ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิวาห์ขม

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 แรกพบ

    • อัปเดตล่าสุด 6 มี.ค. 53


    /> /> />

    บทที่ 1� แรกพบ

    หากความรักของฉันเริ่มต้นด้วยความประทับใจ

    ความรักของเขาก็คงเริ่มต้นที่ความสมเพชฉัน

    �������������� แสงแฟลตไววูบตามร่างระหงที่ก้าวเข้ามาในงานเลี้ยงขอบคุณของสมาคมสร้างรัก ญาดาราชาภักษ์นางแบบและดาราที่ถือว่าเป็นดาวรุ่งของวงการบันเทิง ณ ขณะนี้อยู่ในชุดแซกสั้นสีขาวชีฟองพริ้วไหวตามจังหวะเดินอันสวยสง่าเธอยิ้มเล็ก ๆ พร้อมกล่าวตอบคำตอบไปสองสามประโยคก่อนจะขอตัวด้วยรอยยิ้มบาดใจทั้ง ๆ นักข่าวสายบันเทิงและสังคมยังไม่ได้ยิงคำถามที่อยากถามมากที่สุด

    ��������������� ไม่ทราบตอนนี้คุณญาดามีคู่รู้ใจหรือยัง

    ��������������� เพราะญาดาไม่ใช่แค่ผู้หญิงสวยธรรมดา ๆ หากแต่มีดีกรีเป็นถึงลูกนายพลใหญ่ที่ใคร ๆ ต่างนับหน้าถือตาส่วนมารดาไม่ต้องพูดถึง ในวงการแวดวงไฮโซของเมืองไทยชื่อคุณหญิง วารีย์คือนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแถมพ่วงตำแหน่งอดีตนางสาวไทยเมื่อเกือบสามสิบก่อนทำให้คุณหญิงวารีย์เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่หญิงสาวหลายคนยึดเอาเป็นต้นแบบญาดาจึงเป็นรับมรดกเรื่องความสะสวยและผิวพรรณจากคุณหญิงวารีย์ได้ทั้งหมดอีกทั้งยังสานต่อความฝันของคุณหญิง เป็นนักแสดงชั้นนำและนางแบบอันดับหนึ่งของวงการเพราะคุณหญิงวารีย์ไม่มีเวลาต่อความฝันของตัวเองเพราะต้องดูแลกิจการอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่งเริ่มต้นโครงการก่อนจะประสบความสำเร็จถึงทุกวันนี้

    ��������������� หลังจากขอตัวจากกองทัพนักข่าวได้ญาดาก็มองหาคุณพ่อคุณแม่ของตนซึ่งถือว่าเป็นคนริเริ่มสมาคมร่วมกับคุณหญิงคุณนายของข้าราชการระดับสูงทั้งหลาย ผู้ที่ตกการสำรวจอัตราคนว่างงานได้อย่างหวุดหวิดสมาคมแห่งนี้เลยเป็นที่สิงสถิตของบรรดาป้า ๆ ไฮโซทั้งหลายเพราะนอกจากจะได้ลงข่าวหน้าสังคมของหนังสือพิมพ์แล้วยังได้บุญกุศลด้วย ครั้งนี้ก็เช่นกันสมาคมสร้างรักได้รวบรวมยอดบริจาคได้สูงสุดหลานล้านบาทในการช่วยสร้างโรงเรียนบนยอดดอยของจังหวัดเชียงใหม่จึงได้จัดงานเลี้ยงขอบคุณผู้สนับสนุนโครงการและผู้ร่วมบริจาค

    ��������������� “หยา...ลูก....ทางนี้” คุณหญิงวารีย์กวักมือเรียกลูกสาวที่ยิ้มตรงมาแสงแฟลตก็วูบวาบอีกครั้ง


    ��������������� “มานานหรือยังคะแม่”เสียงใส ๆ เอ่ยถามมารดาขณะที่ทั้งสองโน้มตัวหอมแก้มกันไปมาก่อนที่ญาดาจะหันไปกอดอีกคนพร้อมกับเอ่ยสวัสดีทักทาย


    ��������������� “มานานแล้วจ๊ะลูกก็คุณป้าของหนูนั่นแหละเร่งแม่จนไม่ได้กลับไปลากคุณพ่อมาเลย” คุณหญิงวารีย์ทำท่าค้อนใส่เพื่อนสนิทของตนอย่างที่ชอบทำทำเอาเพ็ญศิริหัวเราะร่า

