ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Cat'll cry!! พันธกิจตีนแมว!!

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 : สมาคมการค้าแห่งเลโตนัส

    • อัปเดตล่าสุด 14 ส.ค. 54


    บทที่ 2 : สมาคมการค้าแห่งเลโตนัส

                สมาคมการค้าเป็นหนึ่งในสมาคมที่มีอำนาจมากที่สุดในราชอาณาจักรนี้ ในแทบทุกเมืองใหญ่ถ้าลองเดินไปตามถนนก็จะพบกับตึกสีขาวอันเป็นเอกลักษณ์ เหนือประตูตึกก็จะพบกับตราสัญลักษณ์ของสมาคมการค้าส่องประกายสีทองอร้าอร่ามล้อแสงเดือนแสงตะวัน สมาคมการค้าเป็นสมาคมที่ควบคุมการซื้อขายทั้งหมด การแลกเปลี่ยนกับต่างแดน การกำหนดราคาข้าวของ รวมไปถึงการควบคุมดูแลตลาดค้าทาส เรียกว่าเป็นสมาคมที่มีอิทธิพลมากมหาศาลจนแทบจะจินตนาการไม่ออกเลยทีเดียว

                ผู้ที่นั่งอยู่บนจุดสูงสุดของอิทธิพลมากมายนั้นคือประธานสมาคมการค้า ประธานสมาคมนี้ออกจะเป็นคนประหลาด ทั้ง ๆ ที่มีอำนาจมากล้นฟ้าขนาดนี้ แต่กลับแทบไม่เคยมีใครได้พบกับตัวจริงของเขาเลย บางคนลือกันว่าประธานสมาคมนี้เป็นลูกครึ่งปีศาจ...แน่นอนว่าผู้ลือก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นบรรดาชาวย้านร้านตลาดที่ยกเรื่องนี้มาคุยระหว่างการบ่นกันเรื่องสินค้าราคาแพงนั่นเอง

                เพราะอย่างนี้ การได้ติดต่อกับประธานสมาคมการค้าจึงเป็นเรื่องน่าสนใจในสายตาของชายหนุ่มขึ้นมาทันที

                ส่วนเรื่องการงดโทษนั้นถือเป็นเรื่องรอง แต่ก็สำคัญไม่น้อยเหมือนกัน กล่าวคือ...เรวา ดีนน์นั้นเป็นคนเกียจคร้านอย่างร้ายกาจ และในเมื่อหวังจะใช้ชีวิตอย่างสบาย ๆ บนกองเงินกองทองที่หามาได้ด้วยวิธีทุจริตโดยไม่ต้องกังวลเรื่องจะต้องย้ายที่อยู่บ่อย ๆ นั้น...การได้งดโทษก็ฟังดูไม่เลว ที่สำคัญ...เขาก็ไม่ได้อยากติดตารางด้วย

                ด้วยเหตุผลทั้งปวงที่กล่าวมา วันรุ่งขึ้น ชายหนุ่มจึงเดินกร่างวางโตเข้าไปในสมาคมการค้าของเลโตนัสซึ่งเป็นศูนย์กลางของสมาคมการค้า ตึกสีขาวโอ่อ่า เหนือประตูไม้ขัดมันวับจนแทบจะสะท้อนใบหน้าของผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้นั้นประดับตรากลมขนาดใหญ่ สัญลักษณ์นกนางนวลสยายปีกส่องประกายวับอยู่บนนั้น เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบห้องโถงกว้างกว่าสิบวา ผู้คนเดินขวั่กไขว่ไปมาทำธุระของตน เรวาผิวปากหวือ สอดมือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋าโดยอัตโนมัติ สายตาสอดส่องไปรอบห้องตามสัญชาตญาณ ที่นี่ถูกตกแต่งอย่างดีมีรสนิยมเป็นที่สุด เพราะฉะนั้นจึงล่อตาโจรมิใช่น้อยเลยทีเดียว

                ก่อนที่เขาจะเริ่มวางแผนปล้นที่นี่ไปเสียก่อน ก็มีชายชราคนหนึ่งเดินตรงเข้ามา

                “ท่านคงเป็น...”

