพี่น้ำต้น ทำไม! น้ำตาลไม่ได้ทำอะไรเสียหายซะหน่อย” ฉันตอกกลับทันที นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่ชายฉันถามแบบนี้ เขาไม่อยากให้ฉันทำแบบนี้เพราะ...ฉันเป็นผู้หญิง เท่านั้นแหละ
“เราช่วยเข้าใจหน่อยได้มั้ยว่าเราเป็นผู้หญิง” จริงจังมาก ให้มารับทุกวันก็บ่นฉันทุกวัน แต่ฉันกลับรู้สึกดีแฮะ...เขาห่วงฉันนี้ ฉันยิ้มออกมาบาง ๆ ให้กับใบหน้าที่บึ้งตึงของพี่ชาย -_-“
“โห พี่น้ำต้น...น้ำตาลก็ไม่ได้อะไรมากมายซะหน่อยแค่มาดูหนัง กินข้าว ซื้อของ แล้วก็เดินเล่นกันเฉย ๆ” ฉันเริ่มออกลูกอ้อนเคล้าคลอแขนเกาะไปเรื่อยจนคุณพี่ชายเริ่มทำท่าขนลุก ฮ่าๆๆ น่ารัก พี่ใครเนี่ย
“-__- ^ นี่กลับไปนั่งดีดีเลยแล้ววันนี้...ไม่ไปส่งนะพี่นัดเพื่อนไว้สี่ทุ่มไว้กลับพร้อมกันเลยทีเดียว” อะไรกันทุกทีจะนัดใครไว้กี่โมงกี่ทุ่มเคยสนใจที่ไหนแล้วทำไมวันนี้มาทำเป็นตรงต่อเวลา ผิดปกติ ผิดสังเกต พี่ชายฉันไม่ใช่แบบนี้
“นี่น้ำต้นตัวจริงป้ะเนี่ย ? ” ฉันหรี่ตาลงต่ำมองจับผิดพี่ชายที่ไม่หันมาสบตาฉันเลยสักนิดแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรที่น่าสงสัย
“คิดว่าจริงมั้ยล่ะ ?” เออทำมาย้อนพี่นี่ ฉันหันไปมองที่ถนนพบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนรถที่วิ่งอยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยสถานบันเทิง ที่หรูหราไฮโซ แน่นอนว่ารวมถึงผับหรู ๆ ดัง ๆที่พี่ฉันชอบมาเที่ยวด้วย ฉันเงียบลงในหัวกำลังคิดอยู่ว่าฉันจะรอในรถดีมั้ย สารภาพเลยว่าฉันไม่เคยเข้าผับ แต่ก็ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่เคยดื่มนะ ถึงจะไม่เก่งแต่ก็ไม่คออ่อนนักหรอกน่า จนพี่ชายฉันจอดรถในลานจอดรถของผับ...
“แต่งธรรมดาแบบนี้หวังว่าจะไม่มีใครยุ่งมากนะ เฮ้อ ~” เขาบ่น ๆออกมาเบา ๆ ทั้งที่เป็นคนพาฉันมา
“ไม่เข้าได้มั้ย ? ” ฉันถามด้วยความรู้สึกหวาด ๆ เพราะในนั้นฉันไม่รู้จะเจอคนแบบไหนบ้าง และ อายุฉันยัง ยังสิบแปดอยู่เลย
