ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานผู้พิทักษ์ดาบศักดิ์สิทธิ์

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5 : เพื่อนใหม่กับอดีตของเกรย์

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 48


    เพื่อนใหม่กับอดีตของเกรย์

    ________________________________



    ก๊อก…ก๊อก

        

    เสียงเคาะประตูช้าชัด  พร้อมเสียงตะโกนที่ว่า

        

    “จะวางไว้ตรงนี้นะ”

        

    นักฆ่าสาวปรือตาขึ้นนิดนึง   แสงแดดทอประกายเป็นลำเข้ามาในห้อง  เสียงนกร้องขานรับวันใหม่อย่างร่าเริง  เกรย์กระพริบตาก่อนผลักผ้าห่มสีขาวออกจากร่าง  หัวทึบตื้ออย่างบอกไม่ถูก

        

    “เมื่อคืนนี้…เรา…” เกรย์พึมพำกับตัวเอง  ภาพของเฟย์เนี่ยนแวบเข้ามาในหัวเป็นอันดับแรก  ตามด้วยภาพของริสเปลล์

        

    “ใช่แล้ว…องครักษ์ดาบ…” เกรย์กระซิบพลางกุมหัว  ก่อนหย่อนขาทั้งสองข้างลงบนพื้น  แล้วเดินไปล้างหน้าในอ่าง

        

    น้ำเย็นเฉียบปลุกความคิดให้สว่างวาบ  เกรย์เงยหน้าขึ้นมองกระจก  เด็กสาวผมดำค่อนข้างยุ่งเหยิงกับดวงตาสีทองและเขียวที่ดูง่วง ๆ จ้องตอบกลับมา

        

    “เอาเถอะ” เกรย์ยิ้มเย็น ๆ นิดหนึ่งให้กับเงาของตัวเอง   ก่อนหยิบหวีขึ้นแล้วเริ่มสางผม  สายตาทอดไปหยุดที่ประตู  มือข้างที่ไม่ได้จับหวีหมุนลูกบิดเล็กน้อย  ประตูเปิดออกอย่างง่ายดาย

        

    อาหารเช้าในถาดสีเงินวางอยู่ตรงหน้า   เกรย์ยิ้มอีกครั้งแล้วยกถาดเข้าห้อง

        

    “ขอบ – คุณ”

    เกรย์พูดช้าชัดแต่เบาหวิว  และดูเหมือนจะไม่มีใครได้ยิน  หากแต่เจ้าตัวยิ้มให้กับตัวเอง



                                                                  @@@@@@@@@@@@@

        

    ตลาดอันชุลมุนของเมืองหลวงอนาคิน  ซึ่งก็ยังชุลมุนอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง  เสียงพ่อค้าแม่ขายตะโกนแข่งกันราวคอหอยจะแตก  แสงแดดก็ยังจัดจ้าเหมือนเมื่อวาน   แต่ทำไมความรู้สึกของเกรย์มันถึงได้เปลี่ยนไปนัก

        

    …เมื่อวานเรายังเป็นนักฆ่าธรรมดา…

        

    ความคิดแวบเข้ามาในห้วงคำนึงภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย

        

    ….วันนี้…เราเป็นคนทรยศต่อองค์กรไปแล้ว…

        

    เกรย์สะบัดรอยยิ้มเศร้า

        

    …แต่ก็ดี…ละมั้ง ?

        

    เกรย์เบือนสายตาจากเมฆก้อนใหญ่ลอยเอื่อย ๆ มายังถนนเบื้องหน้า   นัยน์ตาสีทองและเขียวไปสะดุดอยู่ที่สร้อยคอฝังอัญมณีสีเขียวอ่อน   แสงแดดราวกับจงใจส่งประกายของมันมาเข้าตาเธอโดยเฉพาะ

        

    “สร้อยคอเพริดอตจากอนาโตเลียจ้า  เพิ่งมาถึงเมื่อเช้า  สามสิบสองซิลด์  สี่เจต  อ้าว!!! คุณหนู  เชิญดูได้เลยจ้า” สายตาของพ่อค้าร่างอ้วนพลันมาสะดุดที่เกรย์  ว่าไม่ว่าเปล่ายังยกสร้อยคอนั้นขึ้นโชว์อีกด้วย

        

