คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : เย็นชา (100% ซะทีเจ้าค่ะ >.,
11.
เย็นชา
“พี่ริวจิน”
“...”
“พี่ริวจิน!!...เหม่ออะไรน่ะ!?”
ผมสะดุ้งเฮือก หันไปมองทาง
“ห...หืม ? อะไรหรอริวเซ ?”
“ผมถามตั้งหลายรอบแล้วว่าพี่จะเอาปลาตัวนั้นรึเปล่า ? ถ้าไม่เอาผมจะได้เหมา” พ่อน้องชายของผมชี้ไปที่ปลาย่างตรงหน้าซึ่งเย็นชืดหมดแล้ว ในขณะที่สายตาของพ่อแม่พี่น้องรอบโต๊ะหันมามองทางผมอย่างเป็นห่วง
“เหนื่อยรึเปล่าริวจิน ?”
ท่านพ่อถามสีหน้าเป็นห่วง
“ไม่หรอกครับ” ผมยิ้มตอบ ถึงเหนื่อยผมก็ไม่บอกหรอก...จะบอกทำไมให้คนทั้งบ้านเป็นห่วงกัน!?
“หน้าตาลูกดูเหนื่อย ๆ ชอบกลนะ”
“ไม่เป็นไรครับ สงสัยช่วงนี้จะนอนน้อยไปหน่อย” ผมยิ้มแหย ๆ ตอบไป
จริง ๆ ผมไม่ได้เหนื่อย แล้วช่วงนี้ก็นอนตรงเวลาทุกวันด้วย ผมแค่กำลังคิดถึงใครบางคนเท่านั้นเอง
มินาโมโตะ ฮิเมะ ? น่าแปลก...ถ้าเป็นคนตระกูลมินาโมโตะล่ะก็ทำไมผมถึงได้ไม่รู้จักชื่อเลยนะ ? แถมยัง...พอผมจะใช้เครือข่ายข้อมูลของผมตรวจสอบประวัติต่าง ๆ ของเธอ แต่สิ่งที่หาได้กลับน้อยเกินคาด นอกจากชื่อ นามสกุล (ซึ่งผมรู้อยู่แล้ว) และข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นว่าเกิดวันที่เท่าไหร่แล้ว ก็แทบจะไม่มีข้อมูลอื่น ๆ อีก แม้กระทั่งพ่อกับแม่ของเธอคือใครผมก็ยังหาข้อมูลไม่ได้เลย
โว้ย!!...นี่แหละที่ทำให้ผมต้องนั่งเงียบ ๆ อยู่อย่างนี้ ผมกำลังใช้ความคิด...
ให้ตายเถอะ!! ข้อมูลลับขององค์กรใหญ่ ๆ อย่างเอฟบีไอลูแปงแห่งซานาดะอย่างผมยังเจาะได้มาอย่างน้อยก็ต้องสิบหน้าขึ้นไปนี่ยังไม่รวมข้อมูลจากเครือข่ายของผมอีก แต่นี่...อะไรกัน ? แค่ข้อมูลของผู้หญิงคนนึงทำไมมันถึงได้ลึกลับขนาดนี้!?!
หรือว่า...
ผมเหลือบมองโทรศัพท์มือถือของตัวเอง
เบอร์ก็มีแล้ว แต่สิ่งที่ยังไม่มีคือ...ความกล้า
ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยขอเบอร์ผู้หญิงที่ไหนเลย มีแต่คนเอามาถวายให้ถึงที่ นี่ผมอุตส่าห์ขอมาได้นับว่ากล้ามากแล้วนะ แต่จะให้โทรไปนี่...ไม่ไหวจริง ๆ ครับ ยกธงขาวเลย (เห็นผมอย่างนี้ผมก็ปอดเป็นเหมือนกันนะ = =)
ผมแค่นยิ้ม...
สงสัย...ไอ้ความสามารถระดับธรรมดา ๆ คงจะหาเธอไม่เจอแน่
ช่างลึกลับซะเหลือเกินนะ...
...เจ้าหญิง (ฮิเมะ = เจ้าหญิง) ในห้องหมายเลขสิบสาม
** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **
“ยูเอะ!! กู๊ดมอร์นิ่ง!!...เป็นยังไงบ้างจ๊ะ ?”
ฉันเหวี่ยงกระเป๋าลงจากหลัง ขมวดคิ้วใส่ซายุที่คิดแผลง ๆ เล่นภาษาปะกิดที่ฉันแสนจะเกลียดแต่เช้า
“นึกคึกอะไรของเธอเนี่ยซายุ ? อยู่ ๆ ก็มาสะปี๊กอิงลิชเนี่ย” เหอ ๆ...สำเนียงแสนจะเจ้าของภาษา -*- (ตรงไหน)
“อ้าว!! ไม่มีใครบอกหรอว่าวันนี้สอบภาษาอังกฤษ ?”
เฮือก!!
เง้อ!! ถ้านี่เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นฉันคงจะต้องเข้าฉากแข็งเป็นหินไปทั้งตัวแล้วอย่างแน่นอน
อ้ากกกกก!!! นี่มันวันอะไรฟระเนี่ย!!?
