ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5 : เพื่อนใหม่กับอดีตของเกรย์
เพื่อนใหม่กับอดีตของเกรย์
________________________________
ก๊อก ก๊อก
   
เสียงเคาะประตูช้าชัด  พร้อมเสียงตะโกนที่ว่า
   
“จะวางไว้ตรงนี้นะ”
   
นักฆ่าสาวปรือตาขึ้นนิดนึง  แสงแดดทอประกายเป็นลำเข้ามาในห้อง  เสียงนกร้องขานรับวันใหม่อย่างร่าเริง  เกรย์กระพริบตาก่อนผลักผ้าห่มสีขาวออกจากร่าง  หัวทึบตื้ออย่างบอกไม่ถูก
   
“เมื่อคืนนี้ เรา ” เกรย์พึมพำกับตัวเอง  ภาพของเฟย์เนี่ยนแวบเข้ามาในหัวเป็นอันดับแรก  ตามด้วยภาพของริสเปลล์
   
“ใช่แล้ว องครักษ์ดาบ ” เกรย์กระซิบพลางกุมหัว  ก่อนหย่อนขาทั้งสองข้างลงบนพื้น  แล้วเดินไปล้างหน้าในอ่าง
   
น้ำเย็นเฉียบปลุกความคิดให้สว่างวาบ  เกรย์เงยหน้าขึ้นมองกระจก  เด็กสาวผมดำค่อนข้างยุ่งเหยิงกับดวงตาสีทองและเขียวที่ดูง่วง ๆ จ้องตอบกลับมา
   
“เอาเถอะ” เกรย์ยิ้มเย็น ๆ นิดหนึ่งให้กับเงาของตัวเอง  ก่อนหยิบหวีขึ้นแล้วเริ่มสางผม  สายตาทอดไปหยุดที่ประตู  มือข้างที่ไม่ได้จับหวีหมุนลูกบิดเล็กน้อย  ประตูเปิดออกอย่างง่ายดาย
   
อาหารเช้าในถาดสีเงินวางอยู่ตรงหน้า  เกรย์ยิ้มอีกครั้งแล้วยกถาดเข้าห้อง
   
“ขอบ คุณ”
เกรย์พูดช้าชัดแต่เบาหวิว  และดูเหมือนจะไม่มีใครได้ยิน  หากแต่เจ้าตัวยิ้มให้กับตัวเอง
                                                              @@@@@@@@@@@@@
   
ตลาดอันชุลมุนของเมืองหลวงอนาคิน  ซึ่งก็ยังชุลมุนอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง  เสียงพ่อค้าแม่ขายตะโกนแข่งกันราวคอหอยจะแตก  แสงแดดก็ยังจัดจ้าเหมือนเมื่อวาน  แต่ทำไมความรู้สึกของเกรย์มันถึงได้เปลี่ยนไปนัก
   
เมื่อวานเรายังเป็นนักฆ่าธรรมดา
   
ความคิดแวบเข้ามาในห้วงคำนึงภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย
   
.วันนี้ เราเป็นคนทรยศต่อองค์กรไปแล้ว
   
เกรย์สะบัดรอยยิ้มเศร้า
   
แต่ก็ดี ละมั้ง ?
   
เกรย์เบือนสายตาจากเมฆก้อนใหญ่ลอยเอื่อย ๆ มายังถนนเบื้องหน้า  นัยน์ตาสีทองและเขียวไปสะดุดอยู่ที่สร้อยคอฝังอัญมณีสีเขียวอ่อน  แสงแดดราวกับจงใจส่งประกายของมันมาเข้าตาเธอโดยเฉพาะ
   
“สร้อยคอเพริดอตจากอนาโตเลียจ้า  เพิ่งมาถึงเมื่อเช้า  สามสิบสองซิลด์  สี่เจต  อ้าว!!! คุณหนู  เชิญดูได้เลยจ้า” สายตาของพ่อค้าร่างอ้วนพลันมาสะดุดที่เกรย์  ว่าไม่ว่าเปล่ายังยกสร้อยคอนั้นขึ้นโชว์อีกด้วย
   
“เพิ่งมาใหม่เมื่อเช้านี้ มีแค่สามอันเท่านั้นนะคุณหนู” คำโฆษณาที่แทบไม่เข้าหูของเกรย์เลยแม้แต่น้อย  สายตาของเธอจับจ้องอยู่ที่ประกายวาวของจี้สีเขียวสดเหมือนดวงตาข้างหนึ่งของเธอ
   
“เท่าไหร่” เกรย์ถามเรียบ
   
“สามสิบสองซิลด์  สี่เจต  แต่คุณหนูเป็นลูกค้ารายแรก  ลดเหลือสามสิบซิลด์ถ้วนไปเลยก็ได้” พ่อค้าเอ่ยอย่างคล่องแคล่ว  พลางหยิบอัญมณีจากมือของเกรย์ไปใส่กล่องอย่างเรียบร้อยแล้วส่งคืนให้
   
ไม่มีงานทำแล้วยังจะเอาเงินมาใช้ไม่เป็นเรื่องอีก
   
เกรย์คิดในใจพลางถอนหายใจเบา ๆ  แล้วส่งเหรียญทองให้พ่อค้าที่รับไว้อย่างยินดี
   
เกรย์เกือบหันหลังกลับแล้ว  ถ้าไม่ใช่เพราะรู้สึกถึงแรงสะกิดที่ไหล่ซะก่อน
   
“นี่ ๆ” เสียงที่ฟังคุ้นหูเรียก  เกรย์หันกลับไปและ
   
ตูม!!!
   
