ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ 10 : ตลาดเมืองนิโมซายน์
ตลาดเมืองนิโมซายน์
______________________________________
“เกรย์!!!” เฟย์เนี่ยนร้องทักเสียงดังเมื่อเห็นร่างของเพื่อนสาวที่กำลังยืนพิงรถม้าสีน้ำตาลเข้ม  เงยหน้ามองฟ้าสีฟ้าสดอย่างไร้อารมณ์
   
“อ้าว มาแล้วหรอ” เกรย์ละสายตาจากท้องฟ้ามามองร่างของเฟย์เนี่ยนที่วิ่งกระหืดกระหอบมาตามทางเดิน
   
“แล้ว เธอเดินมานี่เองหรอ” เฟย์เนี่ยนถาม  ใจเริ่มเต้นไม่เป็นส่ำ
   
“เปล่า” เกรย์ส่ายหน้า “พี่สาวคนนั้นพามา”
   
“ไฮ้ เฟย์เนี่ยน” ‘พี่สาวคนนั้น’ ร้องทักเสียงใส
   
“หยึย ” เฟย์เนี่ยนผงะไปนิดหนึ่ง
   
“เจอพี่แล้วทำเสียงแบบนี้ไม่มีมารยาทเอาซะเลยนะ” เฟย์ไนท์เริ่มเทศน์
   
“พี่ ม มาทำอะไร” น้องสาวตัวดีติดอ่างไป
   
“อ้าว พี่เธอเหรอ” เกรย์ถามงง ๆ
   
“ใช่ พี่สาวที่บ้า  ขี้เหนียว  งกเงิน  แล้วก็นิสัยเสียของชั้นเอง” เฟย์เนี่ยนพูดเสียงดัง  พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
   
“ใช่ที่ไหน ต้องเป็นพี่สาวที่แสนฉลาด  น่ารัก  สุดสวย  แสนใจดีต่างหาก” เฟย์ไนท์แก้  มืออีกข้างอุดปากเฟย์เนี่ยนที่ส่งเสียงอู้อี้อยู่ข้างหลัง
   
“หรอ” เกรย์พูด  เลิกคิ้วนิด ๆ ก่อนยื่นมือมาข้างหน้าเฟย์ไนท์
   
“ฉันชื่อเกรย์ เอมมิเกรย์  ยินดีที่รู้จัก” เฟย์ไนท์ยื่นมือที่อุดปากเฟย์เนี่ยนอยู่มาจับอย่างรวดเร็ว  เฟย์เนี่ยนหายใจฮั่ก ๆ
   
“เฟย์ไนท์  พี่สาวของเฟย์เนี่ยน  ชื่อกลางช่างมันเถอะ” เฟย์ไนท์พูดยิ้มแย้ม
   
หมับ!!!
   
มือของเฟย์เนี่ยนเอื้อมมาปิดปากเฟย์ไนท์จากด้านหลัง  ก่อนลากไปหลังรถ (ส่วนเกรย์ยืนอึ้งไปแล้ว)
   
“พี่มาทำอะไร้” น้องสาวถามย้ำเสียงแหลม (บันไดเสียงโซปราโน่)
   
“เอาของที่ท่านแม่ฝากมามาให้  สำนึกบุญคุณเอาไว้ซะด้วย” เฟย์ไนท์ยื่นถุงผ้ากำมะหยีสีม่วงเข้มมาแกว่งตรงหน้าเฟย์เนี่ยน 
   
“โอ ขอบคุณท่านแม่” เฟย์เนี่ยนพูด  ยื่นมือไปคว้าถุงที่กำลังส่งเสียงกรุ้งกริ้ง  แต่เฟย์ไนท์ชักมือหลบซะก่อน
   