                “ข้าชื่อเรวา...ข้าเป็นคนที่กิลด์แนะนำมา” กิลด์คือเจ้าของบ่อนพนันนั้นน่ะเอง เมื่อได้ยินชื่อนั้นพร้อมกับได้รับจดหมายแนะนำที่ชายวัยกลางคนเขียนมาให้ ชายชราก็พยักหน้า แล้วเชิญเขาไปอีกทางหนึ่ง

                ห้องอีกห้องที่เขาถูกพามานั้นเป็นห้องขนาดเล็กกว่าห้องโถงด้านนอกมาก แต่ก็ยังคงรสนิยมอันโอ่อ่าเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม เก้าอี้บุด้วยหนังขัดมันวับส่งกลิ่นเฉพาะของหนังสัตว์กระจายไปทั่วห้อง นกนางนวลทองเหลืองส่องประกายอยู่บนโต๊ะที่ถูกวางคั่นเอาไว้ระหว่างเก้าอี้หนัง ที่ดวงตาของมันประดับด้วยอัญมณีสีน้ำเงินราวกับสีของท้องทะเล พรมที่เหยียบอยู่ก็นุ่มนิ่มสบายเท้า แสงไฟในห้องสว่างกำลังดีจากตะเกียงน้ำมันหอมที่ส่งกลิ่นอ่อน ๆ ให้บรรยากาศผ่อนคลาย

                นี่คงเป็นห้องเจรจาการค้า

                เรวาคิดเช่นนั้น ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ด้วยเสียงอันดัง ยกเท้าขึ้นไขว่ห้างกระดิกรอด้วยท่าทางเหมือนเป็นเจ้าของถิ่นเสียเอง สีหน้าน่าถีบเป็นที่สุด

                แต่ชายชราเพียงโค้งเล็กน้อย แล้วจึงกล่าวขึ้นว่า

                “รอสักครู่...ข้าจะไปรายงานเบื้องบนก่อน”

                แล้วเขาก็ออกไป ไม่นานนักมีขนมปังเนื้อนุ่มถูกยกมาวางให้ (ซึ่งชายหนุ่มจัดการเขมือบลงท้องไปในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที เขาไม่ได้กินของดี ๆ มาหลายวันแล้วจะสถานการณ์การเงินอันย่ำแย่) ไวน์ชั้นดีถูกนำมาเสิร์ฟให้เช่นกัน (หมดอย่างรวดเร็วเช่นกัน) เมื่อได้อะไรลงท้อง ชายหนุ่มก็เอนตัวเองพิงพนักเก้าอี้ ประสานมือเอาไว้ตรงท้ายทอยแล้วปรือตาลงครึ่งหนึ่ง แทบจะยกเท้าขึ้นวางบนโต๊ะอยู่แล้วเมื่อประตูถูกเปิดเข้ามาอีกครั้ง

                ราชาตีนแมวสะดุ้งนิดหนึ่งในท่าที่กำลังยกเท้าค้าง เมื่อเห็นเช่นนั้น ดวงตาของผู้ที่เพิ่งจะก้าวเข้ามาก็หรี่ลงเล็กน้อย แสดงความไม่ค่อยพอใจออกมาเบาบาง

                คนที่ก้าวเข้ามาเป็นชายวัยกลางคนแต่งตัวดี ท่าทางภูมิฐาน เส้นผมสีน้ำตาลเข้มหวีแสกอย่างเรียบกริบตรงเป๊ะ ดวงตาสีเทาเปล่งประกายเหมือนกับคมดาบ ร่างสูงอยู่ในชุดที่ดูเป็นทางการจนน่าอึดอัด

                เรวากลอกตามองขึ้นมองลง แล้วจึงถอนหายใจยาวยืดด้วยความผิดหวัง

                “เจ้าไม่ใช่ประธานนี่...ข้าเบื่อแล้ว จะกลับล่ะ”

                “ท่านไม่ว่างจึงให้ข้ามาแทน ข้าชื่อกาเลน...เป็นผู้แทนของท่านประธาน” ชายวัยกลางคนตอบด้วยน้ำเสียงไร้โทนสูงต่ำ ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับชายหนุ่มที่ทำหน้าเหม็นเบื่อ

                “ข้าไม่อยากคุยกับเจ้า...เรียกประธานของเจ้ามาพบข้าสิ” เรวาโวยวายเอาแต่ใจราวกับเด็ก ๆ แต่อีกฝ่ายเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้น