    “เพิ่งมาใหม่เมื่อเช้านี้…มีแค่สามอันเท่านั้นนะคุณหนู” คำโฆษณาที่แทบไม่เข้าหูของเกรย์เลยแม้แต่น้อย  สายตาของเธอจับจ้องอยู่ที่ประกายวาวของจี้สีเขียวสดเหมือนดวงตาข้างหนึ่งของเธอ

        

    “เท่าไหร่” เกรย์ถามเรียบ

        

    “สามสิบสองซิลด์  สี่เจต  แต่คุณหนูเป็นลูกค้ารายแรก  ลดเหลือสามสิบซิลด์ถ้วนไปเลยก็ได้” พ่อค้าเอ่ยอย่างคล่องแคล่ว   พลางหยิบอัญมณีจากมือของเกรย์ไปใส่กล่องอย่างเรียบร้อยแล้วส่งคืนให้

        

    …ไม่มีงานทำแล้วยังจะเอาเงินมาใช้ไม่เป็นเรื่องอีก…

        

    เกรย์คิดในใจพลางถอนหายใจเบา ๆ   แล้วส่งเหรียญทองให้พ่อค้าที่รับไว้อย่างยินดี

        

    เกรย์เกือบหันหลังกลับแล้ว  ถ้าไม่ใช่เพราะรู้สึกถึงแรงสะกิดที่ไหล่ซะก่อน

        

    “นี่ ๆ” เสียงที่ฟังคุ้นหูเรียก   เกรย์หันกลับไปและ…

        

    ตูม!!!

        

    หมัดหนัก ๆ ของเฟย์เนี่ยนเฉียดหน้าของเกรย์ไปเพียงปลายก้อย   พร้อมกับเสียงโวยวายดังลั่นตลาดแบบไม่อายชาวบ้าน

        

    “บอกแล้วใช่มั้ยว่าจะรอที่กลางเมือง   ชั้นรึก็ไปรอแต่เช้า…รอจนเหงือกแห้งตีนกาจะขึ้นแล้วเจ๊ก็ยังไม่มา   มาเดินดูอีกทีก็มาซื้อของสบายใจเฉิบอยู่นี่   มีความสุขนักรึไง” เอลฟ์สาวระบายอารมณ์เต็มที่   ส่วนเกรย์ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็ได้แต่ปิดหูฟังคำบ่นที่วนไปวนมาอยู่ที่เดิม  ขนาดเดินเกือบครึ่งรอบตลาดแล้วแม่นางก็ยังบ่น  บ่น  บ่นและบ่นไม่เลิก

      

    “นี่…” เฟย์เนี่ยนพูดหลังจากจบการเทศนามาราธอน

        

    “อะไรล่ะ” เกรย์เหลือบมองเฟย์เนี่ยนเล็กน้อย  สองมือเตรียมอุดหูเต็มที่หากเอลฟ์สาวยังจะบ่นต่อ

        

    “สร้อยคอเมื่อกี้น่ะ…” สองมือของเอลฟ์สาวแบอยู่ตรงหน้า “ขอดูหน่อยสิ”

        

    “อือ..” เกรย์ส่งกล่องบรรจุสร้อยคอสีเงินออกขาวที่มีจี้สีเขียวรูปหยดน้ำให้  พลางลอบถอนหายใจเบา ๆ แล้วคิดว่า…เอลฟ์ขี้บ่นอย่างนี้ทุกคนรึ

    เปล่าเนี้ย

        

    “ซื้อมาเท่าไหร่” เฟย์เนี่ยนถามอย่างเอาเรื่อง  เกรย์มองแบบประมาณว่า…เซ็งสุด ๆ

        

    “สามสิบซิลด์” เกรย์ตอบเรียบ ๆ (ตามเคย)

        

    “ห๊า!!!” เฟย์เนี่ยนกรีดเสียง “เธอรู้มั้ยว่านี้มันสร้อยคอทำจากเงินจันทราบริสุทธ์  แถมจี้เนี้ยก็เป็นเพริดอตสีเขียวใบไม้ที่นิยมกันมาก  เชื่อว่าจะนำชัยชนะในสงครามมาให้กับผู้ใส่  จี้เนี่ยมันฝีมือคนแคระชั้นสูง   เป็นอัญมณีจากอนาโตเลียซะด้วย  รวมทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าพันซิลด์  แล้วพ่อค้าหน้าโง่ที่ไหนมาขายเธอสามสิบซิลด์ล่ะเนี่ย” เฟย์เนี่ยนพูดฉอด ๆ  เกรย์ได้แต่เบิกตาอย่างนึกไม่ถึงว่าเจ้าจี้ที้เมื่อกี้ยังมีราคาค่างวดแค่สามสิบซิลด์มันจะกลายเป็นของดีไปได้

