ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    << Kill - in - D >> บริษัทรับจ้างฆ่าไม่จำกัด (เพื่อมหาชน!!)

    ลำดับตอนที่ #15 : ผู้ว่าจ้างลึกลับ (100% แล้วเน้อ)

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ย. 50


    14.

    ผู้ว่าจ้างลึกลับ

     

                ท่านผู้โดยสารที่จะเดินทางโดยเที่ยวบิน ปักกิ่ง โตเกียว...

                เสียงประกาศที่ทำให้ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นกะพริบลืมขึ้นจากการหลับใหล

                เอ๋...?

                ดวงตาที่เพิ่งจะลืมขึ้นนั้นหันมามองนาฬิกาพกสีเงินที่ถูกสลักลวดลายสวยงามในมือของตัวเอง

                ได้เวลาซะที

                พึมพำกับตัวเองเบา ๆ   ก่อนจะเอื้อมมือไปที่กระเป๋าเดินทางใบมหึมาที่วางอยู่ข้างกาย

                เจ็ดปีแล้วสินะที่เราไม่ได้กลับญี่ปุ่นเลย

                ...เฮ้อ!!!

                รอยยิ้มน้อย ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า

                คิดถึงซะจริง!!!

               

    ** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **

     

                ฮ้าว!!”

                อ้าว!!!...ยูเอะ!! ตื่นแล้วหรอ ? วันนี้แม่ส่งจดหมายลาหยุดไปให้โรงเรียนแล้วนะ   เพราะฉะนั้นนอนได้ตามสบายจ้ะ!!”

                งืม ๆ =..= เกิดอะไรขึ้นหว่า

                สมองที่ยังไม่ตื่นดีของฉันเริ่มลำดับเรื่องอย่างเชื่องช้าราวกับเต่าคลาน   เอาน่ะ...คนเพิ่งตื่นได้แค่นี้ก็ดีถมไปแล้ว!!

                อืม ๆ   เมื่อวานนี้ฉันไปทำงาน   เสร็จแล้วก็ถูกจับ   แล้วนายตัวกวนประสาทอันดับหนึ่งก็มาช่วย   เสร็จแล้ว...พอตอนขาออกจากโรงแรม   ฉันก็หลับไป...

                เออ...ง่วงเป็นบ้า

                ห๋า!!...หลับไปงั้นหรอ!?! นี่ฉันโดนหมอนั่นพาไปทำมิดีมิร้ายที่ไหนหรือเปล่าฟะเนี่ย!!?

                รีบสำรวจสภาพของตัวเองอย่างรวดเร็ว   ขณะที่ท่านแม่แสนดีของฉันเดินถืออ่างน้ำร้อนเซรามิคใบสวยตรงมาทางฉัน

                เอ้านี่!! รีบ ๆ ล้างหน้าล้างตาตรงนี้ซะ!!...ขี้เซาจริง ๆ เลยนะเราเนี่ย

                ป้ายูเอะ!!...ตื่นแล้วหรอ!?!”

                เสียงริวเซนี่นา   แล้วทำไมวันนี้มันดันได้หยุดด้วยหว่า -*-

                วันนี้ชั้นเรียนของผมหยุดเพราะพวกป้า ๆ มีสอบ

                เออ...ดีเนอะ

                อืม...แล้วโรงเรียนไอ้คุณริวเซนี่มันอยู่ที่ไหนหว่า

                งืม ๆ

                เวลาผ่านไป ติ๊กต๊อก ๆ... - -*

                อ้ากกกก!!~ โรงเรียนฉันเองนี่หว่า!!! แล้วที่ว่าสอบ...ก็ชั้นของฉันเองนี่หว่า!!!

                แม่ค้า!! ฉันต้องไปแล้ว!!!...วันนี้มีสอบด้วยอ่ะ!!?”

                ไม่ต้องแล้วล่ะ   เพราะเมื่อวานคิทสึเนะคุงอาสาจะไปบอกอาจารย์ให้แล้วว่ายูเอะไม่สบาย   ให้สอบทีหลังได้เป็นกรณีพิเศษ

                หา!!?...ไอ้ตัวกวนประสาทนี่น่ะนะ!?!

                มันจะมาไม้ไหนกันเนี่ย ?

                แม่ว่านะ...คิทสึเนะคุงเนี่ยเป็นคนดีจริง ๆ เลย!! แถมยังน่ารัก   พูดครับ ๆ ๆ ทุกคำ

                ง่ะ - -“” แม่อย่าดูคนที่ภายนอกสิคะ   หมอนั่นเป็นตัวอันตรายต่อระบบประสาทของแท้นะคะแม่ขา~

                ใช่ ๆ   เป็นคนดีจริง ๆ ด้วยนะยูเอะ   ป้าน่ะจะมารู้อาไร้   พี่คิทสึเนะน่ะเขาเห็นว่าป้าหลับอยู่ก็เลยไม่ปลุก   แล้วก็อุ้มยัยหมูตอนอย่างป้าลงมาจากรถให้ด้วย   โอ้ย!!...ถ้าเป็นฉัน   ฉันจะกลิ้งป้าลงมาแล้ว!!”

                หนอย...ไอ้นี่!! ป้า ๆ ๆ ๆ ทุกคำเลยนะยะ!!

                เดี๋ยวก่อนนะ...

                หา!!? หมอนั่นอุ้มฉันลงมาเรอะ!? ได้ไง...แล้วทำไมไม่มีคนห้ามล่ะ!?! พี่ริวจินอะไรอย่างนี้น่ะ!!?”

                อ้ากกกกก!!!~ นี่แม้แต่พี่ชายแสนดีของฉันก็ยังยอมให้หมอนั่นมันอุ้มฉันลงมาเลยเรอะ!?!

