คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 : สมาคมการค้าแห่งเลโตนัส
บทที่ 2 : สมาคมการค้าแห่งเลโตนัส
สมาคมการค้าเป็นหนึ่งในสมาคมที่มีอำนาจมากที่สุดในราชอาณาจักรนี้ ในแทบทุกเมืองใหญ่ถ้าลองเดินไปตามถนนก็จะพบกับตึกสีขาวอันเป็นเอกลักษณ์ เหนือประตูตึกก็จะพบกับตราสัญลักษณ์ของสมาคมการค้าส่องประกายสีทองอร้าอร่ามล้อแสงเดือนแสงตะวัน สมาคมการค้าเป็นสมาคมที่ควบคุมการซื้อขายทั้งหมด การแลกเปลี่ยนกับต่างแดน การกำหนดราคาข้าวของ รวมไปถึงการควบคุมดูแลตลาดค้าทาส เรียกว่าเป็นสมาคมที่มีอิทธิพลมากมหาศาลจนแทบจะจินตนาการไม่ออกเลยทีเดียว
ผู้ที่นั่งอยู่บนจุดสูงสุดของอิทธิพลมากมายนั้นคือประธานสมาคมการค้า ประธานสมาคมนี้ออกจะเป็นคนประหลาด ทั้ง ๆ ที่มีอำนาจมากล้นฟ้าขนาดนี้ แต่กลับแทบไม่เคยมีใครได้พบกับตัวจริงของเขาเลย บางคนลือกันว่าประธานสมาคมนี้เป็นลูกครึ่งปีศาจ...แน่นอนว่าผู้ลือก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นบรรดาชาวย้านร้านตลาดที่ยกเรื่องนี้มาคุยระหว่างการบ่นกันเรื่องสินค้าราคาแพงนั่นเอง
เพราะอย่างนี้ การได้ติดต่อกับประธานสมาคมการค้าจึงเป็นเรื่องน่าสนใจในสายตาของชายหนุ่มขึ้นมาทันที
ส่วนเรื่องการงดโทษนั้นถือเป็นเรื่องรอง แต่ก็สำคัญไม่น้อยเหมือนกัน กล่าวคือ...เรวา ดีนน์นั้นเป็นคนเกียจคร้านอย่างร้ายกาจ และในเมื่อหวังจะใช้ชีวิตอย่างสบาย ๆ บนกองเงินกองทองที่หามาได้ด้วยวิธีทุจริตโดยไม่ต้องกังวลเรื่องจะต้องย้ายที่อยู่บ่อย ๆ นั้น...การได้งดโทษก็ฟังดูไม่เลว ที่สำคัญ...เขาก็ไม่ได้อยากติดตารางด้วย
ด้วยเหตุผลทั้งปวงที่กล่าวมา วันรุ่งขึ้น ชายหนุ่มจึงเดินกร่างวางโตเข้าไปในสมาคมการค้าของเลโตนัสซึ่งเป็นศูนย์กลางของสมาคมการค้า ตึกสีขาวโอ่อ่า เหนือประตูไม้ขัดมันวับจนแทบจะสะท้อนใบหน้าของผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้นั้นประดับตรากลมขนาดใหญ่ สัญลักษณ์นกนางนวลสยายปีกส่องประกายวับอยู่บนนั้น เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบห้องโถงกว้างกว่าสิบวา ผู้คนเดินขวั่กไขว่ไปมาทำธุระของตน เรวาผิวปากหวือ สอดมือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋าโดยอัตโนมัติ สายตาสอดส่องไปรอบห้องตามสัญชาตญาณ ที่นี่ถูกตกแต่งอย่างดีมีรสนิยมเป็นที่สุด เพราะฉะนั้นจึงล่อตาโจรมิใช่น้อยเลยทีเดียว
ก่อนที่เขาจะเริ่มวางแผนปล้นที่นี่ไปเสียก่อน ก็มีชายชราคนหนึ่งเดินตรงเข้ามา
“ท่านคงเป็น...”