“อะไรอีกล่ะ” น้องสาวถาม  เส้นเลือดเริ่มขึ้นหน้า
   
“ค่า นำ ส่ง” พี่สาวเน้นช้าชัดพลางยิ้มร่า
   
“ห๊า!!!” เฟย์เนี่ยนร้องไม่เป็นภาษา
   
“เอามาซะดี ๆ” เฟย์ไนท์พูด  แกว่งมือไปมาหน้าเฟย์เนี่ยน
   
“เอาเท่าไหร่อีกล่ะ” น้องสาวถามเซ็ง ๆ
   
“พี่ก็รู้นะว่าเธอเงินไม่พอ  เอาว่ามัดจำมาก่อนร้อยซิลด์  แล้วค่อยจ่ายอีกสี่ร้อยตอนพี่ส่งถุงให้  ดีมะ” พี่สาวเอ่ย  ส่วนเฟย์เนี่ยนนั้นเริ่มสติแตก
   
“แค่เอาถุงมาส่งเนี่ยนะ  ห้าร้อยซิลด์” เฟย์เนี่ยนโวยวาย
   
“อย่าบ่นนะจ้ะ ในถุงนี้มีห้าพันซิลด์  คิดค่านำส่งแค่สิบเปอร์เซ็นต์ก็ดีถมถืดแล้ว  เอามา” เฟย์ไนท์เริ่มแยกเขี้ยว  น้องสาวส่งเหรียญกำมือหนึ่งให้พี่สาวอย่างจนใจ
   
“ดี ” เฟย์ไนท์พูด  ยื่นถุงเงินให้เฟย์เนี่ยนที่รับมาเปิดอย่างรวดเร็ว 
   
“เอามาอีกสี่ร้อย” เฟย์ไนท์พูด  น้องสาวรีบคว้าเหรียญส่งให้พี่สาวตัวดี
   
“คราวนี้ก็ไปได้แล้ว” เฟย์เนี่ยนพูด  ชี้มือไปที่ปราสาทอย่างหมดอารมณ์
   
“ใครว่าพี่มาแค่นี้ล่ะ พี่จะของอาศัยรถไปลงที่ตลาดกลางเมืองด้วยย่ะ  โฮะ  โฮะ” พี่สาวหัวเราะอย่างอารมณ์ดี  ก่อนเดินหายขึ้นรถไป 
   
“ปิศาจชัด ๆ” เฟย์เนี่ยนพึมพำ  พลางก้าวขึ้นรถม้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก
                                                                  @@@@@@@@@@@@
“บาย ไปล่ะ”
เฟย์ไนท์เอ่ยเมื่อรถม้ามาหยุดที่จัตุรัสกลางเมือง “อย่าลืมกลับบ้านก่อนห้าโมงนะ”         
   
“ไปแล้วอย่ากลับมาอีกน้า” เฟย์เนี่ยนตะโกนดังลั่น  พี่สาวตัวดีหัวเราะร่าเช่นเคยก่อนหายไปท่ามกลางฝูงคน
   
“พี่บ้า วันนี้เสียเงินไปตั้งแปดร้อย” เฟย์เนี่ยนเริ่มบ่น
   
“ชั้นว่าเค้าก็น่ารักดีออก” เกรย์พูด
   
“นี่ อย่าไปเห็นดีเห็นงามกับยัยนั่นนะ  ยัยนั่นน่ะบ้าเงินอย่างกับอะไรดี” เฟย์เนี่ยนพูด  กำถุงเงินแน่นราวกับเฟย์ไนท์จะย้อนมาเอามันไป
   
“เออ .แล้วเราจะไปไหนดี” เกรย์เปลี่ยนเรื่อง
   
“ก่อนอื่นต้องไปหาอะไรกินก่อน  แล้วค่อยเดินให้ทั่วตลาด” เฟย์เนี่ยนพูด  ก่อนหันไปหาสารถี
   
“จอดที่แฟร์มูนนะ” เฟย์เนี่ยนกำชับ
   
“แฟร์มูน ?”เกรย์ทวนงง ๆ
   
“เป็นจัตุรัสอีกที่น่ะ” เอล์ฟสาวตอบ  เกรย์พยักหน้ารับ
   
“แล้วเย็นนี้ต้องกลับห้าโมง เฮ้อ” เฟย์เนี่ยนถอนหายใจ
   
“มีอะไรหรอ” เกรย์ถามเมื่อเห็นท่าทีของเอล์ฟสาว
   
“เย็นนี้ต้องมีงานเลี้ยงน่ะสิ” เฟย์เนี่ยนตอบ “งานเลี้ยงต้อนรับการกลับของชั้น  เธอก็ต้องไปด้วยนะ”
   
