ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิวาห์ขม

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 เมฆก่อตัว

    • อัปเดตล่าสุด 6 มี.ค. 53


    /> /> />

    บทที่ 2  เมฆก่อตัว

                    รักก็คือรัก  ไม่รักก็คือไม่รัก

                    ข่าวใหญ่ที่ปรากฏลงหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ  ไม่นับหนังสือปาปารัชชี่ทุกเล่ม   ปรากฏรูปความหวานดูดดื่มของดารายอดนิยมอย่าง ญาดา  กับชายหนุ่มนักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรง  ประโคมกันอย่างร้อนแรงเป็นกระแสที่สร้างยอดขาดได้อย่างมาก 

                    ปิดเงียบอยู่นาน  สุดท้ายญาดา  เจ้าหญิงของวงการก็เปิดตัวหวานใจเสียที   ไม่ต้องถามถึงความรักหวานล้ำแค่ไหน  เพราะภาพฟ้องดูดดื่มขนาดนี้  หนุ่มๆ ทั้งหลายคงต้องเตรียมตัวอกหัก เช็ดน้ำตาเสียที  เพราะชายหนุ่มรูปงามนั้น  ไม่ใช่ใครที่ไหน  ลูกชายของเจ้าแม่นักธุรกิจใหญ่  เพ็ญศิริ  วัฒนเดชา  เพื่อนซี้คุณหญิงวารีย์นั่นเอง  เห็นทีงานเลี้ยงจะเรือล่มในหนอง........

                    จีระรู้สึกหัวเสียอย่างรุนแรง  เมื่อเห็นข่าวที่สื่อเขียนออกไป  แถมคุณแม่ของตนกลับรู้สึกเห็นดีเห็นงามไปด้วย 

                    ก็ดีแล้วนี่นา  แม่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเชิญนักข่าวมาแถลงข่าว  แต่เลือกลูกสะใภ้ถูกใจแม่จังเลย

     

    พอเอ่ยเรื่องฟ้องร้อง  ก็โดนตบหัวไปหลายที  พร้อมกับโดนสวดเกือบครึ่งชั่วโมง  ไหนจะเรื่องที่ทำให้ฝ่ายหญิงเสียหาย  ทั้งเรื่องกลัวผิดใจกับครอบครัวคุณน้าวารีย์  จีระไม่เคยคิดมาก่อน  ว่าหญิงสาวหน้าตาสวยจัดคนนั้นจะเจ้าเลห์มากกลอุบายขนาดนี้  เขาเองโง่เองที่ไม่ใส่ใจเรื่องผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่แรกมาคุณแม่เริ่มเอ่ยขึ้น  หลังจากกลับมาเมืองไทย  ใครจะคิดว่าน้องหยาของแม่  กับญาดามันเป็นคนเดียวกัน  แถมยังเป็นน้องของคุณาเพื่อนเก่าคนสนิทอีก  เรื่องฟ้องเลยต้องตกไป  พอเริ่มใจเย็นหน่อย  เลขาส่วนตัวของเขาก็โทรมาถามเรื่องนักข่าวนัดสัมภาษณ์เรื่อง ความรักของจีระ-ญาดากับเสียงหัวเราะร่าของพี่ชายตัวดี เจตริน  ที่สนับสนุนมารดาของตนอย่างออกหน้าออกตา  ก็ภรรยาท้องอ่อนๆ ที่นั่งยิ้มล้อจีระอยู่ตอนนี้  ก็ฝีมือคุณแม่หามาให้เหมือนกัน

    รอให้ตาเจดหาให้แม่  ก็กลัวจะไม่ได้เพราะต้องใช้เวลาเลือกนานไปหน่อย

     จีระจำได้ว่า ตอนนั้นพี่ชายของเขาโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง  ประท้วงหยุดงานไปงานวันจนโดนหิ้วหูลากไปบ้านหญิงสาว  พอเห็นหน้าตาของว่าที่พี่สะใภ้เท่านั่นแหละ  น้องๆ หนู ๆทั้งหลายเป็นอันต้องเสียน้ำตา 