                โหย...ยูเอะ   ป้าก็รู้ว่าพี่ริวจินน่ะเวลาหลับแล้วจะเป็นยังไง

                เออ...จริงสิ  

                คือพี่ชายของฉันคนนี้น่ะ   ถ้าลองได้หลับแล้วจะหลับสนิท...ม้ากกก!! แล้วถ้าใครไปปลุกนะ...

                หึหึหึ   รับรองไม่ตายดี

                โอ้ย!! แม่ล่ะอยากได้เขยอย่างนี้มานานแล้วล่ะ!!!”

                ดีค่ะแม่... ฉันพูดอย่างหมดอารมณ์ก่อนจะเหลือบมองไอ้คุณริวเซที่นั่งทำตาเป็นประกาย ถ้างั้นให้ริวเซแต่งไปแม่ก็ได้เขยเหมือนกัน   ดีไหมคะ ?

                เฮ้ย!! อย่าโยนมาทางนี้ดิ!!! ฉันไม่ได้ลักเพศนะเฟ้ย!!”

                เออ...แกน่ะไม่ใช่....

                ...แต่ไอ้คนที่แกชื่นชมนักหนาเนี่ย...ลักเพศชัด ๆ!! (ยังไม่เลิกเข้าใจผิด -*-)

     

    ** ** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **

     

                ฮ้าว!!!

                อ้าว...คิทสึเนะคุง   เป็นอะไรไป ?   หน้าตาเหมือนไม่ได้นอน ?

                เสียงของซายุดังเข้าหัวที่ปวดหนึบ ๆ ของผม

                รู้อย่างนี้...ลาหยุดอีกคนด้วยก็ดีอยู่หรอก!!

                เปล่าหรอก ผมตอบปัด ๆ ไป  

                สมองปวดตึ้บเหมือนโดนอะไรกระแทก   แถมยังต้องมานั่งเค้นสมองคิดคำตอบวิชาคณิตศาสตร์อีก   สภาพผมตอนนี้จึงไม่ต่างอะไรไปจากผีดิบนัก

                สิ่งเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นบ้าง...คือวันนี้เรียนแค่ครึ่งวัน

                นี่...จริงสิ   วันนี้ยูเอะหยุดนี่นา ซายุว่าขึ้นลอย ๆ คิทสึเนะคุงพอจะรู้บ้างรึเปล่าว่ายูเอะเค้าป่วยเป็นอะไรน่ะ ? ฉันไปเยี่ยมดีไหม ?

                เออ...ผมว่าอย่าเลยดีกว่านะ ผมรีบบอก คนป่วยน่ะต้องพักมาก ๆ

                จริงสินะ!!” ซายุแย้มรอยยิ้มกว้างขึ้น แล้วเย็นนี้คิทสึเนะคุงว่างหรือเปล่า ?   ไปที่มอลล์ด้วยกันไหม!?”

     

    ** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **

               

                ปี๊! ป่อ! ปี๊!...ตู้ด!!!

                ฉันกดรับมือถือด้วยความเซ็งนิดหน่อย   แหม...ไอ้การหยุดอยู่บ้านนี่มันก็ดีอยู่หรอก   แต่พอมีตัวกวนประสาทมือวางอันดับสองของโลก (มือวางอันดับหนึ่งยกให้เจ้าคิทสึเนะไปแล้ว) มาคอยก่อกวนอยู่ใกล้ ๆ นี่...มันก็เบื่อได้เหมือนกันนะ

                สวัสดีค่ะ...คิลอินดีค่ะ

                ฉันพูดพลางหยิบข้าวเกรียบเข้าปากไป   หวังว่าปลายสายคงจะไม่รู้หรอกนะว่าฉันทำอะไรอยู่

                สวัสดีครับ เสียงทุ้มนุ่มชวนฟังดังมาจากปลายสาย  

                ...ให้ตาย!! หมอนี่เป็นนักร้องหรือไงกัน ? เสียงดีเป็นบ้า!!!

                สวัสดีค่ะ   มีอะไรให้รับใช้หรือคะ ?

                เอ่อ...คุณคงจะเป็น...

                ปลายสายเงียบไปสักพักหนึ่ง 

                โอเปอร์เรเตอร์สินะครับ!!”

                ปึด!!! (เส้นเลือดที่หัวแตกไปแล้วหนึ่งเส้น)

                หนอย!!...เสียงออกจะส่อรัศมีประธานชัดเจนอย่างนี้เอาหูที่ไหนมาฟังว่าฉันเป็นแค่โอเปอร์เรเตอร์กันยะ!?!

                แต่เอาเถอะ   ตามหลักคนทำมาค้าขาย   มีกฎกล่าวไว้ว่า ลูกค้าคือพระเจ้า

                ท่องไว้ ๆ   ลูกค้าคือพระเจ้า ๆ

                เออ...ไม่ใช่ค่ะ

                อ้าว...งั้นหรอครับ ? เสียงปลายสายทุ้ม ๆ นุ่ม ๆ นั้นดูจะแปลกใจ

                งั้น...คุณเลขาฯ ช่วยเรียนท่านประธานบริษัทหน่อยครับว่าผมต้องการจะเรียนสาย

                ปึ้ด!!!

                ถัดจากโอเปอร์เรเตอร์ก็เป็นเลขาฯ งั้นหรอ!?!

                ขอโทษนะคะ   ประธานบริษัทคิลอินดีกำลังพูดอยู่ค่ะ

                ฉันกระแทกเสียงเล็กน้อย  

                ลูกค้าคือพระเจ้า ๆ ๆ ๆ!!!

                คือ...มีอะไรให้รับใช้คะ!?”

                นี่ถ้าเสียงมันสามารถเปล่งแสงได้   เสียงเมื่อกี้ของฉันคงจะเปล่งแสงวิ้ง ๆ ไปแล้วล่ะ   หึหึ...หวานซะขนาดนั้นน่ะนะ

                อ...เอ่อ   ขอโทษครับ   เสียมารยาทจัง

                รู้ตัวก็ดีแล้วล่ะย่ะ - -*

                ไม่เป็นไรค่ะ...ว่าแต่   มีอะไรให้รับใช้รึเปล่าคะ ?