“ไม่ล่ะ งานนี้ขอบาย” เกรย์พูดเซ็ง ๆ  เฟย์เนี่ยนหน้าเหรอ
   
“ทำไมล่ะ” เอล์ฟสาวถามงง ๆ
   
“ชั้น ”เกรย์หยุดไปนิดหนึ่ง  เหมือนจะหาคำพูดมาต่อ “ไม่ชอบงานเลี้ยงน่ะ”
   
“ไม่ได้นะ” เฟย์เนี่ยนเอ่ยเสียงเครียด “ในฐานะที่เธอเป็นเพื่อนชั้น เธอต้องไปด้วย”
   
“ก็ชั้นไม่อยากไปนี่”
   
“ต้องไป”
   
“ไม่อ๊าว”
   
“ไปน่า”
   
“ไม่ไปไม่ได้เหรอ” เกรย์พูด  ถอนใจอย่างเบื่อ ๆ
   
“ไม่ได้นะ งานนี้ยังไงยังไงเธอก็ต้องไป” เอล์ฟสาวกำชับ
   
“ถึงแล้วเพคะ จัตุรัสแฟร์มูน” เสียงสารถีดังขึ้นตัดบทอย่างได้ผล
   
“ถึงแล้ว ๆ” เฟย์เนี่ยนพูดอย่างเริงร่า  เกรย์ผลักประตูลงจากรถ
   
จัตุรัสแฟร์มูนนั้นเป็นศูนย์รวมของทุก ๆ อย่าง  ร้านรวงตั้งวางอย่างเป็นระเบียบทั้งร้านค้าและแผงลอยวางเรียงรายริมทาง  ร้านอาหารและร้านกาแฟตั้งให้เห็นเป็นระยะ ๆ  เอล์ฟทุกวัยเดินกันให้ควั่กไม่แพ้เมืองหลวงของมนุษย์อย่างอนาคิน
   
“เป็นไง” เฟย์เนี่ยนถาม
   
“ก็ ดี” เกรย์ตอบ  กวาดตามองร้านค้าต่าง ๆ อย่างงง ๆ 
   
“ไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า” เฟย์เนี่ยนพูด  ดึงเกรย์ที่กำลังมองร้านขายอาวุธที่หัวมุมถนนไปด้วย
   
“กินอะไรดีน้า” เฟย์เนี่ยนร้องอย่างอารมณ์ดี
   
“นี่ละกัน” เอล์ฟสาวเอ่ยเมื่อมาหยุดหน้าร้านอาหารที่มีชื่อว่า  เมเปิ้ล  ลีฟ
   
เสียงกรุ้งกริ้งของกระดิ่งที่ติดไว้เหนือประตูดังอย่างยินดีเมื่อเฟย์เนี่ยนผลักประตูเข้าไป  ภายในร้านสว่างสดใสด้วยแสงแดดที่ส่องลอดหน้าต่างบานยักษ์  ลูกค้ามากหน้าหลายตานั่งอยู่เป็นจุด  กลิ่นขนมปังอบใหม่ ๆ และเนื้อย่างลอยคลุ้ง
   
“ชั้นสั่งให้เลยดีกว่ามั้ง” เฟย์เนี่ยนพูดเมื่อทั้งคู่นั่งลงที่โต๊ะริมหน้าต่างที่ยังว่าง  เกรย์พยักหน้า  พลางเหลือบมองรายการอาหารที่ไม่คุ้นชื่อ
   
“เอาเค้กน้ำผึ้งสอง  ชาสอง” เฟย์เนี่ยนสั่งอย่างชำนาญจนเกรย์ละสายตาจากหน้าต่างมามอง
   