“ซายู้~...ช่วยด้วยยยย Y Y”
“อ๊ะ...จ้า ๆ ช่วยจ้าช่วย” ซายุรีบรับปาก แน่ล่ะ เพราะฉันแทบจะละลายลงไปกอดขาหล่อนอยู่แล้ว >,,< ช่วยด้วยยยยยย ถ้าคราวนี้คะแนนฉันตกอีกล่ะก็...ท่านแม่ไม่ปล่อยให้ฉันมีชีวิตอยู่ดูโลกที่สวยงามอีกแหง ๆ มีหวัง ส่งกองกำลังทวงหนี้แห่งชาติที่สังกัดท่านแม่อยู่มาจัดการฉันแน่ ๆ >O<
“แต่ว่า...มีข้อแม้นะ!!”
อ้าว!! เมื่อก่อนไม่เคยมีข้อแม้...เดี๋ยวนี้คิดจะต่อรองแล้วหรอ!!?
“ยูเอะต้องตอบคำถามฉันก่อน”
ง่ะ!!
ฉันแบะปาก ถ้าจะให้ตอบอะไรที่เป็นวิชาการล่ะก็ฉันไม่รู้นะ อย่ามาถามดีกว่าเพราะในหัวฉันนอกจากเงิน ๆ ๆ แล้วก็ไม่มีอะไรอีกแล้วล่ะ ฮ่า ๆ ๆ (หัวเราะอย่างภาคภูมิใจ -*-)
“คือว่า...” ซายุเริ่มทำมือเอาปลายนิ้วชี้มาจิ้ม ๆ กัน ในขณะที่ฉันตั้งใจฟังสุดฤทธิ์
มันจะออกมาประมาณคำถามวัดความรู้รึเปล่าหว่า ? ประมาณว่าหนังจีนแบบ...เธอมีคุณค่าพอที่ฉันจะสอนมั้ยอะไรอย่างนี้น่ะหรอ ? >..< ถ้าเป็นอย่างนั้น...ซายุเอ้ย!! งานนี้เจ๊คงจะได้รู้ว่าสมองเพื่อนเจ๊มันเน่าไปแค่ไหนแล้ว
“คือว่า...”
จึ้ก ๆ!!
ซายุเอานิ้วมาจิ้มกันเองอย่างเอาเป็นเอาตาย
“คือ...อ้าว!! คิทสึเนะคุง!!!”
กรรมมั้ยล่ะ ? - -* ทำไมหมอนั่นต้องโผล่มาเวลาที่คนเขากำลังจะตัดสินใจรับเป็นศิษย์อาจารย์กันด้วยล่ะเนี่ย (ยังบ้าหนังจีนไม่เลิก เหอ ๆ)
“หวัดดี ซายุ”
อะไรนะ!!? O[]o ม...เมื่อกี้หมอนั่นพูดว่า ‘หวัดดี ซายุ’ ใช่ป่าว ? ไม่น่าเชื่อ...หมอนั่นจะพูดเหมือนคนได้!?! โอ้ว!! ฉันค้นพบความลับแห่งจักรวาลข้อนึงแล้ว - -+
“คิทสึเนะคุงอ่านภาษาอังกฤษมารึยังล่ะ ? ที่สอบวันนี้น่ะ ?” ดูดิ๊!! ทำไมซายุยังไปพูดดีกับมันอีก!?! รู้มั้ยว่ามันม่ายยยช่ายยยผู้ชายยย~
“อ่านแล้ว” เจ้าตัวกวนประสาทนั่นตอบเรียบ ๆ ไม่ได้มองมาทางฉันสักกะแว๊บ
“เออ...งั้นช่วยสอนยูเอะหน่อยนะ ฉัน...ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ!!”
ว่าแล้วซายุก็เผ่นแน่บออกจากห้องไปราวกับปวดขนาดหนัก นี่หล่อนท้องเสียกะทันหันเพราะเห็นหน้าหมอนี่หรือไงกันยะ!?
ว่าแล้วฉันก็หันไปมองหน้าเจ้าคนที่โดนโยนภาระให้
เอาฟระ!! เรื่องบาดหมางในอดีตเอาไว้ก่อน...ตอนนี้คือต้องทำคะแนนให้ได้เยอะ ๆ แล้วมีชิวตรอดจากเงื้อมมือท่านแม่ก่อนดีกว่า >.<
“เอ่อ...” ฉันเริ่มตื้อ จะพูดอะไรดีล่ะ ? “...คือ นายช่วยสอนหน่อยได้ไหม ?”
ใจดีสู้เสือเข้าไว้!! ยูเอะ!!!
แต่หมอนั่นกลับเงียบ ค้นหาของในกระเป๋าเหมือนไม่ได้สนใจฉันสักนิด
หรือว่ากำลังหาหนังสือภาษาอังกฤษ ?
“ยืมของฉันก็ได้” ฉันรีบคว้าหนังสือของตัวเองมาวางตรงหน้าหมอนั่น เร็ว ๆ ดิ!! รีบสอน...อีกห้านาทีจะเข้าเรียนแล้ว! เป็นความซวยของฉันหรือไงก็ไม่รู้ที่วันนี้ภาษาอังกฤษดันมาอยู่ซะชั่วโมงแรก
หมอนั่นหยิบหนังสือของตัวเองขึ้นมา แล้วหันมองไปที่หนังสือของฉันแว่บเดียว
“เอาหนังสือของเธอออกไปจากโต๊ะของผม!!”
“อ๊ะ!?...นายว่าไงนะ ?”
สงสัยฉันคงลืมแคะหูนาน คนอย่างหมอนี่ เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ ?
“ผมบอกว่า...” คิทสึเนะพูด ไม่หันมามองฉันแม้แต่นิด “...เอาหนังสือของเธอออกไปจากโต๊ะของผม!!”
