คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ตัวกวนขี่ม้าขาว -_- (100% แล้วนะเจ้าค้า ^ ^)
13.
ตัวกวนขี่ม้าขาว -_-“
ตูม!!!
เสียงกำแพงที่พังทลายลงด้วยน้ำมือของเจ้ายักษ์ตรงหน้าฉันที่กำลังอาละวาดฟาดหัวฟาดหางทั้ง ๆ ที่แขนข้างหนึ่งถูกกระสุนปืนฝังในชัด ๆ แต่ยังไม่ยอมล้มอีก อะไรมันจะทนทายาทขนาดนี้ ?
ปัง!! ปัง!! ปัง!!
กระสุนถูกรัวออกไปสามนัดติด ๆ กันอย่างที่ ‘มือสมัครเล่น’ ไม่มีทางทำได้ ถึงฉันจะไม่เก่งอาวุธปืนจนใช้ได้เหมือนแขนขาอย่างริวเซ แต่ก็นับว่าฝีมือไม่เป็นรองใครล่ะน่า!!
ฉันหันไปดูสภาพของซาโนริโนะ งิน
เสื้อผ้าขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี รอยกระสุนที่หลบไปได้อย่างฉิวเฉียดยังฝากไว้เป็นทาง ๆ สีแดงอย่างกับทางม้าลาย
หมอนี่บ้าอย่างกับม้า แต่ให้ตายเถอะ!! ฝีมือประมาทไม่ได้เลย!!!
หมัดแต่ละหมัดที่ส่งออกมาถ้าโดนเข้าไปจัง ๆ รับรองจอดไม่ต้องแจว การเคลื่อนไหวก็ไม่ได้ช้าตามขนาดตัวไปด้วย แถม...หนังเหนียว ยิงเข้าแต่ไม่ทะลุซะงั้น
ส่วนฉัน สภาพก็ถือว่าดีกว่ามาก เพราะอย่างน้อยฉันก็ไม่มีแผลหนึ่งล่ะ และเสื้อผ้าก็ไม่ได้ขาดวิ่นอะไรนอกจากจะเปื้อนฝุ่นบ้างเท่านั้น ปืนในมือบัดนี้ถูกบรรจุกระสุนใหม่เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้เพราะไม่ได้สนใจจะนับ (เออสิ...สู้อยู่ใครจะนั่งนับ แล้วอีกอย่าง...นี่เงินริวเซ หุหุหุ ^ ^ ดีจังตังค์อยู่ครบ!!)
ส่วนสภาพของบ่อน...เอ่อ อย่าให้พูด คือกว่าจะกลับมาใช้การได้ก็คงอีกนานล่ะ อย่างน้อยรูใหญ่ขนาดรถวิ่งผ่านได้ที่ฝากไว้บนผนังนี่ก็คงต้องใช้เวลาหลายวันเพื่อจะอุดให้กลับเข้าที่เข้าทาง
ตอนนี้ทั้งฉันและซาโนริโนะ งินหลุดมาอยู่ในตรอกเล็ก ๆ ที่ไหนสักที่ในโตเกียว ดีที่ตอนนี้เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว แม้แต่เมืองหลวงที่ไม่เคยหลับก็ต้องมีบางส่วนที่ไม่มีคนอยู่บ้างล่ะ
“หนอย!!...แก!!!”
แหม ๆ ทีอย่างนี้น่ะมาเข่นเขี้ยว เมื่อกี้ยังบอก ‘จะให้ทุกอย่างเลย’ แง้ว ๆ จะเอาฉันขึ้นเตียงด้วยให้ได้ เหอะ!! ฝันไปเถอะย่ะ!!! เอานี่ไปกิน...สาวบริสุทธิ์คอมโบ!! ย้ากก!!!
ปัง!! ปัง!! ปัง!!
หมอนั่นยังคงหลบอย่างเฉียดฉิว ฉันเริ่มโมโหแล้วนะ...ทำไมมันไม่โดนซะทีฟะ!!! กระสุนส่วนใหญ่ทำได้แค่เฉียดหนังหนา ๆ นั่นไปแล้วฝากรอยแดง ๆ เลือดซิบเอาไว้ให้ดูต่างหน้าเท่านั้น
เฮ้อ!!! สงสัยงานคราวนี้ต้องเรียกเงินเพิ่มแหง ๆ ฐานทำให้ชุดฉันเปื้อนจนต้องส่งซักรีด -*-
ปัง!!!
ฉันเล็งปืนขึ้นฟ้า สำหรับหมอนี่ มันคงจะเป็นการกระทำที่ดูโง่เง่ามากเลยสินะ เพราะมันหัวเราะใส่หน้าฉัน
“เหอะ ๆ ทำอย่างนี้หมายความว่ายอมแล้วล่ะสิ ? ดี!!...คราวนี้ฉันจะเอาคืนให้หนัก ๆ!!!”
“หึ” ฉันยิ้ม ลดปืนลง “ใครจะโง่ยอมทั้ง ๆ ที่ตัวเองกำลังถือไพ่เหนือกว่ากัน...แล้วก็ดูซะให้ดี ๆ”
เคร้ง!! เคร้ง!! เคร้ง!!
เสียงลูกปืนที่เมื่อกี้ถูกยิงขึ้นฟ้ากระทบเข้ากับท่อระบายน้ำก่อนจะเบี่ยงทิศทาง มันเหมือนกับจะหันเหทิศทางทุกครั้งที่ชนกับอะไรก็ตามที่ขวางหน้า ก่อนจะ...
อุ่ก!!!
เข้าเต็ม ๆ ท้องของเจ้าหมอนี่เลย!!!~
รีเฟล็คช็อตที่จำมาจาการ์ตูนนี่ใช้ได้จริง ๆ ด้วย!! โอ้ว!!!...ไม่อยากจะเชื่อเลย!! (การ์ตูนเรื่องไหน ไม่บอกแล้วกันนะ อิอิ...ความลับทางการค้าจ้า ^--^)
“ทีนี้ก็บ๊ายบายได้แล้วสินะ ?”
อ้าก!!!
โห!!...อย่างนี้เค้าเรียกว่าแรงบ้า หมอนี่วิ่งเข้าใส่ฉันอย่างกับหมาบ้าโดนน้ำ เห็นท่าว่าคงจะพยายามหนีให้รอดจากมัจจุราชหน้าสวย (?) อย่างฉันให้ได้ ฉันเบี่ยงหลบ เดี๋ยวค่อยยิงทิ้งทีหลังก็ได้...แต่ว่า
ควาก!!!
เฮ้ย!!!