หมัดหนัก ๆ ของเฟย์เนี่ยนเฉียดหน้าของเกรย์ไปเพียงปลายก้อย  พร้อมกับเสียงโวยวายดังลั่นตลาดแบบไม่อายชาวบ้าน
   
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าจะรอที่กลางเมือง  ชั้นรึก็ไปรอแต่เช้า รอจนเหงือกแห้งตีนกาจะขึ้นแล้วเจ๊ก็ยังไม่มา  มาเดินดูอีกทีก็มาซื้อของสบายใจเฉิบอยู่นี่  มีความสุขนักรึไง” เอลฟ์สาวระบายอารมณ์เต็มที่  ส่วนเกรย์ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็ได้แต่ปิดหูฟังคำบ่นที่วนไปวนมาอยู่ที่เดิม  ขนาดเดินเกือบครึ่งรอบตลาดแล้วแม่นางก็ยังบ่น  บ่น  บ่นและบ่นไม่เลิก
 
“นี่ ” เฟย์เนี่ยนพูดหลังจากจบการเทศนามาราธอน
   
“อะไรล่ะ” เกรย์เหลือบมองเฟย์เนี่ยนเล็กน้อย  สองมือเตรียมอุดหูเต็มที่หากเอลฟ์สาวยังจะบ่นต่อ
   
“สร้อยคอเมื่อกี้น่ะ ” สองมือของเอลฟ์สาวแบอยู่ตรงหน้า “ขอดูหน่อยสิ”
   
“อือ..” เกรย์ส่งกล่องบรรจุสร้อยคอสีเงินออกขาวที่มีจี้สีเขียวรูปหยดน้ำให้  พลางลอบถอนหายใจเบา ๆ แล้วคิดว่า เอลฟ์ขี้บ่นอย่างนี้ทุกคนรึ
เปล่าเนี้ย
   
“ซื้อมาเท่าไหร่” เฟย์เนี่ยนถามอย่างเอาเรื่อง  เกรย์มองแบบประมาณว่า เซ็งสุด ๆ
   
“สามสิบซิลด์” เกรย์ตอบเรียบ ๆ (ตามเคย)
   
“ห๊า!!!” เฟย์เนี่ยนกรีดเสียง “เธอรู้มั้ยว่านี้มันสร้อยคอทำจากเงินจันทราบริสุทธ์  แถมจี้เนี้ยก็เป็นเพริดอตสีเขียวใบไม้ที่นิยมกันมาก  เชื่อว่าจะนำชัยชนะในสงครามมาให้กับผู้ใส่  จี้เนี่ยมันฝีมือคนแคระชั้นสูง  เป็นอัญมณีจากอนาโตเลียซะด้วย  รวมทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าพันซิลด์  แล้วพ่อค้าหน้าโง่ที่ไหนมาขายเธอสามสิบซิลด์ล่ะเนี่ย” เฟย์เนี่ยนพูดฉอด ๆ  เกรย์ได้แต่เบิกตาอย่างนึกไม่ถึงว่าเจ้าจี้ที้เมื่อกี้ยังมีราคาค่างวดแค่สามสิบซิลด์มันจะกลายเป็นของดีไปได้
   
“เอ้า เก็บไว้ดี ๆ ละกัน” เฟย์เนี่ยนส่งจี้สีเขียวคืนให้เกรย์ที่รับมาใส่กระเป๋าอย่างงง ๆ
   
“แล้ว ”เอล์ฟสาวเกริ่นพลางประสานมือไว้ที่คอ  ตาเหลือบมองเกรย์อย่างเค้นหาคำตอบ “เรื่องคนที่จะมาฆ่าเธอเมื่อวานนี้ล่ะ”
   
“ราคลอฟ ” เกรย์เลิกคิ้วน้อย ๆ  เฟย์เนี่ยนหลุบตาลง
   
“ตกลงรู้จักรึเปล่า”
   
“ก็ ” เกรย์ทำหน้าปั้นยาก “ใช่ ราคลอฟ  รารูเรส  หัวหน้ากลุ่มองค์กรนักฆ่าที่ตั้งอยู่ที่ชานเมือง  กลุ่มนักฆ่าเงาไงล่ะ” นักฆ่าสาวเอ่ยเรียบ ๆ
   
“นักฆ่าเงาที่เค้าว่ากันว่าฝีมือสุดยอดน่ะหรอ” เฟย์เนี่ยนถาม
   
“ใครจะพูดยังไงบ้างชั้นก็ไม่รู้  แต่ว่าในกลุ่มนักฆ่าเงานี้รวบรวมมืออาชีพด้านการฆ่าจากทุกมุมโลก  เป็นองค์กรที่มีอิทธิพลมาก ๆ ในตลาดมืด” เกรย์เอ่ยต่อด้วยเสียงจริงจังกว่าเดิม  ทั้งคู่มาหยุดอยู่ที่ลานน้ำพุ  ตรงนี้คนบางตาลงไปมาก  ทั้งสองทรุดตัวลงนั่งริมขอบน้ำพุรูปเทพดีดพิณ
   
“แล้วเธอ ” เฟย์เนี่ยนชี้มาที่เกรย์ “เป็นหนึ่งในพวกนักฆ่าเงาหรอ”
   
“ใช่” เกรย์ยอมรับ “ชั้นน่ะนะ  ถูกเอามาทิ้งไว้ที่หน้าประตูตั้งแต่แบเบาะ  ไม่มีโน้ต ไม่มีอะไรติดตัวมาเลย  หลังจากนั้นก็เริ่มฝึกวิชาการฆ่า
   
ใช่
                                              @@@@@@@@@@@@@@@@@@
   
ผัวะ!!!
   