อ้ากกกก!! ไม่สนภาษาอังกฤษอังเกลิดอะไรแล้ว!!! แกต้องตายยยยยยยยยยยยยยยย!!!
** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **
“ยูเอะ...กินฟรุ๊ตพายหน่อยน้า”
“ไม่!!” ไม่โว้ย!!...ฉันไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะกินอะไรทั้งนั้น ที่ฉันอยากกินคือหัวไอ้หมอนั่น!!!
หนอยแน่!! เอาหนังสือของเธอออกไปจากโต๊ะของผมงั้นหรอ!!?
เอาหัวของแกออกไปจากบ่าก่อนดีกว่ามั้ง!!
“ยูเอะ นิดนึงน้า...อย่าโมโหมากเลยนะ” ซายุยังคงไม่ละความพยายาม ฉันมองเพื่อนของตัวเองกำลังถือฟรุ๊ตพายชิ้นใหญ่ร่อนไปร่อนมาอยู่ตรงหน้าฉัน นี่!!...นั่นมันฟรุ๊ตพายนะไม่ใช่จานบิน แว่นเธอผิดปกติรึเปล่าเนี่ยซายุ!!? -*-
“ช่างเหอะ ขอบใจมากนะซายุ” ฉันตอบ พลางรับพายชิ้นนั้นมากัด ก่อนจะเคี้ยวแรง ๆ
คิดซะว่านี่เป็นหัวไอ้หมอนั่นแล้วกัน!!
โธ่เว้ย!!
สำหรับการสอบภาษาอังกฤษ แน่นอนว่าฉันต้องตกแน่ ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ที่น่าโมโหกว่านั้น...น่าโมโหกว่านั้น
อ้ากก!! ไอ้ตัวกวนนั่นมันดันได้ที่หนึ่งของห้องร่วมกับซายุ!!!
ได้คะแนนเต็มเท่ากัน ชิ!!...โธ่เอ้ย!!! ถ้าข้อสอบมันมีห้าสิบข้อไม่ใช่สามสิบข้อล่ะก็ซายุต้องชนะแกแน่ ๆ อยู่แล้ว!! โว้ย!!!...ยิ่งคิดยิ่งอยากฆ่ามัน!!
“น่า ๆ ยูเอะอย่าคิดมาไปเลยนะ สอบตกเดี๋ยวก็ซ่อม รับรองคุณน้าไม่รู้หรอก”
ซายุยังคงเข้าใจผิดว่าฉันโมโหเพราะสอบตก ซึ่งเป็นการเข้าใจผิดนะครับผม!!
เหอ ๆ...ตอนนี้ฉันไม่สนใจชีวิตตัวเองแล้วล่ะซายุเอ้ย!!! - -+
“เอาเถอะน่า เดี๋ยวคราวหน้ารับรองฉันจะติวให้เข้ม ๆ เลยนะนะนะ” ซายุ หล่อนก็ยิ้มได้อ่ะดิ!! ไอ้ตัวกวนประสาทนั่นมันดีกะหล่อนจะตาย!!!
โว้ย!! ไม่ได้โว้ย...ใครก็ห้ามยุ่งกะเพื่อนฉันทั้งนั้น โดยเฉพาะแก!!!
มินาโมโตะ โนะ คิทสึเนะ!!...ฉัน ซานาดะ ยูเอะจะขอจดจำแกในฐานะศัตรูตลอดชาตินี้และชาติหน้า ชาติไหน ๆ ก็ไม่ชอบหน้าแก!!!
“เออ...จริงสิ” ซายุเกริ่นขึ้นมาทำให้ฉันหลุดออกจากโลกแห่งความแค้นส่วนตัว ขึ้นมามองหน้าของเพื่อนสาวอย่างสงสัย
เอาอีกแล้ว ซายุ!! หล่อนเริ่มจะเอานิ้วมาจิ้ม ๆ ๆ กันอีกแล้วนะ!!!
“คือ...ยูเอะ ถามอะไรหน่อยสิ คือ...”
คือ ? คืออะไรล่ะ!!~ รีบถามมาดิ!!!
“คือว่า...เธอรู้จักกับคิทสึเนะคุงเขามานานแค่ไหนแล้วล่ะ ?”
ปึ้ด!! - -*
“เออ แล้ว...เขาชอบกินอะไรบ้างหรอ ?”
ปึ้ด!! ปึ้ด!! - -**
“แล้วก็ พวก...แหม แบบว่างานอดิเรกอะไรอย่างเงี้ย ? พอจะรู้บ้างรึเปล่า ?”
ปึ้ด!! ปึ้ด!! ปึ้ด!! - -***
“เออ ชอบวิชาอะไรเป็นพิเศษด้วย ?”
ปึ้ด!! ปึ้ด!! ปึ้ด!!
ตูม!!! (ปรอทแตก -*-)
“ไม่รู้โว้ย!! ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น!!! โว้ย!!...หงุดหงิด!! อยากฆ่าคนโว้ยยยยย!!!”
“ง่าส์...โอเค ๆ ฉันหาเองก็ได้ ๆ”
** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **
วันรุ่งขึ้น ฉันแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา
“ชื่อมินาโมโตะ โนะ คิทสึเนะ อายุ 17 ปี สามเดือน เป็นลูกคนที่สองของตระกูลมินาโมโตะ เกิดวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ส่วนสูง
ซายุอ่านข้อมูลจากกองเอกสารปริมาณมหาศาลที่วางอยู่บนโต๊ะให้ฉันฟังอย่างขะมักเขม้น
ส่วนที่ฉันยังทนฟังอยู่ไม่ใช่เพราะฉันอยากจะล่วงลึกข้อมูลส่วนตัวของไอ้หมอนั่นหรอกนะ ฉันแค่กำลังอึ้งกับฝีมือของเพื่อนตัวเองอยู่ตะหาก!!
