ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตกใจรักหมุ่มนักดนตรี ... 1

    ลำดับตอนที่ #1 : อุบัติเหตุ....มุขเดิมๆ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 31
      0
      18 พ.ค. 49

           "เฮ่ออออ..............."
                  เสียงถอนหายใจยาวพร้อมกับกระฉับกระเป๋าใบโตให้แน่นขึ้น 
    อากาศในกรุงเทพนี้ก็ร้อนพอๆ กับที่อื่นเลยไม่เห็นจะแตกต่างกันสักนิด แล้วนี้มันก็ไม่ได้น่าอยู่กว่าที่อยุธยามากเท่าไร รถก็เยอะ คนก็เยอะ แถมตึกก็ขึ้นเบียดกันมากมาย  นี้ถ้าไม่ต้องเข้ามาหางานทำเพื่อเก็บเงินเรียนต่ออ่ะนะคงไม่ต้องมาทนควันพิษในกรุงเทพหรอก นอนอยู่บ้านนอกดีกว่าเยอะ
                 แต่ฉันคงทำอย่างนั้นไม่ได้ ถึงต้องระเห็ดมาอยู่ไกลบ้านอย่างงี้ไงเล่า แต่ดีที่ได้ยัยลันเพื่นสนิทสมัยเรียนมอปลายมาด้วยกัน แล้วก็มหาลัยเดียวกันอีก ขานั้นน่ะนะเขาเป็นลูกเจ้าสัวใหญ่ประจำจังหวัด เลยมาอยู่คนเดียวบนคอนโดสุดหรูกลางกรุง  ที่ตอนนี้กำลังจะเป็นของฉัน ก็ยัยลันกำลังจะบินไปซัมเมอร์ที่อเมริกาแล้วก็ขะยั๊นขยอให้ฉันไปอยู่ที่คอนโดของเจ้าหล่อน โดยอ้างเหตุผลร้อยแปดพันประการ เพื่อให้เธอมาอยู่แทนตอนช่วงที่ไม่อยู่
    4-5 เดือน ค่าห้องเราก็ตกลงกันว่า หารกันคนล่ะครึ่ง ยกเว้นค่าบริการอื่นๆ ที่ฉันต้องจ่ายเอง  ก็คอนโดที่นี้น่ะได้ชื่อว่าหรูติดอันดับเลยน่ะ



     
               ก็ระดับลูกสาวเจ้าสัววิชัย จะให้ไปอยู่คอนโดโกโรโกโสได้ไงล่ะ เป็นอันว่าฉันเลยได้รับอานิสงค์บุญนั้นมาอย่างเต็มๆ ก็ดีกว่าต้องไปหาห้องอยู่เองล่ะน่ะ และอีกอย่างยัยลันคงไม่มีทางให้ฉันออกไปหาห้องอยู่เองเด็ดขาด ( มีเพื่อนรักมากก็อย่างนี้ล่ะน่ะ ฮ่าฮ่า)


           
    "
    เป็นไงบ้างล่ะยัยวิว ถึงรึยัง"  เสียงหวานสูงแล่นมาตามสัญญาณโทรศัพท์ 

            "ถึงแล้วจ๊ะ เพิ่งมาถึงที่หน้าคอนโดนี้เอง แล้วนี้จะขึ้นเครื่องรึยังละ "  ฉันถามเพื่อนสาวที่ตอนนี้กำลังจะขึ้นเครื่องบินไปอเมริกาในอีกไม่กีนาทีนี้ ตอนแรกก็จะไปส่งด้วยอะน่ะแต่ดันติดทำธุระให้ลุงกับป้า เลยไม่ได้ไปส่งยัยลัน ก็ดีแล้วจะได้ไม่ต้องกลัวอายเวลาร้องไห้ขี้มูกโป่งให้อายคนทั้งดอนเมือง


           
    "
    แล้วนี้รู้แล้วใช่ไหมว่ากุญแจเข้าห้องน่ะดอกไหน"  ยัยลันถามขึ้นมาอีก

            "ก็ดอกที่มีสีฟ้าติดอยู่ใช่ป่ะ แล้วอีกสี่ห้าดอกนี้มันกุญแจอะไรอ่ะ"  ฉันตอบพลางถามกลับไป ก็พวงกุญแจที่ยัยลันให้มานะสิมันเหมือนกันแทบทุกดอกแล้วจะให้ไปจำได้ไงหมดล่ะเนี้ย

            "ก็ลองไปไขดูในห้องนะแหละ อ้อ แล้วก็อีกอย่างนะ อย่าทำหายล่ะ เพราะว่าฉันเอาอันสำรองให้วิวไปแล้วอีกชุดก็อยู่ที่ฉัน ถ้าหายขึ้นมาเข้าห้องไม่ได้ไม่รู้ด้วยนะ ทางที่ดี วิวไปปั๊มกุญแจห้องไว้ดีกว่าเพราะฉันไม่มั่นใจว่าแกจะเก็บมันไว้กับตัวไม่หายนี้ได้นานสักเท่าไรนะสิ"

