ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ดินแดนแห่งโชคชะตา
1
ดินแดนแห่งโชคชะตา
Open your eyes Blue sky waiting for your white.
ดอกทิวลิบดอกไม้แห่งความรอบรู้ของชาวฟลาเร่ ที่เชพรอนทาวน์ ดินแดนแห่งนี้เชื่อกันว่าหากหญิงสาวได้รับดอกทิวลิบในคืนวัน “เทล” ซึ่งตรงกับวันที่ 21 ธันวาคม อันเป็นวันที่กลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปี วันนั้นปาฏิหาริย์แห่ง “เทล” จะปรากฏ
แสงแดดยามรุ่งอรุณกำลังเผยโฉมเช้าวันใหม่อีกครั้งหนึ่ง เช้านี้ก็เหมือนกับทุกวัน เมืองทั้งเมืองยังคงพลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่แต่งองค์ทรงเครื่องด้วยชุดที่ดูแปลกตาออกเดินอวดโฉมกันให้พรืด โดยเฉพาะบริเวณจัตุรัสใจกลางเมืองที่ดูเหมือนว่าวันนี้จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ แต่ที่ต่างออกไปจากทุกวันที่เคยเป็น ดูเหมือนว่าวันนี้ดอกทิวลิบขาวดูจะขายดีเกินกว่าปกติ สังเกตได้จากผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาล้วนแล้วแต่ถือดอกทิวลิบกันทั่วทั้งเมือง ทางฝั่งตรงข้ามจัตุรัสมีหอนาฬิกาเรือนยักษ์ที่ถูกตกแต่งด้วย สถาปัตยกรรมยุคเก่า ตั้งเด่นเป็นสง่า บนส่วนยอดของหอนาฬิกา แสงแดดที่ส่องผ่านช่องอิฐเป็นเส้นๆเล็ก สะท้อนให้เงาของระฆังแก้วที่กำลังค่อยๆไหวตามแรงลม เสียงนาฬิกาตีดัง 12 ครั้ง บอกเวลา 12 นาฬิกาตรง แสงแดดที่เคยสาดส่องถูกแทนที่ด้วยแสงสีจากการแสดงจากทั่วสารทิศที่พร้อมจะแก่งแย่งกันออกมาอวดโฉม กลีบกุหลาบถูกโปรยปรายจากทั่วท้องฟ้าไปทั่วทั้งเมือง พร้อมกับบทเพลงแห่งตำนานที่ถูกบรรเลงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ที่บริเวณลานหน้าจัตุรัสกลางเมืองหญิงสาวทั่วทั้งเมืองกำลังเฝ้ารอคอยปาฏิหาริย์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ไปพร้อมๆกับดอกทิวลิบสีขาวในมือ และเมื่อเวลาที่สายลมที่พัดไหวเงียบสงบลง ปล่อยให้เสียงดังกังวานจากระฆังแก้วใบยักษ์ดังก้องไปทั่วทั้งเมืองนั่นคือสัญญาณที่บ่งบอกว่าเวลาที่เฝ้ารอคอยได้มาถึงแล้ว เวลาของค่ำคืนปาฏิหาริย์ “ แฟรี่เทล ”
ชานเมืองเชฟรอนทาวน์
“ เฮ้อ ! ดอกไม้ช่อแรกที่ได้รับดันกลับกลายเป็นดอกไม้อำลาไปได้ มันช่างน่าเศร้าจริงๆ ” เสียงที่ฟังดู
หดหู่ดังขึ้น
“ เอ๋
