คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 ฟ้าสดใส
บทที่ 3 ฟ้าสดใส
หากเส้นขนานไม่ทางมาบรรจบกัน ความรักของเราก็คงเป็นดั่งเส้นขนาน
แม้ว่าดินเนอร์จะเริ่มสองทุ่ม แต่ญาดากลับใช้เวลาตลอดสองชั่วโมงในการแต่งตัว ตั้งใจมากกว่างานรับรางวัลนักแสดงดาวรุ่ง ทั้งคุณแม่และป้าเพ็ญต่างแซวจนเธอคิดไปไกล แม้จะปฏิเสธไปว่าแค่เรื่องบังเอิญก็ตาม ชุดที่เธอเลือกมานั้นแม้จะเป็นแค่เสื้อแขนยาวเปิดไหล่สีขาวก็ตาม แต่มันกลับสร้างความอ่อนไหว น่ารักจนฐาปนีย์แซวว่าน่ารักเกินไป ญาดาแทบหมดความมั่นใจกลัวว่าชายหนุ่มจะรู้ว่าเธอรอคอยงานสำคัญ
“พี่ล้อเล่นน่า ถ้าน้องหยาใส่ชุดราตรีสีแดงเพลิงสิ พี่จะว่าเวอร์ เนี่ยน่ารักสวยสมงานดินเนอร์กับหวานใจแล้ว”ฐาปนีย์ชิงบอกเมื่อเห็นญาดาเริ่มจะรื้อตู้เสื้อผ้าอีกครั้ง
“พี่ก้อยอ่ะ หยายิ่งตื่น ๆอยู่ด้วย นักข่าวก็เยอะ หยาไม่รู้จะทำไงดีอ่ะ แล้วหัวใจหยาก็เต้นแปลกอ่ะพี่ หยาจะเป็นโรคอะไรหรือเปล่า หรือทำงานหนักไป พี่ก้อยไปถามหมอให้หยาหน่อยสิ”
พี่ก้อยของญาดา หัวเราะร่าเมื่อได้ยินความในใจของหญิงสาวอายุตั้งยี่สิบสี่ แต่ไม่เคยริเริ่มเรื่องพวกนี้ ญาดาเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านเป็นหลานสาวคนสุดท้องของตระกูล คุณย่าคุณยายจึงประคบประหงมเพราะไม่มีหลานสาจนใครไม่หล้าแตะ ลุงป้าน้าอาก็รักและตามใจจนกลายเป็นคนเอาแต่ใจ นายพลเห็นว่าไม่ไหว เพราะคุณหญิงวารีย์ก็เห็นดีเห็นงามจนลูกสาวของเขาเริ่มไม่ฟังอะไร จึงจับส่งไปอยู่กับย่าใหญ่ ถึงจะหลงหลานไม่แพ้กันแต่ก็ยังดีว่าที่มีญาติเป็นโขยงมารุมเอาใจแบบนี้ แผนการส่งญาดาไปฝรั่งเศสจึงเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่อายุไม่ถึงสิบขวบเท่านั้นเอง
“มันก็เป็นอาการปกติของวัยรุ่นน่า ไม่ต้องพึ่งหมอหรอก”ฐาปนีย์ขำ ก่อนจะหัวเราะพรืดเมื่อหญิงสาวเอ่ยขึ้นมา
“แต่หยาเป็นผู้ใหญ่แล้วนะพี่ จะยี่สิบสี่อีกสามสี่เดือนแล้ว”
.........................................................................