            "อ้าว  นิ ยัยลันไหงพูดงี้อะ เห็นฉันเป็นคนยังไงหะ"   ดู๊ ดู สิเพื่อนฉันเล่นเผากันเองแบบนี้ สมควรเก็บไว้ไหมเนี้ย  คนอย่างวิรันตรีน่ะเหรอไม่มีทาง

            "นี้ยัยวิว เธอไม่รู้จริงๆ เหรอว่าเธอน่ะ เรื่องลืมของ ทำของหาย เอ่ออ๋านั้นนะ ไม่ใช่นิสัยเธอ  ไม่เอาแล้วเขาประกาศเรียกขึ้นเครื่องแล้ว งั้นฉันไปก่อนน่ะ ถ้าถึงที่นูนเรียบร้อยแล้วฉันจะส่งข่าวมาบอกน่ะจ๊ะ  อยู่ดูแลห้องดีๆ ล่ะ แล้วก็ตั้งใจหางานทำเข้าอย่าเกเรนะวิว ฉันเป็นห่วงเธอ อยู่คนเดียวน่ะดูตัวเองดีๆนะ"

            จากนั้นยัยลันก็วางสายไป  วิรันตรีลองควานหากุญแจห้องในกระเป๋าถือเพื่อว่าจะได้หาที่ปั๊มกุญแจเก็บไว้สำรองอีกชุดหนึ่ง



           
    "
    ว้าย!!!!!....."  หญิงสาวร้องขึ้นพร้อมกับถอยเซถลาลงไปนั้งกองกับพื้น มือที่กำลังหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าก็ดันปล่อยกุญแจออกเพื่อที่จะยันตัวไว้ไม่ให้ล้มลงกระแทกพื้น แต่มันก็ทำให้แรงทั้งหมดลงไปอยู่ที่ข้อมือนั้น ทำให้เจ็บเอาการอยู่

            "นี้คุณ... เป็นอะไรรึเปล่า แล้วเดินภาษาอะไร ไม่เห็นเหรอว่านี้มันทางออก แล้วเล่นมาเดินอยู่บนถนนแบบนี้ทำไมกันเนี้ย"


           
    เจ้าของรถคันสวยเปิดประตูออกมาแล้วก็ร่ายยาวเป็นหางว่าวรัวแบบปืนกล รัวกระสุนยั่งไงยั่งงั้นเลย ส่วนฉันก็นั่งลูบแขนขาสำรวจตัวจนทั่วว่ามีส่วยอื่นเจ็บมากน้อยแค่ไหน ก่อนจะหันหน้าพร้อมตะหวัดสายตาและเสียงส่งไปให้นายปากปืนกลนั้นอย่างฉุนขาด

            "นี้คุณ ทางออกน่ะเขาให้ขับช้าๆ แล้วนี้มันก็ที่ส่วนบุคคลคุณขับรถเร็วยั่งกะอยู่ในสนามแข่ง ฉันก็ไม่เห็นว่าฉันจะเดินขวางถนนตรงไหนสักหน่อย"


           
    วิรันตรีหยุดหายใจนิดหนึ่งก่อนจะร่ายต่อไปอีกโดยไม่ได้สนใจจะมองชายหนุ่มตรงหน้าดีๆ ว่าตอนนี้สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเป็นจ้องมองหญิงสาวที่ด่ารัวใส่เขาอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน เพราะแค่เห็นหน้าเขาสาวๆ เหล่านั้นก็กรีดกันจนหูแทบหนวกเลยทีเดียว 


           
    วิรัตรีพูดจนเป็นที่พอใจแล้ว อีกอย่างก็พูดจนเหนื่อยแล้วด้วย มีอย่างที่ไหนกันเป็นผู้ชายแท้ๆ แทนที่จะเข้ามาช่วยดันพูดจาไม่เข้าหูอีกอย่างนี้เป็นใครก็เดือดจนหน้ามืดด่าได้ไม่ยั้งทั้งนั้นล่ะ  แต่พอฉันหันไปมองหน้าเขาชัดๆ อุ๊แม่เจ้า!!! เทพบุตรสุดเซอร์ หล่อแบบไม่ปราณีปราสัย นี้ขนาดทำหน้าซังกะตายนะยังหล่อได้ขนาดนี้ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าได้เห็นตอนยิ้มจะหล่อบาดใจสักแค่ไหนกันเนี้ย 