ร่างเด็กน้อยเกรย์ในวัยหกขวบกระเด็นไปตามแรงมือของชายร่างใหญ่  ก่อนกระแทกกับกำแพงอิฐเสียงดังกึกก้อง
   
“ใช้ไม่ได้” ชายร่างมหึมาพร้อมดาบในมือเอ่ยพร้อมยิ้มเยาะ “ไม่รู้หัวหน้าเห็นอะไรในตัวแกถึงเอามาเลี้ยง  ไม่งั้น ถ้าเป็นชั้นก็คงจะเก็บแกไปตั้งนานแล้ว”
   
เกรย์พยุงตัวขึ้นอย่างอ่อนแรง  ดาบในมือเล็ก ๆ นั้นแทบจะสูงกว่าตัวของเธอซะอีก  ดวงตาสีทองและเขียวยังมีแววมุ่งมั่นแม้เลือดจะออกไม่น้อย  และกระดูกคงหักไปหลายท่อน
   
“ยังไม่เลิกอีกหรอ” รอยยิ้มหยันยังไม่เลือนหายไปจากริมฝีปากของชายร่างใหญ่
   
“หึ ก็ลองดูว่าแกจะล้มข้าได้รึเปล่า”
   
วูบ!!!
   
ร่างเล็กเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว  ก่อนปรากฏหลังร่างใหญ่  ปลายดาบจ่ออยู่ที่คอของคู่ต่อสู้
   
“ยอม แพ้ซะ” เกรย์วัยแปดขวบเอ่ยเสียงเย็น  แบบที่ไม่น่าเชื่อว่าเด็กอายุแปดขวบจะเอ่ยได้  แม้จะสั่นเทาก็ตามที
   
แปะ แปะ   
   
เสียงตบมือดังมาจากซุ้มประตูเบื้องหลังของเกรย์  เด็กน้อยหันขวับไปมอง  หากแต่ก็ยังไม่ลดดาบลง   
   
“เยี่ยมมาก” ราคลอฟเดินเข้ามา  พร้อม ๆ กับลูบหัวเด็กน้อยอย่างเอ็นดู
   
“เข้าใจรึยังว่าทำไมหัวหน้าถึงได้ปลื้มเจ้านี่” ราคลอฟในวัยสิบห้าเอ่ย
   
“เออ ” ชายร่างใหญ่พยักหน้าแบบสะบัด ๆ  ก่อนใช้มือปัดดาบออกห่างตัว  แล้วจ้ำหายไป  แต่ยังไม่วายหันมาขู่สำทับ
   
“แกก็ดีแต่หลบหลังคนอื่นล่ะน่า”
   
“ไม่ต้องไปใส่ใจหมอนั่นหรอก” ราคลอฟเอ่ยพลางยิ้มให้เกรย์  ซึ่งก้มหน้านิ่ง
   
“ข้าไม่เอาไหนจริง ๆ หรือ ท่านราคลอฟ” เกรย์ถาม  น้ำใส ๆ คลอตาสองสี
   
“ไม่หรอก เกรย์เก่งมากเลย” ราคลอฟพูด  พลางเชยคางเล็ก ๆ ของเด็กน้อยขึ้น
   
“ถ้าข้าเป็นหัวหน้าเมื่อไหร่ จะตั้งเกรย์เป็นมือขวาเลย  ดีมั้ย ?” ผู้มากวัยกว่าถาม  เด็กหญิงเริ่มยิ้มออก
   