ดินเนอร์ของทั้งคู่จัดที่ภัตราคารของโรงแรม เพราะสามารถกันนักข่าวได้ตามสิทธิของเจ้าของ ทันทีที่จีระเห็นร่างระหงในชุดสีขาวสั้นสุด จนผู้ชายหลายคนจ้องตาไม่กระพริบ ดีที่ส่วนบนยังเป็นแขนยาวถึงจะเปิดไหล่ก็ไม่ได้เน้นส่วนเนินอกเหมือนเช่นคืนแรก จีระต้องยอมรับอย่างปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าญาดาเป็นผู้หญิงที่สวยสมเป็นผู้หญิงมากที่สุด รอยยิ้มสวยยิ้มให้เขาแต่ไกล เสียงแจ้วๆใสๆดังแก้วก้องกังวานถามอย่งน่ารัก
“ฉันมาสายหรือเปล่าคะ”จีระเลื่อนเก้าอี้ให้ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ ก่อนจะนั่งลงอีกฝั่งของโต๊ะ แม้จะอยู่ในชุดเดิมแต่จีระก็ไม่ได้ลดความน่ามองลงไปเลย สังเกตได้จากบรรดาสาวๆที่ชะเง้อมองเขาทั้งอย่างจงใจและเนียบเนียน
“เปล่าครับ พอดีผมลงมาก่อนเวลานัดเท่านั้นเอง”จีระยิ้ม รับ เรียกพนักงานมาสั่งอาหารให้ตนเองและหญิงสาว พร้อมเปิดไวน์แดงราคาห้าหลักหนึ่งขวด
“คุณจีระมาที่นี่บ่อยหรือคะ”ญาดาเริ่มคุยเมื่อเกิดบรรยากาศเงียบขึ้น
“ไม่บ่อยครับ พอดีคุณแม่อยากต่อเติมโรงแรม พี่เลยมาดูแปลนให้”
“แล้วน้องหยาหล่ะครับ มาถ่ายละครหรือ”เทียงโทนต่ำแต่นุ่มหูเอ่ยถาม แถมคำพูดที่สนิทสนมทำให้ญาดายิ้มมากขึ้น
“หยามาถ่ายโฆษณาค่ะ พอดีว่ามันเป็นซีรีย์หลายชุด เลยต้องถ่ายกันเป็นอาทิตย์” ทั้งคู่พูดคุยกันไปเรื่อย ๆจนอาหารค่ำมาเสริฟ์ เสียงเพลงเพราะขับกล่อมให้บรรยากาศดูอบอวลไปด้วยความสุข เช่นเดียวกับจินใจพองฟูของหญิงสาว จีระเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ และเพียบพร้อม จะผิดไหมถ้าหากคำพูดของคุณแม่ของเธอจะทำให้เธอเริ่มคิดอะไรกับผู้ชายตรงหน้าคนนี้
‘ถ้าหยาไม่ลองรัก จะรู้ได้อย่างไรว่ารัก’
“พี่จินชอบแกล้งหยา” หญิงสาวรู้สึกคุ้นเคยขึ้นเมื่อ ทั้งคู่เริ่มคุ้นอดีตของตนขึ้นมา ต่างคนต่างพากันประติดประต่อ จำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่หากสองคนช่วยกันร้อยเรียงเรื่องราวก็เริ่มเด่นชัดขึ้น จนหลายต่อหลายครั้งที่ทั้งคู่ต้องหัวเราะออกมา
“ก็ตอนนั้นหยาแก้มป่อง พุงพุ้ยเชียว เหมือนตุ๊กตาไม่มีผิด”จีระนึกถึงภาพเหตุการณ์ครั้งนั้น
“เลยจับหยามัดติดตัวเองเหรอคะ”หญิงสาวทำท่างอนตุ๊บป่อง ยื่นปากออกมาอยากน่ารัก แก้มป่องๆตอนเด็กเริ่มแสดงให้เห็นตอนนี้ และยิ่งยู่ปากมากขึ้นเมื่อตอนจีระขำไปพูดไป
“ก็ตอนนั้นพี่เคยเห็นชาวเขาเค้ามัดลูกไว้ข้างหลังนี่นา พี่ก็อยากทำบ้างแต่ไม่มีตุ๊กตาให้พี่เล่นเลย”จีระเอานิ้วชี้จิ้มไปที่แก้มป่องๆเหมือนครั้งที่ทำตอนเด็ก
