คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ปฐมบท คำอธิษฐานที่ 1 : เจ้าหญิงแห่งอีริออส (จบตอนแล้วเน้อ!!)
แสงแดดยามสายอาบไล้อย่างนุ่มนวลลงบนพระราชวังสีขาวแห่งอีริออส สิ่งก่อสร้างที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในนครแห่งนี้
อีริออสเป็นหนึ่งในนครจำนวนมากที่ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเลเธ ฝั่งของแผ่นดินแห่งแสง
แผ่นดินผืนนี้ถูกผ่าแบ่งครึ่งออกเป็นสองซีกตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจทราบได้ ฟากฝั่งตะวันออกนั้นคือที่ตั้งแคว้นต่าง ๆ ของนครแห่งแสง โดยทั้งหมดนี้ล้วนขึ้นตรงต่อเมืองหลวงซานเกเบียซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมอำนาจทั้งมวลของแผ่นดินแห่งนี้
ส่วนอีกฟากด้านตะวันตกซึ่งถูกคั่นไว้ด้วยแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์เลเธคือดินแดนแห่งความมืด ซึ่งประกอบด้วยแคว้นอีกมากมาย ทั้งหมดขึ้นตรงต่อเมืองหลวงเอเวียส
ปัจจุบัน นครซานเกเบียแห่งแสงมีกษัตริย์ชาออสผู้ได้รับสมญาเป็นถึงปราชญ์แห่งแสงปกครอง ส่วนฝั่งความมืดนั้นก็อยู่ใต้อำนาจของกษัตริย์คาซัสแห่งเอเวียส
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม แต่แผ่นดินทั้งสองฝ่ายก็ทำสงครามกัน
ทำมานานแล้ว...และไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงง่าย ๆ
ถึงแม้วันนี้จะสงบ แต่ก็เป็นเพียงความสงบแสนสั้น
ไม่นาน...สงครามก็จะเริ่มขึ้นอีก และอีกครั้ง...ที่หลายชีวิตต้องจากไป...
เช่นเดียวกับที่เคยเป็น...
แสงสว่างจัดจ้าของดวงอาทิตย์สาดลอดเข้ามาผ่านบานหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ก่อนจะฉาบทาบลงบนกระดานสีขาวสลับดำในห้อง ๆ หนึ่งภายในพระราชวังแห่งอีริออส
รอบ ๆ นั้นคือชั้นวางหนังสือมากมาย มีทั้งที่ปกหนังถลอกดูคร่ำคร่า และที่ดูใหม่เอี่ยม แผนที่ทางการทหารขนาดใหญ่กางอยู่เหนือขึ้นไป ถัดออกมาคือโต๊ะไม้สีเข้มใหญ่มหึมาที่ตอนนี้ถูกจับจองเอาไว้ด้วยเอกสารกองมโหฬาร บนเพดานสูงเหนือหัวนั้นถูกวาดเป็นภาพของแผนที่ทางดาราศาสตร์ นอกจากนี้...ในห้องยังมีเตียงไม้สี่เสาหลังหนึ่ง
หากเป็นผู้ไม่รู้จักคนที่อาศัยอยู่ที่นี่...คงจะเดาลักษณะของผู้อยู่อาศัยว่าน่าจะเป็นราชบัณฑิตอาวุโส แม่ทัพ หรือไม่ก็จอมเวทย์ผู้รอบรู้เป็นแน่แท้
ใครเล่าจะเดาได้ว่า...ผู้อยู่อาศัยในนี้จะเป็นเพียงหญิงสาวคนหนึ่ง
และตอนนี้ หญิงสาวคนที่ว่าก็กำลังนั่งเหนือกระดานหมากรุกสีขาวดำข้างหน้าต่าง สีหน้าดูครุ่นคิด
หากผู้ใดได้พบหน้านาง...คงจะไม่มีทางลืมใบหน้านี้ได้เลยตลอดชีวิต
แม้ขณะที่คิ้วเรียวได้รูปนั้นกำลังขมวดมุ่นเข้าหากันน้อย ๆ นั้น ใบหน้าของนางก็ยังคงงดงามดุจเทพธิดาในตำนาน ดวงตากลมโตสีฟ้าคล้ายสีของมหาสมุทรล้ำลึกยากจะหยั่งยามต้องแสงอาทิตย์เป็นประกาย จมูกโด่ง ริมฝีปากชมพูเรื่อเม้มเข้าหากันยามใช้ความคิดเช่นนี้ เส้นผมสีทองยาวคล้ายไหมทองละเอียดนั้นหยักศกน้อย ๆ และถูกปล่อยสยายยาวถึงเอว ร่างของหญิงสาวอยู่ในชุดสีขาวสะอาด...ยิ่งขับให้นางดูคล้ายเทพธิดามากยิ่งขึ้น
แกร๊ก!!