“อือ” เกรย์ยิ้ม  พลางใช้หลังมือปาดน้ำตา
   
ท่านราคลอฟ
   
ทรยศ!!!
“เฮ้อ!!!” เฟย์เนี่ยนถอนหายใจเสียงดัง
“สรุปคือเค้าเป็นคนสำคัญของเธอล่ะสิ” เกรย์พยักหน้านิด ๆ
“แล้วไม่เจ็บใจหรอ หรือแค้น หรืออะไรสักอย่าง”  แต่เกรย์ส่ายหน้า
“ถึงชั้นจะเป็นนักฆ่า  ก็ใช่ว่าฆ่าคนตามอำเภอใจ  แล้วเรื่องแค้นนั่นน่ะ..เธอเคยได้ยินคติของนักฆ่าบ้างมั้ยล่ะ” เกรย์ถาม  เฟย์เนี่ยนส่ายหน้า
“อะไรที่ไม่จำเป็นก็ตัดทิ้ง” เกรย์พูดเย็น ๆ  แววตาสั่นน้อย ๆ “ถ้าท่านราคลอฟทรยศก็ตัดทิ้งไปซะ”
“อ้อ ” เฟย์เนี่ยนเกาหัว “เธอเนี่ยซีเรียสจังนะ”
“นี่ ” เกรย์หันมาจ้องหน้าเพื่อนใหม่ “ห้ามบอกใครเรื่องที่ชั้นเล่าให้ฟังเป็นอันขาดนะ  เข้าใจมั้ย”
“แน่นอน” เฟย์เนี่ยนยื่นนิ้วก้อยให้เกรย์ที่มองอย่างงง ๆ
“สัญญา” เฟย์เนี่ยนเกี่ยวนิ้วก้อยเข้ากับนิ้วก้อยของเกรย์
“อื้อ ” เกรย์พยักหน้า  ยิ้มน้อย ๆ
“แต่มีข้อแม้” เฟย์เนี่ยนผ่ากลางปล้อง  เกรย์เลิกคิ้ว
“เธอต้องมาเป็นเพื่อนชั้นนะ  ไหน ๆ เราก็อุตส่าห์รู้จักกันแล้ว” เอล์ฟสาวเอ่ยข้อแม้
“ก็ ” เกรย์กลอกตา  บางทีการมีเพื่อนร่วมเดินทางอาจจะดีสำหรับเธอก็เป็นได้  แล้วเธอก็ไม่เคยมีเพื่อนวัยเดียวกันมาก่อนเลย
”..ได้..” เกรย์พยักหน้ารับ  เฟย์เนี่ยนยิ้ม
“แล้ว ” เอล์ฟสาวเริ่มต้นต่อ  พลางคลายนิ้วที่เกี่ยวกับนิ้วของเกรย์
“หลังจากนี้จะเอาไง   เธอน่ะ”  เกรย์เงยหน้ามองฟ้าสีฟ้าสด  เมฆสีขาวเป็นปุยลอยตุ๊บป่องอยู่สองสามก้อน
“คงจะเดินทางไปเรื่อย ๆ มั้ง อ้อ..” เกรย์พูด  นึกถึงเรื่องริสเปลล์ขึ้นมา “มีอีกเรื่อง ”
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
“งั้น นอกจากเธอจะเป็นนักฆ่าที่ทรยศต่อองค์กรแล้ว  ยังเป็นผู้พิทักษ์ดาบสองพันปีด้วยหรอ” เฟย์เนี่ยนถาม
“เค้าเรียกดาบไพออซ” เกรย์พึมพำ  พลางพยักหน้า
“ก็อย่างที่บอก จะเดินทางไปเรื่อย ๆ  อย่างแรกคงต้องออกจากชายแดนอนาคินก่อน  แล้วหลังจากนั้นค่อยว่ากัน  เป็นการหลบหนีคนใน
องค์กร  พร้อมกับตามหาดาบเป็นงานอดิเรก”  เกรย์พูดอย่างเบื่อ ๆ
“แล้ว..เธอล่ะ” เกรย์หันมองเฟย์เนี่ยน “ไม่กลับบ้านกลับช่องรึไง” เกรย์ถามเสียงเย็น
“อ้อ เมืองนิโมซายน์ของพวกเอล์ฟน่ะรึ” เฟย์เนี่ยนถาม  พลางหลบตา “ก็ ไม่ค่อยมีอะไรทำเท่าไหร่  เลยหนีออกมา ถ้าท่านแม่รู้ต้องตาย
แน่ ๆ เลย”
“หรอ ” เกรย์เอ่ยเรียบ ๆ 
“อืม ท่านแม่น่ะนะโกรธใหญ่เลยตอนที่ชั้นอาละวาดอยากจะออกมาในเมือง  สั่งขาดว่าห้ามออกจากห้องนอนเด็ดขาด  แถมให้ยามเฝ้าหน้า
ประตูตั้งสองคน กว่าจะแหกคอกออกมาได้เนี่ย  เสียเวลาไปเยอะเหมือนกัน” เฟย์เนี่ยนเริ่มบ่น
“เออ แต่ว่า ” เฟย์เนี่ยนก้มหน้า  นิ่งกันไปครู่หนึ่ง
“ถ้าเธอกำลังหนีน่ะนะ ถ้าไม่รังเกียจก็ไปบ้านชั้นก็ได้” เฟย์เนี่ยนเอ่ยเบาแทบจะกระซิบ
“งั้นหรอ” เกรย์เบิกตา  เฟย์เนี่ยนเงยหน้าขึ้นมอง
“อื้อ เมืองนิโมซายน์น่ะ  ห่างจากเมืองนี้ไปทางตอนเหนือไม่เท่าไหร่ เดินสองสามวันก็คงถึง” เฟย์เนี่ยนพูด “แต่เวลาจะไปนี่สิ ทางลัดที่สุด
โจรป่าชุมยังกับยุง  แต่มันก็เป็นทางตรงที่สุด”
“อืม ” เกรย์พึมพำ
“โอเคมั้ยล่ะ” เฟย์เนี่ยนถาม  เกรย์พยักหน้าอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
“งั้นคืนนี้ ” เกรย์พูด  หันไปมองหน้าเพื่อนใหม่ที่กำลังยิ้มเบิกบานอยู่คนเดียว
“เจอกันที่หน้าโรงแรมกรีนลีฟนะ!!!” สองเสียงพูดพร้อมกัน
________________________________
ก๊อก ก๊อก
   