หมอนี่หันกลับมาทันควันเหมือนจะสลัดฉันให้หลุด มือของเขาตวัดใส่ฉัน แต่แทนที่จะตวัดซ้ายไปขวาอย่างที่ฉันคาดมันกลับตวัดจากล่างขึ้นบน ถึงจะหลบได้ แต่เสื้อดันโดนเกี่ยวขาดซะยาวจนฉันต้องรีบตะครุบเสื้อเอาไว้ก่อนฉากนี้จะโดนเซ็นเซอร์ >_<
หนอยแน่!! ไม่ออมมือแล้วโว้ยยย!!!~ บังอาจทำเสื้อฉันขาด!!
ปัง!!! ปัง!!! ปัง!!! ปัง!!!
กระสุนสี่นัดถูกยิงโดยเทคนิครีเฟล็คช็อตทั้งหมดพุ่งไปพุ่งมาจนดูลายตา ก่อนจะพุ่งตรงเข้าสู่จุดตายทั้งหมดของเจ้ายักษ์ที่หันหลังเตรียมจะวิ่งหนี
เออ...ใครจะว่าฉันเล่นงานเหยื่อที่หันหลังให้แล้วก็ตามใจ ศักดิ์ศรีมันเอาไปซื้อบะหมี่กินไม่ได้นี่นา >,.<
ฉันแกล้งเป่าปากกระบอกปืนเหมือนนางเอกหนังแอคชั่น
“บ๊ายบายของจริง...ลาล่ะ!!!”
ร่างใหญ่ล้มลงดังตึง แต่ว่า...
“กรี๊ด!!! ตายแล้ว!!...มีคนตาย!!!”
** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **
“ท่านคิทสึเนะ ทำอย่างนี้ผมไม่เห็นด้วยนะครับ...ถ้าหากเรื่องแดงออกไปถึงซานาดะล่ะก็...”
“รู้แล้วน่า”
ผมตอบออกไปเรียบ ๆ
“ท่านคิทสึเนะก็บอกว่ารู้แล้ว ๆ แต่ช่วยปฏิบัติตามหน่อยสิครับ!!”
ผมถอนหายใจเฮือก
นี่เป็นครั้งที่ร้อยแล้วมั้งที่ซาโนะพูดเรื่องนี้ และแน่นอนว่าผมก็ได้แต่ทำหูทวนลมไปเรื่อย ๆ ปล่อยให้องครักษ์ขี้กลัวบ่นราวกับเป็นคุณพ่อขี้หวงลูกสาวที่จับได้ว่าลูกสาวกำลังจะมีแฟนคนแรกยังไงอย่างนั้น
ผมเหลือบมองนาฬิกา นี่จะห้าทุ่มแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเวลาจะผ่านไปราวกับติดปีกอย่างนี้
หลังจากที่ผมไปทานข้าวกับซายุแล้ว ก็เลยพาเธอไปส่งที่บ้าน...เอ่อ - -“ อย่าเพิ่งคิดอะไรเลยเถิดนะครับ แค่ไปส่งจริง ๆ เพราะซายุบอกว่าที่บ้านเธอไม่มีคนอยู่ ก็เลยแวะไปส่งให้ หลังจากนั้นก็แวะไปงานเลี้ยงสังสรรค์เสียหน่อยเพราะแม่ของผมเคยเปรยไว้หลายครั้งแล้วว่าอยากให้ไปด้วยกันทั้งครอบครัว ซึ่งมันก็ทั้งครอบครัวจริง ๆ จนผมทนสายตาอาฆาตและท่าทีเย็นชาของท่านพี่คาสึโยะไม่ได้ ต้องขอตัวออกมาก่อน แต่ก็ปาเข้าไปห้าทุ่มกว่าแล้ว คืนนี้ผมคงไม่แคล้วกลับถึงบ้านเที่ยงคืนแน่ ๆ ครับ
รถแล่นผ่านใจกลางเมืองที่บัดนี้ยังพอจะหลงเหลือผู้คนอยู่บ้างแต่ก็ไม่มาก และจุดประสงค์ของการมาก็คงจะไม่ใช่แค่มาเดินเล่นจับจ่ายเป็นแน่แท้
“ท่านคิทสึเนะคร้าบบบบ...เห็นแก่ข้าน้อยคนนี้เถอะครับ ไม่ว่ายังไงเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านคิทสึเนะกับคุณหนูยูเอะก็เหมือนกับแต่งงานกันไปได้ครึ่งทางแล้วนะครับ”
“พอเถอะ...ทำให้ผมเครียดเปล่า ๆ”
ได้ผล คำพูดที่กำลังจะตามมาอีกยาวเหยียดของซาโนะหยุดชะงักลงทันที
ผมล่ะขนลุกจริง ๆ กับคำว่าแต่งงานเนี่ย จริง ๆ นะ...ถ้าเรื่องยังวุ่นวายอยู่อย่างนี้ผมคงจะไปโกนหัวบวชพระจริง ๆ แล้วล่ะ เฮ้อ!!
เอี๊ยด!!
เสียงรถเบรกกะทันหันเมื่อรถคันหน้าดันหยุดโดยไม่ให้สัญญาณเตือนใด ๆ อยู่ ๆ รถก็ติดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้สารถีจำเป็นมุ่ยหน้า
“อะไรกัน ? นี่จะเที่ยงคืนอยู่แล้วรถจะมาติดอะไรนักหนา ?”
ผมเลิกคิ้ว ดูเหมือนทุกคันจะตกลงปลงใจกันหยุดด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ซึ่งผมยังมองไม่เห็น
“เอ๋ ? อะไรเนี่ย ? มีงานเทศกาลลดราคาสินค้ารึไง ?”
ซาโนะเอ่ยเสียงเซ็ง ๆ พลางมองตามคนหลายคนที่เดินลงจากรถแล้วตรงไปยังตรอกเล็ก ๆ ตรอกหนึ่งซึ่งเมื่อก่อนคงแทบไม่มีใครอยากแม้กระทั่งชายตามอง แต่ตอนนี้มันกลับเป็นเป้ารวมสายตาของทุกคน สาเหตุคงไม่พ้นเพราะรถตำรวจที่ส่งเสียงวี้ ๆ กระหึ่มบ่งบอกให้รู้ยิ่งกว่าป่าวกระกาศว่ามีเหตุการณ์ไม่สู้ดีเกิดขึ้น และ...เป็นที่แน่นอนว่า มีเหตุร้ายที่ไหน...ย่อมต้องมีคนอยากรู้อยากเห็นอยู่ที่นั่น
เสียงคนที่ซุบซิบกันดังมาเข้าหูผมโดยบังเอิญ
“มีคนตายล่ะ!!”
“อะไรนะ!?! คนตาย!? ตายยังไง ?”
