คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : คิทสึเนะ!!? (100% จ้า ^ ^)
4.
คิทสึเนะ!!?
"ขอโทษครับ...ห้องวิชาการไปทางไหน ?"
คนที่ถามขึ้นท่ามกลางความเงียบกริบเหมือนป่าช้าที่ทำให้ทุกคนหันไปมองพร้อมกันนั้นเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง อืม...จะว่าไปก็หน้าตาดีนะ ตาเรียว ๆ สี...เอ ออกจะสีจาง ๆ หน่อย เหมือนสีขี้เถ้ายังไงไม่รู้ดูแปลกตาดีอยู่หลังแว่นกรอบบาง ใบหน้าเรียวได้รูปชนิดที่ว่าสาว ๆ ที่ไหนเห็นเป็นต้องหันกลับมามอง แถมยังสูงกว่าฉันที่ว่าสูงแล้วเสียอีก เส้นผมสีดำสนิทหวีเรียบ เสื้อผ้าที่ใส่ไม่ใช่ชุดนักเรียนของโรงเรียนฉัน แต่เป็นชุดสูทสีดำที่ดูเท่อะไรจะปานนั้น นิ้วเรียว ๆ ยาว ๆ เหมือนขาแมงมุมของเขายกขึ้นเลื่อนแว่นที่ไหลลงมาให้กลับเข้าที่
ทุกอย่างก็ดูดีหรอกนะ...แต่ไอ้ท่าทางนี่ขัดใจชะมัด!! แล้วยัง...
"เออ..." ริวเซอ้าปาก กะพริบตางง ๆ จนทำให้ฉันนึกได้
"ห้องวิชาการใช่ไหม ? ตรงไปตึกบีแล้วเลี้ยวซ้ายขึ้นบันไดไปชั้นสอง" ฉันรีบตอบ ปรายตามองพ่อน้องชายที่ยืนเอ๋ออึ้งอย่างกับเห็นผี
"ขอบคุณครับ"
เสียงที่ตอบกลับมานั้นเย็นเกินจะบรรยาย แต่ไม่รู้ทำไม...สายตาของสาว ๆ หลายคู่กลับมองไปที่ไอ้หมอนี่ราวกับเป็นนางชะนีกระหายรัก
"แล้วก็..." นัยน์ตาสีขี้เถ้าของชายหนุ่มปรายมองมาที่เราสองคน ฉันเพิ่งรู้ว่ายังยกเท้าจะถีบพ่อน้องชายตัวดีอยู่จึงรีบเอาเท้าลงทันที
"...ฝีมือน่ะ เก็บเอาไว้ก็ไม่บูดไม่เน่าหรอกนะ"
น...หนอย!! ไอ้หมอนี่พยายามจะบอกฉันว่าอย่ามาอวดเก่งแถวนี้งั้นสิ!!?
"พี่...เดี๋ยวก่อน" ริวเซรีบคว้ามือฉันเอาไว้ก่อนที่ฉันจะกระโจนเข้าไปอัดเจ้าคนปากเสียที่หันหลับเดินตุบ ๆ ออกไปอย่างไม่สนใจ
"อะไรเล่า!! ริวเซปล่อยนะ!!! ฉันจะไปอัดมัน!!"
"ยัยยูเอะ!!! เค้ามี 'จิตต่อสู้' นะ!!!"
น้องชายตัวดีตะโกนกรอกใส่หูฉัน
ได้ผล...ฉันนิ่งไปเลยอ่ะดิ เรื่องเมื่อกี้กลับมาอยู่ในหัวข้อเรื่องที่จะต้องพิจารณาอีกครั้งหลังจากที่เมื่อกี้ถูกพักเอาไว้ก่อนเพราะอารมณ์อยากอัดคนมันมาแรงแซงโค้งกินขาดไปแล้ว
"แกก็รู้สึกเหรอ ?" ฉันหันไปถามริวเซที่พยักหน้าตอบกลับมา ดูท่าทางเหมือนยังงงอยู่เลย
"ใช่...ท่านพ่อเองก็เคยสอนไม่ใช่หรอ ? ว่าคนที่มีจิตต่อสู้สูงน่ะแสดงว่าต้องมีฝีมือสูงตามไปด้วย คนที่มีจิตต่อสู้รุนแรงจนจิตต่อสู้ของพวกเราสองคนที่ปล่อยออกมาซัดกันเมื่อกี้ยังกลืนไม่หมด แสดงว่าหมอนั่นต้องพิเศษ"
"แล้วยังเข้ามาโดยที่พวกเราสองคนไม่รู้สึกตัวได้อีก" ฉันเริ่มจะคิดขึ้นมาบ้าง ว่าก่อนหน้าที่เจ้าแว่นนั่นจะพูดขึ้นมาน่ะยังไม่มีจิตต่อสู้เลย มารู้สึกตัวอีกทีก็เหมือนกับเจ้านั่นโผล่เข้ามายืนในห้องนี้เสียดื้อ ๆ
ปกติ...พวกนักฆ่าและพวกนักดาบอย่างฉันจะมีสิ่งที่เรียกว่า 'จิตต่อสู้' เป็นเหมือนกับกลิ่นอายอย่างหนึ่งที่ถูกปล่อยออกมาจากร่างกายเวลาที่ต่อสู้ คนที่มีจิตต่อสู้ยิ่งสูงก็แสดงว่าฝีมือก็น่าจะสูงตามไปด้วย
แล้วอีกอย่าง ที่นี่มีนักฆ่าจากซานาดะเซริวอยู่ถึงสองคนคือฉันกับริวเซ แต่ทำไมกลับไม่รู้ตัวเลยว่ามีหมอนี่เข้ามายืนอยู่ในห้อง ?