เสียงเคาะประตูช้าชัด  พร้อมเสียงตะโกนที่ว่า
   
“จะวางไว้ตรงนี้นะ”
   
นักฆ่าสาวปรือตาขึ้นนิดนึง  แสงแดดทอประกายเป็นลำเข้ามาในห้อง  เสียงนกร้องขานรับวันใหม่อย่างร่าเริง  เกรย์กระพริบตาก่อนผลักผ้าห่มสีขาวออกจากร่าง  หัวทึบตื้ออย่างบอกไม่ถูก
   
“เมื่อคืนนี้ เรา ” เกรย์พึมพำกับตัวเอง  ภาพของเฟย์เนี่ยนแวบเข้ามาในหัวเป็นอันดับแรก  ตามด้วยภาพของริสเปลล์
   
“ใช่แล้ว องครักษ์ดาบ ” เกรย์กระซิบพลางกุมหัว  ก่อนหย่อนขาทั้งสองข้างลงบนพื้น  แล้วเดินไปล้างหน้าในอ่าง
   
น้ำเย็นเฉียบปลุกความคิดให้สว่างวาบ  เกรย์เงยหน้าขึ้นมองกระจก  เด็กสาวผมดำค่อนข้างยุ่งเหยิงกับดวงตาสีทองและเขียวที่ดูง่วง ๆ จ้องตอบกลับมา
   
“เอาเถอะ” เกรย์ยิ้มเย็น ๆ นิดหนึ่งให้กับเงาของตัวเอง  ก่อนหยิบหวีขึ้นแล้วเริ่มสางผม  สายตาทอดไปหยุดที่ประตู  มือข้างที่ไม่ได้จับหวีหมุนลูกบิดเล็กน้อย  ประตูเปิดออกอย่างง่ายดาย
   
อาหารเช้าในถาดสีเงินวางอยู่ตรงหน้า  เกรย์ยิ้มอีกครั้งแล้วยกถาดเข้าห้อง
   
“ขอบ คุณ”
เกรย์พูดช้าชัดแต่เบาหวิว  และดูเหมือนจะไม่มีใครได้ยิน  หากแต่เจ้าตัวยิ้มให้กับตัวเอง
                                                              @@@@@@@@@@@@@
   
ตลาดอันชุลมุนของเมืองหลวงอนาคิน  ซึ่งก็ยังชุลมุนอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง  เสียงพ่อค้าแม่ขายตะโกนแข่งกันราวคอหอยจะแตก  แสงแดดก็ยังจัดจ้าเหมือนเมื่อวาน  แต่ทำไมความรู้สึกของเกรย์มันถึงได้เปลี่ยนไปนัก
   
เมื่อวานเรายังเป็นนักฆ่าธรรมดา
   
ความคิดแวบเข้ามาในห้วงคำนึงภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย
   
.วันนี้ เราเป็นคนทรยศต่อองค์กรไปแล้ว
   
เกรย์สะบัดรอยยิ้มเศร้า
   
แต่ก็ดี ละมั้ง ?
   
เกรย์เบือนสายตาจากเมฆก้อนใหญ่ลอยเอื่อย ๆ มายังถนนเบื้องหน้า  นัยน์ตาสีทองและเขียวไปสะดุดอยู่ที่สร้อยคอฝังอัญมณีสีเขียวอ่อน  แสงแดดราวกับจงใจส่งประกายของมันมาเข้าตาเธอโดยเฉพาะ
   
“สร้อยคอเพริดอตจากอนาโตเลียจ้า  เพิ่งมาถึงเมื่อเช้า  สามสิบสองซิลด์  สี่เจต  อ้าว!!! คุณหนู  เชิญดูได้เลยจ้า” สายตาของพ่อค้าร่างอ้วนพลันมาสะดุดที่เกรย์  ว่าไม่ว่าเปล่ายังยกสร้อยคอนั้นขึ้นโชว์อีกด้วย
   
“เพิ่งมาใหม่เมื่อเช้านี้ มีแค่สามอันเท่านั้นนะคุณหนู” คำโฆษณาที่แทบไม่เข้าหูของเกรย์เลยแม้แต่น้อย  สายตาของเธอจับจ้องอยู่ที่ประกายวาวของจี้สีเขียวสดเหมือนดวงตาข้างหนึ่งของเธอ
   
“เท่าไหร่” เกรย์ถามเรียบ
   
“สามสิบสองซิลด์  สี่เจต  แต่คุณหนูเป็นลูกค้ารายแรก  ลดเหลือสามสิบซิลด์ถ้วนไปเลยก็ได้” พ่อค้าเอ่ยอย่างคล่องแคล่ว  พลางหยิบอัญมณีจากมือของเกรย์ไปใส่กล่องอย่างเรียบร้อยแล้วส่งคืนให้
   
ไม่มีงานทำแล้วยังจะเอาเงินมาใช้ไม่เป็นเรื่องอีก
   
เกรย์คิดในใจพลางถอนหายใจเบา ๆ  แล้วส่งเหรียญทองให้พ่อค้าที่รับไว้อย่างยินดี
   
เกรย์เกือบหันหลังกลับแล้ว  ถ้าไม่ใช่เพราะรู้สึกถึงแรงสะกิดที่ไหล่ซะก่อน
   
“นี่ ๆ” เสียงที่ฟังคุ้นหูเรียก  เกรย์หันกลับไปและ
   
ตูม!!!
   