เมื่อตอนงานวันเกิดลูกก็เพิ่งได้ดอกกุหลาบมาไม่ใช่เหรอไงจ๊ะ ” อีกเสียงหนึ่งค้าน
“ โธ่!! แม่ ดอกเดียวเค้าไม่เรียกว่าเป็นช่อหรอกค่ะ ”
“ เอาน่าอย่าบ่นนักเลยลูก นี่ดูซิถึงแล้วนะ โรงเรียนใหม่ของลูก ” ชายสูงวัยชิงพูดตัดบท พลางขำ
นิดๆกับความงอแงของลูกสาว โดยไม่ทันสังเกตว่าด้านหลังเด็กสาวอายุ 15 ที่มีนัยน์ตาสีเงิน ตัดกับเส้นผมสี
น้ำตาลแดง กำลังแลบลิ้นปริ้นตาผ่านกระจกรถที่กำลังวิ่งผ่านโรงเรียนใหม่ของเธอ
“ โรงเรียนเก่ายังจะดีซะกว่าอีกอ่ะ” เด็กสาวบ่นงึมงำพลางเอื้อมมือไปหยิบดอกทิวลิบช่อใหญ่ ที่ได้รับเป็นของขวัญอำลาจากเพื่อนเก่ามากอดไว้ โดยปล่อยให้ชายหญิงสูงวัยกว่าสนทนากันต่อไป
“ อ๊า ! คุณแม่ค่ะดอกไม้เฉาหมดแล้วค่ะ ” เด็กสาวร้องโวยวายพร้อมกับยื่นช่อดอกทิวลิปมาที่เบาะหน้า
หลังจากเห็นยอดของดอกทิวลิบเริ่มโน้มตัวลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก
“ ก็ลูกเล่นถือมันมาตลอดทางเลยนี่นา กลับถึงบ้านก็เอาไปแช่น้ำไว้นะจ๊ะ แล้วนี่การ์ดจ๊ะเก็บไว้ให้ดีๆสิถ้าทำหายมาอย่ามางอแงนะ แม่ไม่รู้ด้วย ” สาวสูงวัยผู้เป็นแม่พูดพลางยื่นแผ่นกระดาษสี่เหลี่ยมแผ่นเล็กๆที่ตกอยู่ข้างๆเบาะไปด้านหลัง ก่อนจะหันกลับมาพร้อมเสียงกระซิบกระซาบที่ดังพอได้ยินเพียงคนเดียว
“เข้มแข็งไว้นะเฟริน”
แสงจากหลอดไฟอ่อนๆยังคงสะท้อนเงารถคันเก่าสีแดงที่กำลังวิ่งผ่านถนนสายหลักเข้าสู่ใจกลางเมือง ภายในรถเด็กผู้หญิงอายุ 15 ผมสีน้ำตาลแดงยาวประบ่ากำลังล้มตัวลงนอน นัยน์ตาที่เหมือนกับแบกรับความเศร้าหมองของโลกทั้งเอาไว้ กำลังจับจ้องไปที่สมบัติชิ้นสำคัญที่สุดบนมือ
“เข้มแข็งไว้นะเฟริน”
แสงจากหลอดไฟอ่อนๆยังคงสะท้อนเงารถคันเก่าสีแดงที่กำลังวิ่งผ่านถนนสายหลักเข้าสู่ใจกลางเมือง ภายในรถเด็กผู้หญิงอายุ 15 ผมสีน้ำตาลแดงยาวประบ่ากำลังล้มตัวลงนอน นัยน์ตาที่เหมือนกับแบกรับความเศร้าหมองของโลกทั้งเอาไว้ กำลังจับจ้องไปที่สมบัติชิ้นสำคัญที่สุดบนมือ
เชฟรอนทาวน์ นี่คือชื่อเมืองใหม่ที่ฉันย้ายเข้ามาอยู่ ฉันชื่อแฟรี่ แฟรี่ เฟริน วาเลนไทน์ ครั้งนี้ก็ครบเจ็ดครั้งพอดีสำหรับการย้ายบ้าน แถมวันนี้ยังตรงกับวันเกิดของฉันด้วย แย่ที่สุดเลย บอกตามตรงฉันไม่ค่อยชอบเมืองนี้ซักเท่าไหร่หรอก ความรู้สึกของฉันมันบอกว่าบรรยากาศของที่นี่มันทั้งแปลกทั้งสับสน