        

    “เอ้า…เก็บไว้ดี ๆ ละกัน” เฟย์เนี่ยนส่งจี้สีเขียวคืนให้เกรย์ที่รับมาใส่กระเป๋าอย่างงง ๆ

        

    “แล้ว…”เอล์ฟสาวเกริ่นพลางประสานมือไว้ที่คอ  ตาเหลือบมองเกรย์อย่างเค้นหาคำตอบ “เรื่องคนที่จะมาฆ่าเธอเมื่อวานนี้ล่ะ”

        

    “ราคลอฟ…” เกรย์เลิกคิ้วน้อย ๆ   เฟย์เนี่ยนหลุบตาลง

        

    “ตกลงรู้จักรึเปล่า”

        

    “ก็…” เกรย์ทำหน้าปั้นยาก “ใช่…ราคลอฟ  รารูเรส  หัวหน้ากลุ่มองค์กรนักฆ่าที่ตั้งอยู่ที่ชานเมือง   กลุ่มนักฆ่าเงาไงล่ะ” นักฆ่าสาวเอ่ยเรียบ ๆ

        

    “นักฆ่าเงาที่เค้าว่ากันว่าฝีมือสุดยอดน่ะหรอ” เฟย์เนี่ยนถาม

        

    “ใครจะพูดยังไงบ้างชั้นก็ไม่รู้   แต่ว่าในกลุ่มนักฆ่าเงานี้รวบรวมมืออาชีพด้านการฆ่าจากทุกมุมโลก   เป็นองค์กรที่มีอิทธิพลมาก ๆ ในตลาดมืด” เกรย์เอ่ยต่อด้วยเสียงจริงจังกว่าเดิม  ทั้งคู่มาหยุดอยู่ที่ลานน้ำพุ  ตรงนี้คนบางตาลงไปมาก  ทั้งสองทรุดตัวลงนั่งริมขอบน้ำพุรูปเทพดีดพิณ

        

    “แล้วเธอ…” เฟย์เนี่ยนชี้มาที่เกรย์ “เป็นหนึ่งในพวกนักฆ่าเงาหรอ”

        

    “ใช่” เกรย์ยอมรับ “ชั้นน่ะนะ  ถูกเอามาทิ้งไว้ที่หน้าประตูตั้งแต่แบเบาะ   ไม่มีโน้ต…ไม่มีอะไรติดตัวมาเลย  หลังจากนั้นก็เริ่มฝึกวิชาการฆ่า…

        

    …ใช่…



                                                   @@@@@@@@@@@@@@@@@@

        

    ผัวะ!!!

        

    ร่างเด็กน้อยเกรย์ในวัยหกขวบกระเด็นไปตามแรงมือของชายร่างใหญ่  ก่อนกระแทกกับกำแพงอิฐเสียงดังกึกก้อง

        

    “ใช้ไม่ได้” ชายร่างมหึมาพร้อมดาบในมือเอ่ยพร้อมยิ้มเยาะ “ไม่รู้หัวหน้าเห็นอะไรในตัวแกถึงเอามาเลี้ยง   ไม่งั้น…ถ้าเป็นชั้นก็คงจะเก็บแกไปตั้งนานแล้ว”

        

    เกรย์พยุงตัวขึ้นอย่างอ่อนแรง   ดาบในมือเล็ก ๆ นั้นแทบจะสูงกว่าตัวของเธอซะอีก  ดวงตาสีทองและเขียวยังมีแววมุ่งมั่นแม้เลือดจะออกไม่น้อย  และกระดูกคงหักไปหลายท่อน

        

    “ยังไม่เลิกอีกหรอ” รอยยิ้มหยันยังไม่เลือนหายไปจากริมฝีปากของชายร่างใหญ่

        

    “หึ…ก็ลองดูว่าแกจะล้มข้าได้รึเปล่า”

        

    วูบ!!!