                “เข้าเรื่องงานเลยแล้วกัน”

                “เรียกประธานมาก่อน”

                “ท่านไม่ว่าง...อีกอย่าง ท่านไม่อยากพบใครด้วย” กาเลนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนเดิม ดวงตาสีเทาเปล่งประกายดูอันตราย ราชาตีนแมวจึงกอดอกด้วยสีหน้าเซ็งโลก ยอมทำหูทวนลมฟังต่อไปพร้อมกับบ่นเสียงต่ำ ๆ ออกมาอย่างหงุดหงิดใจ

                ...หนอย...ไหนว่าจะได้เจอประธานไง!?

                เรวาเข่นเขี้ยว แอบหมายหัวเจ้าของบ่อนร่างอ้วนเอาไว้ในใจ ตั้งใจว่าจบเรื่องเมื่อไหร่จะต้องกลับไปจัดการให้ได้

                “ข้าเป็นคนขอร้องท่านกิลด์ให้ติดต่อเจ้าเอง เพราะดูเหมือนเขาจะรู้จักเจ้าดีพอควร”

                “เออ...” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ “...มีอะไรก็รีบ ๆ พูดมา อย่าพล่ามมาก ข้าขี้เกียจฟัง”

                นัยน์ตาของอีกฝ่ายยิ่งหรี่ลงจนแทบจะเป็นเส้นเรียวเล็กเส้นเดียว แต่ก็ยอมพูดธุระอย่างตรงไปตรงมา

                “ข้า...นายท่านของข้าต้องการให้เจ้าขโมยของอย่างหนึ่ง ซึ่งกำลังจะถูกนำออกประมูลในเร็ว ๆ นี้”

                รอยยิ้มกระตุกบนริมฝีปากของชายหนุ่ม เขาผิวปากหวือ เสตามองไปอีกด้านก่อนจะกล่าวขึ้นลอย ๆ

                “อ้าว ๆ ๆ...อย่างนี้มันไม่เล่นสกปรกไปหน่อยหรือ ? สมาคมการค้ายึดหลักความซื่อสัตย์สุจริตเป็นสรณะไม่ใช่หรือยังไงกัน ?”

                ชายวัยกลางคนเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายค่อนแคะทันที เขากดเสียงลงต่ำเล็กน้อย

                “นายท่านไม่ต้องการให้ของชิ้นนี้ถูกขายออกไป แต่ฝ่ายขายไม่ฟังเสียง อีกฝ่ายเป็นคนที่อำนาจเหมือนกันจึงทำอะไรไม่ได้มาก เพราะฉะนั้น...อันที่จริงถ้าเป็นไปได้นายท่านคงซื้อเอาไว้เอง แต่ความเสี่ยงมีมากเกินไปที่จะพลาด เพราะฉะนั้นจึงอยากให้เจ้าช่วย นี่เป็นเรื่องใหญ่...ไม่ใช่แค่การเล่นสกปรก”

                เรวาฟังคำอธิบายยืดยาวแล้วก็ได้แค่ยิ้ม

                จะพูดให้สวยยังไง...ความจริงก็คืออยากได้แต่ไม่มีปัญญานั่นแหละ

                เขาสรุปเอาง่าย ๆ ในใจ

                “อยากให้ข้าช่วยน่ะมันก็ไม่ ถูก หรอกนะ”

                ชายหนุ่มแสร้งมองพินิจมือของตัวเองด้วยท่าทางตั้งใจเป็นพิเศษจนชวนโมโห สีหน้าหาเรื่องกวนบาทาจนแม้กระทั่งคนเยือกเย็นอย่างกาเลนยังขมวดคิ้วนิดหนึ่งด้วยความไม่พอใจ

                “แน่นอนว่านายท่านไม่คิดจะจ้างเจ้าถูก ๆ อยู่แล้ว และถ้าหากว่าทำงานนี้สำเร็จ...นายท่านจะใช้เส้นสาย เสนอการอภัยโทษเจ้าให้ด้วย”

                “หืม ?” คิ้วเข้มของเรวาเลิกขึ้น ดวงตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ “เท่าไหร่ ?”

                “เอ๋ ?”