    “แต่จินไม่เหมือนพี่เจดนะแม่  จินอยากเลือกผู้หญิงของจินเอง”จีระบอกมารดาของตนเองไป  ข้าวต้มกุ้งตรงหน้าไม่น่าทานเหมือนทุกวัน  ได้แต่ดื่มกาแฟดำย้อมใจ

    “ตอนนั้นตาเจดก็พูดแบบนี้เหมือนกัน”คุณเพ็ญศิริแย้งขึ้นมา 

    “ตอนนี้พี่เจดพูดแบบนั้นจริง ๆหรือคะคุณแม่”แล้วเสียงใส ๆ ของที่ว่าคุณแม่มือใหญ่ อย่างฟาริดาก็เอ่ยถามขึ้น  ทำเอาเสียงหัวเราะของเจตรินชะงักทันที  เมื่อเห็นเพ็ญศิริตอบรับ 

    “แต่ตอนนั้นพี่ยังไม่ได้เจอกับน้องแฟนนะ  แล้วอีกอย่างยังไงคนที่พี่เลือกก็คือน้องแฟนไง” ภรรยาสาววัยยี่สิบสี่ยิ้มได้บ้าง  หลังจากฟังสามีพูดปลอบประโลม  ก่อนจะกระซิบบอกจีระทีหลังว่า  ช่วงนี้เมียท้องอารมณ์แปรปรวน ต้องเอาใจ ไม่ได้กลัวแม่เหมือนที่โดนเพื่อน ๆตราหน้า  จีระก็ไม่ได้ว่าอะไร  เพราะชินเสียแล้วกับนิสัยยอมรับความจริงไม่ได้ของพี่ชาย


    เสือโดนถอดเขี้ยวก็แบบนี้แหละ  ตอนนี้เป็นแมวก็ยังอยู่ในกล้าพูดอีกปรเมศ  เพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมก๊วนของเจตรินชอบแซวแบบนี้

    เออ  ไอ้เมศ  ไอ้น้องชั่ว  ถ้ามึงมีเมียแล้วไม่กล้วบ้าง  กูขอแก้ผ้าวิ่งรอบกรุงเทพฯ เลยนี่เป็นเสียงพูดคุยยามก๊งเหล้ากัน  เป็นที่รู้กันว่าสองเสือนี้เจ้าชู้ตัวพ่อ  แต่หลังจาดเตรินแต่งงาน  ปรเมศเลยต้องฉายเดี่ยวแทน

    “ยอมแม่ไปเถอะจิน  เผลอแกนั่นแหละจะหลงรักเขาแทน  ผู้หญิงอะไรวะ  ขนาดเห็นไม่ชัดยังสวยชิบหาย  ถ้าไม่ติดว่าเคยเช็ดขี้มูกโป่งให้มันนะ  เสร็จพี่ไม่ถึงน้องหรอกโว้ย” เจตรินคุยโวทับทันทีตามประสาเสือโดนถอดเขี้ยวตามที่ปรเมศบอก  ไม่รับรู้สายตาดุของภรรยาสาวเลย


    “ก่อนจะฟาดคนอื่น  ก็ระวังน้องแฟนฟาดด้วยนะเฮีย” ฟาริดาโกรธไปแล้วเรียบร้อย  ก่อนจะเอ่ยขอตัวกับคุณแม่  รีบลุกออกไป  ทิ้งให้คนหน้าซีดไม่ระวังปากหลุ้มใจแทน


    “แม่ง  คนท้องก็อารมณ์แบบนี้แหละ  เดี๋ยวรอน้องหยาท้องแกก็ระวังๆ ไว้บ้างนะ  ดูพี่เป็นกรณีศึกษาไว้”คุยยกหางตัวเองได้สักพัก  นั่งไม่ติดเก้าอี้ได้ไม่ถึงสิบนาที  ก็ต้องขอตัวไปง้อภรรยาว่าที่แม่ของลูกทันที


    “เฮ่ออ....ตาเจดนี่มันรักเมียมันจริง ๆเนอะจิน  แม่เห็นแล้วปลื้มใจ”เพ็ญศิริเอ่ยชมลูกชายคนดีที่ตอนนี้กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี  กลับบ้านตรงเวลาทุกวัน 