แต่ที่ฉันต้องย้ายมาที่เมืองนี้ก็ด้วยเหตุผลที่ว่าครอบครัวฉันติดหนี้ แถมเยอะซะด้วย ซึ่งก็เป็นเหตุผลเดียวกับทุกครั้งที่ทำให้ฉันต้องย้ายบ้าน เพราะฉะนั้นเรื่องจัดงานวัดเกิดอย่าไปพูดถึงมันเลย ถึงพ่อกับแม่จะรักฉันมากแค่ไหน แต่กับการออดอ้อนให้พ่อกับแม่ซื้อเค้กราคาเป็นร้อยๆเพียงเพื่อเอาเทียนมาปักและเป่าให้ดับ ทั้งๆที่ไม่เคยรู้สึกว่ามันอร่อยเลยนั้นฉันคงทำไม่ลง สรุปคือสำหรับฉันไม่มีวันเกิด และเรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้คือจะทำอย่างไรกับหนี้ก้อนโตมากกว่า ทางออกเดียวที่เราพอจะทำได้ก็คือหนี และเมืองนี้ก็เป็นเมืองที่พ่อกับแม่ฉันเลือก สรุปก็คือมันจำเป็นน่ะ ความรู้สึกของฉันตอนนี้มันย่ำแย่เอาซะมากๆ ฉันต้องจากเพื่อนเพียงคนเดียวที่ฉันมี มาที่เมืองที่เต็มไปด้วยปริศนานี้
เกือบ 7 วันที่เมืองนี้ ความสับสนของฉันมันเริ่มพอกพูนมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งตึกทั้งสถาปัตยกรรมต่างๆของเมืองนี้เหมือนมันกำลังบ่งบอกว่า ฉันกำลังหลงมาในยุคปี 90 ยังไงยังงั้น การแต่งตัวของผู้คนในเมืองนี้มันก็แปลกๆชอบกล แถมยังมีรูปปั้นใครต่อใครไม่รู้ตั้งอยู่ทั่วเมืองไปหมด พอตกกลางคืนมาทีไรเล่นเอาขนลุกทุกที
เฮ้อ!! นี่กว่าฉันจะรับสภาพได้ไม่รู้ว่าฉันจะต้องใช้เวลาอีกนานซักเท่าไหร่ แต่ก็ช่างเถอะ ไอ้เรื่องการแบกรับอะไรบางอย่าง สำหรับฉันแล้วมันกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปซะแล้วนี่ คืนนี้พระจันทร์ยังคงเต็มดวงเฉกเช่นทุกวัน ภายใต้คำคืนที่แสนเวิ้งว้างและหม่นหมอง เด็กสาวที่กำลังหลับใหลโดยไม่ได้สนใจกับเสียงกระซิบเบาๆ ที่ลากเอาความฝันเข้ามาปะปนกับความจริง ดอกทิวลิบที่เคยโน้มตัวจบแทบสัมผัสกับพื้นขณะนี้ค่อยๆ แปร่งประกายความสวยงามออกมารับแสงสว่างที่สาดส่องมาจากดวงจันทร์ ขณะที่กลิ่นหอมอ่อนๆกำลังฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งห้อง
“Happy Birth Day valentine”
“ แก๊งงง... แก๊งงง..” เสียงนาฬิกาเรือนยักษ์กำลังส่งเสียงเรียกร้องให้ผู้คนที่กำลังหลับใหลให้ตื่นมารับแสงแดดยามเช้า
“เฟริน” เสียงเรียกที่ราวกับอยู่ในความฝัน เจ้าตัวพลิกตัวหันหลังหนีพร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมหัวปิดบังแสงแดดที่สาดส่องผ่านผ่าม่านลายดอกทิวลิบสีขาว ที่ไหวน้อยๆตามแรงลม แต่คนที่หลับสบายนั้นดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจซักเท่าใดนัก