“คิดว่านั่งในรถแล้วจะไม่มีใครมายุ่งเหรอ ? ยิ่งนั่งคนเดียวยิ่งเข้าทางพวกนั้นลงมาเร็ว ” จะอารมณ์เสียทำไมล่ะคะพี่ชาย โธ่! ฉันเบ้ปากแล้วเปิดประตูรถออกไปก่อนกระแทกส้นลงแรง ๆรู้งี้ให้โมเมนต์ไปส่งดีกว่า พรุ่งนี้ฉันต้องไปเรียนอีกน้า ~ แต่มาขนาดนี้แล้วทำไรพี่ชายฉันไม่ได้แล้วล่ะ ฉันเดินตามไปเงียบ ๆ เว้นระยะห่างไว้ตั้งเมตรนึงเลย ฉันเดินผ่านกลุ่มที่เข้าแถวตรวจบัตรประชาชนมาจนถึงจุดที่มีเชือกสีแดงกั้นไว้แล้วหันกลับมาคว้ามือฉันไปจับ ภายในมีโซฟาจัดเป็นชุดนั่งกันแทนเก้าอี้ ดูหรูหราไฮโซกันจริง ๆ ตอนนี้จากจับมือกลายเป็นโอบเอวแล้ว ต้องบอกว่ามัน...จั๊กจี้แปลก ๆ พี่ชายตัวเองโอบอ่ะนะ ฉันฝืนเดินมากับพี่เงียบ ๆจนมาถึงโต๊ะ...ที่มีผู้ชายสองคนนั่งอยู่ก่อนแล้วพร้อมกับผู้หญิงที่แต่งตัวเปิดมากกว่าปิดคลอเคลียอยู่ข้างตัว ๐.๐ ฉันหันหลังให้ภาพตรงหน้าเลยทันที กลายเป็นว่าฉันหันกลับมายืนกอดพี่น้ำต้นเลย ทำอะไรไม่รู้จักอาย น้ำต้นก็เหมือนจะรู้เลยโอบเอวฉันไว้หลวมๆ
“เฮ้ย! พวกแกหยุดก่อนดิ๊” พี่น้ำต้นบอกเพื่อนตัวเองและตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกเขาหยุดหรือยัง
“อะไรของแก บอกให้พวกฉันหยุดมาดูแกกอดกับหญิงเนี้ยนะ แต่หุ่นเจ๋งว่ะ” ^ ^ ขะ...เขามองแทะโลมฉันขนาดนั้นเลย น้ำเสียงก็ฟังดูขี้เล่นอยู่หรอกแต่ปากนี่สิ...
“มีอะไรของแก” เสียงแหบพร่าแต่ราบเรียบดังขึ้นอีก
“เปล่า...แต่อย่าทำอะไรแบบนั้นต่อหน้าน้องสาวฉัน” พี่น้ำต้นบอกเสียงเรียบ “น้ำตาล...”พี่น้ำต้นเรียกฉันเบา ๆเป็นเชิงบอกว่าหันไปได้แล้ว ฉันค่อย ๆหันหน้าไปตรงจุดเกิดเหตุ...ฉันแทบพ่นลมหายใจแรง ๆเมื่อพวกเขาแค่นั่งอยู่กับผู้หญิงแต่ไม่ได้ทำอะไรทั้งสองคนจัดว่า...ได้ทีเดียว คนที่ส่งยิ้มสดใสแต่ดูไม่น่าไว้ใจมาให้มีผมสีฟ้าเสื้อผ้าหน้าผมหรูหรามากและเป็นเสื้อเป็นสีขาว ส่วนอีกคนนั่งมองมาที่ฉันนิ่ง ๆใบหน้าเฉยชา ไร้อารมณ์ ผมสีน้ำตาลอ่อน เสื้อผ้าหน้าผมหรูหราไม่แพ้กันแต่ของเขาเป็นสีดำทั้งตัว พี่น้ำต้นพาฉันเดินเข้าไปนั่งโซฟาที่ว่างอยู่ซึ่งตรงข้ามกับคนไร้อารมณ์ที่มองมาไม่วางตาถึงฉันย้ายตัวเองลงมานั่งที่โซฟากับพี่น้ำต้นแล้วก็เถอะ ซึ่งฉันก็ไม่ได้ยอมแพ้มองกลับไปนิ่ง ๆไม่ต่างกัน