นี่หล่อนไปหาทั้งหมดนี้มาในเวลาหนึ่งคืนงั้นหรอ!!?
เอ่อ...ซายุ ถ้าเธออยากมีรายได้พิเศษเมื่อไหร่ คิลอินดียินดีต้อนรับเสมอนะ ฝ่ายหาข่าวของฉันกำลังต้องการบุคลากรเปี่ยมคุณภาพอย่างเธอ ให้ตายเถอะ!!...นี่หล่อนคือพี่ริวจินปลอมตัวมาใช่มั้ยเนี่ย!!?
“สายตาสั้นไม่เท่ากัน ข้างซ้ายสั้น 330 ส่วนข้างขวา สั้น 400 ชอบใส่แว่นกรอบสีดำ อาหารที่ชอบคือซูชิหน้าปลาหมึก...”
“ซ...ซายุ คือ...” ฉันยกมือเกาแก้มแกรก ๆ “นี่เธอจะหาข้อมูลทั้งหมดนี่ไปทำไมหรอ ?”
“เอ่อ...ง่า...” เพื่อนฉันเอาอีกแล้วโว้ย!! ไอ้ท่าเอานิ้วจิ้ม ๆ กันนี่มันเป็นอะไรกับเธอรึเปล่าเนี่ย -*-
“คือว่า...ฉัน แบบว่า...ฉัน...”
“หวัดดี”
เสียงที่ดังมาจากข้าง ๆ ทำให้ยัยนี่เด้งตัวขึ้นนั่งหลังตรงทันที ก่อนจะหันไปยิ้มแย้มทักทายกับ...กับเจ้าตัวกวนประสาทนั่น!!!
“เออ...หวัดดีจ้ะคิทสึเนะคุง!!”
นี่...นี่ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่มั้ยเนี่ย!?! ซายุหน้าแดง!!? >[]<
“คือว่า...หลังเลิกเรียนวันนี้ว่างมั้ย คือ...ไปกินซูชิหน้าปลาหมึกกันมั้ย ? ฉันรู้จักร้านอร่อย ๆ“
คิทสึเนะเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง แหงล่ะ...ชวนไปกินซูชิหน้าปลาหมึก -*- เป็นใครก็ต้องรู้สึกตงิด ๆ ทั้งนั้นแหละ
ให้ตายเหอะ หมอนั่นทำอย่างนี้อีกแล้ว...ทำเหมือนมองไม่เห็นตัวฉันทั้ง ๆ ที่ฉันยังยืนให้เห็นอยู่โทนโท่ หนอย!! ฉันไปทำอะไรให้แกโกรธหรือไงยะ!!?
“ได้สิ”
เฮ้ย!! ม...หมอนั่นมันตอบรับอ่ะ!?!
ด...เดี๋ยวนะ!!?
ฉันเริ่มรู้สึกเหมือนซายุกับคิทสึเนะลอยห่างออกไป
น...นี่ฉันถูกทิ้งหรอเนี่ย!? ซายุไม่ได้ชวนฉันแต่ไปชวนไอ้ตัวกวนประสาทนี่!!?
ไม่จริงใช่ม้ายยยยยยยยยยยยยยยยย!!? >_<
** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **
ห่างออกไปหลายกิโลเมตร บนตึกสูงระฟ้าแห่งหนึ่งซึ่งเป็นหนึ่งในหลาย ๆ ตึกของตระกูลมินาโมโตะในโตเกียว
“เป็นคิทสึเนะคุงงั้นหรอ ? แปลก...”
เสียงเอ่ยที่เหมือนไม่ได้ดังเข้าหูของชายหนุ่มผู้นั่งอยู่หลังโต๊ะไม้ตัวใหญ่ ด้านหน้านั้นมีป้ายเขียนไว้ว่า ‘รองประธาน’ ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ของรองประธานคนนี้เย็นลงตามเลยสักนิดเดียว
...ใช่แล้ว...คน ๆ นี้คือมินาโมโตะ โนะ คาสึโยะ...
พี่ชายที่ถูกน้องชายคาบเอาตำแหน่งเจ้าตระกูลคนใหม่ไปต่อหน้าต่อตา!!
“ท่านเจ้าตระกูลมีเหตุผลอะไรหรือเปล่า ? หรือนี่เป็นแผนการตบตาพวกซานาดะ ?”