จะว่าเพราะมัวแต่สู้กันมากเกินไปรึก็ไม่ใช่
"อืม..." ริวเซก้มหน้า กัดปากเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนักจนฉันต้องเหลือบมามอง
แหม ๆ พ่อน้องชายของฉัน...รู้จักใช้ความคิดแล้วรึเนี่ย!?
ในขณะที่ฉันกำลังยิ้มแก้มแทบปริกับจินตนาการของตัวเอง พ่อน้องแสนดีก็ทำลายความงดงามของความคิดของฉันไปเสียฉิบเลย -*-
"เออ...ป้า วันนี้ฮันโซซังจะมารับป้าใช่ป่าว ขอกลับด้วยคนดิ ? วันนี้ฉันลืมนัดให้คนที่บ้านมารับ ค่าขนมก็หมดพอดี นะ ?"
อ้าก!! ไอ้ริวเซ!!! สมองแกมีแค่นี้เองเรอะ!!?
** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **
"ท่านคิทสึเนะขอรับ...ท่านอาจารย์กำลังรออยู่นะขอรับ"
เสียงเรียกที่ทำให้เด็กหนุ่มเจ้าของแว่นกรอบบางและดวงตาสีขี้เถ้าประหลาดนั้นพยักหน้ารับเพียงนิดเดียว ก่อนจะก้าวผ่านประตูเลื่อนที่ถูกเปิดไว้แล้วโดยชายร่างสูงข้าง ๆ
"คิทสึเนะคุงสินะ...เพิ่งจะมาจากเกียวโตคงจะไม่ค่อยคุ้นกับเมืองหลวงใช่ไหมจ้ะ ?" อาจารย์สาวที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานที่กองเกลื่อนไปด้วยเอกสารและสมุดนักเรียนที่กำลังนอนรอการตรวจทักอย่างเป็นมิตร
"ครับ" เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบน้อย ๆ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับอาจารย์สาว
"คุณพ่อของเธอบอกครูแล้ว เดี๋ยวครูจะช่วยจัดการเรื่องการขอเข้าเรียนให้นะจ้ะ เออ...ว่าแต่แล้วพ่อกับแม่เธอจะตามมาวันไหนล่ะ ?"
"วันมะรืนครับ ถ้าเครื่องไม่ดีเลย์" เด็กหนุ่มนามคิทสึเนะตอบ ชายหนุ่มร่างสูงผู้รออยู่ก่อนเดินตามเข้ามายืนอยู่เบื้องหลังเก้าอี้ราวกับข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์
"เออ...คุณคนนี้ ?" สายตาของอาจารย์เหลือบมองชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาเหมือนเป็นคำถาม
"เขาเป็นผู้ติดตามครับ แต่เวลาที่ผมมาโรงเรียนตามปกติเขาจะไม่ตามมาด้วย" คิทสึเนะตอบเรียบ ๆ
"อ๋อ...อืม" อาจารย์สาวพยักหน้ารับนิด ๆ
อาจารย์ซาซาอิ มิโดริ อาจารย์หัวหน้าฝ่ายวิชาการคนนี้จริง ๆ แล้วเป็นญาติทางแม่ของเขา ซึ่งนั่นก็ทำให้อาจารย์สาววัยเพียงยี่สิบปลาย ๆ ผู้นี้ได้เลื่อนขึ้นมาเป็นถึงหัวหน้าฝ่ายทั้ง ๆ ที่เพิ่งเข้ามาทำงานเพียงสามปีเท่านั้น และนั่นยังทำให้เขาสามารถย้ายมาเข้าที่โรงเรียนเอกชนแห่งนี้กลางคันได้อีกด้วย
"ถ้างั้น...ช่วยเซ็นชื่อตรงนี้หน่อยได้ไหมจ้ะ ? นี่เป็นเอกสารรับรองน่ะ" มือขาว ๆ ที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงสดตรงปลายเล็บเลื่อนแบบฟอร์มสีขาวพร้อมปากกามาด้านหน้าของเด็กหนุ่มซึ่งรับมาเซ็นชื่อลงไปอย่างรวดเร็ว
"ถ้างั้น...ผมขอตัว" เด็กหนุ่มลุกขึ้นทันทีที่เห็นว่าธุระจบแล้ว เขาโค้งตัวให้ผู้มากวัยกว่าน้อย ๆ
"อ้าว...ทำไมรีบกลับล่ะ ? ไม่ไปกินอะไรด้วยกันหน่อยหรือ ? ข้าง ๆ นี้มีร้านโซบะอร่อย ๆ อยู่นะ"
"ขอโทษครับ...วันนี้ผมรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยเพราะเพิ่งบินมาถึง จะขอกลับเลยนะครับ" คิทสึเนะตอบเรียบ ๆ อาจารย์สาวจำต้องพยักหน้าอย่างยอมจำนนต่อเหตุผล แม้จะรู้ว่านั่นเป็นเพียงแค่ข้อแก้ตัวเท่านั้น
แต่...จะพูดก็พูดเถอะ เด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดตรงหน้าของหล่อนนี้มีศักดิ์สูงยิ่งกว่าหล่อนที่เป็นเพียงแค่อาจารย์หัวหน้าฝ่ายเสียอีก...