“โดนยิงตาย!!...คนยิงเป็นเด็กผู้หญิงด้วย!!!”
“หา!?! แล้วทำไมอยู่ ๆ เด็กผู้หญิงคนนึงถึงจับปืนขึ้นมายิงคนตายล่ะ!?!”
“ไม่รู้...จริง ๆ คนยิงก็ไม่เด็กหรอก สาว ๆ นี่ล่ะ เห็นเขาบอกกันว่า เด็กคนนั้นจะโดน ตี๊ด!!”
“อะไรเล่า!? ‘ตี๊ด!!’ เนี่ย!!?”
“โธ่!! ก็ ตี๊ด ไง!! ตี๊ดน่ะตี๊ด!!!”
ผมส่ายหน้า ไม่ได้อยากรู้หรอกนะว่าไอ้ ‘ตี๊ด’ ที่ว่านี่คืออะไร แต่สงสัยคงต้องลงไปดูซะหน่อยล่ะ
“จะลงไปดูหรือครับ ? ท่านคิทสึเนะ ?”
“ซาโนะเฝ้ารถอยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวผมก็กลับมาแล้ว”
** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **
ไม่นานตำรวจก็มาถึง ซวยล่ะสิฉัน!! ตอนนี้ฉันอยู่ในสภาพที่ถูดหลักฐานมัดตัวแน่นหนา เลือดยังเปื้อนเต็มตัวอยู่เลยเพราะตกใจจนลืมหลบเลือด แถมซากของเจ้าเหยื่อตัวยักษ์ก็ยังนอนแผ่หลาอยู่ใกล้ ๆ แล้วยังปืนในมือ...โอ้!! ไม่รู้ชะตากรรมจะกลั่นแกล้งเด็กตัวน้อย ๆ ไปถึงไหน U_U
แต่ไม่ได้!! ชีวิตต้องสู้!!! TT^TT v
เมื่อคิดได้อย่างนี้ ต่อมเมคสตอรี่ (แปลว่าสร้างเรื่อง โกหก อะไรก็ว่ากันไป -*-) ก็ทำงานเองโดยอัตโนมัติทันที (เอ่อ...ไอ้ต่อมที่ว่านี่มันอยู่ส่วนไหนกันยะ - -* เกิดมาไม่เคยได้ยิน)
จากการทำงานอันล้ำเลิศมิมีใครเทียมของต่อมเมคสตอรี่ของฉัน ส่งผลให้น้ำหูน้ำตาไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ทันที และร่างทั้งร่างก็พลอยเซจนลงไปนั่งทรุดแปะอยู่กับพื้น (ที่สกปรกเป็นบ้า...กลับบ้านสงสัยต้องเอาแอลกอฮอลล์ล้าง -*- แหยะ!! โสโครกชะมัด!!!)
ฮือ ๆ ๆ!!!
เอาฟะ!!! เห็นสาวน้อยเสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่งแถมยังนั่งร้องไห้อยู่ในตรอกมืด ๆ อย่างนี้...เข้าใจเป็นอย่างอื่นก็ให้มันรู้กันไปสิ!!!
“นี่!! หนู ๆ เป็นอะไรรึเปล่า ?”
คุณตำรวจคนหนึ่งเดินเข้ามาถามอย่างเป็นห่วงเป็นใยในอาการของฉัน สงสัยเพราะต่อมบ้านี่ทำงานได้ดีเกินเหตุส่งผลให้ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมหยุดร้องไห้ซะทีจนดูน่าสงสารจริง ๆ
ฮือ ๆ ๆ!!! แง้!!!
“เป็นอะไร!!? เกิดอะไรขึ้น หนูเป็นอะไรไป ?”
หนอย!! ฉันสิบเจ็ดแล้วนะยะ...ไม่ใช่หนูแล้วโว้ย!!!
แต่เอาเถอะ...เพื่อความอยู่รอด ฉันยอม!! Y^Y
“ค...คือ” ฉันเริ่มพูดด้วยเสียงสั่น ๆ ผู้คนมากหน้าหลายตาที่ดูยังไงก็พวกชอบสอดรู้เรื่องชาวบ้านชัด ๆ เริ่มมามุงกันมากขึ้น และฉันก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ราวกับโดนแก๊สน้ำตา ช่างสมจริงเสียเหลือเกิ๊น!!
“ค...คือ ผู้...ผู้ชายคนนี้จ...จะ ตี๊ด!!~ ฉัน!!!”
เออ...ฉันไม่ได้โกหกนะ ก็ตามพจนานุกรมฉบับของฉัน คำว่า ตี๊ด!! แปลว่า วิ่งหนี นี่นา เพราะฉะนั้น...ตี๊ดฉัน ก็แปลว่าวิ่งหนีฉัน เห็นมั้ย ? ไม่ได้โกหกสักกะนิด (โกหกเต็ม ๆ เลยหล่อนน่ะ!! = =””)
คุณตำรวจทำหน้าตาแตกตื่น เป็นสัญญาณว่าแผนของฉันกำลังไปได้สวย แม้อาจจะต้องมีเรื่องถึงขึ้นโรงขึ้นศาล แต่แน่นอนว่าคนผิดไม่ใช่ฉันแน่ ๆ เพราะฉันทำไปเพื่อป้องกันตัวนี่นา...อิอิ แล้วอีกอย่าง นายซาโนริโนะ งินก็ลุกขึ้นมาชี้แจงไม่ได้แล้วด้วย 555+ สบายบรื๋อ
“ตะ...แต่ฉันเพิ่งกลับมาจากชมรมยิงปืน ก...ก็เลยคว้าปืนขึ้นมาได้ ละ...แล้ว แล้ว...”
ฮือ!!!~
ฉันเริ่มร้องไห้หนักขึ้น แสดงท่าเป็นนางเอกเต็มที่ ^ ^ V ผู้คนรอบข้างที่มามุงเริ่มทำเสียงแสดงความเห็นใจฉันกันใหญ่ ก็แหงล่ะ...ดูยังไง ๆ ฉันก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ หมอนั่นสิ...ตัวใหญ่ยังกับยักษ์ ดูยังไงก็น่าจะเป็นฝ่ายระรานคนอื่นก่อนชัด ๆ
“เอ่อ...แล้ว หนูเป็นอะไรรึเปล่า ?”
