คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 แรกพบ
บทที่ 1� แรกพบ
หากความรักของฉันเริ่มต้นด้วยความประทับใจ�
ความรักของเขาก็คงเริ่มต้นที่ความสมเพชฉัน
��������������� แสงแฟลตไววูบตามร่างระหงที่ก้าวเข้ามาในงานเลี้ยงขอบคุณของสมาคมสร้างรัก �ญาดา� ราชาภักษ์� นางแบบและดาราที่ถือว่าเป็นดาวรุ่งของวงการบันเทิง ณ ขณะนี้� อยู่ในชุดแซกสั้นสีขาวชีฟองพริ้วไหวตามจังหวะเดินอันสวยสง่า� เธอยิ้มเล็ก ๆ พร้อมกล่าวตอบคำตอบไปสองสามประโยคก่อนจะขอตัวด้วยรอยยิ้มบาดใจ� ทั้ง ๆ นักข่าวสายบันเทิงและสังคมยังไม่ได้ยิงคำถามที่อยากถามมากที่สุด
��������������� ‘ไม่ทราบตอนนี้คุณญาดามีคู่รู้ใจหรือยัง’
��������������� เพราะญาดาไม่ใช่แค่ผู้หญิงสวยธรรมดา ๆ หากแต่มีดีกรีเป็นถึงลูกนายพลใหญ่ที่ใคร ๆ ต่างนับหน้าถือตา� ส่วนมารดาไม่ต้องพูดถึง ในวงการแวดวงไฮโซของเมืองไทย� ชื่อคุณหญิง วารีย์� คือนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแถมพ่วงตำแหน่งอดีตนางสาวไทยเมื่อเกือบสามสิบก่อน� ทำให้คุณหญิงวารีย์เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่หญิงสาวหลายคนยึดเอาเป็นต้นแบบ� ญาดาจึงเป็นรับมรดกเรื่องความสะสวยและผิวพรรณจากคุณหญิงวารีย์ได้ทั้งหมด� อีกทั้งยังสานต่อความฝันของคุณหญิง เป็นนักแสดงชั้นนำและนางแบบอันดับหนึ่งของวงการ� เพราะคุณหญิงวารีย์ไม่มีเวลาต่อความฝันของตัวเอง� เพราะต้องดูแลกิจการอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่งเริ่มต้นโครงการ� ก่อนจะประสบความสำเร็จถึงทุกวันนี้
��������������� หลังจากขอตัวจากกองทัพนักข่าวได้� ญาดาก็มองหาคุณพ่อคุณแม่ของตน� ซึ่งถือว่าเป็นคนริเริ่มสมาคมร่วมกับคุณหญิงคุณนายของข้าราชการระดับสูงทั้งหลาย ผู้ที่ตกการสำรวจอัตราคนว่างงานได้อย่างหวุดหวิด� สมาคมแห่งนี้เลยเป็นที่สิงสถิตของบรรดาป้า ๆ ไฮโซทั้งหลาย� เพราะนอกจากจะได้ลงข่าวหน้าสังคมของหนังสือพิมพ์แล้ว� ยังได้บุญกุศลด้วย ครั้งนี้ก็เช่นกัน� สมาคมสร้างรักได้รวบรวมยอดบริจาคได้สูงสุดหลานล้านบาทในการช่วยสร้างโรงเรียนบนยอดดอยของจังหวัดเชียงใหม่� จึงได้จัดงานเลี้ยงขอบคุณผู้สนับสนุนโครงการและผู้ร่วมบริจาค
��������������� “หยา...ลูก....ทางนี้” คุณหญิงวารีย์กวักมือเรียกลูกสาวที่ยิ้มตรงมา� แสงแฟลตก็วูบวาบอีกครั้ง
��������������� “มานานหรือยังคะแม่”เสียงใส ๆ เอ่ยถามมารดา� ขณะที่ทั้งสองโน้มตัวหอมแก้มกันไปมา� ก่อนที่ญาดาจะหันไปกอดอีกคน� พร้อมกับเอ่ยสวัสดีทักทาย
��������������� “มานานแล้วจ๊ะลูก� ก็คุณป้าของหนูนั่นแหละเร่งแม่จนไม่ได้กลับไปลากคุณพ่อมาเลย” คุณหญิงวารีย์ทำท่าค้อนใส่เพื่อนสนิทของตนอย่างที่ชอบทำ� ทำเอาเพ็ญศิริหัวเราะร่า