ประตูกระจกหน้าห้องพักอาจารย์ถูกงับปิดลงอย่างแผ่วเบา เมื่ออาจารย์สาวหยิบกระดาษที่ถูกเซ็นชื่อเรียบร้อยแล้วขึ้นมาสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง
ตรงช่องว่างสีขาวที่เคยถูกเว้นว่างไว้บัดนี้ถูกเติมด้วยตัวอักษรคันจิตวัดเล่นหางน้อย ๆ ไม่เหมือนกับลายมือของเด็กนักเรียน ม.5 ทั่วไปที่มักจะเป็นลายมือหวัด ๆ หรือไม่ก็เล่นเส้นเล่นลายเสียจนมองแทบไม่ออกว่าตัวอะไรเป็นตัวอะไร แต่ลายมือของเด็กหนุ่มกลับเป็นระเบียบเรียบร้อยราวกับเป็นนักคัดลายมือมืออาชีพ
ชื่อนั้น...อ่านได้ว่า
มินาโมโตะ โนะ คิทสึเนะ...
** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **
"ท่านคิทสึเนะ...จะกลับไปที่คฤหาสเลยหรือว่าจะไปที่อื่นก่อนขอรับ ?"
"กลับเลยเถอะ"
เจ้าของนามคิทสึเนะออกปากว่าเบา ๆ มือหยิบหนังสือปกหนังสีแดงเข้มขึ้นมาจากเบาะสีดำของรถสุดหรูที่สำหรับบางคน ทั้งชีวิตยังไม่รู้ว่าจะทำงานเก็บเงินได้ถึงครึ่งของมูลค่าของมันรึเปล่าด้วยซ้ำ
"ขอรับ..." ชายร่างสูงที่บัดนี้นั่งกุมพวงมาลัยเป็นสารถีอยู่พยักหน้า ก่อนจะหักพวงมาลัยเลี้ยวไปยังสถานที่ ๆ เด็กหนุ่มต้องการ
คิทสึเนะดันแว่นที่กำลังจะเลื่อนตกจากดั้งจมูกกลับเข้าที่ นัยน์ตาสีขี้เถ้าเพ่งมองตัวหนังสือเล็กจิ๋วที่บรรจุแต่เรื่องปรัชญาที่ยากต่อการเข้าใจอย่างมีสมาธิ
"ท่านคิทสึเนะ วันนี้จะไปที่..."
"ยัง" คำตอบทั้ง ๆ ที่คำถามยังถามไม่จบราวกับผู้ถูกถามล่วงรู้ว่าจะถูกถามอะไร
"แต่ว่า...ท่านคิทสึเนะ" คนถามผู้เงียบขรึมไม่มีปากมีเสียงมาโดยตลอดครางอย่างอ่อนอกอ่อนใจ "...เห็นแก่ท่านโคโยเถอะขอรับ ลองฝึกดาบสักหน่อย..."
"รู้แล้ว..." เจ้าของนัยน์ตาสีขี้เถ้าตอบตัดบท คิ้วเข้มขมวดเข้าเล็กน้อยเหมือนกำลังหงุดหงิด แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อไป
"ท่านคิทสึเนะ..." คราวนี้ชายหนุ่มร่างสูงแทบจะร้องไห้เลยด้วยซ้ำ
ทำไมคนอย่างเขาที่เลี้ยงเด็กหนุ่มคนนี้มาตั้งแต่อ้อนแต่ออกจะไม่รู้นิสัยของมินาโมโตะ โนะ คิทสึเนะคนนี้ ว่าดื้อเงียบสักแค่ไหน
"ซาโนะ..." เด็กหนุ่มผู้นั่งอยู่เบาะหลังปรามกลับมาเสียงเย็น ๆ
"ขอร้าบบบบ" องครักษ์หนุ่มนามซาโนะลากเสียงตอบกลับมาอย่างที่ถ้าไม่ได้กำลังอยู่ต่อหน้านายน้อยของเขาแล้วจะไม่มีวันทำให้ใครเห็นเป็นแน่
"อ้อ..." ซาโนะร้องเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ พลางเหลือบมองเด็กหนุ่มผ่านกระจกมองหลัง "...แล้ว ท่านคิทสึเนะ ทำไมวันนี้ถึงมาสายละขอรับ ? สายไปตั้งสองนาที"
"หืม ?" คิทสึเนะเลิกคิ้วขึ้น ยังไม่ยอมละสายตาจากหน้าหนังสือเลยแม้แต่วินาทีเดียว
รอยยิ้มเหยียบเย็นกระตุกออกบนริมฝีปากของเด็กหนุ่มนามคิทสึเนะเพียงวูบเดียวราวกับภาพลวงตา ก่อนจะเอ่ยตอบ
"เปล่า...ก็แค่เจอเรื่องน่าสนใจนิดหน่อยเท่านั้น"
** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **
"โอ้ย!! ปวดแขน!!! เพราะแกแท้ ๆ...ริวเซ!!"
"อะไรเล่า ? ใครกันแน่ที่ท้าตีท้าต่อยก่อน"
"ฉันไม่เคยไปท้าแกเลยนะยะ!!!"
"นี่ ๆ...เลิกเถียงกันซะทีเถอะ พี่ทำงานไม่ได้!!"