                ครับ...แต่ว่านี่เป็นงานใหญ่   ช่วยกรุณามาพบผมที่มอลล์กลางเมืองหน่อยได้ไหมครับ ?

                คือ... ฉันอึกอัก   การจะไปพบกับลูกค้าโดยตรงไม่ใช่วิสัยของนักฆ่าเลยสักนิด   มันค่อนข้างเสี่ยงสูงแล้วยังเป็นการเปิดเผยตัวเองโดยไม่จำเป็นอีกด้วย

                ผมจะจ่ายให้เป็นสองเท่าของที่คุณเรียก...เรายินดีจะจ่าย   ไม่ว่าคุณจะเรียกเท่าไหร่

                คำพูดคำเดียวที่ทำให้ฉันตาลุกวาว

                ไม่จำกัดงบอย่างนี้สิ!!!...แหม   คุยกันง่ายหน่อย!!!

                แต่ว่า...

                ไม่ต้องห่วงครับ   ผมไม่คิดจะเล่นสกปรกกับตระกูลซานาดะอันเลื่องชื่อหรอก เสียงนุ่ม ๆ กลั้วหัวเราะแต่กลับทำให้ฉันสะดุ้งเฮือก

                ...มันรู้...รู้อย่างนั้นหรือว่าคิลอินดีเป็นของซานาดะ!?

                รู้ขนาดนี้   คงต้องเป็นคนที่อยู่ในวงการ...แถมยัง   ไม่ใช่ระดับธรรมดา ๆ เสียด้วย

                อย่างนี้ก็พูดกันง่าย... ฉันเปลี่ยนน้ำเสียงในทันที

                อย่าคิดเชียวนะว่าไอ้การเก็กเสียงหวาน ๆ นี่จะมีไว้แค่เพื่อให้ดูโก้ ๆ เท่านั้น   จริง ๆ มันยังเป็นการปลอมเสียงจริง ๆ ของฉันไม่ให้มีคนจับได้อีกด้วย

                แต่ในเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว   หมอนี่ต้องเป็นคนของตระกูลใหญ่อะไรสักตระกูล   ไม่อย่างนั้นก็คงต้องเป็นคนใหญ่คนโตในวงการใต้ดิน

                ฉันขอบอกก่อนนะคะ   ว่าถึงเราจะเป็นบริษัทจริงแต่ก็ไม่ได้หวังเพียงแค่เงินเท่านั้น   ความปลอดภัยของบริษัทก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็น

                เสียงปลายสายยังคงหัวเราะเบา ๆ

                ครับ...ครับ    จะมาไหมครับ ? รับรองว่า...คุ้มค่ากับคุณแน่   และ...เชิญคุณเล่นลูกไม้ตามใจชอบได้เลย   รับรองว่าไม่มีอะไรแน่ ๆ

                หึ.. ฉันยิ้มบาง ๆ

                คิดจะยั่วฉันคนนี้งั้นหรือ ?

                ...ก็ได้ ฉันลากเสียง ...บอกสถานที่นัดหมายมา   และ...คุณชื่ออะไร ?

                ปลายสายเงียบไปเล็กน้อย

                ร้าน...แกรนด์เซน   โต๊ะมุมซ้ายสุด    ผมชื่อ...

                เงียบไปอีกเล็กน้อย   เหมือนกับคนพูดกำลังชั่งใจนิดหนึ่ง   ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา

                ชื่อจริงของผม   เซตะ    ฮาจิเมะ...พบกันตอนหกโมงนะครับ

                กริ๊ก!!   ตู้ด ๆ ๆ!!!

                ผู้ว่าจ้างลึกลับตัดสายไปแล้ว   เหลือแต่ฉันที่นิ่งค้าง...

                รอยยิ้มเหยียดออกบนริมฝีปาก 

                เอาแล้วไงล่ะ...

                ...หึหึ...ท่านประมุขแห่งองเมียวจิ...

                จอมเวทย์อัจฉะริยะ...เซตะ   ฮาจิเมะผู้ถูกกล่าวขานว่า   เป็นผู้สามารถร่ายมนตราพันบทได้ในราตรีเดียว

                คิลอินดี...ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับใช้!!!

               

    ** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **

     

                อืม...ว่าแต่   คิทสึเนะคุงเนี่ย...เก่งจังนะ

                หืม ? ผมเหลือบมองซายุที่นั่งอยู่ข้าง ๆ  

                ลานน้ำพุหน้ามอลล์ที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม   ร้านค้าเล็ก ๆ ถูกจัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย    เสียงน้ำพุที่ดังแว่วมาเป็นระยะ ๆ นั้นยิ่งทำให้บรรยากาศดูสงบมากขึ้น

                ก็คิดดูสิ...คิทสึเนะคุงเพิ่งย้ายเข้ามาที่นี่ใช่ไหมล่ะ ? แต่กลับทำคะแนนได้ดีอย่างนี้

                ซายุเองก็ทำได้ดีเหมือนกันนี่

                ไม่หรอก ๆ   ก็แค่ระดับพื้น ๆ

                ก็คะแนนเต็มเหมือนกันไม่ใช่หรอ ? ผมแอบคิดในใจ    พลางดันแว่นตาขึ้นกลับเข้าที่

                อืม   แต่วันนี้คนเยอะจังเลยนะ ซายุพูด  

                จริง ๆ เสียด้วย   รู้สึกว่าวันนี้คนจะมาชุมนุมอยู่ที่นี่มากเป็นพิเศษ

                อ้อ   รู้สึกว่าวันนี้จะมีการจุดพลุด้วยน่ะ   ตามกำหนดการณ์ของมอลล์ ผมบอก   รู้สึกว่าจะใช่อย่างนั้นนะ

                จริงหรอ!!? แหม...โชคดีจัง   งั้นเราอยู่ดูด้วยกันนะ

                อ...อืม!!”