“ไม่รู้” คาสึโยะตอบห้วน ๆ ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาที่คล้ายกับน้องชายอย่างรางเลือนนั้นฉายแววโกรธจัด นัยน์ตาสีขี้เถ้าที่ไม่ได้ถูกบดบังด้วยแว่นเหมือนมินาโมโตะ โนะ คิทสึเนะจับมองผู้ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟาสีขาวตัวใหญ่
ชายหนุ่มคนนั้นเป็นชายร่างสูง แต่ดูเหมือนจะเตี้ยกว่าคาสึโยะเล็กน้อย นัยน์ตาสีจางจนบอกไม่ถูกว่าเป็นสีอะไร...คล้ายจะเป็นสีฟ้าที่อ่อนมาก ๆ ใบหน้าราวกับเทพบุตรลงมาจุติ เส้นผมสีชานั้นตัดประบ่า ที่ติ่งหูข้างหนึ่งถูกประดับด้วยตุ้มหูอันเล็ก ๆ สีเงินประดับอัญมณีฟ้าอ่อนวาว ๆ
ประมาณได้เลยว่า...ถ้าหากคน ๆ นี้ไม่ได้เป็นซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังก็คงจะเป็นดาราระดับแนวหน้าเป็นแน่แท้
แต่ ผิดคาด...ชายหนุ่มคนนี้กลับไม่ได้เป็นทั้งดาราและซุปเปอร์สตาร์ เขากลับกลายเป็นคนเก็บตัวอย่างไม่น่าเชื่อ และ...แม้ว่าจะเป็นถึง ‘ผู้นำขององเมียวจิ’ ที่มีเครือข่ายมากมาย แต่กลับไม่เคยมีใครได้รูปของเขาสักใบ
องเมียวจิ เป็นเครือข่ายจอมเวทย์ที่ทั้งเก่าแก่และมีอำนาจมากที่สุดในญี่ปุ่น เป็นเครือข่ายที่รวบรวมตระกูลจอมเวทย์มากมายเข้ามาเป็นปึกแผ่น
พวกจอมเวทย์น่ะไม่เหมือนกับนักฆ่า เพราะมีจำนวนน้อยกว่ามาก การเกิดอยู่ในตระกูลที่เป็นจอมเวทย์ทั้งตระกูลก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะมีความสามารถเป็นจอมเวทย์ไปด้วย ดังนั้นจำนวนของจอมเวทย์ในแต่ละตระกูลจึงเล็กน้อยมากจนไม่มีตระกูลใดที่สามารถตั้งตัวขึ้นมาเป็นตระกูลจอมเวทย์ได้ การรวมตัวกันจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งหากยังต้องการความอยู่รอด
และ ที่แตกต่างจากพวกนักฆ่าอีกอย่างหนึ่งก็คือ พวกนักเวทย์มักจะเก็บตัวเงียบ ไม่สังสรรค์เข้าสมาคมกับใคร ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน เครือข่ายขององเมียวจิจะแทรกซึมเข้าไปถือหุ้นในบริษัทชื่อดังต่าง ๆ หลายแห่ง แต่ก็ไม่เคยออกมาเปิดเผยตัวเองกับโลกภายนอก มีแต่พวกตระกูลเก่าแก่และพวกวงในเท่านั้นที่จะสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเขาได้ สองในบรรดาหลาย ๆ ตระกูลนั้นก็คือ มินาโมโตะ และซานาดะ
อ้อ!! เรื่องที่ว่าเวทย์มนต์ยังมีอยู่ในโลกอีกหรือไม่ ? 555+...ไม่ต้องสงสัย รับประกันล้านเปอร์เซ็นต์ว่ายังมีอยู่ เพราะแม้กระทั่งนักดาบบางคนก็ยังสามารถใช้เวทย์มนต์ง่าย ๆ อย่างเช่นการจุดไฟได้เลย
ชายหนุ่มคนนี้ คือ เซตะ ฮาจิเมะท่านเจ้าแห่งองเมียวจิ...ผู้ถูกกล่าวขานว่าจอมเวทย์อัจฉริยะที่ได้รับตำแหน่งนี้ตั้งแต่ตอนที่อายุเพียงสิบสี่ปี
“แล้วนายจะทำยังไง ? ตอนนี้ท่านเจ้าตระกูลมินาโมโตะ ท่านโคโยก็ยกเรื่องธุรกิจและสิทธิในการออกคำสั่งเกี่ยวกับบริษัททั้งหมดให้นายแล้วนี่”
“มันไม่พอ!!” คาสึโยะตอบเสียงเครียด “นี่เป็นแค่ธุรกิจฉาบหน้า ถึงฉันจะมีธุรกิจทั้งหมดของบริษัทแต่คิทสึเนะได้ตระกูลไป ตำแหน่งที่ฉันนั่งก็ไม่ต่างจากเก้าอี้ลม แถม...มันยังสามารถส่งนักฆ่ามาฆ่าฉันได้ทุกเมื่อ”
“นายไม่ใช่คนตายง่ายร้อก!!” เซตะ ฮาจิเมะพูดด้วยน้ำเสียงรื่นเริง ในฐานะที่เขาอายุพอ ๆ กันกับคาสึโยะจึงรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ อีกทั้งคิทสึเนะผู้เป็นน้องชายของคาสึโยะเขาก็รู้จักดีเหมือน ๆ กับว่าเป็นน้องชายของตัวเองในขณะที่พี่ชายแท้ ๆ กลับไม่แม้แต่จะสนใจ
มินาโมโตะ โนะ คาสึโยะ...ผู้ถูกกล่าวขานว่าเป็นดาบเทพแห่งมินาโมโตะ ฝีมือและพรสวรรค์ที่หนึ่งร้อยปีจะมีสักหนึ่งคน ไม่ใช่คนที่ใครนึกอยากฆ่าก็ฆ่าได้ง่าย ๆ
“แต่การถูกนักฆ่าตระกูลตัวเองเพ่งเล็งก็ไม่ใช่เรื่องดี ยังดีที่ท่านพ่อยังไม่ได้ประกาศเรื่องนี้ให้คนทั่วไปรู้ ไม่อย่างนั้นเรื่องจะยุ่งยากขึ้น”
“แล้วนายจะทำยังไงกับคิทสึเนะ ?”