เสียงร้องประท้วงดังมาจากหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีตัวอักษรมากมายวิ่งกันให้ลายตาไปหมด ดวงตาสีดำสนิทของริวจินหันมามองน้องสุดที่รักทั้งสองคนที่มาก่อเรื่องจะวางมวยกันต่ออีกยกในห้องของเขา
"เฮ้อ!!" พี่ชายคนเดียวในห้องถอนหายใจ มองน้องสองคนที่กำลังส่งสายตาอาฆาตเข้าใส่กันจนเห็นประจุไฟฟ้าเปรี๊ยะ ๆ ในอากาศ แล้วจึงหันกลับมารัวแป้นพิมพ์ต่อ
ก็ทำไมล่ะ!? ฉันไม่ผิดนะ!!!
ก็ฉันไม่ได้ชวนไอ้คุณริวเซนี่เข้ามาเสียหน่อย...
พอฉันกลับถึงบ้านก็ดิ่งมาที่ห้องของพี่ชายแสนดีเพื่อรอข้อมูลสำหรับงานหน้า ที่เวลาเริ่มจะงวดเข้ามาทุกที ๆ แล้วไอ้น้องชายตัวดีนี่ตามเข้ามาทำไมละเนี่ย!!?
"นี่...พี่ริวจิน ขอผมยืมใช้สักเครื่องสิ" พอหาเรื่องฟัดกับฉันไม่ได้ พ่อน้องชายแสนดีก็เลยหันไปอ้อนริวจินแทน หนอย!! ทีกับฉันละเรียกป้าเอาป้าเอา ทีกับท่านพี่สุดหล่อละเรียกพี่ริวจินเชียวนะ!! ฮึ่ม ๆ!!
แต่ก็ไม่แปลกหรอก...ไม่ว่าใครก็อยากได้พี่ริวจินเป็นพี่ทั้งนั้นแหละ เพราะมาดพี่ชายที่แสนดีนี่ไง ^O^ สรุปก็คือ...ฉันเป็นคนโชคดีที่มีพี่ชายที่แสนดีที่สุดในโลก!!
และก็...เป็นคนโชคร้ายที่มีน้องชายที่ห่วยที่สุดในโลกด้วย -O-
"ไม่ได้หรอก...ตอนนี้คอมพ์ทุกตัวในห้องพี่กำลังใช้มันเจาะเข้าระบบของเอฟบีไออยู่ ช่วงนี้งานเยอะไปหน่อยน่ะ"
"ง้านนหรอออ ?" ริวเซลากเสียง เริ่มแปลงร่างเป็นงูแล้วเลื้อยไปบนพื้นเสื่อทาทามิ
ป๊อก!!
พี่เคาะแป้นพิมพ์แรง ๆ ครั้งหนึ่งเป็นเหมือนสัญญาณว่างานของฉันเสร็จแล้วจ้า!! ^ ^
"เอ้า!! นี่!?"
ดิสก์สีแดงเถือกแผ่นหนึ่งถูกส่งมาให้ฉันที่รับมาถือไว้ ยิ้มแป้นดิ...เงินนะเนี่ยไอ้ที่ถืออยู่เนี่ย >O<
ปกติ...ถ้าจะเรียกเอาข้อมูลขนาดนี้จากพี่สุดหล่อของฉันไม่รู้ต้องจ่ายตั้งเท่าไหร่เชียวนา
"อะไร ?...ยูเอะ ? มีงานเข้ามาเรอะ!? ทำไมไม่บอกฉันบ้าง" ริวเซมุ่ยหน้า
"เหอะ...งานนี้แกชวดแล้ว เพราะฉันจะรับทำเอง" เหอะ ๆ...ช่วงนี้ค่าขนมยิ่งขาดแคลนอยู่ เรื่องอะไรต้องแบ่งกองเงินกองทองกับเจ้าน้องตัวแสบนี่!? ถ้าเป็นพี่ชายแสนดีคนนี้ก็ว่าไปอย่าง
"น่านะ...พี่ยูเอะจ๋า!!" แน่ะ ๆ...หุหุหุ ทีอย่างนี้ล่ะยูเอะจ้ะยูเอะจ๋าเชียวนะ ไอ้ป้าป้าป้าเมื่อกี้หายไปไหนแล้วล่ะ ?
"ขอสักสิบเปอร์เซ็นต์ก็ยังดีนะ"
"ไม่!!"
"งั้นห้าเปอร์เซ็นต์ก็ได้...นะ ๆ ๆ พี่ก็รู้ว่าตอนนี้ฉันมันยิ่งบ่จี๊อยู่"
"ไม่ได้!! ให้มากที่สุดแค่หนึ่ง!!!" ฉันยื่นคำขาด พร้อมกับมองหน้าที่เหมือนกับเห็นผีของพ่อน้องตัวแสบ
"หนึ่ง!!? จะบ้าเรอะ!?! ไปนั่งขอทานยังได้มากกว่านี้เลย!!!"
"แล้วจะรับมั้ยยะ ?"
"เออ...รับคร๊าบ!!"
"ดีมาก" แล้วแกจะพูดมากไปทำไมฟระ -*- ไอ้คุณริวเซ!!!
** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **
แสงดาวกำลังทอระยิบระยับอยู่เหนือหัวฉัน แสงไฟอ่อน ๆ จากหลอดนีออนทำให้สวนสาธารณะยามค่ำคืนแห่งนี้สว่างขึ้นได้อีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น บรรยากาศช่างแสนจะโรแมนติก มีเพียงเสียงสายลมพัดเบา ๆ และเสียงต้นไม้เสียดสีกันเท่านั้นที่ขับกล่อมทุกชีวิตในความมืดนี้
ใช่แล้ว บรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติกขนาดนี้ แต่ที่ไม่มีคู่รักมานั่งเจ๊าะแจ๊ะกันสักคู่เดียวก็คงเป็นเพราะ...