        

    ร่างเล็กเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว  ก่อนปรากฏหลังร่างใหญ่   ปลายดาบจ่ออยู่ที่คอของคู่ต่อสู้

        

    “ยอม…แพ้ซะ” เกรย์วัยแปดขวบเอ่ยเสียงเย็น   แบบที่ไม่น่าเชื่อว่าเด็กอายุแปดขวบจะเอ่ยได้  แม้จะสั่นเทาก็ตามที

        

    แปะ…แปะ    

        

    เสียงตบมือดังมาจากซุ้มประตูเบื้องหลังของเกรย์  เด็กน้อยหันขวับไปมอง  หากแต่ก็ยังไม่ลดดาบลง    

        

    “เยี่ยมมาก” ราคลอฟเดินเข้ามา   พร้อม ๆ กับลูบหัวเด็กน้อยอย่างเอ็นดู

        

    “เข้าใจรึยังว่าทำไมหัวหน้าถึงได้ปลื้มเจ้านี่” ราคลอฟในวัยสิบห้าเอ่ย

        

    “เออ…” ชายร่างใหญ่พยักหน้าแบบสะบัด ๆ   ก่อนใช้มือปัดดาบออกห่างตัว  แล้วจ้ำหายไป   แต่ยังไม่วายหันมาขู่สำทับ

        

    “แกก็ดีแต่หลบหลังคนอื่นล่ะน่า”

        

    “ไม่ต้องไปใส่ใจหมอนั่นหรอก” ราคลอฟเอ่ยพลางยิ้มให้เกรย์   ซึ่งก้มหน้านิ่ง

        

    “ข้าไม่เอาไหนจริง ๆ หรือ…ท่านราคลอฟ” เกรย์ถาม  น้ำใส ๆ คลอตาสองสี

        

    “ไม่หรอก…เกรย์เก่งมากเลย” ราคลอฟพูด   พลางเชยคางเล็ก ๆ ของเด็กน้อยขึ้น

        

    “ถ้าข้าเป็นหัวหน้าเมื่อไหร่…จะตั้งเกรย์เป็นมือขวาเลย  ดีมั้ย ?” ผู้มากวัยกว่าถาม  เด็กหญิงเริ่มยิ้มออก

        

    “อือ” เกรย์ยิ้ม  พลางใช้หลังมือปาดน้ำตา

        

    …ท่านราคลอฟ…

        

    …ทรยศ!!!



    “เฮ้อ!!!” เฟย์เนี่ยนถอนหายใจเสียงดัง



    “สรุปคือเค้าเป็นคนสำคัญของเธอล่ะสิ” เกรย์พยักหน้านิด ๆ



    “แล้วไม่เจ็บใจหรอ…หรือแค้น…หรืออะไรสักอย่าง”  แต่เกรย์ส่ายหน้า





    “ถึงชั้นจะเป็นนักฆ่า   ก็ใช่ว่าฆ่าคนตามอำเภอใจ  แล้วเรื่องแค้นนั่นน่ะ..เธอเคยได้ยินคติของนักฆ่าบ้างมั้ยล่ะ” เกรย์ถาม  เฟย์เนี่ยนส่ายหน้า



    “อะไรที่ไม่จำเป็นก็ตัดทิ้ง” เกรย์พูดเย็น ๆ  แววตาสั่นน้อย ๆ “ถ้าท่านราคลอฟทรยศก็ตัดทิ้งไปซะ”



    “อ้อ…” เฟย์เนี่ยนเกาหัว “เธอเนี่ยซีเรียสจังนะ”



    “นี่…” เกรย์หันมาจ้องหน้าเพื่อนใหม่ “ห้ามบอกใครเรื่องที่ชั้นเล่าให้ฟังเป็นอันขาดนะ  เข้าใจมั้ย”



    “แน่นอน” เฟย์เนี่ยนยื่นนิ้วก้อยให้เกรย์ที่มองอย่างงง ๆ



    “สัญญา” เฟย์เนี่ยนเกี่ยวนิ้วก้อยเข้ากับนิ้วก้อยของเกรย์



    “อื้อ…” เกรย์พยักหน้า  ยิ้มน้อย ๆ



    “แต่มีข้อแม้” เฟย์เนี่ยนผ่ากลางปล้อง  เกรย์เลิกคิ้ว



    “เธอต้องมาเป็นเพื่อนชั้นนะ   ไหน ๆ เราก็อุตส่าห์รู้จักกันแล้ว” เอล์ฟสาวเอ่ยข้อแม้