    ��������������� “ก็เธอนะชักช้าอายุก็ขนาดนี้แล้วรู้จักปล่อยวางงานให้ลูกชายบ้างสิ” ลูกชายที่ว่าก็พี่ชายของญาดานั่นแหละ


    ��������������� “ความจริงแล้วคุณแม่หวงพี่คุณต่างหากค่ะกลัวพี่คุณไปเจ้าชู้ใส่สาว ๆ”ญาดาแซวคุณแม่ที่เห่อลูกชายของตนเองหากญาดาได้รับความสวจากแม่มาทั้งหมดคุณาก็ได้รับความสง่ามาจากท่านนายพลมาทั้งหมดเช่นกัน

    ��������������� “ก็ลูกชายฉันเพิ่งกลับมานี่นาต้องสอนงานกันอีกเยอะจะพามางานนี้ก็บ่นว่าเหนื่อยฉันเลยเกรงใจไม่อยากลากมาด้วย”คุณหญิงวารีย์เอ่ยอย่างภูมิใจไม่เหมือนคำพูดคุณาเพิ่งกลับมาจากอเมริกาได้ไม่กี่เดือนหลังจากเที่ยวจนเบื่อไปเกือบครึ่งโลก

    ��������������� “พี่คุณขี้เกียจฟังแม่บ่นต่างหาก”ญาดาว่ายิ้มน่ารักจนเห็นลักยิ้ม


    ��������������� “ป้าก็ว่างั้นแหละ”แล้วสองป้าหลานก็หัวเราะกันใหญ่ต่างพูดคุยกระหนุงกระหนิงด้วยความคิดถึงเพราะเพ็ญศิริไม่ค่อยได้กลับมากรุงเทพเสียนาน เนื่องจากเพิ่งลงทุนสร้างรีสอร์ตกับคอนโดนิเมียมที่เชียงใหม่เลยต้องไปคุมงานที่โน้น

    ��������������� “ก็ได้ตาเจดนี่แหละดูงานที่นี่แต่หนูแฟนอยากไปอยู่เชียงใหม่ แต่ฉันไม่อยากให้ไปเพราะไม่มีใครดูงานที่นี่”เพ็ญศิริ มีลูกชายสองคนคนโตชื่อเจตริน ส่วนคนเล็กชื่อ จีระส่วนสามีของเธอเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุตั้งแต่ลูก ๆ ยังเล็กอยู่เธอเลยดูแลกิจการครอบคนเดียว

    ��������������� “ก็เพิ่งจิกตาจินให้กลับเมืองไทยได้นี่แหละว่าแล้วก็ไม่รู้หายไปไหนหยาจำพี่เขาได้ไหมลูก” ญาดาส่ายหน้าไปมาหากจะจำได้ก็คงจำได้ตอนที่เธอยังเล็กอยู่มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งชอบแกล้งเธฮเสมอจนร้องไห้หลายครั้งแต่มันก็นานมาก�� และไม่ได้ติดต่อกันเป็นสิบปีแล้ว

    ��������������� “ให้หยาไปตามไหมยัยเพ็ญ”ญาดาไม่ได้ฟังคุณแม่ของเธอพูดสักเท่าไหร่เพราะหันไปยิ้มให้กล้องที่ถ่ายรูปพวกเธออยู่สายตาวิบวับของคนวัยกลางทั้งคู่


    ��������������� “อะไรนะคะคุณแม่”

    ��������������� “ไปตามพี่เขาให้หน่อยสิลูก”เพ็ญศิริยุตามพอเห็นใบหน้าหวานทำท่าคิดหนักก็รีบบอกรูปร่างกับสูทที่ชายหนุ่มสวมมาวันนี้ให้ฟัง

    ���������������

    ��������������� “พี่เขาสูงตั้งร้อยแปดสิบผู้ชายในงานรูปร่างขนาดนั้นหาได้ไม่ยากหรอกไปสิแม่กับคุณป้าจะแวะไปคุยกับเพื่อน ๆทางโน้นหน่อยหรือหยาจะไปด้วย” ว่าแล้วก็เป็นไปตามความตั้งใจเพราะญาดาส่ายหน้าทันทีไปตามคนง่ายกว่าหลุดเข้าไปในวงนกตั้งเยอะ