            หลังจากตกตะลึงพ่อเทพบุตรสุดหล่อสักพักวิรันตรีก็กลับมาทำหน้าเข้มจ้องเขาอย่างเอาเรื่อง เขาก็จ้องมองกลับมาอย่างหัวเสีย

            "แล้วนี้คุณจะนั่งคอยให้ผมไปอุ้มคุณขึ้นมาด้วยไหม  ผมมีธุระ รีบมากนะคุณ ถ้าไม่เป็นไรก็ลุกขึ้นได้แล้ว"  เทพบุตรเจ้าของรถพูดพร้อมกับทำหน้ายุ้งๆ อย่างหัวเสีย

            โอ้แม่เจ้า คำพูดหรือนั้น หน้าตาก็ดี พูดจาไม่ได้เรื่องเลยสักนิด ฉันเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัวเพราะความโกรษที่มันกำลังอัดอยู่ในตัวฉันนี้ไง แล้วตอนนี้มันก็พร้อมที่จะระเบิดออกมาให้มันรู้กันไปเลยว่าใครเป็นใคร จะใหญ่จะสำคัญมาจากไหนฉันไม่สน


           
    "
    นี้คุณ ฉันไม่สนหรอกนะว่าคุณจะคิดยังไง แล้วฉันก็ไม่ได้รอให้ใครมาอุ้มฉันหรอกน่ะขอบคุณสำหรับน้ำใจ ถ้ารีบก็เชิญ ฉันโง่อยากเดินให้รถชนเอง ก็ลุกเองได้ ไหนว่าคุณมีธุระไงรีบไปสิ จะมัวมาเสียเวลาอยู่ทำไมกันล่ะ"


           
    พูดจบวิรันตรีก็พยายามจะลุกขึ้น แต่ไอ้ข้อมือกับขานี้สิที่เป็นปัญหา ฉันพยายามจะเอามืออีกข้างที่ไม่เจ็บยันตัวลุกขึ้น แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นน่ะสิ ขาแขนมันพานไม่มีแรงเอาสะดื้อๆ ทำให้ฉันที่พยายามจะลุกกลับเซล้มลงไปกองกับพื้นเป็นรอบที่สอง ไอ้ท่าทางทุลักทุเลของฉันมันคงไปกระแทกเอาต่อมอะไรสักอย่างของนายนี้เข้า จึงขยับตัวเองเพื่อยื่นมือมาให้ฉันจับลุกขึ้น


           
    "
    ไม่ต้อง ขอบใจ ฉันลุกเองได้"  วิรันตรีปัดมือเขาออกไป แล้วก็พยายามจะลุกขึ้นเองอีกครั้ง มือข้างขวาที่เจ็บตอนนี้มันชักจะปวดขึ้นมาแล้ว แต่อยู่ๆก็มีมือดีมาจากข้างหลังช่วยพยุงหล่อนขึ้นจากพื้นถนน วิรันตรีหันไปมองด้วยความตกใจ เจอะหน้าพ่อเทพบุตรสุดเซอร์อยู่ในระยะเผาขนใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจของเขาเลยที่เดียว กลัวก็แต่ว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจของเธอที่เต้นตูมตามอยู่ข้างในรึเปล่าด้วยนี้สิ พอได้สติเจ้าหล่อนก็เริ่มออกอาการวีนแตกขึ้นทันที

            "นี้คุณ ทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะ ฉันบอกว่าลุกเองได้ๆ  แล้วเรื่องอะไรคุณมาแตะเนี้อต้องตัวฉันเนี้ย .....อุ ว้าย!!!" 

            "โอ้ย! อีตาบ้า ปล่อยลงมาได้ไง คนยิ่งเจ็บๆ อยู่ อู้ยยย"  วิรันตรีร้องเสียงหลง ก็อีตาเทพบุตรสุดเซอร์นี้น่ะสิ ดันปล่อยฉันให้ลงมานั่งปุ๊กอยู่ข้างฟุตบาท

    แบบไม่ได้ตั้งตัว ก้นกระแทกพื้นเจ็บอีกต่างหาก โอ้ย!! นี้มันวันอะไรกันเนี้ย ดวงซวยตั้งแต่เช้าเลย ขาก็เจ็บ แขนก็ปวด แล้วนี้แถมยังเจ็บก้นอีก มันจะซวยไปกว่านี้

    อีกไหมเนี้ย  ฉันบ่นอุบอยู่ในใจพลางลูบแขนขา แล้วพยายามจะลุกขึ้น ก็พอกับที่พ่อตัวดีดันพูดขัดจังหวะสะก่อน


           
    "
    อ้าว คุณ แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงล่ะ จะช่วยก็ว่า หวงตัวอีกตั่งหาก พอผมปล่อยคุณคุณก็กลับว่าผมอีก ที่ผมช่วยคุณน่ะ ก็เพราะคุณขวางทางเข้าอยู่น่ะสิ อย่างนี้ถ้าคันอื่นเขาขับตามออกมาจะทำไงกันคุณ ก็คุณมัวแต่โอ้เอ้อยู่ที่พื้น ผมก็ช่วยแล้วนี้ไง จะเอาอะไรอีก...." 