                ผมมองใบหน้ายิ้มแย้มของซายุแล้ว   รู้สึกว่า...ตัวเองกำลังทำอะไรผิดอยู่อย่างไรไม่รู้

                ซายุคงจะชอบผมเอาซะจริง ๆ   แต่ผมสิกลับคบกับเธอเพราะเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับความรักหรือความชอบใด ๆ   ทำอย่างนี้...บาปไหมนะ ?

                แต่เอาเถอะ!! เมื่อมันเดินหน้ามาถึงตรงนี้แล้วก็ต้องแล้วกันไป...

                ...แต่ยังไง...ผมก็ยังไม่ลืมหรอกนะว่าคนที่ผมอาจต้องแต่งงานด้วยจริง ๆ คือใคร...

               

    ** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **

     

                อืม ๆ   ร้านแกรนด์เซน   โต๊ะมุมซ้ายสุด ?

                ฉันเดินเข้าไปในร้านอาหารสุดหรูพลางชะเง้อคอหาโต๊ะที่ว่า   ในขณะที่คนอื่น ๆ ในร้านน่ะชะเง้อคอมองฉัน

                เออสิ...ไม่ให้มองได้ไงล่ะ ? ก็แต่งตัวซะ...

                ฉันอยู่ในชุดแซกสั้นสีแดงเข้ม ๆ    ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนกับเลือดไม่มีผิด    ผมก็ถูกปล่อยยาวแล้วประดับด้วยปิ่นไข่มุก (ที่ยืมแม่มา  55+...คนอย่างฉันมีของพรรค์นี้ที่ไหนล่ะ ?) แถมไอ้ชุดเนี่ย...มันเป็นแบบสายเดี่ยวเปิดไหล่ซะ    โอ้ย!!...เลิกจ้องกันซะทีจะได้ไหม ? เดี๋ยวฉันละลายพอดี!!!

                อ๊ะ!!

                สายตาของฉันไปสะดุดที่โต๊ะมุมซ้าย   ก่อนจะเดินเข้าไป

                สวัสดีค่ะ... ฉันยิ้มทักให้กับเจ้าของโต๊ะ   ก่อนจะยื่นนามบัตรที่เขียนว่า

                Kill - in – D

                เธอเองหรอ ?...แหม   ไม่คิดเลยนะว่าจะเป็นคนที่สวยขนาดนี้!!” ดวงตาสีฟ้าอ่อนนั่นเงยขึ้นจ้องมองฉัน   เวลาที่มันมองมาเนี่ย...สีของมันเหมือนกับว่าจะหายไปเลย   เหมือนกับตรงส่วนที่เป็นตาดำนั้นกลายเป็นแก้วใส ๆ ที่ภายในว่างเปล่า   ดูแล้วขนลุกยังไงไม่รู้

                อ...เออ   ฉันก็ไม่คิดเหมือนกันล่ะว่าผู้นำองเมียวจิจะรูปหล่อลากดินซะขนาดนี้

                ชายหนุ่มในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มอย่างผู้ดี๊ผู้ดี    ดีนะที่ฉันเลือกชุดที่ดูไฮโซหน่อยมา   ไม่งั้นคงถูกมองว่าเป็นยาจกแหง ๆ    ใบหน้าหล่อเหลาติดจะสวยเหมือนผู้หญิงนิด ๆ อย่างผู้ชายเจ้าสำอาง   อายุคงสัก...สิบเก้า   ประมาณพี่ริวจินล่ะมั้ง    เส้นผมสีชาตัดประบ่าเหมือนอย่างที่ดาราวัยรุ่นสมัยนี้ชอบทำกัน    ทุกอย่าง...ดูไม่ผิดจากดาราซุปเปอร์สตาร์ที่มีคนมารุมขอลายเซ็นสักนิด

                นั่งสิครับ...เอ่อ   พอดีฉันมาก่อนนานเหมือนกันก็เลยสั่งอาหารมาก่อนน่ะ   คงจะเย็นหมดแล้ว คำพูดที่ดูเป็นกันเองและรอยยิ้มนั่น

                อ้ากกก!! อย่า ๆ ๆ ๆ ๆ...อย่ามายั่วฉันนะ!!! เดี๋ยวจับท่านเจ้าแห่งองเมียวจิไปเคี้ยวเล่นจะทำยังไงล่ะเนี่ย!?!

                เธอชอบชาร้อนหรือชาเย็นล่ะ ? ชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าจอมเวทย์อัจฉริยะถามฉันในขณะที่ฉันนั่งลงที่นั่งตรงข้าม

                เอ่อ...ชาร้อนค่ะ

                ฮ่ะ ๆ   ไม่ต้องพูดค่ะอะไรก็ได้   ฉันไม่ถือธรรมเนียมอะไรมากหรอก   ถือว่าเราเป็นเพื่อนกันก็ได้

                เอ่อ...-*-  แต่ฉันยังเด็กอยู่นะเฟ้ย!! ต้องเป็นน้องสิน้องน่ะ!!! ไม่ใช่เพื่อน!!!

                อ...อืม แต่เอาเถอะ...สำหรับคนหล่อ    เป็นเพื่อนก็ได้  อิอิ ^[]^

                ชาร้อนนะ ฮาจิเมะยิ้ม   พลางเอื้อมมือมาที่ถ้วยชาของฉัน   ก่อนจะแตะที่ปากถ้วยเบา ๆ

                ฟู่!!!

                ไอควันกรุ่นลอยละล่องขึ้นมาจากถ้วยทันที

                ขอบคุณมากนะ ฉันว่า

                โห...ไม่ตกใจเอาซะเลย   ว้า!!”

                เอ่อ   เคยเห็นมาบ้าง...แล้วสำหรับจอมเวทย์อัจฉริยะ   แค่นี้คงเป็นเรื่องธรรมดา ๆ ใช่ไหม ?