“มาบ่อยหรอ” เกรย์ถาม
   
“อื้อ ร้านนี้คนเยอะ  ชั้นมานั่งกินก็ไม่ค่อยมีใครสังเกต  ถ้าสังเกตก็แค่บอกว่าหน้าเหมือน” เฟย์เนี่ยนตอบ  ยิ้มร่า
   
“หรอ ” เกรย์รับเบา ๆ
   
“เธอนี่ก็สบายนะ ไปไหนมาไหนไม่ต้องคอยหลบ” เฟย์เนี่ยนพูดอย่างอิจฉา
   
“คิดผิดรึเปล่า” เกรย์พูด “ชั้นเป็นฆาตกรนะ  ไปไหนมาไหนต้องคอยลุ้นว่าจะมีใครจำหน้าได้รึเปล่า  แถมถ้ามีใครจำได้ขึ้นมาเค้าคงไม่รอถามหรอกว่าเป็นใช่ตัวจริงรึเปล่า  ป่านนี้โดนรุมประชาทัณฑ์ไปแล้ว”
   
“ร หรอ” เฟย์เนี่ยนยิ้มเจื่อน ๆ
   
“แต่เกรย์ก็เป็นคนดีนี่” เฟย์เนี่ยนแย้ง
   
“แล้วใครสนล่ะ นักฆ่าเงาน่ะเป็นกลุ่มอิทธิพลที่มีพวกคนชั้นสูงเยอะแยะหนุนหลังอยู่  ถึงจะเป็นคนดียังไงถ้าเข้ากลุ่มนี้ก็ต้องฆ่าคน  ที่ดีหน่อยก็ฆ่าแค่ตามใบสั่ง  ไม่ฆ่ามากกว่านั้น” เกรย์พูดเรียบ ๆ
   
“ก็ดีแล้วล่ะที่ออกมาได้” เกรย์เปรยต่อ “แต่มันคงไม่จบแค่นี้หรอก เดี๋ยวต้องมีเรื่องมีราวมากกว่านี้แน่”
   
“ช่างมันไปก่อนเถอะ” เฟย์เนี่ยนพูดเมื่อเค้กน้ำผึ้งกับชาอย่างละสองถูกยกมาวาง  กลิ่นหอมของเค้กฟองน้ำราดน้ำผึ้ง  กับกลิ่นชาลอยฟุ้ง
   
“แล้วตกลงคืนนี้ชั้นต้องไปงานอะไรนั่นจริงหรอ” เกรย์ถาม  ตัดเค้กชิ้นหนึ่งใส่ปาก
   
“แหงสิ” เฟย์เนี่ยนพูดอย่างไม่ใส่ใจพลางตัดเค้กชิ้นเบ้อเร้อใส่ปาก
   
หลังจากการกินด้วยความเร็วเท่าแสงของเฟย์เนี่ยน  กับเค้กน้ำผึ้งสามชิ้นและชาอีกสองถ้วย  ส่วนเกรย์นั้นกินแบบไม่ใส่ใจอะไรเท่าไหร่  เฟย์เนี่ยนก็จ่ายเงิน (ห้าซิลด์ สี่เจต)
   
“อร่อยเป็นบ้า”  เฟย์เนี่ยนพูดอย่างอารมณ์ดีเมื่อทั้งคู่เดินออกจากร้านเมเปิ้ล  ลีฟ
   
“ไปไหนต่อ” เกรย์ถาม  กวาดตามองร้านรวงต่าง ๆ อย่างไม่ค่อยใส่ใจ
   
“แน่นอน ก็ต้องเดินตลาดให้สะใจกันไปเลย” เฟย์เนี่ยนพูด  ยิ้มร่า  พลางคว้ามือเกรย์เข้าร้านโน้นทีร้านนี้หน่อย  ถุงกระดาษใส่ข้าวของเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่เงินในถุงก็ลดลงเรื่อย ๆ เช่นกัน
   
ฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีแล้วเมื่อเฟย์เนี่ยนตัดสินใจว่าได้เวลากลับวังด้วยเหตุผลที่เกรย์ฟังแล้วเซ็งสุดๆ ว่า
   