“เฟริน” เสียงเรียกที่ราวกับอยู่ในความฝัน เจ้าตัวพลิกตัวหันหลังหนีพร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมหัวปิดบังแสงแดดที่สาดส่องผ่านผ่าม่านลายดอกทิวลิบสีขาว ที่ไหวน้อยๆตามแรงลม แต่คนที่หลับสบายนั้นดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจซักเท่าใดนัก
“ เฟริน จะสายตั้งแต่วันแรกเลยรึไง ” เสียงตะโกนที่ดังขึ้นกว่าเดิมบ่งบอกถึงเจ้าของเสียงที่กำลังมีน้ำโห ทำเอาเด็กสาวตกอยู่ในผวังความฝันสะดุ้งเฮือกจนหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง หลังจากที่จัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย เด็กสาวอายุ 15 ในชุดกระโปรงสั้นสีแดง บนเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวมีเสื้อกั๊กสีน้ำตาลสลับแดง ดูสดใส
น่ารักกำลังง่วนอยู่กับการจัดการกับรองเท้าที่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ค่อยชอบมันซักเท่าไหร่
“ ว่าแล้วโรงเรียนนี้มันก็ต้องแปลกด้วยเหมือนกัน ชุดนักเรียนก็สวยดีอยู่หรอก แต่ให้ใส่รองเท้าสีแดงเนี่ยนะ สงสัยคนออกแบบคงจะเพี้ยนน่าดู ”
“ นี่ๆจะบ่นไปถึงไหนจ๊ะ รีบๆใส่เข้าเหอะลูก ถ้าไปสายแล้วอย่ามาโทษแม่นะ ” หญิงสูงวัยกว่าค้อน
“ โธ่ ! แม่ค่ะ
” เด็กสาวส่งสายตาอ้อนวอน ทำเอาคู่สนทนาอดขำไม่ได้กับท่าทีของลูกสาว
“ ถ้าโดนดุ แม่ไม่รู้ด้วยนะ ” สิ้นเสียงเด็กสาวรีบคว้ารองเท้าผ้าใบสีขาวที่วางอยู่ข้างๆ แล้ววิ่งขึ้นรถคันเก่าอย่างรวดเร็ว
“ ปัง ” เสียงบานประตูรถที่ถูกปิดอย่างแรงบ่งบอกถึงการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดของเด็กสาววัย 15 ขวบ โดยปล่อยให้ผู้เป็นแม่ขำไม่หยุดในขณะที่ค่อยๆเดินตามเด็กสาวมาที่รถ
“ Carton actual ” นี่คือชื่อโรงเรียนใหม่ของฉัน และเป็นโรงเรียนแห่งเดียวของเมืองนี้ซะด้วยแม่บอกว่าเด็กทุกคนในเมืองนี้ ต้องผ่านการศึกษาภาคบังคับจากโรงเรียนแห่งนี้ และตอนนี้ฉันเองก็ต้องเป็นหนึ่ง
ในนั้นด้วยเหมือนกัน
“ ขอบคุณค่ะแม่ หนูไปก่อนนะค่ะ แล้วเย็นๆเจอกัน ” เฟรินพูดพลางขยับตัวลงจากรถ
“ ตั้งใจเรียนนะ เฟริน ” พูดจบแม่ก็ขับรถวนออกไป นี่สงสัยแม่จะลืมไปเลยว่าฉันยังไม่ได้รับเงินค่าอาหารกลางวันเลย...