                ไม่เอาน่า!!” คนถูกเรียกเป็นจอมเวทย์อัจฉริยะบุ้ยหน้าเหมือนกับเด็กขี้อ้อน ฉันไม่ชอบชื่อจอมเวทย์อัจฉริยะอะไรนั่นเลย   เรียกฮาจิเมะหรือฮาจิเมะคุงเถอะ ^ ^”

                ฮาจิเมะพูด   ในขณะที่ฉัน...

                ฉ่า!! (ละลายครับละลาย >_< น่ารักอะไรอย่างนี้!!?)

                อ...อ่า   ฮาจิเมะคุง

                ฮิ ๆ   ดีจัง ประมุขแห่งองเมียวจิที่หล่อเป็นบ้ายิ้มแล้วก็หัวเราะเหมือนเด็ก ๆ    ก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู

                ส่วนฉันก็...

                ฉ่า!! (ละลายรอบสอง >////< โอ้ย!!~ น่ารักเกินบรรยาย)

                เอ่อ...อะแฮ่ม ๆ   ว่าแต่เรื่องงาน ?

                ง่ะ...เอาไว้คุยทีหลังเถอะ   อุตส่าห์ได้เจอคนสวย ๆ อย่างเธอเนี่ย   ขอแกล้งทำเป็นเดทสักครั้งเถอะน่า!!”

                อ่านะ - -* นี่มันภาชนะหุงต้ม (หม้อ) แบบออกหน้าออกตาเลยนี่หว่า

                เอ่อ ฉันขมวดคิ้ว

                ถึงจะหล่อแค่ไหนแต่งานก็คืองานนะเฟ้ย!!!~

                จริงสิ!! ว่าแต่เธอชื่ออะไรล่ะ ?...จะได้เรียกกันถูก

                จริงดิ...ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลยนี่นา

                อ่า   ยูเอะ...ซานาดะ   ยูเอะ

                ยูเอะหรอ ? ฮาจิเมะกลอกตาขึ้นก่อนจะยิ้มแย้ม ชื่อดีนะ...ภาษาจีน   ยูเอะแปลว่าพระจันทร์นะ   เพราะดีจัง

                คือว่า   เข้าเรื่องงานเลยเถอะค่ะ

                ฉันพูดอย่างเกรงใจในขณะที่ท่านเจ้าแห่งองเมียวจินั้นเริ่มลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้า

                เอ้า!! ทานสิ...นี่อร่อยนะ

                เฮ้อ!!

                เอาเถอะ...ไหน ๆ กินฟรีก็...

                ฟาดให้เกลี้ยงไปเลย!!!

    ** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **

     

                ฮ่ะ ๆ   ยูเอะนี่กินเก่งเหมือนกันนะ

                ก็...แหะ ๆ

                ฉันได้แต่หัวเราะแห้ง ๆ   ก็เล่นไปทำบ้าเลือดฟาดซะขนาดนั้น   เฮ้อ!!...

                แต่ว่านะ...ยังไงมื้อนี้ประมุขแห่งองเมียวจิก็จ่ายเต็ม ๆ   อิอิ...อิ่มจังตังค์อยู่ครบ!! ^O^

                อ่า   ถ้างั้นเข้าเรื่องดีกว่านะ ฉันเริ่มจะชักใบเรือกลับเข้าที่   เมื่อเหลือบเห็นว่านี่ก็ใกล้จะทุ่มครึ่งเข้าไปทุกที   ให้ตาย!!...นี่ฉันมัวแต่กินอยู่ได้ตั้งชั่วโมงกว่าหรือนี่ >,.< ไม่จริ๊ง!!

                อืม... ฮาจิเมะเองก็ไม่ได้ขัดอะไรแล้ว   แต่กลับหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าหนังแท้สีดำข้างกาย

                บอกไว้ก่อน...งานนี้   ฉันจ่ายให้ไม่อั้น   ไม่มีกำหนดเวลาใด ๆ   งานเสร็จเมื่อไหร่รับเงินเมื่อนั้น   คงไม่ต้องการหลักประกันเพราะองเมียวจิไม่เคยผิดคำพูด

                จอมเวทย์อัจฉริยะพูดเรื่อย ๆ เหมือนไม่ได้ใสใจ   ก่อนจะหยิบรูปใบหนึ่งขึ้นมา   คว่ำไว้ตรงหน้าฉัน

                ฉันจะเปิดรูปเมื่อเธอตอบตกลง...ไม่อย่างนั้นทางเราจะทำงานลำบากมากขึ้น

                ฉันขมวดคิ้ว

                ใครกันที่แม้แต่องเมียวจิยังไม่สามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง   ใครกันที่มีค่าหัวขนาดที่สามารถเรียกได้ไม่อั้นจากองเมียวจิ ?

                ยังมีใครหรือที่แม้แต่จอมเวทย์อัจฉริยะอย่างคนตรงหน้าฉันคนนี้จัดการด้วยตัวเองไม่ได้ ?

                ฉันขอถามอะไรสักอย่าง...

                ว่าทำไมองเมียวจิไม่จัดการเรื่องนี้เองใช่ไหม ? ฮาจิเมะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

                ใช่ ฉันกดน้ำเสียงหนักแน่น   แสดงให้เห็นว่าไม่ได้พูดเล่น

                อย่าคิดว่าเราไม่อยากทำด้วยตัวเอง   แต่ยิ่งได้พวกมาก็ยิ่งดีใช่ไหมล่ะ ? ท่านเจ้าแห่งองเมียวจิเปิดยิ้มกว้างขึ้น

                ตอนนี้   สิ่งที่ฉันต้องการคือความแน่นอนว่าคน ๆ นี้ต้องหายไป...ไม่ว่าจะต้องพึ่งใครมากแค่ไหนก็ย่อมทำได้   แค่นั้นแหละ

                สรุปว่า   ฉันเป็นแค่หนึ่งในตัวเลือกมากมายของนายสินะ ?