หมัดหนัก ๆ ของเฟย์เนี่ยนเฉียดหน้าของเกรย์ไปเพียงปลายก้อย  พร้อมกับเสียงโวยวายดังลั่นตลาดแบบไม่อายชาวบ้าน
   
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าจะรอที่กลางเมือง  ชั้นรึก็ไปรอแต่เช้า รอจนเหงือกแห้งตีนกาจะขึ้นแล้วเจ๊ก็ยังไม่มา  มาเดินดูอีกทีก็มาซื้อของสบายใจเฉิบอยู่นี่  มีความสุขนักรึไง” เอลฟ์สาวระบายอารมณ์เต็มที่  ส่วนเกรย์ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็ได้แต่ปิดหูฟังคำบ่นที่วนไปวนมาอยู่ที่เดิม  ขนาดเดินเกือบครึ่งรอบตลาดแล้วแม่นางก็ยังบ่น  บ่น  บ่นและบ่นไม่เลิก
 
“นี่ ” เฟย์เนี่ยนพูดหลังจากจบการเทศนามาราธอน
   
“อะไรล่ะ” เกรย์เหลือบมองเฟย์เนี่ยนเล็กน้อย  สองมือเตรียมอุดหูเต็มที่หากเอลฟ์สาวยังจะบ่นต่อ
   
“สร้อยคอเมื่อกี้น่ะ ” สองมือของเอลฟ์สาวแบอยู่ตรงหน้า “ขอดูหน่อยสิ”
   
“อือ..” เกรย์ส่งกล่องบรรจุสร้อยคอสีเงินออกขาวที่มีจี้สีเขียวรูปหยดน้ำให้  พลางลอบถอนหายใจเบา ๆ แล้วคิดว่า เอลฟ์ขี้บ่นอย่างนี้ทุกคนรึ
เปล่าเนี้ย
   
“ซื้อมาเท่าไหร่” เฟย์เนี่ยนถามอย่างเอาเรื่อง  เกรย์มองแบบประมาณว่า เซ็งสุด ๆ
   
“สามสิบซิลด์” เกรย์ตอบเรียบ ๆ (ตามเคย)
   
“ห๊า!!!” เฟย์เนี่ยนกรีดเสียง “เธอรู้มั้ยว่านี้มันสร้อยคอทำจากเงินจันทราบริสุทธ์  แถมจี้เนี้ยก็เป็นเพริดอตสีเขียวใบไม้ที่นิยมกันมาก  เชื่อว่าจะนำชัยชนะในสงครามมาให้กับผู้ใส่  จี้เนี่ยมันฝีมือคนแคระชั้นสูง  เป็นอัญมณีจากอนาโตเลียซะด้วย  รวมทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าพันซิลด์  แล้วพ่อค้าหน้าโง่ที่ไหนมาขายเธอสามสิบซิลด์ล่ะเนี่ย” เฟย์เนี่ยนพูดฉอด ๆ  เกรย์ได้แต่เบิกตาอย่างนึกไม่ถึงว่าเจ้าจี้ที้เมื่อกี้ยังมีราคาค่างวดแค่สามสิบซิลด์มันจะกลายเป็นของดีไปได้
   
“เอ้า เก็บไว้ดี ๆ ละกัน” เฟย์เนี่ยนส่งจี้สีเขียวคืนให้เกรย์ที่รับมาใส่กระเป๋าอย่างงง ๆ
   
“แล้ว ”เอล์ฟสาวเกริ่นพลางประสานมือไว้ที่คอ  ตาเหลือบมองเกรย์อย่างเค้นหาคำตอบ “เรื่องคนที่จะมาฆ่าเธอเมื่อวานนี้ล่ะ”
   
“ราคลอฟ ” เกรย์เลิกคิ้วน้อย ๆ  เฟย์เนี่ยนหลุบตาลง
   
“ตกลงรู้จักรึเปล่า”
   
“ก็ ” เกรย์ทำหน้าปั้นยาก “ใช่ ราคลอฟ  รารูเรส  หัวหน้ากลุ่มองค์กรนักฆ่าที่ตั้งอยู่ที่ชานเมือง  กลุ่มนักฆ่าเงาไงล่ะ” นักฆ่าสาวเอ่ยเรียบ ๆ
   
“นักฆ่าเงาที่เค้าว่ากันว่าฝีมือสุดยอดน่ะหรอ” เฟย์เนี่ยนถาม
   
“ใครจะพูดยังไงบ้างชั้นก็ไม่รู้  แต่ว่าในกลุ่มนักฆ่าเงานี้รวบรวมมืออาชีพด้านการฆ่าจากทุกมุมโลก  เป็นองค์กรที่มีอิทธิพลมาก ๆ ในตลาดมืด” เกรย์เอ่ยต่อด้วยเสียงจริงจังกว่าเดิม  ทั้งคู่มาหยุดอยู่ที่ลานน้ำพุ  ตรงนี้คนบางตาลงไปมาก  ทั้งสองทรุดตัวลงนั่งริมขอบน้ำพุรูปเทพดีดพิณ
   
“แล้วเธอ ” เฟย์เนี่ยนชี้มาที่เกรย์ “เป็นหนึ่งในพวกนักฆ่าเงาหรอ”
   
“ใช่” เกรย์ยอมรับ “ชั้นน่ะนะ  ถูกเอามาทิ้งไว้ที่หน้าประตูตั้งแต่แบเบาะ  ไม่มีโน้ต ไม่มีอะไรติดตัวมาเลย  หลังจากนั้นก็เริ่มฝึกวิชาการฆ่า
   
ใช่
                                              @@@@@@@@@@@@@@@@@@
   
ผัวะ!!!
   