    “แต่ถ้าแม่บังคับจิน   จินไม่สัญญาหรอกนะว่าจะเหมือนพี่เจดเค้า”จีระถอนหายใจเฮือกใหญ่  เอนหลังไปพิงเก้าอี้  มองหน้ามารดาของตนอย่างหนักใจ


    “ตอนนี้จินก็ไม่มีใคร  จะลองศึกษาน้องเค้าหน่อยไม่ได้หรือไง  ถือว่าช่วยให้ความหวังของคนแก่อย่างแม่กับน้าวาเป็นจริงหน่อยสิ”


    “ใครว่าจินไม่มีใครกัน..........เพราะจินมีคนรักแล้วนะสิ  จินถึงยอมเรื่องนี้ไม่ได้”


    ..........................................................................................................

     

    ช่วยไม่ได้ที่สมาธิของญาดาจะเหลือน้อยนิดเหลือเกินในช่วงหลายวันนี้ งานถ่ายโฆษณาของเธอต้องถ่ายใหม่เป็นครั้งที่สาม  เพราะตัวเธอไม่มีสมาธิเอาเสียเลย  แต่ผู้ร่วมงามต่างพากันแซวยกใหญ่ว่าคนมีความรักก็เป็นแบบนี้ทุกคน  แถมยังมีนักข่าวรอหน้าสตูดิโอเกือบสิบคน  รอสัมภาษณ์  เล่นเอาเจ้าของสินค้ายิ้มแปล้  เพราะไม่ต้องออกแรงประชาสัมพันธ์เลย ก็มีคนสนใจอย่างมากมาย 


                    “จะให้พี่แก้ข่าวให้หรือป่าว”ฐาปนีย์  หรือพี่ก้อย ผู้จัดการส่วนตัวที่คุณหญิงจ้างมาเอ่ยถาม  หลังจากรอญาดาเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อแขนสั้นเปิดกระดุมผ่าลำตัวทับเสื้อกล้าสีขาว ประทับด้วยเข็มกลัดขนสีดำขาวรูปหัวใจตรงหน้ากับเครื่องประดับเล็ก ๆน้อยๆ


                    “................”


                    “ไม่ให้แก้ข่าวหรือ”ญาดาหันมองหน้าปาฐินีย์ ก่อนจะถอนหายใจออกมา  ความรู้สึกของญาดาตอนนี้มันสับสนไปหมด  ตอนแรกหญิงสาวตกใจที่เห็นข่าว  แต่เมื่ออ่านเนื้อหา  เธอก็รู้ว่าเป็นลูกชายของป้าเพ็ณของเธอ  แถมยังเคยเล่นหัวกันตั้งแต่เด็ก  คุณแม่ของเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร  แถมยังช่วยสนับสนุนอีก  หากเธออยากคบหาจริงๆ  พูดแล้ว  แก้มสาวก็แดงเปล่งขึ้นมา 


                    “แก้ว่าอะไรล่ะ  พี่ก้อย พอหยาแก้  แม่กับป้าเพ็ญก็ให้ข่าวอีก  หยาขี้เกียจแก้  ช่างเถอะ  หยาว่าเราแอบกลับทางด้านหลังดีป่าว หยาอยากโรงแรมแล้วอ่ะ”หญิงสาวหยิบหมวกทรงแฟชั่นสีเทาขึ้นมาสวม  พลางควานหาแว่นดำของตน  ฐาปนีย์เลยออกไปหาลู่ทางให้ รอพักใหญ่ก็ไม่เห็น  จึงเดินออกไปตามหา เสียงดังของนักข่าวก็ดังขึ้นแซ่เซ็งขึ้นเรื่อยๆ  ญาดาลองชะโงกออกไปมอง  ดูเหมือนว่าจะมีดาราใหญ่มีถ่ายที่นี่ด้วยกระมัง  นักข่าวถึงรุมเสียขนาดนั้น  แถมยังขับรถราคาแพงอย่างแอสตันมาร์สีดำขลับคันใหญ่ รุ่นเดียวกับพี่ชายของเธอแต่คนละสีเท่านั้นเอง