“รู้แค่ว่าแกมีน้องสาว ไม่รู้มาก่อนว่าน้องสาวแกซ๊วย~สวย” ผู้ชายผมสีฟ้าพูดออกมาอย่างร่าเริงแต่ฉันก็ไม่ได้ละสายตาจากอีกคนไปมอง ^ ^ มองอะไรฉันนักหนานะ
“เพราะรู้จักพวกแกไง ถึงไม่อยากให้รู้” พี่ต้นพูดและยกแก้วที่มีน้ำสีอำพันขึ้นดื่ม
“โหย~เวรกับเพื่อนกับฝูงทำหวง...นี่! โอโซนมีอะไรกันหรือเปล่าวะ เห็นจ้องกันนานแล้วนะ ” ผู้ชายผมสีฟ้าหันมาสะกิดนั่นทำให้เขาละสายตาไปมองเพื่อนก่อนจะยกแก้วในมือขึ้นดื่ม
“เปล่า” คำตอบง่าย ๆสั้น ๆไร้คำอธิบายเพิ่มเติมของทำให้พี่น้ำต้นหันมามองฉัน
“แล้วเรา...มีอะไรหรือเปล่า” แล้วถามแถมยิ้มที่มุมปากแบบล้อเลียน
“ไม่มีหรอกค่ะ J ” ฉันปรายตาไปมองพี่ชายตัวเองที่ดูเหมือนจะลอบยิ้มก่อนจะดื่มไอ้น้ำสีแปลก ๆจากแก้วนั่น
“น้องสาวชื่ออะไรเหรอ” ผู้ชายผมสีฟ้าโน้มตัวมาข้างหน้าแถมทำหน้าตาบ้องแบ๊วกระพริบตาปริบ ๆ ใส่ฉัน จนฉันยิ้มออกมากับท่าทางที่แสนจะน่ารักของเขาก่อนจะตอบออกไป
“น้ำตาลค่ะ”
“คงหวานน่าดู” อีกคนที่เงียบมองฉันมาตลอดพูดขึ้นมาแล้วเบนสายตาไปโลมเลียผู้หญิงที่อยู่ข้างกาย เห็นแบบนั้นแล้วฉันก็แอบเบ้หน้าออกมา นั่นล่ะถึงเจอกันพี่น้ำต้นที่ยิ้มออกมาแบบ...แบบที่ฉันไม่เข้าใจจนต้องขมวดคิ้ว
“พี่ซัลฟาครับ ยินที่ดีได้รู้จัก” เขาบอกและยื่นมือมาข้างหน้าในท่าเช็คแฮนด์ ฉันมองมือของเขานิ่ง ๆแล้วยิ้มให้
“น้ำตาลเป็นคนไทยค่ะ แล้วตอนนี้เราก็อยู่ที่ประเทศไทย น้ำตาลต้องไหว้พี่สิคะถึงจะถูก... ” ฉันพูดเสียงหวานแล้วยกมือขึ้นมาไหว้อย่างสวยงาม “สวัสดีค่ะ” แถมยิ้มให้อีกที เล่นเอาเขาเหวอไป และรีบรับไหว้แทบไม่ทัน ส่วนพี่ชายฉันกลั้นหัวเราะไปแล้ว อีกคนก็นิ่ง ๆ
“สะ...สวัสดีครับ...” เขาตอบกลับและส่งยิ้มแห้งแล้งกลับมา เห๊อะ! มุกจับมือสาวง่าย ๆแบบนี้ เล่นกับฉันไม่ได้หรอก “ว่าแต่...ทำไมวันนี้แกพาน้องสาวมาด้วยได้วะ” พี่ซัลฟาหันไปถามพี่น้ำต้นเสียงสูง -๐-
“ยัยนี่เพิ่งกลับจาก...เที่ยวกับเพื่อน ขี้เกียจไปส่งที่บ้านเลยพามาด้วย สักวัน” พี่น้ำต้นเลี่ยงที่จะบอกว่าฉันเพิ่งกลับจากเดตกับเด็กในสต็อก และยิ้มที่มุมปากแบบนั้นมันดูไม่จริงใจพ่วงความเจ้าเล่ห์มาเป็นขบวนเลยล่ะ...แล้วตอนนี้พี่ชายฉันคิดอะไรอยู่นะ มีแผน (ชั่ว) อะไรหรือไงกัน -_-?