    ��������������� จะมางานเลี้ยงทั้งที ทำไมไม่อยู่ในงานกันนะญาดาคิดเพราะเดินหาทั่วงานแล้วก็ไม่เจอทั้ง ๆ ห้องบอลลูนก็ไม่ได้กว้างมากนัก�� แล้วไอ้ผู้ชายใส่สูทดำเนี่ยมันก็เกลื่อนเต็มไปหมดแต่ญาดาก็คิดว่าไม่น่าจะใช่ พี่จินเพราะความรู้สึกบอกว่าไม่ใช่แถมพวกนักข่าวก็ชอบมาถ่ายรูปเธอถี่เหลือเกินญาดาไม่ชอบปั้นหน้ากับกล้องหากไม่ใช้เพราะงานบรรยายากาศในเริ่มจากไม่สนุกแล้วก็เริ่มออกจะเซ็งมากขึ้นทุกที หญิงสาวเลยแอบแวบออกมาจากงานไปยังสวนหย่อมเล็ก ๆของโรงแรมที่จัดไว้ไสตล์บาหลีแถมยังมีดอกไม้กลางคืนส่งกลิ่นหอมโชยออกมาและเดินเข้าไปใกล้ ๆมันยิ่งส่งกลิ่นหอมอบอวลไปหมดแต่ไม่ฉุนญาดาค่อย ๆ ก้มดมสูดกลิ่นธรรมชาติเข้าไปรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันทีพลางคิดในใจอยากหาไปปลูกที่บ้านบ้าง

    ��������������� “ชื่อดอกราตรีครับ”ชายหนุ่มคนอีกที่นั่งในมุมมืดเอ่ยขึ้นมาสร้างความตกใจให้ญาดาเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกับคำตอบ

    ��������������� “หอมจังเลยค่ะว่าจะหาไปปลูกที่บ้านบ้าง”ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากก่อนจะยืนขึ้นจากม้านั่งสีขาวตัวยาวมาดมกลิ่มของมันบ้าง���



    ��������������� “ผมเองก็ชอบตรงที่มันหอมเหมือนกันครับที่บ้านก็ปลูกเป็นแปลงเลย”

    ช่วงจังหวะที่หันมาหาแค่เพียงจังหวะที่แสงไฟสีแสงปะทะใบหน้าของชายหนุ่มร่างสูงญาดาเริ่มรู้สึกว่าจังหวะหัวใจของตัวเองเปลี่ยนไปคล้าย ๆ จะเต้นรัวอย่างไม่เป็นจังหวะไม่เหมือนตอนที่วิ่งจ๊อกกิ้งไม่เหมือนตอนที่เริ่มแรกงานแสดงไม่เหมือนเดินบนแคดวอร์คใหญ่ ๆเป็นจังหวะที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนว่า ตัวเธอเป็นอะไร


    “คุณครับคุณ....”เสียงทุ้มเอ่ยถามเมื่อจู่ ๆ หญิงสาวหน้าตาสะสวย รูปร่างบางคนนี้ก็ทำตาโตๆเท่าไข่ห่านแถมยังเอามือขยุ้มรงอกเสียแน่นคงไม่ได้จะเป็นลมหรอกนะพอหญิงสาวได้ยินก็รีบโบกมือระวิงว่าไม่เป็นไร

    “ค...คะ....คุณพูดอะไรนะคะ”ญาดาบอกตัวเองให้ตั้งสติ


    “ไม่เป็นไรนะครับเอ่อ....คุณไม่ได้ดื่มมานะครับ”ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นมาญาดาก็ส่ายหน้าบอกว่าเธอเพิ่งออกมาจากงานเลี้ยงแต่ไม่ได้ดื่มอะไรมาก


    “แล้วคุณล่ะคะคุณ.....”ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรจะถามชื่อก็ดูแปลก ๆ เพราะเธอแทบจะไม่รู้จักเขาเลยแต่ญาดเป็นถึงดารานะเขาน่าจะรู้บ้างสิหรือว่าแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเธอ�� ไม่สิเธอเป็นผู้รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเขาเองนะและชายหนุ่มคนนี้คงไม่ได้คิดอย่างแน่นอนว่าเธอจะมาที่นี่เพราะแม้แต่ตัวเธอเองยังไม่รู้เลย