“ข้าชื่อเรวา...ข้าเป็นคนที่กิลด์แนะนำมา” กิลด์คือเจ้าของบ่อนพนันนั้นน่ะเอง เมื่อได้ยินชื่อนั้นพร้อมกับได้รับจดหมายแนะนำที่ชายวัยกลางคนเขียนมาให้ ชายชราก็พยักหน้า แล้วเชิญเขาไปอีกทางหนึ่ง
ห้องอีกห้องที่เขาถูกพามานั้นเป็นห้องขนาดเล็กกว่าห้องโถงด้านนอกมาก แต่ก็ยังคงรสนิยมอันโอ่อ่าเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม เก้าอี้บุด้วยหนังขัดมันวับส่งกลิ่นเฉพาะของหนังสัตว์กระจายไปทั่วห้อง นกนางนวลทองเหลืองส่องประกายอยู่บนโต๊ะที่ถูกวางคั่นเอาไว้ระหว่างเก้าอี้หนัง ที่ดวงตาของมันประดับด้วยอัญมณีสีน้ำเงินราวกับสีของท้องทะเล พรมที่เหยียบอยู่ก็นุ่มนิ่มสบายเท้า แสงไฟในห้องสว่างกำลังดีจากตะเกียงน้ำมันหอมที่ส่งกลิ่นอ่อน ๆ ให้บรรยากาศผ่อนคลาย
นี่คงเป็นห้องเจรจาการค้า
เรวาคิดเช่นนั้น ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ด้วยเสียงอันดัง ยกเท้าขึ้นไขว่ห้างกระดิกรอด้วยท่าทางเหมือนเป็นเจ้าของถิ่นเสียเอง สีหน้าน่าถีบเป็นที่สุด
แต่ชายชราเพียงโค้งเล็กน้อย แล้วจึงกล่าวขึ้นว่า
“รอสักครู่...ข้าจะไปรายงานเบื้องบนก่อน”
แล้วเขาก็ออกไป ไม่นานนักมีขนมปังเนื้อนุ่มถูกยกมาวางให้ (ซึ่งชายหนุ่มจัดการเขมือบลงท้องไปในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที เขาไม่ได้กินของดี ๆ มาหลายวันแล้วจะสถานการณ์การเงินอันย่ำแย่) ไวน์ชั้นดีถูกนำมาเสิร์ฟให้เช่นกัน (หมดอย่างรวดเร็วเช่นกัน) เมื่อได้อะไรลงท้อง ชายหนุ่มก็เอนตัวเองพิงพนักเก้าอี้ ประสานมือเอาไว้ตรงท้ายทอยแล้วปรือตาลงครึ่งหนึ่ง แทบจะยกเท้าขึ้นวางบนโต๊ะอยู่แล้วเมื่อประตูถูกเปิดเข้ามาอีกครั้ง
ราชาตีนแมวสะดุ้งนิดหนึ่งในท่าที่กำลังยกเท้าค้าง เมื่อเห็นเช่นนั้น ดวงตาของผู้ที่เพิ่งจะก้าวเข้ามาก็หรี่ลงเล็กน้อย แสดงความไม่ค่อยพอใจออกมาเบาบาง
คนที่ก้าวเข้ามาเป็นชายวัยกลางคนแต่งตัวดี ท่าทางภูมิฐาน เส้นผมสีน้ำตาลเข้มหวีแสกอย่างเรียบกริบตรงเป๊ะ ดวงตาสีเทาเปล่งประกายเหมือนกับคมดาบ ร่างสูงอยู่ในชุดที่ดูเป็นทางการจนน่าอึดอัด
เรวากลอกตามองขึ้นมองลง แล้วจึงถอนหายใจยาวยืดด้วยความผิดหวัง
“เจ้าไม่ใช่ประธานนี่...ข้าเบื่อแล้ว จะกลับล่ะ”
“ท่านไม่ว่างจึงให้ข้ามาแทน ข้าชื่อกาเลน...เป็นผู้แทนของท่านประธาน” ชายวัยกลางคนตอบด้วยน้ำเสียงไร้โทนสูงต่ำ ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับชายหนุ่มที่ทำหน้าเหม็นเบื่อ
“ข้าไม่อยากคุยกับเจ้า...เรียกประธานของเจ้ามาพบข้าสิ” เรวาโวยวายเอาแต่ใจราวกับเด็ก ๆ แต่อีกฝ่ายเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้น
“เข้าเรื่องงานเลยแล้วกัน”
“เรียกประธานมาก่อน”
“ท่านไม่ว่าง...อีกอย่าง ท่านไม่อยากพบใครด้วย” กาเลนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนเดิม ดวงตาสีเทาเปล่งประกายดูอันตราย ราชาตีนแมวจึงกอดอกด้วยสีหน้าเซ็งโลก ยอมทำหูทวนลมฟังต่อไปพร้อมกับบ่นเสียงต่ำ ๆ ออกมาอย่างหงุดหงิดใจ
...หนอย...ไหนว่าจะได้เจอประธานไง!?