แต่มันผิดที่ตอนนี้ทั้งคู่ไม่ได้อายุแค่สี่ห้าแล้ว
“พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจ”จีระเอ่ยเสียงเบา จะว่าเขาลืมตัวหรือเมาไวน์ราคาแพงนี้ก็ได้ แต่เขาไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้นเลย
“ไม่เป็นไรค่ะ หยาเข้าใจ”ญาดารู้สึกเสียใจนิดหน่อย ที่เห็นหน้าชายหนุ่มทำท่าทางแบบนั้น ความรู้สึกผิดไม่ใช่สิ่งที่หญิงสาวอยากให้เป็น
“พรุ่งนี้พี่จินว่างไหมคะ”ญาดาเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นชายหนุ่มเริ่มเงียบ
“ก็มีดูไซต์งานตอนเช้าก็คงเสร็จแล้ว”
“หยาเห็นมีป้ายบอกไปทุ่งทานตะวันด้วย ไม่รู้ว่าแถวนี้ก็มี พี่จินพาหยาไปหน่อยสิคะ หยายังไม่อยากกลับกรุงเทพฯ” จะว่าหน้าด้านหน้าทน ญาดาก็ยอมรับ พยายามทำเสียงไม่ให้สั่นไปมากกว่านี้ ทั้ง ๆใจมันตื่นเต้นไปหมด มือทั้งสองข้างเย็นเยือกกลัวคำตอบของร่างสูง แม้จะไม่เข้าใจว่าความรู้สึกของตนเรียกว่าความรักหรือเปล่า แต่ความรู้สึกที่อยากอยู่กับชายคนนั้นนานๆ อยากได้ยินเสียงอยากเห็นหน้า เรียกว่าความรัก
ญาดาก็ต้องยอมรับ ว่าเธอกำลังหลงรักผู้ชายคนนี้เข้าอย่างเต็มหัวใจ
“งั้นเดี๋ยวทานข้าวกลางวันด้วยกันแล้วค่อยออกไปก็แล้วกันนะ”จีระยิ้มให้อยากอบอุ่น เมื่อเห็นลักยิ้มเต็มทั้งสองข้างของหญิงสาว ความพยายามทำตัวสนิทสนมให้ญาดาเห็นว่าเขาเป็นได้เพียงพี่ชายได้เริ่มต้นขึ้น โดยที่จีระไม่รู้เลยว่า
ความอ่อนโยนที่มอบเฉกเช่นน้องสาว มันจะทำให้ความสัมพันธ์อันบริสุทธิ์ของทั้งคู่จบลงอย่างไม่มีวันหวนคืน
......................................................................
ทันทีที่ก้าวสู่สนามสุวรรณภูมิ แว่นตาก็ยิ้มร่าออกมา ถึงบ้านเกิดเมืองนอนเสียที ว่าที่ดอกเตอร์สาวยิ้มดีใจที่การสัมภาษณ์สอบชิงทุนเรียนต่อที่วอชิงตันได้รับการตอบรับ ไม่เสียทีที่ยอมเอาเงินเก็บซื้อตั๋วขึ้นเครื่องบินข้ามทวีบไป แว่นแก้วเป็นเด็กกำพร้า ยายที่เลี้ยงดูแว่นแก้วมา ญาติเพียงคนเดียวเสียไปช่วงที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยพอดี ทำให้แว่นแก้วไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย เสียเวลาไปหนึ่งปี ก่อนจะสอบชิงทุนจากฝรั่งเศสได้ในฐานะเด็กด้อยโอกาสจากประเทศที่สาม แว่นแก้วเลยมีโอกาสได้เรียนต่อกับเขาเสียที เพราะความเพียรและฉลาดทำให้เธอได้รับทุนจนถึงปริญญาโท ก่อนจะได้รับทาบทามมาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังในกรุงเทพ ฯ