“ม...ไม่เป็นไรค่ะ แต่ว่า...ข...เขา”
ฉันชี้นิ้วสั่น ๆ ไปทางซากของเจ้าคนร่างยักษ์ที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติง
“ตายแล้ว...” คุณตำรวจทำสีหน้ากระอั่กกระอ่วนใจ ในขณะที่เสียงรอบข้างดังหึ่ง ๆ ขึ้นเหมือนมีผึ้งมาบินกันสักฝูง คำที่ฉันพอจับความได้ก็คือ
“สมน้ำหน้าแล้ว!! ยังโชคดีที่มีปืนอยู่กับตัวนะเนี่ย คนสมัยนี้แย่จริง ๆ”
“โอ้ย!! เกือบไปแล้ว...น่าสงสารจริง ๆ เลยต้องมาเจอเรื่องอย่างนี้ตั้งแต่ยังสาว ๆ”
“นั่นสิ...ถ้าเป็นคนอื่นป่านนี้ไม่รู้เป็นยังไงแล้ว ยังโชคดีนะเนี่ย”
เหอ ๆ เห็นไหม ? ประชาชนลงความเห็นอย่างนี้ฉันรอดชัวร์!! ฟันธง!!!
“แต่ไม่เป็นไรนะ...” คุณตำรวจรีบบอก “...เป็นการต่อสู้ป้องกันตัว ไม่เป็นคดี แต่ว่า คงต้องไปกับพวกเราก่อนจะได้ไหม ? แค่แปปเดียวเท่านั้น”
เอาล่ะสิ...ไม่ไปไม่ได้หรอ!?! เค้าเกลียดโรงพักอ่ะตัวเอง >,< ดูยังไงนักฆ่ากับโรงพักนี่มันก็อยู่กันคนละขั้วชัด ๆ
แต่ถ้าจะไม่ไป...เดี๋ยวความก็แตกกันพอดี
เอาไงดี ?
“ผมว่าคงไม่ต้องหรอกครับ”
** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **
“ผมว่าคงไม่ต้องหรอกครับ”
เฮ้อ!! อะไรดลใจให้ผมพูดคำ ๆ นี้ออกไปนะ ?
ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจแท้ ๆ ว่าแม่นี่น่ะตัวอันตราย แล้วก็น่าจะรู้ ว่าท่าทางอันแสนจะบอบบางน่าสงสารนี่น่ะมันก็แค่การแสดงละครตบตาที่จะทำให้แม่คุณพ้นสถานการณ์เลวร้ายที่กำลังจะถูกจับได้
แต่...เห็นท่าทางร้องไห้อย่างน่าสงสารปานจะขาดใจที่ตีบทแตกจนน่ายกตุ๊กตาทองให้สักตัวสองตัวแล้ว มันก็อดไม่ได้ที่จะต้องพูดออกไป
ตำรวจในเครื่องแบบหันหน้ามาทางผม ก่อนจะขมวดคิ้วเหมือนกำลังจะนึกอะไรบางอย่าง
“คุณ ?...เอ่อ”
จะถูกเรียกว่าคุณก็ไม่แปลกหรอกครับ ก็ตอนนี้ผมเล่นใส่สูทซะหรูเพราะเพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยงสังสรรค์
“มินาโมโตะ โนะ คิทสึเนะครับ”
ผมแนะนำตัว เสียงซุบซิบยิ่งกระหึ่มขึ้น คงเป็นเพราะนามสกุล มินาโมโตะ ที่แสนจะโด่งดังและร่ำรวยขนาดที่คนรู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมืองของผม
“อ้อ!! นายน้อยของมินาโมโตะนี่เอง ผมก็ว่าเคยคุ้น ๆ หน้าของคุณที่ไหน ผมเคยเจอคุณอยู่แว่บหนึ่งน่ะครับตอนนั้นคุณยังเด็ก ๆ อยู่เลย คุณพ่อของนายน้อยน่ะช่วยให้ผมเข้ามาเป็นตำรวจได้ยังไงล่ะครับ”
ผมนิ่วหน้านิด ๆ เอ่อ...แต่ผมจำอะไรเกี่ยวกับคุณตำรวจคนนี้ไม่ได้สักนิด แต่เอาเถอะ...ต้องเล่นไปตามน้ำ
“แล้ว...เด็กผู้หญิงคนนี้ทำไมหรือครับ ? มีอะไรหรือ ?”
“คือว่า...เธอคนนี้ เธอเป็น...” ผมเหลือบมองไปทางยัยโหดที่นิ่งสนิทเหมือนโดนแช่ปูน
เฮ้อ!!
ผมลอบถอนหายใจเบา ๆ
“เธอเป็น...”
** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **
เฮ้ย!! เสียงคุ้น ๆ อ่ะ...
ฉันกะพริบตา เสียงใครหว่า...คุ้นมากเลย ฉันแอบเงยหน้านิดหนึ่งระหว่างที่ไม่มีใครสนใจฉัน และคนที่ฉันเจอก็คือ...
อ้ากกก!!! ทำไมต้องเป็นนายคนนี้ด้วย!!...ไอ้ตัวกวน!!!
โอ้ย ๆ ๆ!! เรามาลืมความแค้นแต่หนหลังกันเถอะนะ!!! อย่าเพิ่งมาอาฆาตแล้วแฉฉันตอนนี้เลย นะ ๆ ๆ เอ่อ คิทสึเนะคุงสุดหล่อ!!
โอย...ตอนนี้ถ้าทำได้ฉันคงจะกุมมืออธิษฐานไปแล้ว >[]<
“คือว่า...เธอคนนี้ เธอเป็น...”
เป็นหมูเป็นแมวอะไรก็ได้!! ห้ามพูดออกไปน้า!!!
ถ้าแกพูดออกไปว่าฉันเป็นนักฆ่าล่ะก็ ฉันจะตามมาถลกหนังแกแน่!! แฮ่ ๆ >.,<
“เธอเป็น...”
เป็น...เป็นอะไรเล่า!!! ถ้าคิดไม่ออกก็ไม่ต้องพูดแล้วเดินหันหลังกลับไปเลยก็ได้!! อย่ามาทำให้ฉันความดันขึ้นแบบนี้!! อ้ากกกก!!!~ (ความดันกระฉูดเกินห้าร้อยไปแล้ว >,,< : ยูเอะ)
“เธอเป็น...ว่าที่คู่หมั้นของผมครับ”
ชิ้ง!!!
อ...อะไรนะ!!? เมื่อกี้สงสัยฉันหูไม่ดี รู้สึกเหมือนได้ยินอะไรแปลก ๆ
“ห...หา!!? คู่หมั้นหรอครับ!!!” คุณตำรวจย้ำ
ชัดเต็มสองรูหูเลยค่า!!! >[]< นี่ฉันจับผลัดจับผลูไปเป็นว่าที่คู่หมั้นของคนลักเพศพรรค์นี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!!? ยอมไม่ได้โว้ยยยย!!!