"โอ้ย!! จะบ้าตาย!!! ทำไมยุงมันถึงได้เยอะอย่างนี้ฟะ!!? โว้ย!! กัดกันเข้าไป เดี๋ยวป๊ะแม่เอาบาซุก้ายิงซะนี่!!" (OoO)=/
ฉันบ่นพึมพำ พลางสาละวนกับการปัดยุงที่สงสัยจะหิวจัดมานานกี่ปีก็ไม่รู้ที่บินว่อนเข้ามาตอมอาหารชั้นเลิศอย่างฉัน
"นี่!! ป้า...ข้อมูลพี่ริวจินไม่ผิดแน่นะ ? ป่านนี้เหยื่อไม่เห็นโผล่มาเลย" เสียงคนไร้ความอดทนอย่างคุณริวเซสุดที่รักลอยเข้ามาทางโทรศัพท์ ได้ยินเสียงแปะ ๆ ด้วย หมอนั่นสงสัยกำลังนั่งตบยุงอยู่แหง ๆ
"ไม่มีทาง!!"
ฉันตอบกลับ ความมั่นใจในตัวพี่ชายพุ่งพรวดขึ้นสู่ร้อยเปอร์เซ็นต์ในพริบตา ข้อมูลของพี่ริวจินน่ะไม่มีทางพลาดแน่!! ฉันใช้ข้อมูลของพี่มาตั้งแต่เริ่มเปิดบริษัทนี้ยังไม่เคยกินแห้วเลยสักครั้งเดียว
"แล้วเมื่อไหร่เจ้าโซบะอะไรนั่นจะโผล่มาสักทีล่ะ ?"
"ชิริสึกิ โซรุ!!" ฉันย้ำเสียงหนัก ๆ "จะโผล่มาเวลาประมาณสี่ทุ่ม ความอดทนน่ะความอดทน มีบ้างมั้ยยะ ?"
"งั้นขอเป็นสองเปอร์เซ็นต์ ?"
"โว้ย!! ไม่ได้!!!" ฉันตะคอกใส่โทรศัพท์แล้วกดตัดสายทันที ไม่สนใจเสียงร้องโอดครวญปนด่านิด ๆ ของน้องชายแสนดีที่ถูกฉันใช้ให้ขึ้นไปนั่งตั้งป้อมปืนอยู่บนต้นไม้ที่ถัดออกไปไม่มากเลยสักนิด
แหม ๆ ๆ ถึงฝีมือฉันจะไม่เคยพลาด แต่เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จของคิล อิน ดี คือหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์นะจ้ะ ยังไงก็เสี่ยงไม่ได้แน่ ๆ ก็เลยต้องให้พ่อน้องชายแสนรักไปนั่งตั้งป้อมรอเอาไว้ก่อน ถ้าเกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นมาจะได้จัดการ 'เก็บ' ในทีเดียวไปเลย
แล้วทำไมถึงไม่ยิงทิ้ง ๆ ไปเลยทีเดียวหมดเรื่องน่ะหรอ ? เออ...จะพูดไงดีล่ะ ? เอาง่าย ๆ ก็คือ กระสุนมันแพงน่ะ -*- แถมใช้ครั้งเดียวทิ้ง ดูไม่คุ้มค่าเท่าไหร่เลยเนอะ ? ว่ามะ ? (ฉันไม่ได้งกนะ!! เค้าเรียกว่าประหยัดทรัพยากรของบริษัทต่างหาก!!!)
ฉันเหลือบมองนาฬิกาข้อมือนิดหน่อย
หวาย ๆ ๆ จะสี่ทุ่มแล้วน้า!! เดี๋ยวก็เลยเวลารายการโปรดของฉันพอดี!!! ตัวถุงเงินจ๋า...รีบ ๆ ออกมาหน่อยสิจ้ะ >O<
พรืด!! พรืด!!!
เสียงมือถือของฉันสั่นอีกครั้ง เมื่อมองเบอร์แล้วก็ปรากฏว่าเป็นริวเซเจ้าเก่านั่นเอง
"ป้า...หลับแล้วหรอไง ?"
"โว้ย!! ถ้าจะโทรมาเพื่อขอเพิ่มอย่าโทรมา!!! มันเปลืองค่าโทรศัพท์!!!"
"ป้า!! อย่าเพิ่งโวยวายดิ!!!" เสียงพ่อน้องชายบ่นอุบเมื่อถูกรู้ทัน "จะบอกว่า...เป้าหมายเดินมาโน่นแล้ว จะให้เก็บเลยไหม ?"
"ไกลเท่าไหร่ ?"
"ประมาณสามร้อยเมตรได้"
โห!! คุณตาเหยี่ยวริวเซ!!! ใช้การได้ดีจริง ๆ
เห็นบ้า ๆ บอ ๆ อย่างนี้ แต่จริง ๆ แล้วริวเซเป็นคนที่ชำนาญอาวุธปืนที่สุดในบ้านแล้วนะ ไม่ว่าจะปืนสั้นปืนยาว อาวุธบินอาวุธยิงทั้งหลายรู้สึกว่าพ่อคุณจะถูกใจมาก ๆ เลย ก็เลยถูกจับฝึกด้านนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ เรียกว่า ยิงปืนได้เกือบจะพร้อม ๆ กับที่เดินได้เลยทีเดียวเชียวล่ะ!!