ทันทีที่มาถึงประเทศไทย สิ่งแรกที่แว่นแก้วเลือกทำก็คือโทรหาเพื่อนรักเพียงคนเดียวของเธอ สายตาภายใต้แว่นหนาจึงสอดส่องหาตู้โทรศัพท์สาธารณะ
“คิดว่าคนทั้งโลกมีมือถือหันหรือไงกัน”แว่นแก้วต้องลากกระเป๋าใบโตพร้อมกันสอดส่องหาตู้โทรศัพท์สาธารณะ และแล้วไม่รู้โชคดีหรือร้ายที่บังเอิญเหลือเกิน ที่ตู้หนึ่งเดียวนั้นมีชายหญิงคู่หนึ่งพลอดรักพิงข้างๆ ตู้โทรศัพท์สาธารณะพอดี แว่นแก้วตัดสินรออยู่สักพักก็เห็นทั้งคู่แยกออกจากกัน เธอจึงก้าวเข้าไปหา ได้อีกสามก้าว ผู้ชายร่างสูงหน้าตาดีจัด ผิวสีน้ำผึ้งก็โน้มตัวจูบฝรั่งผมสีบรอนด์อีกครั้งและดูว่าคงอีกนานกว่าจะแยกจากกัน
“ทำไมไม่เปิดโรงแรมเสียเลยล่ะ”แว่นแก้วแค่คิดในใจเท่านั้น แระโยคที่พูดออกมาจริงๆคือ
“ขอโทษนะคะ ฉันขอให้โทรศัพท์หน่อยนะคะ” ไม่อยากจะคิดหรอกจะ แต่สายตาเหยียดของคนทั้งคู่ทำให้แว่นแก้วนึกรังเกียจขึ้นมา ภาษาอังกฤษอันแสนคุ้นเคยดังขึ้น
“แล้วอย่าลืมไปเยี่ยมฉันบ้างนะคะ มาร์ค ฉันคงคิดถึงคุณแทบคลั่งแน่ๆ” หญิงสาวฝรั่งคนนั้นพูดพรางดมซอกคอของชายหนุ่มไปพลางๆ แว่นแก้วคิดอาการนั้นได้แค่นี้
“แน่นอนซินดี้ ผมไม่เคยเจอใครร้อนแรงอย่างคุณมาก่อน”
“สัญญานะคะ ที่รัก ถ้าคุณไม่ไป ซินดี้จะกลับมาอีกครั้งเพื่อทวงสัญญาของคุณนะคะ”แล้วทั้งคู่ก็จูบดูดดื่มอีกครั้ง ห่างตู้โทรศัพท์สาธารณะที่แว่นแก้วยืนอยู่ไม่เกินสองเมตร ทั้งคู่คลอเคลียหันกันครู่เดียวพร้อมคำหวานแสลงหูแว่นแก้ว หญิงสาวฝรั่งทรงโตคนนั้นก็จากลับตาไป ขณะที่แว่นตาเพิ่งเปิดหาเบอร์ของเพื่อนรักเจอ
“มองอะไรยัยเบ๊อะ อย่างเธอไม่ได้ขึ้นเตียงกับฉันหรอกนะ”
ประโยคดังกล่าวมาจากผู้ชายที่แว่นแก้วเคยคิดเมื่อนาทีก่อนนั้นว่า หน้าตาหล่อจัด แต่คำพูดที่เอ่ยออกมานั้นทำให้แว่นแก้วคิดอะไรไม่ออก ยังไม่ทันได้พูดอะไรมากมาย ก็มีผู้หญิงไทยอีกคนวิ่งเข้ามากอดร่างสูงเอาไว้
“เมศคะ อยู่นี่เอง มิวคิดว่าเมศล้อเล่นนะเนี่ย” ยังไม่ทันได้พูดตอบอะไร ผู้ชายหน้าตาดีแต่นิสัยแย่คนนั้นก็กอดหญิงสาวร่างเล็กแต่ทรงโตเกือบเท่าคนก่อนหน้านี้แน่น ต่างพลัดกันหอมแก้มซ้ายขวาไปมา จนแว่นแก้วออกอาการคล้ายเมาเครื่องเล็กน้อย
“มิวเห็นผมเป็นคนยังไงกัน แฟนกลับมาทั้งทีก็ต้องมารับสิ ว่าแต่ว่า คุณบอกจะกลับพรุ่งนี้นี่นา ไหงกลับมาก่อนล่ะ เนี่ยถ้าผมไม่ให้เลขาเช็คเที่ยวบิน ไม่รู้จริง ๆนะคะ ว่าคุณจะเซอร์ไพส์ผมอย่างนี้น่ะ”เสียงทุ้มตอบเอาใจ สร้างรอบยิ้มให้หญิงสาว