แถม...ดูเหมือนหมอนี่จะต้องการย้ำความสัมพันธ์ (ที่ไม่เคยมี) ของเราสองคนให้ชัดขึ้นด้วยการถอดเสื้อนอกมาห่มคลุมให้ฉันเสียอีก
กรี๊ด!! ฉันไม่รับน้ำใจจากศัตรูโว้ยยย!!!
“ยูเอะ...ไม่เป็นไรนะ ?”
เอ่อ... - -“ น้ำเสียงแบบนั้น
อบอุ่น อ่อนโยน...เป็นห่วงเป็นใย แต่พอเงยหน้าขึ้นมาดูนี่สิ
ที่ตาหมอนั่นอย่างกับมีป้ายปักบอกเอาไว้เลยว่า
‘จบงานนี้แล้วมาเคลียร์กันซะดี ๆ’ หราเลย!!!
ไม่ยักรู้ว่าหมอนี่ก็ตุ๊กตาทองเหมือนกัน หุหุ...อย่างนี้ก็สวยสิ!! เขาเรียกว่าอะไรนะ ? ตีบทแตกทั้งคู่ โฮะ ๆ ๆ!!!
“ก...ก็คิทสึเนะคุงน่ะ ไม่ยอมมารับเค้า!!! ก็บอกแล้วว่าวันนี้ต้องกลับดึก” ฉันต่อว่าทันทีโดยไม่เสียเวลาคิดให้มากความ คิดบทกันสด ๆ ตรงนี้แหละ หึหึ
ฉันได้ยินเสียงหมอนั่นถอนหายใจและเสียงโห่วี้ดวิ้วจากรอบข้างให้กับบทโศกาของฉันที่อย่างกับก็อปมาจากละครยังไงอย่างนั้น เมื่อหมอนั่นหันมาทางฉันอีกครั้ง หน้าตาหมอนั่นเบ้สุด ๆ ก่อนจะกลับมาเป็นอ่อนโยน ห่วงใยเหมือนเดิม
“ขอโทษ...คราวหน้าผมจะไม่ทิ้งยูเอะอีกแล้ว งั้นเดี๋ยวผมพาไปส่งบ้าน”
ไม่ต้องเลยโว้ยยยย!!! ฉันกลับเองได้!!!
แต่ไม่ทันแล้ว ตามสคริป ฉันในฐานะนางเอกแสนบอบบาง (ตรงไหน) ก็ถูกพระเอก (ที่กวนเป็นบ้า) พยุงขึ้นจากพื้นอย่างแนบแน่น
เฮ้ย ๆ มันจะตีบทแตกมากเกินแล้วโว้ย!! ไม่ต้องแนบแน่นขนาดนั้นก็ได้!!!
ฉันกัดปาก เพราะหมอนี่แทบจะรวบเอวฉันแล้วอุ้มให้ลุกขึ้นจากด้านหลังอยู่แล้ว
แต่เดี๋ยวก่อน...นี่มันเหมือนกับกอดกันเลยนี่หว่า >/////< ไม่น้า!! นอกจากปะป๊าแล้วก็พี่ริวจินกับไอ้คุณริวเซแล้วฉันยังไม่เคยโดนผู้ชายกอดเลยน้า!!!
“ถ้างั้น...ผมขอพายูเอะกลับก่อนเลยนะครับ เดี๋ยวทางบ้านเธอจะเป็นห่วง”
นายจอมกวนตัดบทเอาซะง่าย ๆ อย่างนั้น และดูเหมือนคุณตำรวจก็จะเกรงใจหมอนี่เป็นพิเศษเสียด้วยจึงยอมให้คิทสึเนะพาฉันออกมาจากวงล้อมของญี่ปุ่นมุงออกมาได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล
เอ่อ...เพราะไอ้ที่น่ากังวลน่ะมันหลังจากนี่ตะหาก!!~
ไม่น้า!!!~ นี่ฉันตกอยู่ในกำมือของเจ้าคนวิปริตนี่แล้วหรอ!!?
กรี๊ด!!
(ผมไม่เอาคนอย่างยัยนี่หรอกครับ -*- สาบาน : คิทสึเนะ)
** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **
บรรยากาศค่อนข้างเต็มไปด้วยความกระอั่กกระอ่วน ก็เพราะ...ผมบอกซาโนะว่าจะรีบไปรีบกลับ แต่ไม่ได้บอกว่าจะเอาใครกลับมาด้วยนี่นา
แล้วแทนที่ซาโนะจะดีใจที่เห็นผมกลับมาอยู่กับร่องกับรอยที่ควรจะเป็นเสียที แต่เจ้าตัวแทนที่จะดีใจกลับทำสีหน้าปั้นยากเสียนี่
ส่วน...ต้นเหตุแห่งปัญหาทั้งหมดกำลังแยกเขี้ยวขู่ฟ่อ ๆ ใส่ผม
“ซาโนะ...ไปโรงแรมคอร์นเวสต์”
คำพูดเรียบ ๆ ของผมที่ทำให้ทุกคนพากันหันมามองผมกันอย่างเลิ่กลั่ก ก่อนที่คนพูดขึ้นก่อนจะเป็นซานาดะ ยูเอะ ยัยจอมโหดนี่เอง
“ไม่!!...ยังไงฉันก็ไม่เข้าโรงแรมกับนายแน่!!!”
โอ้ย!!~
ผมหรี่ตาลงอย่างเบื่อหน่าย แค่มองสีหน้าก็รู้แล้วว่ากำลังคิดอกุศลอยู่แหง ๆ
“ผมไม่ได้จะทำเรื่องพรรค์นั้น แค่จะให้เธอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมไม่อยากจะไปส่งเธอกลับบ้านในสภาพนี้...มันเหม็นคาวเลือด”
ดูเหมือนคำพูดของผมจะทำให้ยัยความรู้สึกช้าตรงหน้านึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตัวเองมีเลือดเปรอะเต็มตัว
“เชอะ!! ฉันกลับบ้านด้วยสภาพนี้ได้...โตเกียวตอนกลางคืนน่ะไม่มีใครสนใจกันหรอก ลาล่ะ!!”
เฮ้ย!! นี่จะเอาจริงเหรอเนี่ย!!? จะใส่ไอ้เสื้อเปื้อนเลือดนี่ออกไปเดินกลางถนนนี่น่ะนะ ?
ผมได้แต่อึ้งกับความบ้าบิ่นและทิฐิเกินบรรยายของยัยโหดตรงหน้า ก่อนความรู้สึกผิดชอบจะทำให้ผมคว้ามือยัยบ้านี่เอาไว้ก่อนจะเปิดประตูออกไปจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่รถยังวิ่งอยู่ด้วยความเร็วไม่ต่ำกว่าสามสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง
“อะไร!!?”