"อย่าเพิ่งเก็บ...เดี๋ยวฉันจัดการเอง" ฉันว่า ดึงของที่อยู่ข้าง ๆ ตัวออกมา
มันคือทวนยาวที่สูงเลยหัวฉันไปนิดหน่อย คมที่ควรจะมันปลาบเป็นประกายถูกซ่อนอยู่ใต้ผ้าสีดำที่ฉันใช้คลุมมันเอาไว้ ที่ด้ามทวนมีพู่สีเหลืองอ่อนห้อยอยู่
ฮ่ะ ๆ นี่คืออาวุธประจำตัวของฉันเอง แม่เจ้าหญิงแสนสวยนี่ชื่อยูกิฮิเมะ เป็นหนึ่งในอาวุธประจำตระกูลของฉันที่ตกทอดกันมาไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่น รู้สึกว่าคนที่ใช้มันคนก่อนคือท่านย่าทวดของฉันนะ แต่ว่าตอนนี้มันถูกยกยอดเข้ามาอยู่ในรายชื่อมรดกของฉันเรียบร้อยแล้วละ ^ ^
คิดดูแล้วกัน ย่าทวดของฉันน่ะเก่งขนาดไหน พู่สีเหลืองที่ปลายทวนไม่มีคราบเลือดติดสักนิด
ในฐานะหลานที่ดี ^O^ ฉันก็ต้องรักษาความสะอาดมรดกของบรรพบุรุษต่อไป จนถึงตอนนี้ มันก็ยังไม่มีเลือดติดอยู่ดี
"ป้า จะดีเรอะ ? แค่นี้เดี๋ยวฉันจัดการปังเดียวก็จบแล้ว ป้าไม่ต้องเอา 'เจ้าหญิง' ออกไปลุยหรอกมั้ง"
เหวย ๆ!! คำก็ป้าสองคำก็ป้า ฉันเริ่มทนไม่ได้แล้วนะริวเซ!!! เดี๋ยวก็เก็บแกก่อนซะหรอก!!
"ไม่ต้อง บอกแล้วไงว่าฉันจัดการเอง" ฉันกระซิบใส่หูโทรศัพท์เป็นฉาก ๆ
"เออ เดินมาแล้ว สองร้อยเมตรตามทางเดิน ไม่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาเลยสักคน ลุยได้เลยยัยยูเอะ ฉันจับเวลาแล้วนะ"
"เออ แปปนึง" ฉันดึงผ้าสีดำที่ปลายทวนออก คมของมันต้องแสงไฟเป็นประกายวับ ๆ เข้าตาจนลายไปนิดนึงเลยล่ะ อิอิ
"เอาล่ะ จับเวลาได้เลย!! ริวเซ!!!"
"ได้!! ถ้าเกินป้าจ่ายมาสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยนะ...หกสิบ ห้าสิบเก้า"
"ไม่มีทางย่ะ" ฉันแว้ดใส่เสียงนับของน้องชายตัวดีที่ดังลอดออกมาทางโทรศัพท์ก่อนจะปิดมันซะ
คงจะงงกันใช่ไหมล่ะว่าฉันพูดอะไรกัน จริง ๆ แล้วมันคือการจับเวลาที่ฉันจะใช้ในการจัดการกับเป้าหมายนั่นเอง หมายความว่าถ้าเกินจากหนึ่งนาทีแล้ว เจ้าริวเซจะลงมาช่วยจัดการด้วย และ...ฉันยังต้องจ่ายให้มันอีกสิบเปอร์เซ็นต์ >O<
หึหึ...แต่อย่างยูเอะคนนี้น่ะหรอจะเกิน ? ไม่มีทางซะล่ะ!!
ลุยได้!!
** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **
ชิริสึกิ โซรุเป็นชายร่างสูงใหญ่พอตัวทีเดียว เขาเคยเป็นหนึ่งในโจรที่ตระเวนปล้นร้านเพชรมาแล้วไม่ต่ำกว่ายี่สิบห้าร้านและกำลังหนีการจับกุมอยู่ ส่วนที่ว่า ทำไมริวจินถึงหาเขาเจอ ? หึหึหึ...อันนี้คงต้องพูดกันอีกยาว แต่สิ่งที่บอกได้ตอนนี้เลยก็คือ...
ในเมื่อหมอนี่เป็นโจรมืออาชีพขนาดนั้นคงต้องระวังตัวกันหน่อย
ฉันคิด หลบวูบเข้าไปในเงามืด เมื่อเห็นร่างสุงใหญ่ของตัวถุงเงินถุงทองเดินมาแต่ไกล ทวนถูกถือในท่าเตรียมพร้อม
กึก!!
เขาชะงักกึก เหมือนกับจะรู้ตัวว่ามีอะไรอยู่ด้านหน้าเพราะว่าเขาเหลือบซ้ายมองขวาอย่างตื่นตระหนกนิดหน่อย ทำท่าเหมือนจะก้าวถอยหลังกลับไปทางเก่า
โอ้ย!! เล่นยากจริง!!! ฉันไม่มีทางให้หนีไปง่าย ๆ หรอกย่ะ!!
ทวนในมือของฉันถูกถือมั่น ๆ ขาย่อลงเหมือนนักวิ่งที่กำลังรอเสียงปืนออกสตาร์ท และก็...
ฟุ่บ!!!