คาตัล แอคชวล... ไม่น่าเชื่อเลยแหะว่าสถานที่แบบนี้จะถูกเรียกว่าโรงเรียน ทั้งตึก ทั้งอาคารเรียน แม้กระทั่งสวนหย่อม... ดูยังไงมันก็พระราชวังชัดๆ แล้วนี่เราต้องไปที่ไหนเนี่ย... หลังจากสับสนได้ซักพัก เฟรินตัดสินใจเดินไปที่บ่อน้ำพุกลางลานว่างหน้าโรงเรียน น้ำพุถูกตกแต่งด้วยปฏิมกรรมสมัยกอธิค กลางน้ำพุมีรูปปั้นของชายร่างท้วมสวมชุดทหารสมัยเก่าถูกตีตรวนไว้ที่ขา บริเวณปากถูกเสียบด้วยดาบทะลุโผล่มาด้านข้างลำคอ ให้กลิ่นอายความน่ากลัวและสยดสยองเป็นที่สุด และพอนั่งลงที่ขอบบ่อน้ำพุเสียงที่ฟังไม่คุ้นหูที่ดังจากเด็กผู้หญิงสูงไม่เกิน 160 เซนติเมตร สวมเชิ้ตขาวทับด้วยเสื้อกั๊กสีน้ำตาลสลับแดง บ่งบอกว่าเป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกันก็ดังขึ้น
“สวัสดี
นักเรียนเข้าใหม่เหมือนกันรึเปล่า”
“ค๊ะ! ” เฟรินตอบกลับด้วยสีหน้า งงๆ
“คงยังไม่รู้ว่าจะต้องไปที่ไหนสินะ เห็นเก้ๆกังๆตั้งนานแล้ว จะตามมาก็ได้นะ ” พูดจบเด็กสาวแปลกหน้าก็เดินออกไป ทำเอาเฟรินต้องรีบเดินตามด้วยความสงสัย
“ นี่เธอเรียนอยู่ที่นี่เหรอ ” คำถามถูกถามขึ้นทันทีที่เฟรินเดินตามทัน
“ อืม...ก็ประมาณนั้นแหละจ่ะ เอาเป็นว่าฉันก็เป็นนักเรียนใหม่คนหนึ่งของที่นี่ละกัน อ๊ะ !! ลืมไปเลย ฉัน คริส เรนัสจ๊ะ ”
“เอ่อ...ฉัน แฟรี่ เฟริน วาเลนไทน์ เรียกเฟรินก็ได้”
“แฟรี่ เฟรินหรอ ชื่อแปลกจังเลยนะ เหมือนภูตของดินแดนแห่ง...” แต่ไม่ทันที่คริสจะพูดจบ เสียงแหบกร้านจากเครื่องขยายเสียงที่ถูกติดตั้งไปทั่วลานกว้างก็ดังขึ้น
“สวัสดีเด็กๆทั้งหลาย ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่ Carton actual วันนี้เป็นวันแรกของภาคการศึกษาใหม่ ขอให้นักเรียนทุกคนตั้งใจ และมีความสุขกับการเรียนที่นี่ สำหรับนักเรียนใหม่ที่เพิ่งสมัครเข้าเรียนในเทอมนี้เป็นเทอมแรก ขอให้ทุกคนไปพร้อมกัน ณ หอคอยมิเนอร์วา ในเวลา 10 นาฬิกาตรง ส่วนนักเรียนอื่นๆขอให้เข้าเรียนตามตารางเรียนที่ได้รับแล้วพบกัน” เสียงขาดหายไประยะหนึ่งบ่งบอกให้รู้ถึงว่าเจ้าของเสียงไปแล้ว
“10 โมง!! โธ่...อีกตั้งสองชั่วโมงกว่าแหนะ แล้วจะนัดให้นักเรียนอย่างเรามาแต่เช้ากันทำไมเนี่ย ทำเอาฉันพักผ่อนไม่พอเลยเนี่ย อุตส่าห์แหกขี้ตาตื่นมาตั้งแต่เช้า ทั้งๆที่เมื่อคืนทำงานซะดึกเลย บ้าๆๆๆๆ บ้าที่สุดเลยอ้ะ”
“คิคิ” ขำอะไรของเธอเฟริน
“ก็ขำคริสอ่ะแหละ ทำงอแงเป็นเด็กไปได้”
“โธ่!! เฟริน นี่มันไม่ขำเลยนะ ไม่รู้แหละ ไปโรงอาหารกัน จะกินๆๆๆๆ ให้มันตายกันไปเลย บ้าๆๆๆ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น