“ต้องไปหาอะไรให้เกรย์ใส่ซะหน่อย”
______________________________________
“เกรย์!!!” เฟย์เนี่ยนร้องทักเสียงดังเมื่อเห็นร่างของเพื่อนสาวที่กำลังยืนพิงรถม้าสีน้ำตาลเข้ม  เงยหน้ามองฟ้าสีฟ้าสดอย่างไร้อารมณ์
   
“อ้าว มาแล้วหรอ” เกรย์ละสายตาจากท้องฟ้ามามองร่างของเฟย์เนี่ยนที่วิ่งกระหืดกระหอบมาตามทางเดิน
   
“แล้ว เธอเดินมานี่เองหรอ” เฟย์เนี่ยนถาม  ใจเริ่มเต้นไม่เป็นส่ำ
   
“เปล่า” เกรย์ส่ายหน้า “พี่สาวคนนั้นพามา”
   
“ไฮ้ เฟย์เนี่ยน” ‘พี่สาวคนนั้น’ ร้องทักเสียงใส
   
“หยึย ” เฟย์เนี่ยนผงะไปนิดหนึ่ง
   
“เจอพี่แล้วทำเสียงแบบนี้ไม่มีมารยาทเอาซะเลยนะ” เฟย์ไนท์เริ่มเทศน์
   
“พี่ ม มาทำอะไร” น้องสาวตัวดีติดอ่างไป
   
“อ้าว พี่เธอเหรอ” เกรย์ถามงง ๆ
   
“ใช่ พี่สาวที่บ้า  ขี้เหนียว  งกเงิน  แล้วก็นิสัยเสียของชั้นเอง” เฟย์เนี่ยนพูดเสียงดัง  พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
   
“ใช่ที่ไหน ต้องเป็นพี่สาวที่แสนฉลาด  น่ารัก  สุดสวย  แสนใจดีต่างหาก” เฟย์ไนท์แก้  มืออีกข้างอุดปากเฟย์เนี่ยนที่ส่งเสียงอู้อี้อยู่ข้างหลัง
   
“หรอ” เกรย์พูด  เลิกคิ้วนิด ๆ ก่อนยื่นมือมาข้างหน้าเฟย์ไนท์
   
“ฉันชื่อเกรย์ เอมมิเกรย์  ยินดีที่รู้จัก” เฟย์ไนท์ยื่นมือที่อุดปากเฟย์เนี่ยนอยู่มาจับอย่างรวดเร็ว  เฟย์เนี่ยนหายใจฮั่ก ๆ
   
“เฟย์ไนท์  พี่สาวของเฟย์เนี่ยน  ชื่อกลางช่างมันเถอะ” เฟย์ไนท์พูดยิ้มแย้ม
   
หมับ!!!
   
มือของเฟย์เนี่ยนเอื้อมมาปิดปากเฟย์ไนท์จากด้านหลัง  ก่อนลากไปหลังรถ (ส่วนเกรย์ยืนอึ้งไปแล้ว)
   
“พี่มาทำอะไร้” น้องสาวถามย้ำเสียงแหลม (บันไดเสียงโซปราโน่)
   
“เอาของที่ท่านแม่ฝากมามาให้  สำนึกบุญคุณเอาไว้ซะด้วย” เฟย์ไนท์ยื่นถุงผ้ากำมะหยีสีม่วงเข้มมาแกว่งตรงหน้าเฟย์เนี่ยน 
   
“โอ ขอบคุณท่านแม่” เฟย์เนี่ยนพูด  ยื่นมือไปคว้าถุงที่กำลังส่งเสียงกรุ้งกริ้ง  แต่เฟย์ไนท์ชักมือหลบซะก่อน
   