ฉันออกวิ่ง วิ่งพรวดเดียว แต่ก็นะ...ฝีมือระดับฉันไม่ต้องวิ่งเต็มฝีเท้าหรอกเนอะ นี่เอาแค่พอประมาณ ^
^
ทวนเงื่อขึ้น ยังไม่ทันที่เป้าหมายจะหันมาทางฉันเลย...
ฉัวะ!!
มีเสียงฉัวะเบา ๆ ดังขึ้นท่ามกลางความมืด งานของฉันเสร็จเรียบร้อยแล้วจ้า ^ ^
"โห!! งานหมูแค่เนี้ย ?...หน้าเลือด แบ่งมาให้แค่เปอร์เซ็นต์เดียวอย่างนี้ฉันไปหางานทำเองไม่ง่ายกว่าเรอะ ?"
"หนอย!! หมูบ้านแกสิ!! แล้วแกทำอะไรบ้าง ? มานั่งตบยุงแปะ ๆ ให้หนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็บุญโขแค่ไหนแล้ว!? สำนึกบุญคุณเอาไว้ซะ!!" ฉันหันมาแยกเขี้ยว (อารมณ์ยังค้างอยู่นะเฟ้ย...เดี๋ยวก็เอาทวนเฉาะหัวซะล่ะ!)
ใช่...งานนี้ดูเหมือนง่าย ๆ ใช่มั้ยล่า!? ต้องขอขอบคุณท่านพี่ริวจินน่ะแหละที่ทำให้มันง่ายขนาดนี้!! อ๊ะ!!! ยังนึกภาพไม่ออกล่ะสิว่ามันยากลำบากยังไง...งั้นฉันสาธยายให้ฟังแล้วกันนะ
เริ่มแรก จากดีกรีโจรปล้นร้านเพชรมือฉกาจที่ปล้นเร็วหนีเร็ว ความเหี้ยมโหดคงไม่ต้องพูดถึง คดีครั้งหนึ่งของหมอนี่คือการฆาตกรรมเด็กอายุห้าขวบคนนึงที่บังเอิญเดินผ่านมาเห็นเข้า พอนึกภาพออกบ้างไหมล่ะ ?
นี่เป็นเหตุผลที่ฉันใช้วิธีฉัวะเดียวดับไงจ้ะ!!
นอกจากนี้ ปล้นเพชรมายี่สิบกว่าร้านแล้วยังไม่โดนจับได้แถมยังไม่โดนพรรคพวกในแก๊งเดียวกันเจี๋ยนตายไปซะก่อนก็ถือว่าไวเป็นปรอท ไหลได้เป็นน้ำทีเดียวถึงผ่านสถานการณ์โดนล้อมจับมาได้ถึงสองครั้ง ปลอมตัวก็เก่งเป็นเลิศ...เข้านอกออกในโรงพยาบาลเพื่อศัลยกรรมเปลี่ยนหน้ามาไม่รู้กี่รอบโดยที่หมอและคนไข้ในโรงพยาบาลไม่รู้ตัวเลยสักครั้ง
แม้แต่ในแฟ้มข้อมูลของตำรวจญี่ปุ่นเองก็มีข้อมูลของหมอนี่ไม่ถึงสามหน้าด้วยซ้ำ นอกจากชื่อ รูปพรรณสัณฐานและรายการคดีที่ยาวเป็นวาแล้วก็แทบจะไม่มีข้อมูลอย่างอื่นอีกเลย
ส่วนท่านพี่ที่แสนดีของฉันหาหมอนี่เจอได้ยังไงน่ะหรอ ? แหม ๆ ระดับไอคิวขนาดท่านพี่
เริ่มแรก...ท่านพี่ก็ใช้โครงข่ายข้อมูลที่ได้มาจากจากกล้องวงจรปิดต่าง ๆ ทั่วโลก ไล่ไปตั้งแต่กล้องตามโรงเรียน ร้านค้าไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ เรียกว่ามีกล้องวงจรปิดที่ไหนท่านพี่ก็เจาะหมดแหละ แล้วก็เอาข้อมูลภาพที่มีเป็นหมื่น ๆ ภาพโอนเข้ามา เปิดโปรแกรมเทียบลักษณะกะโหลกกับเป้าหมายที่พี่ฉันเป็นคนคิดค้นขึ้นมาเอง พอได้มาก็เอามาสกรีนดูอย่างละเอียดอีกรอบ แล้วก็ค่อย ๆ ปะติดปะข้อมูลที่ได้ต่อตีวงเข้ามาจนหาตัวได้ไงล่ะ!! แค่ฟังก็เหนื่อยแล้วใช่ไหมล่ะ!!?
นี่แหละ ข้อมูลชั้นเซียนที่มีแต่ 'ลูแปงแห่งซานาดะ' เท่านั้นที่หามาได้!! แม้แต่สำนักงานตำรวจแห่งญี่ปุ่นบางทียังต้องติดต่อพี่ฉันให้ไปช่วยทำงานเลย!! แถมงานแต่ละครั้งที่ทำให้คนอื่นน่ะนะ แพงหูฉี่ขนาดที่หาเลี้ยงคนทั้งซานาดะได้สบาย ๆ แต่กลับเอาข้อมูลขั้นเทพอย่างนี้มาให้คนในครอบครัวฟรี ๆ ช่างเป็นท่านพี่ที่แสนประเสริฐแท้!! Y Y (คำนับท่านพี่ริวจินหนึ่งจอก...จ้วบ!!)