           
    เสียงโทรศัพท์เป็นเพลงที่คุ้นหูดังขึ้นขัดจังหวะอีตาบ้านี้พอดี หล่อนจึงพยายามเก็บของในกระเป๋าที่กระจายอยู่ตามพื้น ให้มารวมอยู่ด้วยกัน แล้วก็พยายามที่จะลุกขึ้นเพื่อเดินกลับขึ้นไปบนคอนโด   เพราะตอนนี้ปวดมือมากจนไม่อยากคิดอะไรแล้ว

                หลังจากพยายามเก็บรวบรวมของเข้ากระเป๋าเสร็จ อีตาบ้านั้นก็คุยโทรศัพท์เสร็จพอดี แล้วก็หันมาพูดกับฉันหน้าตาเฉย


           
    "
    ผมไม่ต้องไปทำธุระแล้ว แล้วนั้นจะทำอะไรน่ะ"  เขาหันมาถามหล่อนเมื่อเห็นเธอพยายามเดินพร้อมกับลากกระเป๋าเสื่อผ้าใบใหญ่ อย่างทุลักทุเลซึ่งมันก็ไม่ได้

    ไปไหนไกลเกินกว่าสามก้าวหรอก


           
    "
    จะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน"  วิรันตรีแหวกลับไปอย่างโมโห สะบัดหน้าจะออกเดินต่อ

            "นี้คุณส่งกระเป๋ามา เดียวผมจะพาไปหาหมอแล้วกัน ดูท่าทางคุณคงจะเจ็บมากจริงๆ" เขาเข้ามากระชากกระเป๋าไปจากมือหล่อนพร้อมกับมองมาทางข้อมือข้างที่หล่อนปวดด้วยสายตาแปลกๆ  วิรันตรีเลยก้มลงมองข้อมือ โอ้ย!!!ตายแล้ว มือฉัน

            ที่ตรงข้อมือข้างที่ปวด ตอนนี้มันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำๆ วงใหญ่ และเริ่มบวมขยายขึ้นมาจนฉันตกใจ

            "ไม่เป็นไรขอบคุณนะ คุณไปเถอะเดียวฉันเรียกแท็กซี่ไปหาหมอเองได้ แล้วก็เอากระเป๋าฉันคืนมาด้วย"  วิรันตรีบอกปัดเขาส่งๆไป ไม่อยากต้องวุ้นวายกับ

    นายนี้ให้มากนัก เพราะแค่นี้หล่อนก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว แล้วอีกอย่างก็อยากจะไปหาหมอซะเดียวนี้ได้ยิ่งดี ดูท่าว่าข้อมือของหล่อนมันคงจะทวีความน่ากลัวขึ้นมากกว่านี้อีกแน่ๆ ถ้าหากปล่อยไว้นาน
     

            "นี้คุณอย่าอวดเก่งไปหน่อยเลย เจ็บจนขนาดนั้นน่ะ แล้วก็เป็นเพราะผมส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณเจ็บ รีบขึ้นรถเถอะเดี๋ยวผมจะพาไปหาหมอ อ้อ!  หรือจะต้องรอให้ไปช่วยอุ้มห่ะ" เขาพูดพรางมองมาทางหล่อนแล้วก็ถือวิสาสะเอากระเป๋าขึ้นรถไปไว้ข้างหลังเรียบร้อยแล้วด้วย

            "ขอบคุณ  แต่ไม่ต้องถึงขั้นอุ้มหรอก แค่มาช่วยประคองกันหน่อยก็ดีถ้ายังมีน้ำใจน่ะ"  ฉันก็แกล้งพูดประชดไปอย่างนั้น ไม่ได้จริงจังอะไร แต่เขาก็ดันบ้าจี้เดิน

    มาช่วยพยุงฉันขึ้นรถ แต่หน้าตาเขางี๊ทำเหมือนเสียมิได้ ดีแกล้งใช้ซะให้เข็ด อยากมากวนประสาทหล่อนดีนัก


                   **************

    ยังไงก้อ  comment  มาเยอะๆ นะค่ะ

        ......จะได้มีความพยายามเขียนต่อให้จบ......

                  ขอบคุณนะค่ะ  ....  ฝากด้วยจร้า


                   **************

    ยังไงก้อ  comment  มาเยอะๆ นะค่ะ

        ......จะได้มีความพยายามเขียนต่อให้จบ......

                  ขอบคุณนะค่ะ  ....  ฝากด้วยจร้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×