                “เจ้าจะจ้างข้าเท่าไหร่”

                “ฟังรายละเอียดของงานก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

                “ไม่ ๆ ๆ” ราชาตีนแมวส่ายนิ้วชี้ไปมา จุ๊ปากน่าหมั่นไส้ “ข้าอยากจะรู้ก่อนว่าข้าจะได้เท่าไหร่...ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่มีกำลังใจจะฟังรายละเอียดของงานหรอก”

                เขาแทบจะเห็นชายวัยกลางคนกลั้นใจนับหนึ่งถึงสิบทีเดียว ภาพเช่นนั้นทำให้ชายหนุ่มแอบยิ้มในใจ การยั่วโมโหคนอื่นเป็นหนึ่งในงานอดิเรกที่เขาโปรดปราน

                ในที่สุด อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะควบคุมสติอารมณ์ได้ก่อนจะตอบด้วยเสียงต่ำแทบจะกลายเป็นการคุกคาม

                “หนึ่งหมื่นเหรียญทอง”

                ดวงตาของเรวาเป็นประกายขึ้นทันที แต่ชายหนุ่มก็แสร้งทำเป็นเบือนหน้า

                “เจ้าไม่พอใจอย่างนั้นหรือ ?”

                “เจ้าไม่คิดหรอว่ามันออกจะน้อยไปหน่อย ?”

                รอยย่นที่หว่างคิ้วของกาเลนเพิ่มขึ้นมาหลายเส้นทันที

                “หนึ่งหมื่นเหรียญทองและการอภัยโทษ...ถ้าเจ้ายังไม่พอใจ ข้าจะไปรายงานนายท่านก็แล้วกัน”

                “สองหมื่นเหรียญทอง” ราชาตีนแมวต่อรองเสียงเนือย ๆ “ข้าจะทำงานให้เจ้า ข้าก็ต้องเตรียมการณ์นะ เหนื่อยทั้งแรง แถมยังเสี่ยงอีก”

                “หนึ่งหมื่นเหรียญทอง...มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”

                เรวาส่งเสียงจิ๊จ๊ะ ยกเท้าไขว่ห้าง เท้าแขนลงกับเก้าอี้แล้วกลอกตาขึ้นสูง สีหน้าบ่งบอกความโฉดพวยพุ่งออกจากร่าง

                “หนึ่งหมื่นเหรียญทอง แต่ข้าไม่รับประกันว่าหลังจากนั้นข้าจะไม่ปากโป้ง”

                สีหน้าของชายวัยกลางคนตึงเครียดในฉับพลัน หากมีใครรู้ว่ามีเรื่องแบบนี้ในสมาคมการค้า ความน่าเชื่อถือของสมาคมในสายตาประชาชนคงจะตกฮวบแน่ ๆ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะมีเบื้องหลังที่หนักหนาสาหัสเกินกว่าที่ประชาชนจะเข้าใจก็ตามทีเถอะ

                “ว่าไง ?”

                ชายหนุ่มซ้ำเข้าจุดเดิมทันที

                “ก็ได้...สองหมื่นเหรียญทอง” ในที่สุด กาเลนก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตึงเครียด “แต่ภายในเจ็ดวันเท่านั้น...เกินจากนี้ข้อตกลงเป็นอันยกเลิก”

                ราชาตีนแมวผุดลุกยืนขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายชั่วร้ายขณะปรายมองชายวัยกลางคนที่นั่งกอดอกหน้าเครียดอยู่ฝั่งตรงข้าม รอยยิ้มสุดโฉดผุดขึ้นบนริมฝีปาก

                “เจ้าคิดว่า...กำลังคุยอยู่กับใครกัน ?”

     

                เป้าหมายอยู่ที่บ้านพักตากอากาศของขุนนางระดับสูงท่านหนึ่ง

                ขุนนางท่านนี้เป็นถึงเจ้ากรมกลาโหม มีอำนาจสูงสุดรองจากจักรพรรดินีและอัครเสนาบดีทั้งสอง เขามีคฤหาสน์หลังใหญ่โอ่อ่าอยู่ที่เมืองแห่งนี้ และของที่ว่าก็อยู่ที่นั่น

                เป็นกล่องขนาดประมาณเท่าตัวคน ผู้แทนประธานสมาคมการค้าอธิบายเช่นนั้น หนักพอสมควร ถูกอารักขาอยู่ในห้องใต้ดินของคฤหาสน์ มีทหารคุ้มกันตลอดทั้งวันทั้งคืน

                ชายหนุ่มอดสงสัยไม่ได้จริง ๆ ว่าในกล่องนั้นมีอะไร แต่ฝ่ายว่าจ้างกำชับหนักแน่นว่าห้ามเปิดออกเด็ดขาด

                เรวาฉีกยิ้ม...