“น้องแกเที่ยวกับเพื่อนดึกขนาดนี้เลยเหรอ” ผู้ชายคนนี้เกิดมาเพื่อกัดฉันใช่มั้ยเนี้ย ปากอยู่ไม่สุขแถมยังจะจับผิดอีก
“ใช่ค่ะน้ำตาลกับ ’เพื่อน’เนี้ยชอบเที่ยวกันหลังเลิกเรียนแต่เราก็เที่ยวกันแบบเด็ก ๆนะคะไม่ได้มั่วสุมของมึนเมา”
พรืด~
“แค่ก ๆ ๆ ” พี่ซัลฟาที่กำลังซดน้ำจากแก้วเครื่องดื่มในมือถึงสำลักออกมากับคำตอบหวาน ๆและรอยยิ้มของฉัน
“พี่ซัลฟาเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” แล้วฉันก็ตีหน้าซื่อเป็นห่วงพี่ซัลฟาต่อโดยไม่สนสายตาของคนตรงข้าม
“ปละ...เปล่าครับแหะ ๆ โอโซนแกจะอะไรกับน้องนักหนาวะ คนเราก็ต้องมีรีแล็กซ์กันบ้าง~ ” เขาหันไปว่าเพื่อนให้ด้วยซ้ำ แต่รายนั้นก็ไม่ได้สนใจ กระดกแก้วในมือต่อหน้าตาเฉย ฉันหันไปมอพี่ชายที่อยู่ข้าง ๆถึงจะจิบน้ำจากแก้วในมือเหมือนไม่สนใจแต่ฉันรู้ว่าพี่น้ำต้นกำลังยิ้มอย่างพอใจ พอใจงั้นเหรอกับอะไรล่ะ แต่ถ้าให้คิดว่าฉันคิดมากไปเอง ฉันว่าไม่นะ ...
“ผีเห็นผีมั้ง” งั้นสินะ ฉันลอบเบ้ปากออกมาอีกรอบอย่างเหลืออด แต่ก็ช่างสิ จะรู้จะเห็นอะไรก็ช่างเถอะ อย่ามายุ่งกับฉันก็พอ
“เหมือนที่พวกเก้งกวางดูกันออกเองอ่ะนะ ฮ่า ๆๆ อะไรของแกวะ” ฉันรู้สึกว่าพี่ซัลฟาจะน่ารักน่ากินขึ้นมาแล้วนะ เหมือนจะไร้เดียงสายังไงไม่รู้ หึหึ ^ ^
“พี่น้ำต้นจะอยู่อีกนานมั้ยคะ” ฉันหันไปถามพี่ชายเสียงหวานจัดแต่ใช้สายตาจิกกัดเล็กน้อย
“คงอีกนาน เราจะสนุกก่อนก็ได้นะพี่อนุญาต” ทำมาปากดีอนุญาต ฉันไม่สนุกด้วยหรอกนะในที่แบบนี้น่ะ
“น้ำตาลไม่สนุกนี่คะ ไม่มีใครที่รู้จักด้วย อยากกลับบ้านมากกว่า” ฉันออกลูกอ้อนเกาะแขนพี่น้ำต้น
“จะรีบกลับไปไหนล่ะครับสาวน้อย” พี่ซัลฟาพูดแถมยิ้มหว่านเสน่ห์จนฉันต้องฉันกลับแล้วแกล้งหลบตาลงต่ำเหมือนเขินอะไรทำนองนั้น
“ไม่เคยเข้าผับงั้นสิ...เล่นเกมมั้ย” คนที่คอยจิกกัดฉันชวนฉันเล่นเกมล่ะ มาไม้ไหนล่ะ ฉันเบิกตากว้างอย่างจงใจแล้วยิ้มกว้าง...แกล้งตื่นเต้นเข้าไว้
“เกมอะไรเหรอคะ เล่นที่นี่ได้เหรอ” เกมที่เล่นในวงเหล้าก็คงไม่พ้นเรื่องดื่ม คำตอบที่ฉันได้กลับมามีเพียงยิ้มที่มุมปากที่ดูไม่เป็นมิตรและไม่น่าไว้ใจสักเท่าไหร่แถมฉันยังต้องทำบื้อมองหน้าทุกคนเพื่อหาคำตอบอีก
“สาวน้อยครับ...”