ยูเอะหันมาแยกเขี้ยวแฟ่ ๆ ผมกระชากตัวเธอกลับเข้ามาในรถ ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดประตูทางฝั่งของเธออย่างรวดเร็ว
ฉ่า!!
เสียงฉ่าอะไร ?
ผมเลิกคิ้ว เหลือบมองใบหน้าของซานาดะ ยูเอะที่เป็นต้นเหตุของเสียงฉ่า บัดนี้ใบหน้าขาวนั้นซ่านสีแดงเรื่อ
เอ่อ...มันก็น่า...
ก็ผมเล่นกระชากตัวเธอกลับ แล้วเอื้อมมือมาปิดประตูอย่างนี้...ทำให้ใบหน้าของเราสองคนอยู่ห่างกันแค่คืบ
เป็นช่วงเวลาทะเลสงบก่อนคลื่นลมจะพัดกระหน่ำ
อ้ากกก!!! ไอ้โรคจิตวิปริตลามก!!!...ออกไปนะ!!
ผัวะ!!!
“ท่านคิทสึเนะ!!”
ซาโนะหันควับมากลางคันเมื่อได้ยินเสียงเพียะอันเป็นสัญญาณบ่งบอกได้อย่างดีว่า นายน้อยของเขาคงจะต้องถูกประทุษร้ายอยู่เป็นแน่
วืด!!
รถเซวูบ
“มองทางสิซาโนะ!!!”
ผมหันไปตวาด องครักษ์หนุ่มรีบหันกลับไปยังพวงมาลัย บังคับรถเอาไว้ได้ก่อนมันจะพุ่งชนถังขยะอย่างเฉียดฉิวชนิดที่ทำเอาผมต้องส่ายหน้า
...รู้อย่างนี้เมื่อเช้าน่าจะเช็คดวงก่อนออกจากบ้าน...
ดวงตาสีขี้เถ้าเหลือบมองเจ้าของรอยฝ่ามือที่คงจะประทับตราตรึงอยู่บนหลังของเขาไปอีกนานแสนนาน
ไม่ได้อยากจะอยู่ใกล้เลยสักนิด...
รู้งี้ทำไม่รู้ไม่เห็นแล้วรีบกลับบ้านดีกว่า
“แล้วออกมาทำไม ? ดึกดื่นป่านนี้...หรือว่า ?”
“มาทำงานน่ะสิ...ถามได้ ไม่งั้นป่านนี้ฉันนอนอยู่บ้านสบายใจไปแล้ว”
“งาน ?” ผมหรี่ตาลง อารมณ์เริ่มจะกรุ่น ๆ ขึ้นมาอีกครั้งอย่างควบคุมไม่ได้ อาการนิ่งสงบนี่คนที่รู้จักกับผมมักจะรู้ดีว่าเป็นท่าทางเวลาที่ผมกำลังโกรธ
“งานนักฆ่าน่ะหรอ ? วันนี้ฆ่าไปได้กี่คนล่ะ ?”
น้ำเสียงของผมคงจะส่อแววประชดประชันอย่างเห็นได้ชัด เพราะยูเอะยิ่งแยกเขี้ยวแฟ่ ๆ ยิ่งกว่าเดิม
“ไม่เกี่ยวกับนาย!! ฉันจะฆ่าไปกี่ศพก็ไม่เห็นเกี่ยวกับนายเลยสักนิด!!!”
“งั้นหรอ...งั้นรู้ไหมว่าคนที่ไร้ความผิดน่ะต้องตายเพราะนักฆ่าอย่างพวกเธอไปไม่รู้เท่าไหร่!!!”
คงเป็นเพราะผมโกรธจนหน้ามืด ทำให้เผลอตวาดอย่างนั้นใส่หน้าเธอ ผมกัดฟันแน่น รู้ว่าแสดงท่าทางไม่สมควร...แต่ตอนนี้ ความเกลียดมันพุ่งขึ้นมาจนยากจะควบคุม
“พูดอย่างกับนายไม่ใช่นักฆ่า!! นายมันก็นักฆ่าคนนึงล่ะว้า!!!”
ควับ!!!
มือของผมตวัดออกทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้สั่งสักนิด มันตวัดไปโดยมีเป้าหมายอยู่ที่คอของเจ้าคนพูดไม่รู้จักคิดตรงหน้า
วืด!! ปึง!!!
ทว่า...ยัยจอมโหดกลับหลบได้อย่างหวุดหวิด ทำให้มือข้างนั้นวืดไปชนประตูรถด้านในอย่างแรง และ...แรงที่ผมใส่เสียเต็มกำลังโดยไม่ได้ตั้งใจนั้นก็ส่งให้ร่างผมถลาวืดตามไป
เอ่อ ผมยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าไม่ได้ต้องการให้มันออกมาในรูปนี้...แต่มันก็เป็นไปแล้ว
ตอนนี้ยูเอะกำลังถูกผมต้อนเข้ามุมรถแคบ ๆ กลิ่นเลือดคาว ๆ ที่ผมแสนเกลียดลอยแตะจมูกอย่างจังเมื่อใบหน้าของเราอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
ผมเคี้ยวฟัน
“ถอนคำพูด...” เสียงของผมแหบพร่า ความโกรธแล่นเป็นริ้ว ๆ ไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมจะโกรธจนวู่วามอย่างนี้มาก่อน
“...ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้!!”
“ไม่!!” ยูเอะตอบหน้าตาเฉย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นจ้องผมกลับอย่างไม่มีแววหวาดกลัวอยู่เลยสักนิด
“ฉันพูดความจริง...คนที่หนีความจริงคือนายต่างหาก!!”
ซาโนะเห็นท่าไม่ดีตั้งเค้ามาแต่ไกล (จริง ๆ ก็น่าจะเห็นได้ตั้งแต่รับยัยปากมอมนี่ขึ้นรถมาด้วยกันแล้วล่ะ) จึงรีบตะโกนห้ามทัพ
“ถึงโรงแรมคอร์นเวสต์แล้วนะครับ!!”
ได้ผล ความคุกรุ่นที่กำลังจะระเบิดเป็นสงครามย่อย ๆ บนรถคันเล็ก ๆ นี่สงบราบทันทีราวกับใช้เวทย์มนต์ ผมหันไปมองตึกสุงระฟ้าที่ประดับประดาไฟอย่างสวยงาม แล้วดึงตัวเองกลับไป ไม่หันมามองหน้ายูเอะอีกเลย...
“ซาโนะ...ติดต่อคุณซาจิคาว่าให้หน่อย บอกว่าผมมานะ”
“เอ๋ ?”