    “ก็…” เกรย์กลอกตา   บางทีการมีเพื่อนร่วมเดินทางอาจจะดีสำหรับเธอก็เป็นได้  แล้วเธอก็ไม่เคยมีเพื่อนวัยเดียวกันมาก่อนเลย





    ”..ได้..” เกรย์พยักหน้ารับ  เฟย์เนี่ยนยิ้ม



    “แล้ว…” เอล์ฟสาวเริ่มต้นต่อ  พลางคลายนิ้วที่เกี่ยวกับนิ้วของเกรย์



    “หลังจากนี้จะเอาไง …  เธอน่ะ”  เกรย์เงยหน้ามองฟ้าสีฟ้าสด  เมฆสีขาวเป็นปุยลอยตุ๊บป่องอยู่สองสามก้อน



    “คงจะเดินทางไปเรื่อย ๆ มั้ง…อ้อ..” เกรย์พูด  นึกถึงเรื่องริสเปลล์ขึ้นมา “มีอีกเรื่อง…”



    …ครึ่งชั่วโมงผ่านไป…



    “งั้น…นอกจากเธอจะเป็นนักฆ่าที่ทรยศต่อองค์กรแล้ว  ยังเป็นผู้พิทักษ์ดาบสองพันปีด้วยหรอ” เฟย์เนี่ยนถาม



    “เค้าเรียกดาบไพออซ” เกรย์พึมพำ   พลางพยักหน้า



    “ก็อย่างที่บอก…จะเดินทางไปเรื่อย ๆ   อย่างแรกคงต้องออกจากชายแดนอนาคินก่อน  แล้วหลังจากนั้นค่อยว่ากัน  เป็นการหลบหนีคนใน

    องค์กร  พร้อมกับตามหาดาบเป็นงานอดิเรก”  เกรย์พูดอย่างเบื่อ ๆ



    “แล้ว..เธอล่ะ” เกรย์หันมองเฟย์เนี่ยน “ไม่กลับบ้านกลับช่องรึไง” เกรย์ถามเสียงเย็น



    “อ้อ…เมืองนิโมซายน์ของพวกเอล์ฟน่ะรึ” เฟย์เนี่ยนถาม  พลางหลบตา “ก็…ไม่ค่อยมีอะไรทำเท่าไหร่  เลยหนีออกมา…ถ้าท่านแม่รู้ต้องตาย

    แน่ ๆ เลย”



    “หรอ…” เกรย์เอ่ยเรียบ ๆ  



    “อืม…ท่านแม่น่ะนะโกรธใหญ่เลยตอนที่ชั้นอาละวาดอยากจะออกมาในเมือง   สั่งขาดว่าห้ามออกจากห้องนอนเด็ดขาด   แถมให้ยามเฝ้าหน้า

    ประตูตั้งสองคน…กว่าจะแหกคอกออกมาได้เนี่ย  เสียเวลาไปเยอะเหมือนกัน” เฟย์เนี่ยนเริ่มบ่น



    “เออ…แต่ว่า…” เฟย์เนี่ยนก้มหน้า  นิ่งกันไปครู่หนึ่ง



    “ถ้าเธอกำลังหนีน่ะนะ…ถ้าไม่รังเกียจก็ไปบ้านชั้นก็ได้” เฟย์เนี่ยนเอ่ยเบาแทบจะกระซิบ



    “งั้นหรอ” เกรย์เบิกตา  เฟย์เนี่ยนเงยหน้าขึ้นมอง



    “อื้อ…เมืองนิโมซายน์น่ะ  ห่างจากเมืองนี้ไปทางตอนเหนือไม่เท่าไหร่…เดินสองสามวันก็คงถึง” เฟย์เนี่ยนพูด “แต่เวลาจะไปนี่สิ…ทางลัดที่สุด

    โจรป่าชุมยังกับยุง   แต่มันก็เป็นทางตรงที่สุด”



    “อืม…” เกรย์พึมพำ



    “โอเคมั้ยล่ะ” เฟย์เนี่ยนถาม   เกรย์พยักหน้าอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก



    “งั้นคืนนี้…” เกรย์พูด  หันไปมองหน้าเพื่อนใหม่ที่กำลังยิ้มเบิกบานอยู่คนเดียว



    “เจอกันที่หน้าโรงแรมกรีนลีฟนะ!!!” สองเสียงพูดพร้อมกัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×