“อะไรอีกล่ะ” น้องสาวถาม  เส้นเลือดเริ่มขึ้นหน้า
   
“ค่า นำ ส่ง” พี่สาวเน้นช้าชัดพลางยิ้มร่า
   
“ห๊า!!!” เฟย์เนี่ยนร้องไม่เป็นภาษา
   
“เอามาซะดี ๆ” เฟย์ไนท์พูด  แกว่งมือไปมาหน้าเฟย์เนี่ยน
   
“เอาเท่าไหร่อีกล่ะ” น้องสาวถามเซ็ง ๆ
   
“พี่ก็รู้นะว่าเธอเงินไม่พอ  เอาว่ามัดจำมาก่อนร้อยซิลด์  แล้วค่อยจ่ายอีกสี่ร้อยตอนพี่ส่งถุงให้  ดีมะ” พี่สาวเอ่ย  ส่วนเฟย์เนี่ยนนั้นเริ่มสติแตก
   
“แค่เอาถุงมาส่งเนี่ยนะ  ห้าร้อยซิลด์” เฟย์เนี่ยนโวยวาย
   
“อย่าบ่นนะจ้ะ ในถุงนี้มีห้าพันซิลด์  คิดค่านำส่งแค่สิบเปอร์เซ็นต์ก็ดีถมถืดแล้ว  เอามา” เฟย์ไนท์เริ่มแยกเขี้ยว  น้องสาวส่งเหรียญกำมือหนึ่งให้พี่สาวอย่างจนใจ
   
“ดี ” เฟย์ไนท์พูด  ยื่นถุงเงินให้เฟย์เนี่ยนที่รับมาเปิดอย่างรวดเร็ว 
   
“เอามาอีกสี่ร้อย” เฟย์ไนท์พูด  น้องสาวรีบคว้าเหรียญส่งให้พี่สาวตัวดี
   
“คราวนี้ก็ไปได้แล้ว” เฟย์เนี่ยนพูด  ชี้มือไปที่ปราสาทอย่างหมดอารมณ์
   
“ใครว่าพี่มาแค่นี้ล่ะ พี่จะของอาศัยรถไปลงที่ตลาดกลางเมืองด้วยย่ะ  โฮะ  โฮะ” พี่สาวหัวเราะอย่างอารมณ์ดี  ก่อนเดินหายขึ้นรถไป 
   
“ปิศาจชัด ๆ” เฟย์เนี่ยนพึมพำ  พลางก้าวขึ้นรถม้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก
                                                                  @@@@@@@@@@@@
“บาย ไปล่ะ”
เฟย์ไนท์เอ่ยเมื่อรถม้ามาหยุดที่จัตุรัสกลางเมือง “อย่าลืมกลับบ้านก่อนห้าโมงนะ”         
   
“ไปแล้วอย่ากลับมาอีกน้า” เฟย์เนี่ยนตะโกนดังลั่น  พี่สาวตัวดีหัวเราะร่าเช่นเคยก่อนหายไปท่ามกลางฝูงคน
   
“พี่บ้า วันนี้เสียเงินไปตั้งแปดร้อย” เฟย์เนี่ยนเริ่มบ่น
   
“ชั้นว่าเค้าก็น่ารักดีออก” เกรย์พูด
   
“นี่ อย่าไปเห็นดีเห็นงามกับยัยนั่นนะ  ยัยนั่นน่ะบ้าเงินอย่างกับอะไรดี” เฟย์เนี่ยนพูด  กำถุงเงินแน่นราวกับเฟย์ไนท์จะย้อนมาเอามันไป
   
“เออ .แล้วเราจะไปไหนดี” เกรย์เปลี่ยนเรื่อง
   
“ก่อนอื่นต้องไปหาอะไรกินก่อน  แล้วค่อยเดินให้ทั่วตลาด” เฟย์เนี่ยนพูด  ก่อนหันไปหาสารถี
   
“จอดที่แฟร์มูนนะ” เฟย์เนี่ยนกำชับ
   
“แฟร์มูน ?”เกรย์ทวนงง ๆ
   
“เป็นจัตุรัสอีกที่น่ะ” เอล์ฟสาวตอบ  เกรย์พยักหน้ารับ
   
“แล้วเย็นนี้ต้องกลับห้าโมง เฮ้อ” เฟย์เนี่ยนถอนหายใจ
   
“มีอะไรหรอ” เกรย์ถามเมื่อเห็นท่าทีของเอล์ฟสาว
   
“เย็นนี้ต้องมีงานเลี้ยงน่ะสิ” เฟย์เนี่ยนตอบ “งานเลี้ยงต้อนรับการกลับของชั้น  เธอก็ต้องไปด้วยนะ”
   