��������������� “ก็เธอนะชักช้า� อายุก็ขนาดนี้แล้วรู้จักปล่อยวางงานให้ลูกชายบ้างสิ” ลูกชายที่ว่าก็พี่ชายของญาดานั่นแหละ�
��������������� “ความจริงแล้วคุณแม่หวงพี่คุณต่างหากค่ะ� กลัวพี่คุณไปเจ้าชู้ใส่สาว ๆ”ญาดาแซวคุณแม่ที่เห่อลูกชายของตนเอง� หากญาดาได้รับความสวจากแม่มาทั้งหมด� คุณาก็ได้รับความสง่ามาจากท่านนายพลมาทั้งหมดเช่นกัน
��������������� “ก็ลูกชายฉันเพิ่งกลับมานี่นา� ต้องสอนงานกันอีกเยอะ� จะพามางานนี้ก็บ่นว่าเหนื่อย� ฉันเลยเกรงใจไม่อยากลากมาด้วย”คุณหญิงวารีย์เอ่ยอย่างภูมิใจไม่เหมือนคำพูด� คุณาเพิ่งกลับมาจากอเมริกาได้ไม่กี่เดือน� หลังจากเที่ยวจนเบื่อไปเกือบครึ่งโลก�
��������������� “พี่คุณขี้เกียจฟังแม่บ่นต่างหาก”ญาดาว่า� ยิ้มน่ารักจนเห็นลักยิ้ม
��������������� “ป้าก็ว่างั้นแหละ”แล้วสองป้าหลานก็หัวเราะกันใหญ่� ต่างพูดคุยกระหนุงกระหนิงด้วยความคิดถึง� เพราะเพ็ญศิริไม่ค่อยได้กลับมากรุงเทพเสียนาน เนื่องจากเพิ่งลงทุนสร้างรีสอร์ตกับคอนโดนิเมียมที่เชียงใหม่� เลยต้องไปคุมงานที่โน้น
��������������� “ก็ได้ตาเจดนี่แหละดูงานที่นี่� แต่หนูแฟนอยากไปอยู่เชียงใหม่ �แต่ฉันไม่อยากให้ไปเพราะไม่มีใครดูงานที่นี่”เพ็ญศิริ มีลูกชายสองคน� คนโตชื่อเจตริน ส่วนคนเล็กชื่อ จีระ� ส่วนสามีของเธอเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุตั้งแต่ลูก ๆ ยังเล็กอยู่� เธอเลยดูแลกิจการครอบคนเดียว�
��������������� “ก็เพิ่งจิกตาจินให้กลับเมืองไทยได้นี่แหละ� ว่าแล้วก็ไม่รู้หายไปไหน� หยาจำพี่เขาได้ไหมลูก” ญาดาส่ายหน้าไปมา� หากจะจำได้ก็คงจำได้ตอนที่เธอยังเล็กอยู่� มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งชอบแกล้งเธฮเสมอ� จนร้องไห้หลายครั้ง� แต่มันก็นานมาก�� และไม่ได้ติดต่อกันเป็นสิบปีแล้ว
��������������� “ให้หยาไปตามไหมยัยเพ็ญ”ญาดาไม่ได้ฟังคุณแม่ของเธอพูดสักเท่าไหร่� เพราะหันไปยิ้มให้กล้องที่ถ่ายรูปพวกเธออยู่� สายตาวิบวับของคนวัยกลางทั้งคู่�
��������������� “อะไรนะคะ� คุณแม่”
��������������� “ไปตามพี่เขาให้หน่อยสิลูก”เพ็ญศิริยุตาม� พอเห็นใบหน้าหวานทำท่าคิดหนักก็รีบบอกรูปร่างกับสูทที่ชายหนุ่มสวมมาวันนี้ให้ฟัง�
���������������
��������������� “พี่เขาสูงตั้งร้อยแปดสิบ� ผู้ชายในงานรูปร่างขนาดนั้นหาได้ไม่ยากหรอก� ไปสิ� แม่กับคุณป้าจะแวะไปคุยกับเพื่อน ๆทางโน้นหน่อย� หรือหยาจะไปด้วย” ว่าแล้วก็เป็นไปตามความตั้งใจ� เพราะญาดาส่ายหน้าทันที� ไปตามคนง่ายกว่าหลุดเข้าไปในวงนกตั้งเยอะ