ร่างเด็กน้อยเกรย์ในวัยหกขวบกระเด็นไปตามแรงมือของชายร่างใหญ่  ก่อนกระแทกกับกำแพงอิฐเสียงดังกึกก้อง
   
“ใช้ไม่ได้” ชายร่างมหึมาพร้อมดาบในมือเอ่ยพร้อมยิ้มเยาะ “ไม่รู้หัวหน้าเห็นอะไรในตัวแกถึงเอามาเลี้ยง  ไม่งั้น ถ้าเป็นชั้นก็คงจะเก็บแกไปตั้งนานแล้ว”
   
เกรย์พยุงตัวขึ้นอย่างอ่อนแรง  ดาบในมือเล็ก ๆ นั้นแทบจะสูงกว่าตัวของเธอซะอีก  ดวงตาสีทองและเขียวยังมีแววมุ่งมั่นแม้เลือดจะออกไม่น้อย  และกระดูกคงหักไปหลายท่อน
   
“ยังไม่เลิกอีกหรอ” รอยยิ้มหยันยังไม่เลือนหายไปจากริมฝีปากของชายร่างใหญ่
   
“หึ ก็ลองดูว่าแกจะล้มข้าได้รึเปล่า”
   
วูบ!!!
   
ร่างเล็กเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว  ก่อนปรากฏหลังร่างใหญ่  ปลายดาบจ่ออยู่ที่คอของคู่ต่อสู้
   
“ยอม แพ้ซะ” เกรย์วัยแปดขวบเอ่ยเสียงเย็น  แบบที่ไม่น่าเชื่อว่าเด็กอายุแปดขวบจะเอ่ยได้  แม้จะสั่นเทาก็ตามที
   
แปะ แปะ   
   
เสียงตบมือดังมาจากซุ้มประตูเบื้องหลังของเกรย์  เด็กน้อยหันขวับไปมอง  หากแต่ก็ยังไม่ลดดาบลง   
   
“เยี่ยมมาก” ราคลอฟเดินเข้ามา  พร้อม ๆ กับลูบหัวเด็กน้อยอย่างเอ็นดู
   
“เข้าใจรึยังว่าทำไมหัวหน้าถึงได้ปลื้มเจ้านี่” ราคลอฟในวัยสิบห้าเอ่ย
   
“เออ ” ชายร่างใหญ่พยักหน้าแบบสะบัด ๆ  ก่อนใช้มือปัดดาบออกห่างตัว  แล้วจ้ำหายไป  แต่ยังไม่วายหันมาขู่สำทับ
   
“แกก็ดีแต่หลบหลังคนอื่นล่ะน่า”
   
“ไม่ต้องไปใส่ใจหมอนั่นหรอก” ราคลอฟเอ่ยพลางยิ้มให้เกรย์  ซึ่งก้มหน้านิ่ง
   
“ข้าไม่เอาไหนจริง ๆ หรือ ท่านราคลอฟ” เกรย์ถาม  น้ำใส ๆ คลอตาสองสี
   
“ไม่หรอก เกรย์เก่งมากเลย” ราคลอฟพูด  พลางเชยคางเล็ก ๆ ของเด็กน้อยขึ้น
   
“ถ้าข้าเป็นหัวหน้าเมื่อไหร่ จะตั้งเกรย์เป็นมือขวาเลย  ดีมั้ย ?” ผู้มากวัยกว่าถาม  เด็กหญิงเริ่มยิ้มออก
   