ฮาจิเมะถาม ใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้มบาง ๆ อย่างสนุกสนานกับละครเบื้องหน้า
สำหรับเขา...นี่เป็นเพียงละครฉากหนึ่งเหมือน ๆ กับเรื่องอื่น ๆ ในโลก เพียงแต่นี่เป็นฉากที่มีความสำคัญกับละครและอนาคตมากกว่าฉากอื่น ๆ เท่านั้น
ท่านเจ้าขององเมียวจิยิ้มบาง ๆ อย่างที่สาว ๆ ที่ไหนมาเห็นคงกรี๊ดสลบแน่ ๆ
ใช่แล้ว คงต้องขอปรบมือให้ท่านโคโยเสียหน่อยที่คิดละครฉากนี้ขึ้นมา...
...ฉากที่เอาดาบยัดใส่มือของพี่น้องสองคนให้มาฟาดฟันกันเอง
“คงต้องจัดการ” คาสึโยะตอบ ไหวไหล่ง่าย ๆ
“เขาเป็นน้องชายของนายนะ ?” ฮาจิเมะเลิกคิ้วขึ้น ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่ารูปการณ์คงออกมาประมาณนี้เป็นแน่แท้ แต่ก็ยังอดถามไม่ได้
“แล้วไง ?” ผู้เป็นพี่ชายหันมามอง “ชีวิตจริงน่ะมีคำว่าพี่หรือน้องด้วยรึไง ? มันก็มีแต่ผู้ชนะกับผู้แพ้เท่านั้นแหละ”
“อืม...” ชายหนุ่มรูปงามพยักหน้าน้อย ๆ “...ตอบได้สมเป็นนายจริง ๆ”
“แล้วนายล่ะ ?” นัยน์ตาสีขี้เถ้าคมกริบตวัดมามองชายหนุ่มผู้นั่งอย่างสบายอารมณ์ราวกับตัวเองไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ ในสงครามโลกมืดที่จะเกิดขึ้นครั้งนี้เลย
“ฉัน ? ฉันทำไม ?”
“นายจะเลือกอยู่ข้างไหน ?”
รอยยิ้มคลี่สะบัดออกบนริมฝีปากของเซตะ ฮาจิเมะ ดวงตาสีอ่อนจางวาวแสงขึ้นยิ่งทำให้สีของมันดูอ่อนจนเกือบจะเป็นสีขาวสะอาดกลืนไปกับตาขาว
“ฉัน...เลือกอยู่ข้างผู้ชนะ”
“หึ ๆ สมเป็นนายจริง ๆ” คาสึโยะยิ้มบาง ๆ
ทำไมเขาจะไม่รู้จักเพื่อนตัวเองคนนี้...
...เจ้าเล่ห์เป็นที่หนึ่ง จมูกไวเรื่องส่วนได้ส่วนเสีย ลึกลับหาตัวจับยาก และที่สำคัญ...
เหี้ยมได้ทุกเวลาที่อยากจะเหี้ยม!!
ใช่แล้ว เบื้องหลังใบหน้าเทพบุตรนี่แหละคือจอมมารตัวจริง
คนสองคนจมอยู่กับความเงียบเป็นเวลานาน
“อ้อ...ใช่ ฉันมีอะไรจะแนะนำสำหรับสงครามครั้งนี้” ฮาจิเมะพูดขึ้นในที่สุด เขาควานหาอะไรบางอย่างในกระเป๋ากางเกง แล้วโยนฟึ่บมาให้
ปึก!!
ทั้ง ๆ ที่มันเป็นกระดาษแค่เพียงแผ่นเดียว แต่กลับปักลึกลงไปในเนื้อไม้ได้อย่างน่าอัศจรรย์!!
“ถ้าไม่ใช่นาย...ฉันคงจะเผลอฆ่าไปแล้ว” คาสึโยะส่ายหน้า ดึงกระดาษที่ปักอยู่บนโต๊ะของตัวเองออก
มันเป็นนามบัตรกระดาษแข็งแผ่นหนึ่ง ตัวอักษรเขียนด้วยหมึกประหลาดที่ดูเลือนรางคล้ายกับเงา แต่อ่านออกได้ใจความว่า
‘Kill in D’
“บริษัทรับจ้างฆ่า ?...ทำไมหรือ ?”
แต่ทว่า เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ร่างสูงที่ควรจะนั่งอยู่เบื้องหน้ากลับหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่ เหมือนกับสลายไปกลางอากาศเสียเฉย ๆ
“ฉันจะจัดการให้...นายจัดการของนายไป”
เสียงของท่านเจ้าแห่งองเมียวจิดังแว่ว ๆ เหมือนกับเสียงของภูติพราย
“อย่าลืมว่า ฉันจะอยู่ข้างผู้ชนะเท่านั้น ถึงแม้ว่าผู้แพ้จะเป็นนายก็ตาม...คาสึโยะ”
หึ ๆ ร้ายกาจจริง ๆ นะ
รอยยิ้มเย็นเยียบผุดขึ้นบนเรียวปากของมินาโมโตะ โนะ คาสึโยะ
ร้ายกาจ...สมเป็นท่านเจ้าแห่งองเมียวจิจริง ๆ!!
คน ๆ นี้แหละ หนึ่งในตัวแปรสำคัญสำหรับหมากกระดานนี้!!!
แล้วนายล่ะ ? คิทสึเนะ ?...
...หมากของนายน่ะ ? มีอะไรบ้าง ?
** ** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **
ฮัดเช้ย!!!
“คิทสึเนะคุง ? เป็นอะไรหรอ ? เป็นหวัดรึเปล่า ?”
“เปล่าหรอก” ผมว่า ดันแว่นที่เริ่มจะเลื่อนลงมาอีกแล้วเข้าที่
อยู่ ๆ ซายุก็ชวนผมออกมากินซูชิ ผมก็ต้องงงเป็นธรรมดาล่ะครับ แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธ ผมก็เลยยอมมาแต่โดยดี
แต่ยัยโหดนั่น ตะบึงตะบอนกลับบ้านไปแล้ว
แต่ก็ช่างเถอะ ไม่เกี่ยวกับผมเลย พูดจริง ๆ ไม่ต้องเห็นหน้ากันก็ดีแล้ว
ผมฉุนครับ ผมฉุนจริง ๆ ไม่รู้ว่าทำไมผมต้องฉุนจัดขนาดนี้ด้วย ตั้งแต่ผมรู้ว่าเธอเป็นประธานบริษัทคิลอินดีนั้นผมก็ฉุนขาด ไม่อยากเจอ ไม่อยากพูดด้วย ไม่อยากเห็นหน้าเลยทีเดียว...
นี่แหละครับที่เขาเรียกว่าโรคเกลียดนักฆ่าขึ้นสมอง -*-
ผมคิด ขณะหยิบซูชิหน้าปลาหมึกที่เพิ่งเคลื่อนผ่านมา
“นี่...แล้วคิทสึเนะคุงชอบกินอะไรอีกหรือ ? พวกของหวาน ๆ ชอบหรือเปล่า ?”
ผมเลิกคิ้ว รู้สึกเหมือนกำลังโดนสัมภาษณ์
“ว่าไงล่ะ ? เออ...ขอโทษที เธอคงอยากจะกินสินะ เอ้า ๆ!! เชิญจ้ะ ฉันไม่กวนก็ได้”
ซายุรีบหันไปอีกทาง
ผมถอนหายใจ
ซายุดีกับผมหลายอย่างตลอดเวลาอาทิตย์กว่ามานี่ เธอมักจะมานั่งคุยกับผมบ่อย ๆ ถึงแม้ว่าผมจะตอบน้อยคำ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมรำคาญนะครับ จริง ๆ แล้ว...การที่ผมเงียบก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่อยากพูด แต่บางครั้งมันก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เรียกว่าเหมือนกับสูญเสียความสามารถในการเรียบเรียงคำพูดไปบางส่วนนั่นแหละ
“ช็อกโกเลต...”
“เอ๋ ?”
ซายุหันมามองผมอย่างงง ๆ จะมาเอ๋ทำไมเล่า!! ก็ตัวเองกำลังถามอยู่ไม่ใช่หรือไงว่าผมชอบกินของหวานอะไรบ้าง
“ผมชอบแบล็คช็อกโกเลตของร้านซันย่า”
“ง...งั้นหรอ ?”
ซายุพยักหน้า
“เอ่อ คือว่า คิทสึเนะ...ฉันรู้ว่าเราเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ว่า...”
ซายุเริ่มเอาปลายนิ้วชี้มาแตะ ๆ กันแล้วก้มมองมันอย่างเอาเป็นเอาตาย ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจในการกระทำของเธอเลย
“แต่ว่า...ฉันอยากจะบอกเธอจริง ๆ นะ ฉันไม่เคยบอกใครมาก่อน แต่ว่า...”
ผมขมวดคิ้ว ใบหน้าของเด็กสาวตรงหน้ายิ่งแดงแป้ดเหมือนกับเนื้อแตงโมฉ่ำ ๆ
“คือว่า...ฉัน ฉันชอบคิทสึเนะคุงน่ะ!! คบกับฉันได้มั้ย!?!”
หา!!?
** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **
หา!!?
ฉันแทบจะปล่อยตะเกียบตกพื้นแล้ว
ม...เมื่อกี้ยัยซายุพูดอะไรออกมานะ!?!
ถูกแล้ว จริง ๆ ฉันไม่ได้กลับบ้านหรอก แต่แอบตามมาห่าง ๆ ตะหาก ใครจะไปไว้ใจให้ไอ้เจ้าตัวกวนประสาทนี่อยู่กับเพื่อนรักของตัวเองสองต่อสองล่ะ!! แต่สองคนนั้นคงจะไม่สังเกตเห็น ฉันว่าฉันปลอมตัวได้เก่งนะ...กลบจิตสัมผัสก็ทำได้แนบเนียนตามสไตล์ซานาดะ โฮะ ๆ ๆ...อ๊ะ!! ไม่สิ นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาภาคภูมิใจในวิชาของตระกูลตัวเองนะ!! ต้องสนใจยัยซายุที่สงสัยจะเรียนหนักจนเพี้ยนไปแล้วมากกว่า!!!
“ฉัน...ฉันชอบคิทสึเนะคุงจริง ๆ นะ ฉันไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครมาก่อนเลย!! คบกับฉันได้ไหม!?!”
ซายุยังคงย้ำคำเดิม
อ้ากกกก!! นี่มันวันอภิมหาโลกาวินาศหรือไงเนี่ย!?!