“ไอ้ฟา! ฉันถามเอง” เกมแสนจะคุ้นเคยที่เล่นคือ truth or dare และรอบแรกของเกมขวดเหล้าก็รักฉันมากมายถึงมาหยุดที่ฉันพอดิบพอดีให้เพื่อนพี่น้ำต้นทั้งสองคนรุมจิกทึ้งฉันเนี้ย ฉันเลิกคิ้วขึ้นและยิ้มกลับไปให้เขาเหมือนไม่รู้สึกอะไร “เธอทำแบบนี้ทำไม” คำถามที่แสนจะเข้าใจยากสำหรับคนฟังแต่ฉันคิดว่าฉันรู้ความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ แต่ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะตีหน้าซื่อได้นี่
“คำถามพี่ไม่เคลียร์นะคะ น้ำตาลไม่เข้าใจ” ยังแอ๊บใสได้อยู่นะเฟคมาขนาดนี้แล้วพี่ซัลฟาก็ดูงงกับคำถามมีแต่พี่น้ำต้นนั่นล่ะที่ยังยิ้มได้
“นั่นดิแกถามอะไรของแกวะโอโซน” พี่ซัลฟาช่วยฉันอีกแรงแต่สายตาของคนตรงหน้าบอกฉันว่ามันสูญเปล่า
“ฉันต้องพูดถึงนางฟ้าแสนหวานที่พวกไฮโซฝันถึงกันใช่มั้ย ผู้หญิงที่น่ารักอ่อนหวานคนนั้นน่ะ...” เขาแสยะยิ้มอย่างพูดชนะขณะที่ฉันมองกลับไปนิ่ง ๆ แต่สุดท้ายฉันก็ยิ้มออกไปก็แค่ผู้ชายคนเดียวรู้ทันไม่ใช่ผู้ชายทั้งเมืองซะเหนื่อย ไม่ระคายจิตฉันอยู่แล้ว
“ตอบยากนะ น้ำตาลไม่มีเหตุผลที่ทำด้วยสิ ช็อตนี่น้ำตาลดื่มก็ได้” พูดจบฉันก็คว้าแก้วช็อตที่ใส่วิสกี้ไว้เต็มเปี่ยมมาดื่มรวดเดียวหมด บาดคอชะมัดเลย
“เฮ้! สาวน้อยยังไหวนะครับ” พี่ซัลฟารับแก้วช็อตที่ว่างเปล่าไปจากฉันแล้วถามด้วยความเป็นห่วง สายตาของเขาบอกแบบนั้นชัดเจนมาก
“คราวนี้ตาน้ำตาลหมุนใช่มั้ยคะ” ฉันถามแล้วยื่นมือไปจับขวดแล้วหมุนมันทุกคนนั่งกันนิ่งมาก ๆแทบจะไม่มีใครใส่ใจมันซะด้วยซ้ำ
“อะฮ้าตาแกโดนบ้างแล้วพวก truth or dare วะ ” พี่ซัลฟาท่าทางลั๊ลล๊าขึ้นมาทันทีที่ขวดชี้ไปที่พี่โอโซน
“truth” คำตอบง่าย ๆสั้น ๆและชัดเจนมาก ๆฉันเห็นพี่ซัลฟากับพี่น้ำต้นยิ้มให้กันด้วยซึ่งฉันดูไม่ออกจริง ๆ
“ที่แกมองน้องสาวฉัน...เพราะแกสนใจใช่มั้ย” พี่น้ำต้นเป็นคนถามเล่นเอาคนถูกถามนิ่งไปและหันมามองฉันแววตาว่างเปล่าช่างเข้าใจยากฉันที่ตกเป็นบุคคลที่สามในคำถามได้แต่ยิ้มให้และเลิกคิ้วขึ้นท้าทายคำตอบของเขา
“ใช่! ฉันสนใจ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” คำตอบของเขาก็ยังชัดเจนเหมือนเดิมฉันยิ้มเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรแต่ในใจกลับกระตุกไปวูบหนึ่งอย่างไม่มีสาเหตุ ส่วนเจ้าของคำถามอย่างพี่ชายฉันกับคนที่ร่วมด้วยอย่างพี่ซัลฟาก็หันไปมองหน้ากันแล้วยิ้มออกมา แล้วโบกมือให้สาว ๆทั้งสองคนออกไปก่อนอย่างไม่ใยดี