                    แล้วญาดาก็หมดความสนใจเมื่อคิดได้ว่า  โชคดีที่มีเป้ามาล่อนักข่าวแทน  จะได้หลบไปพักโรงแรมได้อย่างสะดวก  หากฐาปนีย์ไม่เรียกเธอเสียก่อน



                    “น้องหยา  รีบมาเร็วๆ”เสียงพี่ก้อยไม่ได้ดังมากนักแต่เมื่อคนหนึ่งเหลียวมอง  อีกหลาย ๆคนก็ต้องมองตามๆกัน  จนเธอเห็นนักข่าวทุกคนกันมองเธอเหมือนเหยื่ออันโอชะ  ช้าไปเสียแล้ว.....ญาดาคิด  แต่ผู้ชายสวมแว่นตาดำสนิท  สวมชุดเชิ้ตสีดำเข้มปลดกระดุมหน้าอกสองสามเม็ด  คงเพราะอากาศที่จันทบุรีร้อนอบอ้าวพอสมควร  ไม่ต้องคาดเดาอะไรมากมาย  ชายหนุ่มตรงหน้ามาหาเธออย่างแน่นอน  เพราะเขาเร่งฝีมือตรงมาหาเธอเรียบร้อยแล้ว  แถมยังยิ้มแปลก ๆให้เธอ  ช่างภาพต่างรัวชัตเตอร์มือระวัง  หวังว่าจะได้ช๊อตเด็ด


                    “เอ่อ  สวัสดีค่ะ  เอ่อ  คุณจีระ”จะเรียกพี่ก็เนิ่นนานกระดากเกินกว่าจะพูด  ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ มองใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางเช่นเคย  มองรอยยิ้มสดใสบ่งบอกทั้งความดีใจและแปลกใจจนปิดไม่มิด


                    “พอดีผมมาดูไซต์งานแถวนี้  คุณแม่เลยบอกว่าคุณพักโรงแรมของเรา  ผมเลยมารับกลับ”จีระเอ่ยอย่างเป็นทางการแต่ก็ยื่นมือดึงกระเป๋าในมือในฐาปนีย์มาถืออย่างนุ่มนวลเมื่อถามเรียบร้อยแล้วว่าของมีแค่นี้ใช่ไหม

     

                    “อย่างงั้นหรือคะ....ไม่รบกวนคุณแย่หรือคะ”ญาดาสงสัย เอียงคอถามอย่างน่ารัก  เป็นภาพที่ไม่ค่อยเห็นนัก  ยิ่งทำให้ช่างภาพชักภาพกันยิ่งกว่าเดิม  และคำพูดของเธอกับชายหนุ่ม  แน่นอนว่ามันต้องบันทึกเสียงไม่ขากแม้แต่ประโยคเดียว


                    “ไม่หรอกครับ  ผมเต็มใจ  เย็นนี้ไปดินเนอร์กันนะครับ”


    หากจะถามว่าดีใจแค่ไหน  ที่เห็นหน้าชายคนนี้  ญาดาคงตอบไม่ได้ 

    รู้แต่ว่าเธอเกิดความรู้สึกอุ่นซ่านไปทั้งตัว  หัวใจก็เต้นจังหวะเดิมที่เคยเกิดขึ้นในคืนนั้น  จังหวะที่ไม่เคยเป็น

    แก้มของเธอแดงระเรื่องขึ้นจนใคร ๆ ก็สังเกตเห็น

    .......................................