เรวาเข่นเขี้ยว แอบหมายหัวเจ้าของบ่อนร่างอ้วนเอาไว้ในใจ ตั้งใจว่าจบเรื่องเมื่อไหร่จะต้องกลับไปจัดการให้ได้
“ข้าเป็นคนขอร้องท่านกิลด์ให้ติดต่อเจ้าเอง เพราะดูเหมือนเขาจะรู้จักเจ้าดีพอควร”
“เออ...” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ “...มีอะไรก็รีบ ๆ พูดมา อย่าพล่ามมาก ข้าขี้เกียจฟัง”
นัยน์ตาของอีกฝ่ายยิ่งหรี่ลงจนแทบจะเป็นเส้นเรียวเล็กเส้นเดียว แต่ก็ยอมพูดธุระอย่างตรงไปตรงมา
“ข้า...นายท่านของข้าต้องการให้เจ้าขโมยของอย่างหนึ่ง ซึ่งกำลังจะถูกนำออกประมูลในเร็ว ๆ นี้”
รอยยิ้มกระตุกบนริมฝีปากของชายหนุ่ม เขาผิวปากหวือ เสตามองไปอีกด้านก่อนจะกล่าวขึ้นลอย ๆ
“อ้าว ๆ ๆ...อย่างนี้มันไม่เล่นสกปรกไปหน่อยหรือ ? สมาคมการค้ายึดหลักความซื่อสัตย์สุจริตเป็นสรณะไม่ใช่หรือยังไงกัน ?”
ชายวัยกลางคนเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายค่อนแคะทันที เขากดเสียงลงต่ำเล็กน้อย
“นายท่านไม่ต้องการให้ของชิ้นนี้ถูกขายออกไป แต่ฝ่ายขายไม่ฟังเสียง อีกฝ่ายเป็นคนที่อำนาจเหมือนกันจึงทำอะไรไม่ได้มาก เพราะฉะนั้น...อันที่จริงถ้าเป็นไปได้นายท่านคงซื้อเอาไว้เอง แต่ความเสี่ยงมีมากเกินไปที่จะพลาด เพราะฉะนั้นจึงอยากให้เจ้าช่วย นี่เป็นเรื่องใหญ่...ไม่ใช่แค่การเล่นสกปรก”
เรวาฟังคำอธิบายยืดยาวแล้วก็ได้แค่ยิ้ม
จะพูดให้สวยยังไง...ความจริงก็คืออยากได้แต่ไม่มีปัญญานั่นแหละ
เขาสรุปเอาง่าย ๆ ในใจ
“อยากให้ข้าช่วยน่ะมันก็ไม่ ‘ถูก’ หรอกนะ”
ชายหนุ่มแสร้งมองพินิจมือของตัวเองด้วยท่าทางตั้งใจเป็นพิเศษจนชวนโมโห สีหน้าหาเรื่องกวนบาทาจนแม้กระทั่งคนเยือกเย็นอย่างกาเลนยังขมวดคิ้วนิดหนึ่งด้วยความไม่พอใจ
“แน่นอนว่านายท่านไม่คิดจะจ้างเจ้าถูก ๆ อยู่แล้ว และถ้าหากว่าทำงานนี้สำเร็จ...นายท่านจะใช้เส้นสาย เสนอการอภัยโทษเจ้าให้ด้วย”
“หืม ?” คิ้วเข้มของเรวาเลิกขึ้น ดวงตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ “เท่าไหร่ ?”
“เอ๋ ?”