ตอแหล !! แต่แว่นแก้วคิดได้แค่นั้นจริงๆ
“แล้วช่วงที่มิวไม่อยู่ เมศแอบเหลวไหลหรือเปล่าคะ มิวมีสายเยอะแยะเต็มไปหมดนะคะ สารภาพมาซะดีๆ”หญิงสาวรู้ดีว่า เธอเล่นกับไปอยู่ ปรเมศร้ายพอๆ กับเสือไม่รู้จักอิ่ม แต่เธอก็มีค่ามากพอที่จะไม่อยากเป็นแค่ตัวสำรอง
“โธ่ มิว ผมคลั่งคุณจะแย่อยู่แล้ว ไปถามใคร ๆเลยก็แล้วผมไม่เคยวอแวกับใครเลยจริงๆนะ “
เพราะผมขลุกอยู่แต่ห้องนอนไง ปรเมศคิด
“มิวไม่เชื่อหรอกค่ะ”แล้วสายตาหญิงสาวคนนั้นก็สังเกตเห็นอีกร่างหนึ่งข้าง ๆไม่ใกล้ไม่ไกลปรเมศ แม้หน้าตาจะห่างไกลสเป๊คของแฟนหนุ่ม แต่ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงก็สมควรระวังบ้าง
“แล้วเอ่อ...เธอเป็นใครคะ”แว่นแก้วแอบได้ยินเสียงกระซิบถามชายหนุ่มร่างสูง ในใจภาวนาให้เพื่อนรักรับโทรศัพท์เสียที แล้วสายตาทั้งสองคู่ก็สบตากับเธอ
“แต่เด็กมัธยมน่า....อีกอย่างเห่ย ๆแบบนี้คุณคิดว่าผมจะแอ้มได้ไงกัน ดูถูกผมมากนะรู้ไหมครับ”แล้วชายหนุ่มก็โน้มตัวซุกหน้ากับซอกคอของหญิงสาวกริยาคล้ายๆ กับที่ฝรั่งคนนั้นปฏิบัติกับชายหนุ่มไม่มีผิด
“เขาได้ยินนะคะเมศ ปากร้ายจริงๆเลยคุณเนี่ยย”เหมือนจะดุ แต่แววตากลับไม่โกรธเคือง ยัยตอแหลนี่เหมาะกับนายมักมากนี่จริงๆ ตอแหลทั้งคู่
แว่นตาคงไม่ยุ่งเกี่ยวใครก่อนถ้าไม่มีใครมายุ่ง เหยียบแผ่นดินเกิดครั้งแรกแล้วมีเรื่องไม่ควรเกิดขึ้น เป็นลางร้าย แต่แว่นแก้วก็ทนไม่ไหวเหมือนกันนะ
“นี่ๆ คุณแล้วแม่ซินดี้ฝรั่งผมบรอนด์คนที่คุณจูบตะกี้ไม่ใช่แฟนคุณเหรอ ฉันเห็นคุณฟัดกันตั้งนาน แล้วนี่ใครอีกหละ จะไทย ญี่ปุ่น ฝรั่งเอาให้แน่สิคุณเนี่ยยย อ้อ...แล้วที่บอกว่าอยากโจ๊ะกับฉันเมื่อกี้ ขอปฏิเสธก็แล้วกันนะ เมียคุณมาแล้วนี่นาเนอะ ”
จะโทษก็โทษที่แว่นแก้วไม่ได้อยู่ไทยนานเถอะนะ การสื่อภาษาถึงค่อนข้างแย่แบบนั้น แม้ใจจริงจะแอบเถียงว่าได้เกรดสี่ทุกครั้งตอนเรียนก็ตาม แว่นแก้วหันหลังกลับทันทีหลังปล่อยระเบิด ไม่รอให้หน้าอึ้งๆ ของทั้งคู่พูดอะไรหรอก โทรศัพท์นะโทรก็ได้ ตอนนี้ขอแค่สะใจกับไอ้บ้ากามนั้นก่อน รอยยิ้มเล็ก ๆปรากกขึ้นก่อนจะเต็มแก้มนวล ตาสองข้างหยีน่ารักแต่กลับอยู่ใต้แว่นหน่าเต๊อะทันทีที่ได้ยินเสียงคล้านคนทะเลาะกันอยู่ด้านหลัง
ถือว่าเป็นเคราะห์เล็กเคราะห์น้อยก็แล้วกันนะที่เจอคนแบบนั้น.....แต่ขอให้ได้เจอกันอีกเลย
นายนั่นเป็นประเภทที่แว่นแก้วเกลียดมากที่สุดในโลกเลยจริงๆ
ความคิดเห็น