                ฉันขมวดคิ้ว

                ยอมรับก็ได้ว่าฉันไม่ชอบคำว่า ตัวเลือก เอาซะเลย   ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา...ฉันเป็นที่หนึ่งมาตลอด (เออ   ไม่รวมเรื่องการเรียน   แหะ - -*)

                ถ้าเธอจะพูดอย่างนั้นก็ไม่ผิด   แต่บางตัวเลือกมันก็มีคุณค่าที่จะเสี่ยงมากกว่าตัวเลือกอื่น ๆ นะ

                เออ...พูดได้ดี   อย่างนี้ค่อยน่าทำ

                ไม่มีเงื่อนไขอะไรมากกว่านี้แล้วใช่ไหม ? ฉันถาม

                อ้อ...อีกอย่าง ฮาจิเมะเคาะนิ้วลงกับโต๊ะเป็นจังหวะเล่น ๆ

                ถ้าเธอรับงานนี้แล้ว    ฉันขอไม่ให้รับงานอื่นซ้อน   เพราะฉันต้องการให้เธอมุ่งมั่นกับงานนี้อย่างเต็มที่   ซึ่งแน่นอน...เราจะจ่ายทุกอย่างตามที่เธอเรียก

                คิลอินดีไม่ใช่บริษัทที่ซื้อได้ด้วยเงิน

                ฉันตอบกลับเสียงเคร่ง   

                ท่านเจ้าแห่งองเมียวจิอึ้งไปนิดหนึ่ง   ก่อนจะยิ้มบาง ๆ อย่างมีเลศนัย   แล้วยื่นหน้ามาหาฉัน

                งั้นขอซื้อด้วยหัวใจจะได้ไหม ?

                ชิ้ง!!!

                นิ่งสนิท -_-“” นี่พี่แกรู้รึเปล่าว่าตัวเองพูดอะไรออกมา ?

                ก็สงสัยอยู่...ว่าทำไมพี่แกรูปหล่อนัก

                สงสัยหลุดมาจากโรงลิเก -*- พูดมาได้ไงฟระ...ซื้อด้วยหัวใจ

                จะขายหรือไม่คือสิทธิ์ของฉัน ฉันยิ้มเจ้าเล่ห์พลางสู้สายตากลับ

                เฮ้อ!!...แล้วแต่เธอจะเคาะขายหรือไม่ขายแล้วกัน

                เซตะ   ฮาจิเมะถอนหายใจเหมือนกับยอมแพ้ในที่สุด   ฉันยิ้ม...

                ได้...ฉันขาย   แค่สิทธิ์ที่จะฆ่ายังไงเมื่อไหร่เป็นของฉัน   ฉันรับงานนี้!!”

                ดี!!”

                ป้าบ!!

                จอมเวทย์แห่งองเมียวจิยิ้มพลางตบมือเข้าหากัน   บนกระดาษขาวที่ฉันเคยคิดว่าเป็นด้านหลังของรูปค่อย ๆ ปรากฏรูปของใครคนหนึ่งขึ้นมา

                เอ...หน้าคุ้น ๆ นะ...

                ฉันกวาดมองโครงหน้าเข้มนั้น   เส้นผมสีดำสนิทเหมือนท้องฟ้ายามราตรี   ร่างสูงที่ยืนนิ่งอยู่กลางภาพ...           

                ดวงตา...สีขี้เถ้า

                เป้าหมาย...คือมินาโมโตะ   โนะ   คิทสึเนะ   ว่ายังไง ?...คิดว่าไหวไหม ? ยูเอะจัง ?

                คำพูดที่เปรียบเหมือนสายลมลอยผ่านหูไป   ฉันนิ่งคว้างไปประมาณสองวินาทีได้   รอยยิ้มเหี้ยมอย่างที่ทุกคนที่รู้จักฉันดีรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองว่าเป็นรอยยิ้มอำมหิต   ใครที่เป็นเหยื่อควรจะถอยหนีออกจากรัศมีสามร้อยเมตรโดยไว

                คิลอินดี...รับประกันผลงานหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์   ไม่ว่าเป้าหมายจะเป็นเทพหรือปีศาจ...

                รอยยิ้มน่ากลัวคลี่ออกกว้างขึ้นโดยไม่สนใจเลยว่าในสายตาคนมองมันจะเป็นอย่างไร

                ...หากฉันบอกว่ารับงาน   ฉันจะลากคอมันไปลงนรกให้ได้!!!”

     

    ** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **

     

                อีกห้านาทีถึงเวลาจุดพลุ   ผู้คนเริ่มออกมาออกันเพื่อจะแย่งทำเลเหมาะ ๆ สำหรับดูพลุในคืนนี้

                ท้องฟ้าช่างปลอดโปร่ง   มีแต่สีหมึกกับดวงดาวนับล้าน ๆ ที่แข่งกันทอแสง    เสียงน้ำพลุยังคงดังแผ่ว ๆ ผู้คนทั้งในและนอกอาคารซึ่งกำแพงเป็นกระจกใสต่างเงยหน้าขึ้นสู่ฟากฟ้า    แทบจะกลั้นหายใจรอเสียงพลุที่จะดังขึ้น

                ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น   แต่ว่า...ดวงตาของผมไม่ได้กำลังจ้องมองไปยังท้องฟ้าหรอก   แต่มันกำลังจับจ้องไปยังเด็กสาวข้าง ๆ ตัวนี่ต่างหาก

                ซายุยิ้มเหมือนเด็ก ๆ   มองขึ้นสู่ท้องฟ้าเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ

                ผมคบกับเธอมาได้สามวัน   สามวันเท่านั้นที่เราตกลงจะคบกันอย่างเป็นทางการ (ในความหมายของผม...คือคบเป็นเพื่อนอย่างเป็นทางการน่ะครับ   ไม่ใช่อย่างที่คิด   แต่ซายุนี่สิ...จะคิดเหมือนผมรึเปล่าก็ไม่รู้) แต่กลับให้ความรู้สึกผิดกับผมอย่างประหลาด   ทั้ง ๆ ที่...ฆ่าคนน่าจะยากกว่านี้ตั้งมากมาย

                ผมกำลังหลอกเธอ...