“เจ้าจะจ้างข้าเท่าไหร่”
“ฟังรายละเอียดของงานก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“ไม่ ๆ ๆ” ราชาตีนแมวส่ายนิ้วชี้ไปมา จุ๊ปากน่าหมั่นไส้ “ข้าอยากจะรู้ก่อนว่าข้าจะได้เท่าไหร่...ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่มีกำลังใจจะฟังรายละเอียดของงานหรอก”
เขาแทบจะเห็นชายวัยกลางคนกลั้นใจนับหนึ่งถึงสิบทีเดียว ภาพเช่นนั้นทำให้ชายหนุ่มแอบยิ้มในใจ การยั่วโมโหคนอื่นเป็นหนึ่งในงานอดิเรกที่เขาโปรดปราน
ในที่สุด อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะควบคุมสติอารมณ์ได้ก่อนจะตอบด้วยเสียงต่ำแทบจะกลายเป็นการคุกคาม
“หนึ่งหมื่นเหรียญทอง”
ดวงตาของเรวาเป็นประกายขึ้นทันที แต่ชายหนุ่มก็แสร้งทำเป็นเบือนหน้า
“เจ้าไม่พอใจอย่างนั้นหรือ ?”
“เจ้าไม่คิดหรอว่ามันออกจะน้อยไปหน่อย ?”
รอยย่นที่หว่างคิ้วของกาเลนเพิ่มขึ้นมาหลายเส้นทันที
“หนึ่งหมื่นเหรียญทองและการอภัยโทษ...ถ้าเจ้ายังไม่พอใจ ข้าจะไปรายงานนายท่านก็แล้วกัน”
“สองหมื่นเหรียญทอง” ราชาตีนแมวต่อรองเสียงเนือย ๆ “ข้าจะทำงานให้เจ้า ข้าก็ต้องเตรียมการณ์นะ เหนื่อยทั้งแรง แถมยังเสี่ยงอีก”
“หนึ่งหมื่นเหรียญทอง...มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
เรวาส่งเสียงจิ๊จ๊ะ ยกเท้าไขว่ห้าง เท้าแขนลงกับเก้าอี้แล้วกลอกตาขึ้นสูง สีหน้าบ่งบอกความโฉดพวยพุ่งออกจากร่าง
“หนึ่งหมื่นเหรียญทอง แต่ข้าไม่รับประกันว่าหลังจากนั้นข้าจะไม่ปากโป้ง”
สีหน้าของชายวัยกลางคนตึงเครียดในฉับพลัน หากมีใครรู้ว่ามีเรื่องแบบนี้ในสมาคมการค้า ความน่าเชื่อถือของสมาคมในสายตาประชาชนคงจะตกฮวบแน่ ๆ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะมีเบื้องหลังที่หนักหนาสาหัสเกินกว่าที่ประชาชนจะเข้าใจก็ตามทีเถอะ
“ว่าไง ?”
ชายหนุ่มซ้ำเข้าจุดเดิมทันที
“ก็ได้...สองหมื่นเหรียญทอง” ในที่สุด กาเลนก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตึงเครียด “แต่ภายในเจ็ดวันเท่านั้น...เกินจากนี้ข้อตกลงเป็นอันยกเลิก”
ราชาตีนแมวผุดลุกยืนขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายชั่วร้ายขณะปรายมองชายวัยกลางคนที่นั่งกอดอกหน้าเครียดอยู่ฝั่งตรงข้าม รอยยิ้มสุดโฉดผุดขึ้นบนริมฝีปาก
“เจ้าคิดว่า...กำลังคุยอยู่กับใครกัน ?”
เป้าหมายอยู่ที่บ้านพักตากอากาศของขุนนางระดับสูงท่านหนึ่ง
ขุนนางท่านนี้เป็นถึงเจ้ากรมกลาโหม มีอำนาจสูงสุดรองจากจักรพรรดินีและอัครเสนาบดีทั้งสอง เขามีคฤหาสน์หลังใหญ่โอ่อ่าอยู่ที่เมืองแห่งนี้ และของที่ว่าก็อยู่ที่นั่น
‘เป็นกล่องขนาดประมาณเท่าตัวคน’ ผู้แทนประธานสมาคมการค้าอธิบายเช่นนั้น ‘หนักพอสมควร ถูกอารักขาอยู่ในห้องใต้ดินของคฤหาสน์ มีทหารคุ้มกันตลอดทั้งวันทั้งคืน’
ชายหนุ่มอดสงสัยไม่ได้จริง ๆ ว่าในกล่องนั้นมีอะไร แต่ฝ่ายว่าจ้างกำชับหนักแน่นว่าห้ามเปิดออกเด็ดขาด
เรวาฉีกยิ้ม...