คุณซาจิคาว่าที่ผมพูดถึงน่ะเป็นผู้จัดการแห่งนี้นั่นเอง ไม่สิ...จริง ๆ ต้องเรียกว่าผู้จัดการโรงแรมที่ได้รับการแต่งตั้งจากพ่อของผมมากกว่า เพราะโรงแรมนี้ก็เป็นหนึ่งในเครือของมินาโมโตะกรุ๊ปเหมือนกัน
ส่วนที่ว่า...ทำไมผมต้องทำให้มันใหญ่โตขนาดเรียกผู้จัดการโรงแรมมาพบน่ะ
เอ่อ คือ...เพราะว่าวันนี้ ผม...
ไม่มีเงินครับ!! = =
** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **
“นายน้อย...แหมวันนี้อุตส่าห์ให้เกียรติมาถึงที่นี่เชียวนะครับ”
คุณซาจิคาว่าเป็นชายแก่ท่าทางใจดีและมักจะอยู่ในโรงแรมนี้เสมอ สถานที่สิงสถิตประจำของแกคือบ้านที่ชั้นยี่สิบ...เพราะแกมักจะออกเงินเปิดห้องที่ชั้นนั้นเอาไว้สำหรับนอนอยู่เฝ้าโรงแรมนี้ ด้วยความรับผิดชอบบวกความทุ่มเทให้กับหน้าที่ทำให้แกได้รับความไว้วางใจจากคุณพ่อของผมเป็นอย่างมาก ถือเป็นคนเก่าแก่คนหนึ่งที่รับใช้มินาโมโตะเลยทีเดียว
“สวัสดีครับ...คุณซาจิคาว่า”
ผมโค้งให้นิดหนึ่งตามมารยาท แม้ว่าผมจะอยู่ในศักดิ์ที่สูงกว่า แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังคิดว่า...คนอายุน้อยก็ควรจะให้ความเคารพคนอายุมากกว่าอยู่ดี
สายตาของผู้จัดการโรงแรมนั้นเหลือบไปยังยัยจอมโหดที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผม ก่อนจะหันกลับมาด้วยสายตาแสดงคำถามเต็มที่
“คนนี้คือซานาดะ ยูเอะครับ...เป็น เออ...”
“อ้อ...ยินดีต้อนรับคุณหนูยูเอะ” คุณลุงค้อมหัวให้นิดหนึ่งโดยไม่ได้ว่าอะไรเลยที่เสื้อของยัยนี่เปื้อนเลือดเป็นแถบ ๆ เล่นเอายูเอะโค้งตามแทบไม่ทัน
“คุณซาจิคาว่าครับ...คือ ผมอยากจะขอยืมห้องให้ยูเอะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย แค่นั้นเองครับ”
“ได้ครับนายน้อย” คุณลุงซาจิคาว่าค้อมหัวให้ ไม่ซักถามอะไรต่อ เพียงแค่ผายมือและให้พนักงานคนหนึ่งเดินไปส่งที่ห้องเท่านั้น
“แล้วก็...” ผมหันมาบอกอย่างเกรงใจอยู่นิด ๆ ที่อยู่ ๆ โผล่มาก็มาเรียกร้องอะไรมากมายขนาดนี้ “...คือ ผมต้องการเสื้อผ้า”
“ไม่ต้องห่วงครับนายน้อย” คุณลุงยิ้มให้อย่างจริงใจ “เดี๋ยวทางเราจะจัดให้อย่างดีที่สุดสำหรับคุณหนูคนใหม่แห่งมินาโมโตะเลยครับ”
เอ่อ...เสื้อผ้าน่ะดีครับ ถ้าจะให้ดีกว่า...ไม่ต้องมีประโยคหลังตามมาได้ไหม ? ฟังแล้วขนลุกจริง ๆ ให้ตายเถอะ!!!
** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **
คิทสึเนะเดินจากไปแล้ว ซาจิคาว่า โอตะ ชายแก่ผู้อยู่ดูแลรับใช้ตระกูลมินาโมโตะมานานเกือบห้าสิบปีจึงเดินออกมาด้านนอกของโรงแรม ใบหน้าเงยขึ้นสู่ฟากฟ้า
“ถึงเวลาแล้วสินะ...สายลมลูกใหม่ที่จะพัดพาสายหมอกให้สลายไป”
ชายชราพึมพำเบา ๆ
“อีกไม่นาน...”
สายลมเย็น ๆ พัดวูบหนึ่ง
“...ตำแหน่งที่คู่ควรจะได้กลับไปยังบุคคลที่คู่ควรแล้ว!!”
** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **
“นายบ้ารึเปล่า!!?...เอาอะไรมาให้ฉันใส่เนี่ย!?!”
เสียงโวยวายโหวกเหวกที่เป็นเหมือนกับเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของยัยจอมโหดคนนี้ไปแล้วดังมาจากในห้องน้ำ แล้วถามกันอย่างนี้ผมจะไปตอบได้ยังไงครับ ? เสื้อผ้าที่ทางโรงแรมจัดมาให้ผมเองก็ยังไม่มีโอกาสได้ทัศนาสักกะนิด
“ไม่ ๆ ๆ!! ฉันจะเปลี่ยน!!!...ไม่เอาชุดนี้!!”
“ออกมาก่อนแล้วค่อยพูดกันได้ไหม ?”
ผมถามอย่างอ่อนอกอ่อนใจ พลางปิดหนังสือในมือดังฉับเพราะสมาธิในการอ่านถูกทำลายกระเจิดกระเจิงไปเรียบร้อยด้วยฝีมือของยัยตัวแสบที่ยังโวยวายไม่ยอมหยุดเสียที
“ไม่!!”
“ออกมาก่อนเถอะน่า มันมีปัญหาอะไร ? หรือว่าใส่ไม่ได้ ?”
มีเสียงเหมือนเส้นเลือดแตกดังมาจากในห้องน้ำ
“กรี๊ด!! ฉันไม่ได้อ้วนขนาดนั้นนะยะ!!! เดี๋ยวก็ฆ่าทิ้งซะหรอก!!”
“ก็ออกมาก่อนสิแล้วค่อยขู่กัน” ผมยังคงยืนยันคำเดิมอย่างอ่อนใจ
“ง่าส์...”
ยูเอะครางเสียงดัง ก่อนประตูห้องน้ำจะเลื่อนเปิดออก
แอ้ด!!
แต่ที่โผล่มากลับมีแค่ส่วนหน้าที่ขึ้นสีแดงเรื่อ ๆ เพราะความร้อนของน้ำเท่านั้น
“ไม่เอาอ่ะ...ขายหน้า ใครเลือกชุดนี้มาเนี่ย!!? จงใจแกล้งกันชัด ๆ !! หรือว่าเป็นนาย!?!”