“อือ” เกรย์ยิ้ม  พลางใช้หลังมือปาดน้ำตา
   
ท่านราคลอฟ
   
ทรยศ!!!
“เฮ้อ!!!” เฟย์เนี่ยนถอนหายใจเสียงดัง
“สรุปคือเค้าเป็นคนสำคัญของเธอล่ะสิ” เกรย์พยักหน้านิด ๆ
“แล้วไม่เจ็บใจหรอ หรือแค้น หรืออะไรสักอย่าง”  แต่เกรย์ส่ายหน้า
“ถึงชั้นจะเป็นนักฆ่า  ก็ใช่ว่าฆ่าคนตามอำเภอใจ  แล้วเรื่องแค้นนั่นน่ะ..เธอเคยได้ยินคติของนักฆ่าบ้างมั้ยล่ะ” เกรย์ถาม  เฟย์เนี่ยนส่ายหน้า
“อะไรที่ไม่จำเป็นก็ตัดทิ้ง” เกรย์พูดเย็น ๆ  แววตาสั่นน้อย ๆ “ถ้าท่านราคลอฟทรยศก็ตัดทิ้งไปซะ”
“อ้อ ” เฟย์เนี่ยนเกาหัว “เธอเนี่ยซีเรียสจังนะ”
“นี่ ” เกรย์หันมาจ้องหน้าเพื่อนใหม่ “ห้ามบอกใครเรื่องที่ชั้นเล่าให้ฟังเป็นอันขาดนะ  เข้าใจมั้ย”
“แน่นอน” เฟย์เนี่ยนยื่นนิ้วก้อยให้เกรย์ที่มองอย่างงง ๆ
“สัญญา” เฟย์เนี่ยนเกี่ยวนิ้วก้อยเข้ากับนิ้วก้อยของเกรย์
“อื้อ ” เกรย์พยักหน้า  ยิ้มน้อย ๆ
“แต่มีข้อแม้” เฟย์เนี่ยนผ่ากลางปล้อง  เกรย์เลิกคิ้ว
“เธอต้องมาเป็นเพื่อนชั้นนะ  ไหน ๆ เราก็อุตส่าห์รู้จักกันแล้ว” เอล์ฟสาวเอ่ยข้อแม้
“ก็ ” เกรย์กลอกตา  บางทีการมีเพื่อนร่วมเดินทางอาจจะดีสำหรับเธอก็เป็นได้  แล้วเธอก็ไม่เคยมีเพื่อนวัยเดียวกันมาก่อนเลย
”..ได้..” เกรย์พยักหน้ารับ  เฟย์เนี่ยนยิ้ม
“แล้ว ” เอล์ฟสาวเริ่มต้นต่อ  พลางคลายนิ้วที่เกี่ยวกับนิ้วของเกรย์
“หลังจากนี้จะเอาไง   เธอน่ะ”  เกรย์เงยหน้ามองฟ้าสีฟ้าสด  เมฆสีขาวเป็นปุยลอยตุ๊บป่องอยู่สองสามก้อน
“คงจะเดินทางไปเรื่อย ๆ มั้ง อ้อ..” เกรย์พูด  นึกถึงเรื่องริสเปลล์ขึ้นมา “มีอีกเรื่อง ”
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
“งั้น นอกจากเธอจะเป็นนักฆ่าที่ทรยศต่อองค์กรแล้ว  ยังเป็นผู้พิทักษ์ดาบสองพันปีด้วยหรอ” เฟย์เนี่ยนถาม
“เค้าเรียกดาบไพออซ” เกรย์พึมพำ  พลางพยักหน้า
“ก็อย่างที่บอก จะเดินทางไปเรื่อย ๆ  อย่างแรกคงต้องออกจากชายแดนอนาคินก่อน  แล้วหลังจากนั้นค่อยว่ากัน  เป็นการหลบหนีคนใน
องค์กร  พร้อมกับตามหาดาบเป็นงานอดิเรก”  เกรย์พูดอย่างเบื่อ ๆ
“แล้ว..เธอล่ะ” เกรย์หันมองเฟย์เนี่ยน “ไม่กลับบ้านกลับช่องรึไง” เกรย์ถามเสียงเย็น
“อ้อ เมืองนิโมซายน์ของพวกเอล์ฟน่ะรึ” เฟย์เนี่ยนถาม  พลางหลบตา “ก็ ไม่ค่อยมีอะไรทำเท่าไหร่  เลยหนีออกมา ถ้าท่านแม่รู้ต้องตาย
แน่ ๆ เลย”
“หรอ ” เกรย์เอ่ยเรียบ ๆ 
“อืม ท่านแม่น่ะนะโกรธใหญ่เลยตอนที่ชั้นอาละวาดอยากจะออกมาในเมือง  สั่งขาดว่าห้ามออกจากห้องนอนเด็ดขาด  แถมให้ยามเฝ้าหน้า
ประตูตั้งสองคน กว่าจะแหกคอกออกมาได้เนี่ย  เสียเวลาไปเยอะเหมือนกัน” เฟย์เนี่ยนเริ่มบ่น
“เออ แต่ว่า ” เฟย์เนี่ยนก้มหน้า  นิ่งกันไปครู่หนึ่ง
“ถ้าเธอกำลังหนีน่ะนะ ถ้าไม่รังเกียจก็ไปบ้านชั้นก็ได้” เฟย์เนี่ยนเอ่ยเบาแทบจะกระซิบ
“งั้นหรอ” เกรย์เบิกตา  เฟย์เนี่ยนเงยหน้าขึ้นมอง
“อื้อ เมืองนิโมซายน์น่ะ  ห่างจากเมืองนี้ไปทางตอนเหนือไม่เท่าไหร่ เดินสองสามวันก็คงถึง” เฟย์เนี่ยนพูด “แต่เวลาจะไปนี่สิ ทางลัดที่สุด
โจรป่าชุมยังกับยุง  แต่มันก็เป็นทางตรงที่สุด”
“อืม ” เกรย์พึมพำ
“โอเคมั้ยล่ะ” เฟย์เนี่ยนถาม  เกรย์พยักหน้าอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
“งั้นคืนนี้ ” เกรย์พูด  หันไปมองหน้าเพื่อนใหม่ที่กำลังยิ้มเบิกบานอยู่คนเดียว
“เจอกันที่หน้าโรงแรมกรีนลีฟนะ!!!” สองเสียงพูดพร้อมกัน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น