     

      เหอะ   ให้ตายเถอะ  ผู้หญิงมากเล่ห์คนนั้น  ทำตารางชีวิตของเขาวุ่นวายจนน่าปวดหัวจริงๆ


                    หลังจากเหวี่ยงระบายโทสะจนลูกน้องต่างกลัวกันตามๆ ไป  จีระก็ทำงานด้วยสมาธิอันน้อยนิด  แถมยังต้องตอบปฏิเสธคนสัมภาษณ์ชีวิตเขาไปหลายราย  จนต้องบอกเลขาส่วนตัวไปว่าไม่ต้องถามเขาอีก  จีระไม่นึกเลยว่า  แค่เขานึกอยากลองบริหารเสน่ห์นิด ๆหน่อยๆ เท่านั้นจะเป็นเรื่องได้ขนาดนี้ แผนการเจ้าเล่ห์ที่ทำตัวเป็นหญิงสาวไร้เดียงสามันทำให้เขาหลงลืมลูกไม้ตื้น ๆของผู้หญิงเสียสนิทใจ  


                    ความคิดของจีระมากมายซับซ้อนนึกไปเรื่อยจนถึงหลายวันก่อนที่ทะเลาะกับมารดาของตน  จนเป็นสาเหตุให้ไม่ได้คุยกันมาหลายวัน  มารดาของเขาไม่หลายเงียบไปอย่างนี้  เพียงแค่เขาเอ่ยเรื่องของผู้หญิงคนรักของเขาเท่านั้น 


                    หากเจตรินเป็นผู้ชายที่เปลี่ยนแฟนบ่อยกว่าแปรงสีฟัน  จีระก็คือผู้ชายแทบไม่เคยควงใครจนหลายคนคิดว่าเป็นเกย์  แต่ความจริงแล้วจีระแค่รักมั่นกับ หญิงสาวหนึ่งเดียวในใจแค่นั้นเอง 

                    “นี่จินจะบอกแม่ว่าที่กลับไปเรียนโท  เพราะตามผู้หญิงคนนั้นไปงั้นหรือ”คำสนทนาวันนั้นผุดขึ้นมา

                    “ก็จินรักของจินนี่แม่”เขาเถียงไม่เลิก  แม่บอกว่าไม่ชอบเธอ  เพราะแววตาของเธอฟ้อง  แต่พอถามว่าฟ้องอะไร  คุณเพ็ญศิริก็ไม่ตอบ  ตอบเพียงแค่  ไม่เหมาะสมกับจีระเท่านั้น 

     


                    “แต่แม่เคยบอกให้จินเลิกตั้งแต่เรียนมหาลัยแล้วนี่นา”

     

                    “ตอนนั้นจินก็เลิกไปแล้วจริงๆ”เพียงแต่เขากลับไปคบใหม่ ตอนที่รู้ว่าเธอได้ทุนเรียนต่อเท่านั้นเอง


                    “แม่ไม่เห็นด้วย  ถ้าจินไม่คบหนูหยาของแม่  แม่ไม่ว่า  แต่อย่าพาผู้หญิงคนนี้มาให้แม่เห็น”

     

                    “จินไม่อยากได้หนูหยาอะไรนั่นของแม่นี่นา  จินบังคับจินไม่ได้หรอก  จินรักของจินมาตั้งนาน”จีระเถียงเสียงแข็ง  เล่นเอาเส้นเลือดของเพ็ญศิริเต้นกระตุบๆ 

     

                    “งั้นก็ลองทำความรู้จักหนูหยาก่อน  แม่ให้เวลาปีหนึ่ง  ไม่รักไม่ชอบกันค่อยว่ากันอีกที”

                    “นานไปอาทิตย์เดียวก็พอ”จีระต่ออย่างไม่คิด 

                    “เก้า”

                    “วันเหรอ”

                    “เดือนต่างหาก”

                    “นานไป  สองอาทิตย์ก็พอ”เมื่อเห็นว่าคุณแม่ของตนเริ่มหน้าแดงเพราะโมโหจัด  จีระเลยไม่กล้าต่อสักเท่าไหร่

                    “หรือแกอยากได้สองปี  เลือกเอา”

                    “ก็ได้เดือนหนึ่งก็เดือนหนึ่ง  ถ้าหนูหยาของแม่ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน  จะมาบังคับไม่ได้นะ  เพราะมันคนละเคสกับของเฮียเจดเขา” เพราะเจตรินและฟาริดาต่างชอบพอกันตั้งแต่แรกพบ  แต่สำหรับจีระมันไม่ใช่

     

    หากจะเป็นประทับแรกพบก็คงเป็นเรื่องไม่พ้นเตียงนอน แค่นั้นเอง...จีระคิดในใจ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×