                ...ผมไม่ได้รักเธอเลย...แม้แต่ชอบแบบผู้ชายชอบผู้หญิงก็ไม่เคย...

                ...ผมเห็นเธอเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น    แต่ซายุนี่สิ...

                ...เธอคงจะ...ชอบผมมากจริง ๆ...

                ยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่มากขึ้น

                คิทสึเนะคุง ?   เป็นอะไรไป ? หนาวหรอ ?

                มือของซายุวาดผ่านหน้าผมไปเหมือนกำลังทดสอบว่าผมเหม่ออยู่รึเปล่า   ผมกะพริบตา  

                เปล่านี่...ไม่หนาว

                งั้นหรอ!?! เดี๋ยวเขาจะจุดพลุแล้วนะ

                นาฬิกาเรือนยักษ์ที่ติดอยู่ตรงหน้าอาคารกำลังบอกเวลาหนึ่งทุ่มห้าสิบแปดนาที   ตัวเลขฝั่งวินาทีเดินไปเรื่อย ๆ...

                ...หนึ่งทุ่มห้าสิบเก้านาที...

                สายลมยามดึกพัดผ่าน   ผู้คนเงียบ...และคอย...

                ...สี่สิบเก้า...ห้าสิบ...

                ไม่รู้ทำไม   ผมถึงได้รู้สึกอึดอัดราวกับนี่เป็นการนับถอยหลังเพื่อไปสู่อะไรบางอย่าง...อะไรบางอย่างที่ความรู้สึกของผมกำลังร้องบอกว่า  ไม่ดีแน่ ๆ

                ...ห้าสิบเจ็ด...ห้าสิบแปด...ห้าสิบเก้า...

                สองทุ่ม...

     

    ** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **

     

                อีกห้านาทีถึงเวลาจุดพลุ...ผู้คนเริ่มออกมาออกันเพื่อจะแย่งทำเลเหมาะ ๆ สำหรับดูพลุในคืนนี้

                ท้องฟ้าช่างปลอดโปร่ง   มีแต่สีหมึกกับดวงดาวนับล้าน ๆ ที่แข่งกันทอแสง    เสียงน้ำพลุยังคงดังแผ่ว ๆ ผู้คนทั้งในและนอกอาคารซึ่งกำแพงเป็นกระจกใสต่างเงยหน้าขึ้นสู่ฟากฟ้า    แทบจะกลั้นหายใจรอเสียงพลุที่จะดังขึ้น

                เฮ้อ!! แต่ฉันไม่ได้อยากจะดูพลุอะไรนี่หรอกนะ...ก็แค่   สถานการณ์มันพาไปเท่านั้น

                เท้าทั้งสองพาฉันเดินเบียดผู้คนออกมากลางลานน้ำพุกว้างอย่างไม่ได้ตั้งใจสักเท่าไหร่   แหม...พลุที่มอลล์นี่เขาจุดกันทุกปีแหละน่า   ฉันน่ะตื่นเต้นมาตั้งแต่ห้าขวบ   ถ้าตอนนี้สิบเจ็ดแล้วยังตื่นเต้นได้อยู่นี่ก็ถือว่าน่าอัศจรรย์สุด ๆ แล้วล่ะนะ -*-

                เฮ้อ!!...โอย   คนเยอะเป็นบ้า    หายใจจะไม่ออกแล้วโว้ย!!! จะมามุงดูอะไรกันเยอะแยะเล่าเนี่ย!?

                ฉันแอบตะโกนในใจ   ก่อนสายตาจะสอดส่ายหาที่ ๆ ฉันจะยืนได้โดยไม่โดนเบียด

                อะฮ้า!!!

                ต้องขอบน้ำพุสินะ

                ฉันคิดแล้วรีบปีนขึ้นไปยืนบนขอบน้ำพุ   กอดอกเก็กท่าเหมือนซุปเปอร์ฮีโร่ที่เพิ่งกอบกู้โลกมาหมาด ๆ (ในขณะที่รอบข้างเริ่มมีคนชี้ไม้ชี้มือมาทางฉัน   พวกพ่อแม่ก็กำลังบอกลูก ๆ ว่าอย่าหันมามอง - -*)

                รอดซะที...ตรงนี้หายใจสะดวกกว่ายืนข้างล่างเยอะ   แถมยังมองเห็นฟ้าได้ชัดเจนกว่า   ฮ่ะ ๆ ๆ   เรานี่ช่างฉลาดเสียจริง ๆ

                คิดไปคิดมา...สมองก็พามาหยุดอยู่ที่เรื่องงานที่เพิ่งรับมาสด ๆ ร้อน ๆ

                ให้ตาย!! อยู่ดี ๆ โยนงานอะไรมาให้ฉันเนี่ย

                ที่วางท่าไปก็แค่รักษาชื่อเสียงสถาบันเท่านั้นแหละ   ส่วนไอ้ที่ว่าจะทำได้จริงหรือเปล่าน่ะฉันเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน   หมอนั่นไม่ใช่เคี้ยวง่าย ๆ เหมือนกับเหยื่ออื่น ๆ นะ  

                แล้วทำไมองเมียวจิต้องอยากกำจัดหมอนั่นด้วยล่ะ ?

                อ้อ...เก็ทแล้ว ๆ   สงสัยเพราะไปหาเรื่องกวนประสาทท่านเจ้าของท่านนั้นเขาไว้มั้ง   เอิ้ก ๆ

                อ่ะนะ   คิดไปคิดมาก็น่าสงสัยอยู่ดี...

                ...แต่...จะให้ฉันเอาจริงน่ะหรอ ?