ไม่สิ ๆ นี่สงสัยเรากำลังฝันอยู่แหง ๆ ไม่มีทางที่เพื่อนที่แสนจะเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้ของฉันจะพูดอะไรพรรค์นี้ออกไปได้หรอก นี่มันก็แค่ความฝัน
ฉันหยิกตัวเองอย่างแรง แต่สิ่งที่ได้กลับมากลับมีเพียงแค่เสียงโอ๊ยของตัวเองและรอยแดงที่เจ็บเป็นบ้า
ตาของฉันเห็นเจ้าตัวกวนประสาทนั่นทำหน้าเหมือนกับอึ้ง ๆ ไป แหงล่ะ...ใครจะคิดว่าอยู่ ๆ คนที่แสนจะเรียบร๊อยเรียบร้อยคุณหนูขนาดซายุจะมาสารภาพรักในร้านซูชิได้หน้าตาเฉย
โว้ย!!...ไม่ ๆ ๆ!!! นี่มันต้องมีเบื้องหน้าเบื้องกลางเบื้องหลังแหง ๆ!!
“เธอเอาจริง ?”
คิทสึเนะถาม
ว้อย!!...ปฏิเสธไปซะสิ!!! แกเป็นพวกลักเพศไม่ใช่หรือไง!?!
“อ...อื้อ เอาจริง” ซายุยังคงพยักหน้าถี่ยิก
คุณชายแห่งมินาโมโตะถอนหายใจ
“แล้วผมจะเก็บไปคิดอีกที ขอโทษด้วยนะที่ยังตอบไม่ได้”
ฉันเห็นซายุทำหน้าดีใจยิ่งกว่าได้โล่นักเรียนดีเด่นอีก!! อะไรกันนี่!?! หมอนั่นมีดีอะไรทำไมหล่อนต้องดีอกดีใจขนาดนั้นด้วยเล่า!?!
...แล้วฉันล่ะ ?
ตั้งแต่คบกันมายังไม่เคยทำให้ซายุยิ้มแย้มได้ขนาดนั้นเลย นี่แค่หมอนั่นบอกว่าจะลองเก็บไปคิด ทำไมซายุถึงได้ดีใจขนาดนั้น ?
จริง ๆ ด้วย...ตั้งแต่คบกันมา ฉันต้องให้ซายุคอยช่วยตลอด แต่หมอนั่นมันเก่งนี่...ช่วยเหลือเธอได้แน่ ๆ
บ๊ะ!! ไม่ใช่นะโว้ย!!!...อย่าเพิ่งเปลี่ยนประเด็นสิ (เออ...นะ คนเราทะเลาะกับตัวเองก็ได้ด้วยล่ะ -*- ฉันเพิ่งจะรู้นะเนี่ย)
หมอนั่นมันต้องหลอกใช้ประโยชน์จากซายุแน่ ๆ!! แบบ...ประมาณว่าจะได้ไม่มีใครรู้เรื่องที่มันเป็นผู้ชายนะยะอะไรอย่างนี้!! ใช่แน่ ๆ อย่างงี้ฉันควรจะทำตัวเป็นนางเอกขี่ม้าขาว (อ่านะ...เคยเห็นพระเอกขี่ม้าขาวมามากแล้ว คราวนี้นางเอกจะขี่บ้างล่ะค่ะ!! ย้ากกกก!!! กุบกับ ๆ -_- เอาเข้าไป) เข้าไปอัดเจ้ากวนประสาทนั่นแล้วบอกความจริงทั้งหมดให้ซายุรู้ใช่ไหม!?
แต่ว่า...เห็นหน้าเพื่อนรักของตัวเองที่กำลังทำท่ามีความสุขขนาดนั้นแล้ว ไม่กล้าเข้าไปขัดความสุขเขาเลยอ่ะ... >[]<
เออน่ะ...เอาไว้บอกพรุ่งนี้ที่โรงเรียนแล้วกัน
_______________________________________
ขออภัยเจ้าค่ะ TT TT ไม่ได้ตั้งใจจะดอง แต่ว่า...
"ลืมอัพ!!"
-*- น่าตบกว่าดองซะอีก แง้ว ๆ >.,<
แต่ก็จะได้เป็นคอมโบไปเลยไงเจ้าคะ พรุ่งนี้จะอัพให้อีก เหอ ๆ อ่านติดต่อกันสองตอนไปเลย (แล้วข้าพเจ้าจะปั่นทันอีท่าไหนเนี่ย = =)
หุหุ...ขอบคุณนักอ่านทุก ๆ ท่านที่ไปเจอกันที่งานหนังสือเด็กเมื่อวันที่ 29 มากนะเจ้าค้า น่ารักทุกคนเลย!! ^[]^ โอ๊ะ ๆ ...ไม่ได้หมายความว่านักอ่านที่ไม่ได้ไปปรากฏตัวไม่น่ารักนะเออ อิอิ...เดี๋ยวจะน้อยใจเอา
ถ้ามีงานหนังสือคราวหน้าข้าน้อยก็จะไปอีกเน้อ...ใครที่เล็งจะไปทำร้ายร่างกายเอาไว้ (โทษฐานดอง = =) แต่พลาดงานนี้ไป ก็ไปดักรอตีหัวได้นะเออ เหอ ๆ...ใกล้ ๆ แล้วจะมาบอกนะเจ้าค้า >[]<
มิริน
ปล. เข้าพรรษาแว้ว >[]< ต่อไปนี้สงสัยต้องเลิกดอง เหอ ๆ (มันเกี่ยวกันมั้ยนั่นน่ะ -*- ไม่เห็นจะเกี่ยวตรงไหนเลย)
m.tokiya m.tokiya m.tokiya m.tokiya
ความคิดเห็น