ยังไม่ทันจะทำอะไรยัยนี่ก็เริ่มโบ้ยมาทางผมอีกแล้วครับ -*- ชุดอะไรนั่นผมยังไม่ได้เห็นสักกะแว้บจะไปแกล้งคุณเธอได้ยังไงกัน
“ออกมาก่อนเถอะน่า”
ผมขมวดคิ้ว แต่ยัยตัวแสบยังคงส่ายหน้ายิก
“ไม่เอา!!”
“งั้นก็นอนอยู่ในห้องน้ำนั่นไปน่ะแหละ ผมก็ไม่รู้จะช่วยยังไง”
“ง่ะ” ยูเอะเบ้หน้า ก่อนจะตะบึงจะบอนเปิดประตูแล้วกระแทกเท้าเดินปัง ๆ ออกมา “เออ!! พอใจแล้วใช่ไหมล่ะ!!? ไอ้คุณโรคจิต!!”
ผมเหลือบตาขึ้นจากหนังสือเพื่อจะมองชุดที่เจ้าตัวบอกว่าน่าเกลียดนักหนา แล้วก็งง
น่าเกลียดตรงไหนกัน ?
ชุดกระโปรงยาวสีดำสนิททั้งตัวแบบเรียบ ๆ แต่ยิ่งขับผิวขาว ๆ ให้ขาวยิ่งกว่าหิมะ เส้นผมสีดำสนิทประบ่าที่ยังไม่แห้งถูกปล่อยสยาย เอ่อ...
...จะว่าไป ถ้ามีแส้ในมือเสียหน่อยนี่จะเหมาะกับบุคลิกมาก - -*
“ไม่เห็นจะน่าเกลียด ชุดนี้ก็ดีอยู่แล้วนี่”
จะว่าไปก็ต้องชื่นชมฝีมือคนเลือกเสื้อผ้าที่เลือกมาได้พอดีตัวแป๊ะราวกับจับวัดอย่างไรอย่างนั้นเลย
“ไม่น่าเกลียด!?” ยัยจอมโหดขึ้นเสียงสูง นี่ถ้าสู้กันอยู่ผมคงคิดว่ายัยนี่คิดจะฆ่าผมด้วยโซนิกบูมไปแล้ว
“นี่น่ะนะไม่น่าเกลียด!! นายดูซะก่อน!!!” ยูเอะหันหลังให้ผม นั่นล่ะผมถึงจะรู้ว่าแม่คุณโวยวายเรื่องอะไร...
เสื้อที่ดูเรียบร้อยเมื่อมองจากด้านหน้ากลับผ่าหลังซะกว้างตั้งแต่ไหลลงไปถึงช่วงเอว เผยหลังขาวจัดซะจนคนมองต้องเผลอกลืนน้ำลายเอื้อก
แต่ไม่ใช่ผม...
...โธ่เอ้ย!! แค่ชุดอย่างนี้ตามงานราตรีมีคนใส่ให้เห็นถมเถ ทำไมผมต้องสนใจด้วยล่ะ ?
“ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่ ถ้าไม่มีอะไรก็รีบไปได้แล้ว ฉันจะพาเธอไปส่งบ้าน”
ผมพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ได้สนใจอาการควันออกหูของยัยจอมโหดเลยสักนิด
“ใครใช้ให้นายพาฉันไปส่ง ?”
ผมหันมามองยูเอะที่ยืนเท้าสะเอว และมองมาอย่างหาเรื่อง
“ฉันกลับบ้านเองได้ นายเองก็รีบ ๆ ไปให้พ้นหน้าพ้นตาฉันเลย!!”
เฮ้อ!!!
คำพูดที่ทำให้ผมลอบถอนหายใจ
ผมล่ะอยากอยู่กับแม่คุณเสียจริงจริ๊ง!!
ไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมต้องลงไปช่วยแม่นี่มาด้วยนะ...
...ถ้ารู้อย่างนี้ปล่อยให้หาทางกลับบ้านเองซะก็ดีหรอก...
“เธอจะเดินเปิดหลังอย่างนั้นกลับบ้านเองหรือไง ?” ผมหรี่ตาลง “หรือว่าคืนนี้อยากจะฆ่าอีกสักศพสองศพผมจะได้กลับบ้านเสียที”
“หนอย!!...เออ!!!” ยัยจอมโหดเคี้ยวฟันเมื่อเห็นว่าที่ผมพูดน่ะความจริงทั้งดุ้น เพราะขืนแต่งตัวอย่างนี้ออกไปเดินคนเดียวตอนกลางคืนก็เหมือนป่าวประกาศว่า ลักพาตัวฉันที!! อะไรประมาณนี้เลย...
“ไปส่งก็ไปส่ง!! โว้ย!!!...วุ่นวายจริง!! นี่ถือว่านายเสนอหน้ามาเองนะ ฉันไม่ได้ขอร้อง ไม่ถือเป็นบุญคุณ...เข้าใจ๋!?!”
เฮ้อ!!!
ผมถอนหายใจอีกรอบ จริง ๆ อยากจะทำเสียอีกหลาย ๆ รอบด้วยซ้ำ
คิดว่าผมอยากจะให้เธอเป็นหนี้บุญคุณหรือไง ? จบกันได้ก็จบกันไป ไม่ต้องมายุ่งกันอีกน่ะดีแล้ว!!~
“เข้าใจไหม!!?”
“ครับ ๆ เฮ้อ!!!”
พาแม่ตัวยุ่งนี่ไปส่งแล้วผมจะได้กลับบ้านนอนเสียที ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้สงสัยจะไปนอนหลับที่โรงเรียนเป็นแน่
______________________________________
100% เจ้าค่า ^O^
หุหุ...รีบปั่นเอามาลงให้ด่วน ๆ อิอิ
ส่วนใครที่หวังของฟรีกันอยู่กับหนังสือตำนานผู้พิทักษ์ดาบศักดิ์สิทธิ์ภาคสอง รีบหน่อยนะเจ้าค้า!! เหลือเวลาอีกแค่อาทิตย์นิด ๆ เองแล้ว >.,< งิ
ส่วน KID ตอนหน้า...ถ้าไม่ดองก็ ง่ะ...คงจะวันพุธตามเคยล่ะเน้อ ช่วงนี้การบ้านจะถล่มทับบาดเจ็บล้มตายอยู่แล้ว TT TT เศร้าจายยยยย
แล้วจะรีบเอาตอนใหม่มาลงให้นะเจ้าค้า
มิริน
ความคิดเห็น