                พูดก็พูด   ตั้งแต่รับงานประธานบริษัทมานี่   ฉันยังไม่เคยสั่งฆ่าใครที่ตัวเองรู้จักสักคน   ที่ฆ่า ๆ ไปส่วนใหญ่ก็มีแต่พวกไม่รู้จักหน้าค่าตา   เห็นกันครั้งแรกก็หลังคมดาบไม่ก็ไกปืน   ครั้งที่สองก็ลงไปนอนบ๊ายบายอยู่ในโลงแล้ว

                การที่จะกำจัดคน ๆ หนึ่งที่ตัวเองเห็นหน้าอยู่ทุกวัน ๆ นี่...ไม่ใช่ง่าย ๆ เลยนะ...

                ฉันถอนหายใจ   เงยหน้าขึ้นจากภาวะก้มหน้าคิดอะไรที่ตัวเองกำลังทำอยู่   แล้ว...สายตามันช่างพาไปสะดุดเข้ากับ...

                ไอ้ตัวกวนประสาท!!? ซายุก็มาด้วย!?!

                โอ้ย!! มานั่งจู๋จี๋กันโดยไม่บอกฉันเชียวหรอเดี๋ยวนี้!?!    หมั่นไส้จริง ๆ 

                ฉันคิด   ก่อนจะเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นรอยยิ้มแบบเด็ก ๆ ของซายุ   รอยยิ้มที่ปราบฉันหมอบราบคาบแก้วมานักต่อนักแล้ว

                ...ซายุ...นี่เธอ...

                ...คงจะชอบหมอนั่นจริง ๆ สินะ...

                เฮ้อ!!

                ถ้าคิดแบบนางเองล่ะก็นะ   เห็นเธอมีความสุขก็คงจะพอแล้วละมั้ง

                แต่ถ้าคิดแบบนางร้าย (ปล่อยจิตสังหาร - -+) ไอ้กวนประสาท!! แกตายยยยยย~!!

                สายตาเหลือบมองไปยังนาฬิกาดิจิตอลที่กำลังเปล่งแสงเป็นตัวเลขสีแดง ๆ

                หนึ่งทุ่มห้าสิบเก้า...

                พลุจุดตอนสองทุ่มตรงสินะ

                ฉันคิดในใจ   เผลอนับถอยหลังตามไปโดยไม่รู้ตัว

                ...เก้า...แปด...เจ็ด...

                ทุกอย่างเงียบเหมือนโลกใบนี้กำลังกลั้นใจรอดูพลุนี่อยู่   ความรู้สึก...น่าอึดอัดบอกไม่ถูก

                นี่มันอะไรกันน่ะ ?

                ความรู้สึก...ใจหายแว้บ ๆ นี่น่ะ ?

                ...สี่...สาม...

                ความรู้สึกนั้นรุนแรงเหมือนกับจะฉีกปอดฉันออกเป็นชิ้น ๆ    อยากขยับตัวแต่เหมือนถูกตรึงอยู่กับที่...

                อะไรกันน่ะ!?!

                ...สอง...หนึ่ง...

                ตัวเลขดิจิตอลเปลี่ยนเป็นสองทุ่มตรง

                เฟี้ยว!!

                ฉันสะดุ้งสุดตัว   สายตาตวัดมองฟ้าในทันที...

                ปุ!! ปุ!! ปุ!!

                พลุแตกกระจายเป็นสามลูก   สวยงามเกินบรรยาย   เสียงคนรอบข้างฮือฮากัน   ทำอย่างกับไม่เคยเห็นพลุแหละพวกนี้   เฮ้อ!! -*-

                แต่ความรู้สึกโล่งใจพุ่งเข้าใส่ฉันอย่างมากมาย

                เป็นครั้งแรกที่ฉันดีใจที่ลางสังหรณ์ตัวเองผิดพลาด

                พลุชุดที่สองถูกจุดขึ้นฟ้า   แสงสีต่าง ๆ สว่างวาบเข้าตาฉัน

                เป็นเวลา...สองทุ่ม   ห้าสิบเก้าวินาที...

                ตัวเลขสีแดงสดค่อย ๆ เปลี่ยนไปอีกครั้ง   บ่งบอกเวลา...

                สองทุ่ม...หนึ่งนาที...

                ความรู้สึกเหมือนกำลังจะบีบคอฉันพุ่งเข้ามาจากด้านหลัง   และ...

                ตูม!!!  ตูม!!! ตูม!!!

                ปัง!! ปัง!! ปัง!!

                คำพูดของเซตะ   ฮาจิเมะกลับเข้าไปในหัวของฉันอีกครั้ง

                ยิ่งได้พวกมาก...ก็ยิ่งดี ? ใช่ไหมล่ะ ?

                กรามของฉันกัดแน่นเข้าหากันทันที

                ไอ้บ้าเอ้ย!!!”
    _______________________________

    หุหุหุ ^ ^ 100% เจ้าค่า 

    อิอิ...เริ่มรู้สึกว่าฮาจิเมะน่ารักขึ้นมาเล็กน้อย   555+ >///< ใครสนใจจะเชียร์ฮาจิคุงก็ตามสบายนะเออ

    ว่าแต่...-*- ความรักลุ่ม ๆ ดอน ๆ ของพระนางคู่นี้มันจะไปต่อยังไงดีหว่า   ชักเง็ง >[]<

    อ้อ!! วันนี้เฉลยคำถามแฟนพันธุ์แท้จากเรื่องตำนานผู้พิทักษ์ดาบศักดิ์สิทธิ์ภาค 2 ด้วยนะเอ้อ   ไปดูกันได้ที่บอร์ดเรื่องตำนาน ฯ เลยเจ้าค่า ^ ^

    แล้วจะรีบเอามาลงต่อให้นะเจ้าค้า

    มิริน

    m.tokiya m.tokiya m.tokiya m.tokiya
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×