“ไม่ล่ะ งานนี้ขอบาย” เกรย์พูดเซ็ง ๆ  เฟย์เนี่ยนหน้าเหรอ
   
“ทำไมล่ะ” เอล์ฟสาวถามงง ๆ
   
“ชั้น ”เกรย์หยุดไปนิดหนึ่ง  เหมือนจะหาคำพูดมาต่อ “ไม่ชอบงานเลี้ยงน่ะ”
   
“ไม่ได้นะ” เฟย์เนี่ยนเอ่ยเสียงเครียด “ในฐานะที่เธอเป็นเพื่อนชั้น เธอต้องไปด้วย”
   
“ก็ชั้นไม่อยากไปนี่”
   
“ต้องไป”
   
“ไม่อ๊าว”
   
“ไปน่า”
   
“ไม่ไปไม่ได้เหรอ” เกรย์พูด  ถอนใจอย่างเบื่อ ๆ
   
“ไม่ได้นะ งานนี้ยังไงยังไงเธอก็ต้องไป” เอล์ฟสาวกำชับ
   
“ถึงแล้วเพคะ จัตุรัสแฟร์มูน” เสียงสารถีดังขึ้นตัดบทอย่างได้ผล
   
“ถึงแล้ว ๆ” เฟย์เนี่ยนพูดอย่างเริงร่า  เกรย์ผลักประตูลงจากรถ
   
จัตุรัสแฟร์มูนนั้นเป็นศูนย์รวมของทุก ๆ อย่าง  ร้านรวงตั้งวางอย่างเป็นระเบียบทั้งร้านค้าและแผงลอยวางเรียงรายริมทาง  ร้านอาหารและร้านกาแฟตั้งให้เห็นเป็นระยะ ๆ  เอล์ฟทุกวัยเดินกันให้ควั่กไม่แพ้เมืองหลวงของมนุษย์อย่างอนาคิน
   
“เป็นไง” เฟย์เนี่ยนถาม
   
“ก็ ดี” เกรย์ตอบ  กวาดตามองร้านค้าต่าง ๆ อย่างงง ๆ 
   
“ไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า” เฟย์เนี่ยนพูด  ดึงเกรย์ที่กำลังมองร้านขายอาวุธที่หัวมุมถนนไปด้วย
   
“กินอะไรดีน้า” เฟย์เนี่ยนร้องอย่างอารมณ์ดี
   
“นี่ละกัน” เอล์ฟสาวเอ่ยเมื่อมาหยุดหน้าร้านอาหารที่มีชื่อว่า  เมเปิ้ล  ลีฟ
   
เสียงกรุ้งกริ้งของกระดิ่งที่ติดไว้เหนือประตูดังอย่างยินดีเมื่อเฟย์เนี่ยนผลักประตูเข้าไป  ภายในร้านสว่างสดใสด้วยแสงแดดที่ส่องลอดหน้าต่างบานยักษ์  ลูกค้ามากหน้าหลายตานั่งอยู่เป็นจุด  กลิ่นขนมปังอบใหม่ ๆ และเนื้อย่างลอยคลุ้ง
   
“ชั้นสั่งให้เลยดีกว่ามั้ง” เฟย์เนี่ยนพูดเมื่อทั้งคู่นั่งลงที่โต๊ะริมหน้าต่างที่ยังว่าง  เกรย์พยักหน้า  พลางเหลือบมองรายการอาหารที่ไม่คุ้นชื่อ
   
“เอาเค้กน้ำผึ้งสอง  ชาสอง” เฟย์เนี่ยนสั่งอย่างชำนาญจนเกรย์ละสายตาจากหน้าต่างมามอง
   