...ยิ่งห้าม...ก็เหมือนยิ่งยุแหะ...
อากาศชื้นพาเอากลิ่นไอเกลือทะเลลอยมาปะทะใบหน้า
เรวาย่องฝีเท้าเบากริบไปในเงามืด ท่าทางของเขาลื่นไหลจนดูราวกับเงา ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นกวาดมองรอบข้างอย่างระมัดระวังครั้งหนึ่ง แล้วจึงหยุดอยู่กับที่เพื่อประเมินสถานการณ์รอบตัว
เขาผ่านกำแพงมาได้แล้ว แต่ปราการระหว่างเขากับสมบัตล้ำค่านั้นยังอีกไม่หมดแค่นี้แน่ ๆ
ทหารในเครื่องแบบหลายสิบนายเดินไปมากันให้ขวั่ก ปกติเลโตนัสก็ไม่ใช่เมืองที่ปลอดภัยอยู่แล้ว...การคุ้มกันแน่นหนาขนาดนี้จึงอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถึงอย่างนั้น...บางอย่างในสัญชาตญาณโจรของเขากลับบอกว่านี่เป็นแค่ส่วนเสี้ยวเดียวของการคุ้มกันอันแน่นหนานี้ และของจริงคงจะรออยู่ข้างหน้าแน่
ร่างสูงเดินราวกับลื่นไหลไปตามเงามืดเหมือนกับภูตผี สายตาคู่นั้นสอดส่องหาทางหนีทีไล่อย่างชำนาญ เขาผ่านมาจนประชิดกับตัวคฤหาสน์ได้แล้ว แต่การบุกเข้าไปโต้ง ๆ คงไม่ใช่ทางเลือกที่ดี
ชายหนุ่มทรุดตัวนั่งแนบหลังติดกับผนังอิฐเย็น ๆ บนหัวเป็นหน้าต่างสูงบานหนึ่ง เขาสวมถุงมือสีดำสนิทซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องหมายการค้า แล้วจึงหยิบขวดเล็ก ๆ ขวดหนึ่งขึ้นมา
เรวาจูบขวดเบา ๆ อย่างรักใคร่...สิ่งนี้คือความลับในความสำเร็จของเขาเอง ร่างสูงเปิดฝาขวดแล้วจุ่มปลายนิ้วซึ่งใส่ถุงมือป้องกันพิเศษลงไป เกิดเสียงฟู่เบา ๆ เขายื่นมือแตะบานหน้าต่าง บริเวณที่สัมผัสนั้นส่งเสียงฟู่และมีควันขาวผุดขึ้น เขาเม้มปาก ภาวนาในใจอย่างให้มีใครสังเกตเห็นควันท่าทางไม่น่าไว้ใจนี่เลย
เพียงครู่เดียว บานกระจกก็ละลายเป็นช่องขนาดให้ลอดมือผ่านเข้าไปได้ ชายหนุ่มยื่นมือเอื้อมไปปลดล็อกอย่างเงียบกริบ เกิดเสียงดังกริ๊ก ริมฝีปากของมหาโจรฉีกยิ้มโฉด บานหน้าต่างสูงเลื่อนเปิด ร่างในชุดสีรัตติกาลเล็ดลอดเข้ามาได้สำเร็จราวกับใช้เวทมนต์
“ฟู่!” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ แสร้างปาดเหงื่อด้วยท่าทางสุดเท่แล้วจึงยิ้มเห็นเขี้ยวเล็ก ๆ ที่มุมปาก “เอาล่ะ...ทีนี้ก็ห้องใต้ดิน!!”
_______________________________________
ฝนตกอีกแล้วเจ้าค่าาาาา TT กว่าจะกลับบ้านได้เล่นเอาแย่เลย
ระวังสุขภาพกันด้วยนะเออ!!
cinna
ความคิดเห็น