                ...ยิ่งห้าม...ก็เหมือนยิ่งยุแหะ...

                อากาศชื้นพาเอากลิ่นไอเกลือทะเลลอยมาปะทะใบหน้า

                เรวาย่องฝีเท้าเบากริบไปในเงามืด ท่าทางของเขาลื่นไหลจนดูราวกับเงา ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นกวาดมองรอบข้างอย่างระมัดระวังครั้งหนึ่ง แล้วจึงหยุดอยู่กับที่เพื่อประเมินสถานการณ์รอบตัว

                เขาผ่านกำแพงมาได้แล้ว แต่ปราการระหว่างเขากับสมบัตล้ำค่านั้นยังอีกไม่หมดแค่นี้แน่ ๆ

                ทหารในเครื่องแบบหลายสิบนายเดินไปมากันให้ขวั่ก ปกติเลโตนัสก็ไม่ใช่เมืองที่ปลอดภัยอยู่แล้ว...การคุ้มกันแน่นหนาขนาดนี้จึงอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถึงอย่างนั้น...บางอย่างในสัญชาตญาณโจรของเขากลับบอกว่านี่เป็นแค่ส่วนเสี้ยวเดียวของการคุ้มกันอันแน่นหนานี้ และของจริงคงจะรออยู่ข้างหน้าแน่

                ร่างสูงเดินราวกับลื่นไหลไปตามเงามืดเหมือนกับภูตผี สายตาคู่นั้นสอดส่องหาทางหนีทีไล่อย่างชำนาญ เขาผ่านมาจนประชิดกับตัวคฤหาสน์ได้แล้ว แต่การบุกเข้าไปโต้ง ๆ คงไม่ใช่ทางเลือกที่ดี

                ชายหนุ่มทรุดตัวนั่งแนบหลังติดกับผนังอิฐเย็น ๆ บนหัวเป็นหน้าต่างสูงบานหนึ่ง เขาสวมถุงมือสีดำสนิทซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องหมายการค้า แล้วจึงหยิบขวดเล็ก ๆ ขวดหนึ่งขึ้นมา

                เรวาจูบขวดเบา ๆ อย่างรักใคร่...สิ่งนี้คือความลับในความสำเร็จของเขาเอง ร่างสูงเปิดฝาขวดแล้วจุ่มปลายนิ้วซึ่งใส่ถุงมือป้องกันพิเศษลงไป เกิดเสียงฟู่เบา ๆ เขายื่นมือแตะบานหน้าต่าง บริเวณที่สัมผัสนั้นส่งเสียงฟู่และมีควันขาวผุดขึ้น เขาเม้มปาก ภาวนาในใจอย่างให้มีใครสังเกตเห็นควันท่าทางไม่น่าไว้ใจนี่เลย

                เพียงครู่เดียว บานกระจกก็ละลายเป็นช่องขนาดให้ลอดมือผ่านเข้าไปได้ ชายหนุ่มยื่นมือเอื้อมไปปลดล็อกอย่างเงียบกริบ เกิดเสียงดังกริ๊ก ริมฝีปากของมหาโจรฉีกยิ้มโฉด บานหน้าต่างสูงเลื่อนเปิด ร่างในชุดสีรัตติกาลเล็ดลอดเข้ามาได้สำเร็จราวกับใช้เวทมนต์

                “ฟู่!” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ แสร้างปาดเหงื่อด้วยท่าทางสุดเท่แล้วจึงยิ้มเห็นเขี้ยวเล็ก ๆ ที่มุมปาก “เอาล่ะ...ทีนี้ก็ห้องใต้ดิน!!
    _______________________________________
    ฝนตกอีกแล้วเจ้าค่าาาาา TT กว่าจะกลับบ้านได้เล่นเอาแย่เลย

    ระวังสุขภาพกันด้วยนะเออ!!

    cinna

    mon
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×