    “ผมอ๋อ...ผมชื่อ จีระ ครับ” ชายหน้ายิ้มให้อีกครั้งใบหน้าเรียวเล็กเปลี่ยนสีเล็กน้อยผู้หญิงคนนี้ก็คงจะเป็นหนึ่งในหลายๆคนที่ชื่นชอบตัวเขาสินะทำเป็นรู้สึกสนใจดอกราตรีแต่เป้าหมายก็คงเหมือนหลาย ๆคนที่เข้ามาเขาเองก็แค่ผู้ชายธรรมดา ๆเรื่องโปรยเสน่ห์มันเป็นเรื่องที่จีระอดทำไม่ได้ตามประสาผู้ชายเจ้าชู้

    “อ๋อ..ค่ะฉันชื่อ ญาดา ค่ะ” หญิงสาวแปลกใจเล็กน้อยเพราะตั้งแต่เธอเริ่มเข้าวงการก็ไม่เคยแนะนำชื่อให้ใครอีกเลยพอมาทำแบบนี้อีกครั้งมันก็แอบเขินบ้างเหมือนกัน


    “คุณญาดา มางานเลี้ยงอะไรหรือครับงานเดียวกันหรือเปล่า”

    “งานเลี้ยงสมาคมสร้างรักค่ะคุณจีระรู้จักหรือเปล่าคะ”เธอตอบเสียงใสชายหนุ่มก็บอกว่ามาจากงานเดียวกัน แต่ก็ไม่รู้จักใครเลยออกมาเดินเล่น

    “ฉันก็เหมือนกันค่ะคุณแม่กับคุณป้าให้เดินออกมาหาพี่ชายแต่ฉันหาไม่เจอเลยออกมาเดินเล่นเหมือนกัน”รอยยิ้มหวานน่าประทับใจใครหลายๆ คน ปรากฏออกมาถ้าจีระไม่ได้รู้สึกตัวก่อนเขาคงหลงความสวยงามตรงหน้าได้ไม่ยากเขายอมรับอย่างลูกผู้ชายว่าญาดาเป็นผู้หญิงที่สวยและน่าดึงดูดริมฝีแดงสีแดงอิ่มคู่นั้นทำให้เขารู้สึกร้อนทันมารวมทั้งชุดที่หญิงสาวสวมใส่ดูสวยหรูน่ารักแต่ข้างหลังคว้านลึกจนแผ่นหลังไร้ที่ตินั้นเผยออกมาสวยหวานแต่ร้อนแรงจีระคิดได้แค่นั้นจริงๆ


    “งั้นเราก็คงใจตรงกันนะครับ”จีระจงใจจ้องดงตากลมที่ดูจะกลมโตขึ้นอีกความแดงซ่านกระจายทั่วใบหน้าราวเด็กหญิงเริ่มรักญาดาเริ่มทำตัวไม่ถูก แม้จะไม่เคยมีแฟนจริง ๆจังๆเหมือนใครเขาแต่คนจีบเธอนั้นมากเสียจนเธอไม่กล้าออกไปไหนยิ่งตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแถมเธอก็แต่งตัวไม่มิดชิดมันไม่ควรเลยที่จะยืนคุยกับผู้ชายที่รู้จักเพียงชื่อที่นี่��

    “ค่ะแต่ฉันว่ามันบังเอิญมากกว่าขอบคุณที่บอกชื่อดอกราตรีนะคะฉันว่าพรุ่งนี้คงต้องเปลี่ยนไปเดินซื้อเสียหน่อย ยังไงก็ขอตัวนะคะ” ญาดาพยายามไม่มองหน้าคนที่ทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวเองใบหน้ามันชักร้อนๆ เพียงแค่เห็นสายตาคมดุจเหยี่ยวจ้องมองมาด้วยความรีบร้อนเธอจึงรีบหันกลับอย่างรีบร้อนเจ้ารองเท้าสูงสามนิ้วจึงเกี่ยวเข้ากับร่องไม้ที่ปูพื้นอยู่

    “ว๊ายยย”


    “ระวังครับ”




    แช๊ะๆๆๆๆๆ

    จีระโอบตัวญาดาไว้ไม่ให้ล้มพร้อมๆ ญาดาที่โถมแรงพลิกลงมาชนชายหนุ่มที่กางแขนรับเธอไว้หากแต่จังหวะไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นมันทำให้ริมฝีปากอิ่มที่จีระคิดไม่ซื่อประกบกับริมฝีปากของจีระได้อย่างพอดิบพอดีทั้งคู่คงไม่รู้สึกอะไรมากเท่าไหร่หากเสียงรัวกดกล้องถ่ายรูปกับแสงแฟลตที่สว่างจ้าเข้ามา ไม่ห่างจากทั้งคู่สักเท่าไหร่เลย





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×