“แกหมุนต่อดิ” พี่ซัลฟากระตุ้นพี่โอโซนที่ใจเย็นให้หมุนขวดแล้วเขาก็ทำตามทุกคนเงียบจนเมื่อขวดหยุดที่ฉันอีกรอบพี่ซัลฟาก็ทำท่าเฮฮาอยู่เรื่อย ๆ
“สาวน้อย truth or dare baby” ฉันยังคงยิ้มเหี้ยมๆส่งไปให้คนที่นั่งตรงข้าม
“truth มาเลยค่ะ” ฉันพูดจบก่อนจะลากสายตาไปมองพี่ซัลฟาอย่างสดใส
“จูบแรกของเธอกับใคร เป็นยังไง” เป็นพี่โอโซนที่ถามตัดหน้าขึ้นมา ฉันก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วกัดริมฝีปากตัวเองแน่น ตอนนี้ยิ้มไม่ออกจริง ๆ สำหรับพี่ซัลฟาฉันอาจจะดูไร้เดียงสาไม่เคยจูบก็ไม่แปลกแต่กับคนตั้งคำถาม...เขาคิดว่าฉันโชกโชน ^ ^ ฉันกลับไปสบตากับเขานิ่ง ๆไม่ยิ้มไม่แสดงอาการใด ๆก่อนจะตอบออกไป
“พี่โอโซนบอกน้ำตาลได้มั้ยล่ะคะ” พูดจบฉันก็ย้ายตัวเองที่นั่งตรงข้ามเขามานั่งข้าง ๆแทนแล้วใช้สายตาดึงดูดเขาให้ตายสิมันไม่ใช่ฉันเลย ทำไมฉันต้องไปท้าทายเขาเพราะแค่อยากจะชนะเกมนี้ด้วยนะไม่ควรเลยจริง ๆ ฉันกับเขาสบตากันนิ่งแต่หางตาของฉันก็เห็นว่าพี่ซัลฟากับพี่น้ำต้นมีท่าทีที่สบาย ๆมาก ๆยิ่งพี่น้ำต้นนี่ยิ่งแปลก ทุกทีเห็นหวงยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ทำไมตอนนี้กลับไม่พูดอะไรล่ะ และในที่สุดฉันก็เห็นรอยยิ้มร้ายกาจที่มุมปากของคนตรงหน้าก่อนที่ท่อนแขนของเขาจะตวัดรวบตัวฉันไว้แล้วดึงเข้าหาตัวจนปลายจมูกแทบชนกัน ฉันใช้มือดันอกเขาไว้ด้วยความตกใจในความเร็วของเขา
“ทำไม เกิดกลัวฉันแล้วหรือไง” น้ำเสียงเย้ยหยันของเขาทำฉันโมโหได้มากและฉันจะไม่ยอมแพ้เขาเด็ดขาด ฉันยิ้มให้เขาหวานจัดก่อนจะตอบออกไป
“พี่น่ากลัวเหรอคะ...ก็ไม่นี่ แล้วทำไมน้ำตาลต้องกลัวล่ะ ” ฉันท้าทายเขาด้วยรอยยิ้มและคำพูดนั้นก็เท่ากับยืนยันที่จะให้เขาเป็นคนตอบคำถามนั้นด้วยตัวเอง
“หึ! ไม่กลัวก็ดี” เขาแสยะยิ้มอีกครั้งก่อนที่จะโฉบลงมาครอบครองริมฝีปากฉันอย่างไม่ปราณี ท่อนแขนของเขากอดรัดร่างกายฉันไว้แน่นยิ่งสัมผัสหนักหน่วงที่ริมฝีปากยิ่งที่ให้ฉันหมดเรี่ยวแรงที่จะต่อกรกับเขาต่อไปมือของฉันกำเสื้อบริเวณอกเขาแน่น ฉันรู้แล้วว่าคิดผิดจริงๆที่ไปท้ายทายคนอย่างเขา ฉันยอมแล้วยอมแพ้แล้ว ยกนี้ฉันแพ้เขาหมดท่าเลยจริง ๆ
ผลงานอื่นๆ ของ My-Memory ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ My-Memory
ความคิดเห็น