อ้อ...เกือบลืมไป!! ตามคำสั่ง ต้องเก็บอย่าง 'สะอาดเนี้ยบไร้ร่องรอย' ด้วยสินะ
ฉันหยิบขวดยาเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋า
"ยูเอะ!! เดี๋ยวก่อน!!! อย่าเพิ่งเท!!" ริวเซร้องเสียงหลงเมื่อพอจะเดาได้ว่าฉันกำลังจะทำอะไร ส่วนตัวฉันเองก็สูดหายใจจนฉ่ำปอด กลั้นหายใจเรียบร้อย แล้วก็เทของที่อยู่ในขวดลงไปบนร่างไร้วิญญาณของชิริสึกิ โซรุ
ฟู่!!! จ๊าก!!!
มีเสียงฟู่ดังขึ้นมาจากศพ ส่วนเสียงจ๊ากนี่... -*- ไม่ใช่ว่าชิริสึกิ โซรุลุกขึ้นมาร้องจ๊าก
หรอกนะ แต่เป็นพ่อน้องชายคนดี๊คนดีที่ร้องลั่นแล้วอุดจมูกแทบไม่ทัน
น้ำยาเพียงไม่กี่หยดนั้นเริ่มทำงานอย่างรวดเร็ว ไม่นาน ตรงจุดที่แตะโดนน้ำยานั้นก็แตกตัวไม่ต่างจากเม็ดทรายที่แตกกระจายออกจากกัน การแตกกระจายนี้ค่อย ๆ ไล่ไปตามแขนขา ตัว หน้า ผม รวมไปถึงหยดเลือดที่สาดกระจายอยู่ที่พื้นด้วย
พร้อมกับปล่อยกลิ่นเหม็นเน่ามหาศาลออกมา
ยานี่เรียกว่ายาสลายซาก...เป็นยาที่พี่ริวจินคิดขึ้นมาอีกเหมือนกัน (โอ้!! คำนับท่านพี่อีกหนึ่งจอก ซู้ด!!) มันเป็นยาที่ทำปฏิกิริยากับเซลล์ที่ตายแล้ว เพราะฉะนั้นต่อให้หยดลงบนผิวฉันมันก็ไม่เป็นอันตรายเลย (แต่ก็นั่นแหละ...ฉันยังไม่เคยลองเหมือนกัน - -" เอาไว้วันหลังจะลองจับกรอกปากพ่อริวเซดูสิว่าสรรพคุณที่ท่านพี่บอกไว้มันจะจริงรึเปล่า ?) และก็ค่อย ๆ แยกสลายเข้าไปถึงระดับโมเลกุล
สุดท้าย...ตรงที่เคยเป็นร่างของชิริสึกิ โซรุก็เหลือแค่เสื้อผ้าที่ไร้รอยเลือด (เพราะมันสลายไปหมดแล้วไงจ้ะ ^O^) กองหนึ่ง กับฝุ่นนิด ๆ หน่อย ๆ ให้ตายยังไงก็ไม่มีทางสาวมาถึงพวกเราสองคนแน่
ส่วนสิ่งที่ฉันจะเอาไปยืนยันรับเงินจากนายจ้างน่ะหรอ ? 555+...ก็ไอ้นิด ๆ หน่อย ๆ ที่มันติดอยู่ที่ปลายทวนนี่ไงล่ะจ้ะ ?
ดูเหมือนจะน้อยไปหน่อยใช่มั้ยล่า ? ถ้าจะบอกว่าแค่นี้สามารถยืนยันได้ว่าฉันจัดการกับเหยื่อแล้วจริง ๆ แต่ก็นะ...จริง ๆ แล้วธุรกิจแบบนี้มันก็ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจกันและความนับถือในชื่อเสียงอยู่แล้ว
อย่าเอาคำว่าสัจจะไม่มีในหมู่โจรมาใช้!! เพราะฉันไม่ใช่โจร!!! ครอบครัวฉันด้วย!! (เริ่มออกแนวชาตินิยม -*-)
เอาล่ะ!! ในเมื่องานจบ พวกเราก็กลับบ้านกันได้แล้ว!!! หวาย ๆ ๆ!! นี่สี่ทุ่มห้านาที!!! ฉันต้องรับกลับแล้วล่ะ!! ไม่อย่างนั้นไม่ทันรายการโปรดพอดี
"นี่...ริวเซ!! ฉันจะกลับแล้วนะ นั่งชินคันเซ็น..."
คำพูดของฉันสะดุดกึก เพราะเห็นดวงตาที่เบิกกว้างของน้องชาย
...หัวใจตกวูบ!!
อะไรทำให้น้องชายฉันตกใจได้ถึงขนาดนั้น!!?
"มีอะไร ? เป็นอะไรไป!!? ริวเซ!?!"
คำตอบที่ได้รับทำให้ฉันแทบจะทรุดลงไปนั่งอยู่กับพื้นตรงนั้นซะเลย
"ยูเอะ...มีคนมา!!"
___________________________
100 % เจ้าค่า ^[]^ แหะ ๆ แนวนี้เริ่มเรียกดองแร้วเน้อ - -" ต้องขออำภัยจริง ๆ นะเจ้าค้า
ขอบคุณที่ให้การต้อนรับยูเอะและผองเพื่อนกันเป็นอย่างดีเน้อ >.,< (ส่วนใหญ่ก็ตามมาจากนู๋เกรย์ทั้งน้านนนนน เหอ ๆ ^ ^)
แร้วจารีบเอามาลงต่อให้นะเจ้าค้า
มิริน
ความคิดเห็น