��������������� จะมางานเลี้ยงทั้งที ทำไมไม่อยู่ในงานกันนะ� ญาดาคิด� เพราะเดินหาทั่วงานแล้วก็ไม่เจอ� ทั้ง ๆ ห้องบอลลูนก็ไม่ได้กว้างมากนัก�� แล้วไอ้ผู้ชายใส่สูทดำเนี่ย� มันก็เกลื่อนเต็มไปหมด� แต่ญาดาก็คิดว่าไม่น่าจะใช่ ‘พี่จิน’ เพราะความรู้สึกบอกว่าไม่ใช่� แถมพวกนักข่าวก็ชอบมาถ่ายรูปเธอถี่เหลือเกิน� ญาดาไม่ชอบปั้นหน้ากับกล้องหากไม่ใช้เพราะงาน� บรรยายากาศในเริ่มจากไม่สนุกแล้ว� ก็เริ่มออกจะเซ็งมากขึ้นทุกที หญิงสาวเลยแอบแวบออกมาจากงาน� ไปยังสวนหย่อมเล็ก ๆของโรงแรม� ที่จัดไว้ไสตล์บาหลี� แถมยังมีดอกไม้กลางคืนส่งกลิ่นหอมโชยออกมา� และเดินเข้าไปใกล้ ๆมันยิ่งส่งกลิ่นหอมอบอวลไปหมด� แต่ไม่ฉุน� ญาดาค่อย ๆ ก้มดมสูดกลิ่นธรรมชาติเข้าไป� รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันที� พลางคิดในใจอยากหาไปปลูกที่บ้านบ้าง
��������������� “ชื่อดอกราตรีครับ”ชายหนุ่มคนอีกที่นั่งในมุมมืดเอ่ยขึ้นมา� สร้างความตกใจให้ญาดาเล็กน้อย� ก่อนจะยิ้มกับคำตอบ�
��������������� “หอมจังเลยค่ะ� ว่าจะหาไปปลูกที่บ้านบ้าง”ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก� ก่อนจะยืนขึ้นจากม้านั่งสีขาวตัวยาวมาดมกลิ่มของมันบ้าง���
��������������� “ผมเองก็ชอบตรงที่มันหอมเหมือนกันครับ� ที่บ้านก็ปลูกเป็นแปลงเลย”
ช่วงจังหวะที่หันมาหา� แค่เพียงจังหวะที่แสงไฟสีแสงปะทะใบหน้าของชายหนุ่มร่างสูง� ญาดาเริ่มรู้สึกว่า� จังหวะหัวใจของตัวเองเปลี่ยนไป� คล้าย ๆ จะเต้นรัวอย่างไม่เป็นจังหวะ� ไม่เหมือนตอนที่วิ่งจ๊อกกิ้ง� ไม่เหมือนตอนที่เริ่มแรกงานแสดง� ไม่เหมือนเดินบนแคดวอร์คใหญ่ ๆ� เป็นจังหวะที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนว่า ตัวเธอเป็นอะไร
“คุณครับ� คุณ....”เสียงทุ้มเอ่ยถาม� เมื่อจู่ ๆ หญิงสาวหน้าตาสะสวย รูปร่างบางคนนี้ก็ทำตาโตๆเท่าไข่ห่าน� แถมยังเอามือขยุ้มรงอกเสียแน่น� คงไม่ได้จะเป็นลมหรอกนะ� พอหญิงสาวได้ยินก็รีบโบกมือระวิงว่าไม่เป็นไร
“ค...คะ....คุณพูดอะไรนะคะ”ญาดาบอกตัวเองให้ตั้งสติ�
“ไม่เป็นไรนะครับ� เอ่อ....คุณไม่ได้ดื่มมานะครับ”ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นมา� ญาดาก็ส่ายหน้าบอกว่าเธอเพิ่งออกมาจากงานเลี้ยง� แต่ไม่ได้ดื่มอะไรมาก
“แล้วคุณล่ะคะ� คุณ.....”ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร� จะถามชื่อก็ดูแปลก ๆ เพราะเธอแทบจะไม่รู้จักเขาเลย� แต่ญาดเป็นถึงดารานะ� เขาน่าจะรู้บ้างสิ� หรือว่าแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเธอ�� ไม่สิ� เธอเป็นผู้รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเขาเองนะ� และชายหนุ่มคนนี้คงไม่ได้คิดอย่างแน่นอนว่าเธอจะมาที่นี่� เพราะแม้แต่ตัวเธอเองยังไม่รู้เลย