“มาบ่อยหรอ” เกรย์ถาม
   
“อื้อ ร้านนี้คนเยอะ  ชั้นมานั่งกินก็ไม่ค่อยมีใครสังเกต  ถ้าสังเกตก็แค่บอกว่าหน้าเหมือน” เฟย์เนี่ยนตอบ  ยิ้มร่า
   
“หรอ ” เกรย์รับเบา ๆ
   
“เธอนี่ก็สบายนะ ไปไหนมาไหนไม่ต้องคอยหลบ” เฟย์เนี่ยนพูดอย่างอิจฉา
   
“คิดผิดรึเปล่า” เกรย์พูด “ชั้นเป็นฆาตกรนะ  ไปไหนมาไหนต้องคอยลุ้นว่าจะมีใครจำหน้าได้รึเปล่า  แถมถ้ามีใครจำได้ขึ้นมาเค้าคงไม่รอถามหรอกว่าเป็นใช่ตัวจริงรึเปล่า  ป่านนี้โดนรุมประชาทัณฑ์ไปแล้ว”
   
“ร หรอ” เฟย์เนี่ยนยิ้มเจื่อน ๆ
   
“แต่เกรย์ก็เป็นคนดีนี่” เฟย์เนี่ยนแย้ง
   
“แล้วใครสนล่ะ นักฆ่าเงาน่ะเป็นกลุ่มอิทธิพลที่มีพวกคนชั้นสูงเยอะแยะหนุนหลังอยู่  ถึงจะเป็นคนดียังไงถ้าเข้ากลุ่มนี้ก็ต้องฆ่าคน  ที่ดีหน่อยก็ฆ่าแค่ตามใบสั่ง  ไม่ฆ่ามากกว่านั้น” เกรย์พูดเรียบ ๆ
   
“ก็ดีแล้วล่ะที่ออกมาได้” เกรย์เปรยต่อ “แต่มันคงไม่จบแค่นี้หรอก เดี๋ยวต้องมีเรื่องมีราวมากกว่านี้แน่”
   
“ช่างมันไปก่อนเถอะ” เฟย์เนี่ยนพูดเมื่อเค้กน้ำผึ้งกับชาอย่างละสองถูกยกมาวาง  กลิ่นหอมของเค้กฟองน้ำราดน้ำผึ้ง  กับกลิ่นชาลอยฟุ้ง
   
“แล้วตกลงคืนนี้ชั้นต้องไปงานอะไรนั่นจริงหรอ” เกรย์ถาม  ตัดเค้กชิ้นหนึ่งใส่ปาก
   
“แหงสิ” เฟย์เนี่ยนพูดอย่างไม่ใส่ใจพลางตัดเค้กชิ้นเบ้อเร้อใส่ปาก
   
หลังจากการกินด้วยความเร็วเท่าแสงของเฟย์เนี่ยน  กับเค้กน้ำผึ้งสามชิ้นและชาอีกสองถ้วย  ส่วนเกรย์นั้นกินแบบไม่ใส่ใจอะไรเท่าไหร่  เฟย์เนี่ยนก็จ่ายเงิน (ห้าซิลด์ สี่เจต)
   
“อร่อยเป็นบ้า”  เฟย์เนี่ยนพูดอย่างอารมณ์ดีเมื่อทั้งคู่เดินออกจากร้านเมเปิ้ล  ลีฟ
   
“ไปไหนต่อ” เกรย์ถาม  กวาดตามองร้านรวงต่าง ๆ อย่างไม่ค่อยใส่ใจ
   
“แน่นอน ก็ต้องเดินตลาดให้สะใจกันไปเลย” เฟย์เนี่ยนพูด  ยิ้มร่า  พลางคว้ามือเกรย์เข้าร้านโน้นทีร้านนี้หน่อย  ถุงกระดาษใส่ข้าวของเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่เงินในถุงก็ลดลงเรื่อย ๆ เช่นกัน
   
ฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีแล้วเมื่อเฟย์เนี่ยนตัดสินใจว่าได้เวลากลับวังด้วยเหตุผลที่เกรย์ฟังแล้วเซ็งสุดๆ ว่า
   
“ต้องไปหาอะไรให้เกรย์ใส่ซะหน่อย”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น