“ผม� อ๋อ...ผมชื่อ จีระ ครับ” ชายหน้ายิ้มให้อีกครั้ง� ใบหน้าเรียวเล็กเปลี่ยนสีเล็กน้อย� ผู้หญิงคนนี้ก็คงจะเป็นหนึ่งในหลายๆคนที่ชื่นชอบตัวเขาสินะ� ทำเป็นรู้สึกสนใจดอกราตรี� แต่เป้าหมายก็คงเหมือนหลาย ๆคนที่เข้ามา� เขาเองก็แค่ผู้ชายธรรมดา ๆ� เรื่องโปรยเสน่ห์มันเป็นเรื่องที่จีระอดทำไม่ได้ตามประสาผู้ชายเจ้าชู้
“อ๋อ..ค่ะ� ฉันชื่อ ญาดา ค่ะ” หญิงสาวแปลกใจเล็กน้อยเพราะตั้งแต่เธอเริ่มเข้าวงการก็ไม่เคยแนะนำชื่อให้ใครอีกเลย� พอมาทำแบบนี้อีกครั้งมันก็แอบเขินบ้างเหมือนกัน�
“คุณญาดา มางานเลี้ยงอะไรหรือครับ� งานเดียวกันหรือเปล่า”
“งานเลี้ยงสมาคมสร้างรักค่ะ� คุณจีระรู้จักหรือเปล่าคะ”เธอตอบเสียงใส� ชายหนุ่มก็บอกว่ามาจากงานเดียวกัน แต่ก็ไม่รู้จักใครเลยออกมาเดินเล่น
“ฉันก็เหมือนกันค่ะ� คุณแม่กับคุณป้าให้เดินออกมาหาพี่ชาย� แต่ฉันหาไม่เจอ� เลยออกมาเดินเล่นเหมือนกัน”รอยยิ้มหวานน่าประทับใจใครหลายๆ คน ปรากฏออกมา� ถ้าจีระไม่ได้รู้สึกตัวก่อน� เขาคงหลงความสวยงามตรงหน้าได้ไม่ยาก� เขายอมรับอย่างลูกผู้ชาย� ว่าญาดาเป็นผู้หญิงที่สวยและน่าดึงดูด� ริมฝีแดงสีแดงอิ่มคู่นั้นทำให้เขารู้สึกร้อนทันมา� รวมทั้งชุดที่หญิงสาวสวมใส่� ดูสวยหรู� น่ารัก� แต่ข้างหลังคว้านลึกจนแผ่นหลังไร้ที่ตินั้นเผยออกมา� สวยหวานแต่ร้อนแรง� จีระคิดได้แค่นั้นจริงๆ
“งั้นเราก็คงใจตรงกันนะครับ”จีระจงใจจ้องดงตากลมที่ดูจะกลมโตขึ้นอีก� ความแดงซ่านกระจายทั่วใบหน้าราวเด็กหญิงเริ่มรัก� ญาดาเริ่มทำตัวไม่ถูก แม้จะไม่เคยมีแฟนจริง ๆจังๆเหมือนใครเขา� แต่คนจีบเธอนั้นมากเสียจนเธอไม่กล้าออกไปไหน� ยิ่งตอนนี้เป็นเวลากลางคืน� แถมเธอก็แต่งตัวไม่มิดชิด� มันไม่ควรเลยที่จะยืนคุยกับผู้ชายที่รู้จักเพียงชื่อที่นี่��
“ค่ะ� แต่ฉันว่ามันบังเอิญมากกว่า� ขอบคุณที่บอกชื่อดอกราตรีนะคะ� ฉันว่าพรุ่งนี้คงต้องเปลี่ยนไปเดินซื้อเสียหน่อย ยังไงก็ขอตัวนะคะ” ญาดาพยายามไม่มองหน้าคนที่ทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวเอง� ใบหน้ามันชักร้อนๆ เพียงแค่เห็นสายตาคมดุจเหยี่ยวจ้องมองมา� ด้วยความรีบร้อนเธอจึงรีบหันกลับอย่างรีบร้อน� เจ้ารองเท้าสูงสามนิ้วจึงเกี่ยวเข้ากับร่องไม้ที่ปูพื้นอยู่
“ว๊ายยย”
“ระวังครับ”
แช๊ะๆๆๆๆๆ
จีระโอบตัวญาดาไว้ไม่ให้ล้ม� พร้อมๆ ญาดาที่โถมแรงพลิกลงมาชนชายหนุ่ม� ที่กางแขนรับเธอไว้� หากแต่จังหวะไม่คาดคิดที่เกิดขึ้น� มันทำให้ริมฝีปากอิ่มที่จีระคิดไม่ซื่อประกบกับริมฝีปากของจีระได้อย่างพอดิบพอดี� ทั้งคู่คงไม่รู้สึกอะไรมากเท่าไหร่� หากเสียงรัวกดกล้องถ่ายรูปกับแสงแฟลตที่สว่างจ้าเข้ามา ไม่ห่างจากทั้งคู่สักเท่าไหร่เลย
ความคิดเห็น