มือขาวเอื้อมออกจับตัวหมากสีดำเดินไปด้านหน้าช้า ๆ คล้ายว่าไม่แน่ใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้
แกร๊ก!!
นางเอื้อมออกไปจับหมากขาวที่อยู่ใกล้ที่สุดก่อนจะวางลงบนกระดานอีกช่องหนึ่ง
“ล่อแหลม...ล่อแหลมจริง ๆ” หญิงสาวพึมพำ ดวงตาจับมองกระดาน สถานการณ์ของหมากดำกำลังย่ำแย่ นางจึงเอ่ยออกมาเช่นนี้
“อืม”
แกร๊ก!!
หมากดำอีกตัวถูกวางลง
“ข้าไม่ค่อยแน่ใจว่าได้ยินเจ้าเคาะประตูแล้ว...รีเฟย์”
คำเอ่ยเบา ๆ โดยที่ดวงตายังไม่ละจากกระดานหมากรุก เบื้องหลังของหญิงสาวคือชายหนุ่มผู้หนึ่ง...เขาผู้มีผิวขาวจัดอย่างคนเหนือ เส้นผมสีเงินยาวถูกรวบด้วยเส้นไหมสีดำสนิท ดวงตาสีทองอำพัน...เยือกเย็น เป็นประกายวาวคล้ายว่าจะมองทะลุได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ใบหน้าเข้มนั้นมักจะเรียบเฉยเป็นประจำ เขาอยู่ในเครื่องแต่งกายสีขาวตามระเบียบขององครักษ์ทุกประการ
“ข้าคิดว่าข้าเคาะไปแล้ว ดูท่าเจ้าจะไม่ได้ยิน”
“งั้นหรือ ?” หญิงสาวเลิกคิ้ว
“ถ้าจะมารายงานเรื่องการประชุมสภาขุนนางล่ะก็ ไม่ต้องเล่านะ...ข้าไม่อยากฟัง”
“ไม่ใช่” สีหน้าและน้ำเสียงของชายหนุ่มนามรีเฟย์เจือแววกังวลเล็กน้อย แต่ดูท่าว่าหญิงสาวจะจับสังเกตได้ นางจึงละสายตาจากกระดานหมากมามอง
“อะไร ? เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ ?”
“มีรายงานด่วนมา จากนครดาเรน...” เสียงขององครักษ์หนุ่มเข้มขึ้น
ดวงตาสีฟ้าอ่อนของหญิงสาวหรี่ลงเล็กน้อยอย่างสงสัย ก่อนจะแปรเป็นเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำพูดต่อมา
“...มีกองทัพจากเอเวียสบุกเข้ามาทางดาเรน คาดว่าข้ามแม่น้ำเลเธเมื่อวานนี้ อีกเดี๋ยว...เจ้าชายเบลาสแห่งดาเรนจะเสด็จมาที่นี่ เพื่อ...มาหาเจ้า ซาจิทาเรียส”
คำเอ่ยที่ทำให้ดวงตาสีฟ้าสดคู่นั้นเบิกขึ้นอีกเล็กน้อย ก่อนแปรเป็นหรี่ลงอย่างรวดเร็ว
“อีกนานเท่าไหร่ ?”
“เจ้าชายเบลาสเสด็จมาด้วยประตูมิติ ไม่เกินครึ่งชั่วยามคงจะถึง”
“อืม”
หญิงสาวผู้มีนามว่าซาจิทาเรียสพยักหน้ารับนิดหนึ่ง สีหน้าครุ่นคิดไม่อาจบอกได้ว่าในดวงตาคมคู่นั้นมีความคิดอะไรไหลเวียนอยู่ แต่ในที่สุด...นางก็หันกลับไปยังกระดานหมากรุกสีขาวดำอีกครั้ง เป็นเชิงบอกให้ชายหนุ่มผู้บุกรุกเข้ามารู้ว่า...ควรจะออกไปได้แล้ว
นัยน์ตาสีเหลืองอำพันของบุรุษหนุ่มจับมองด้านหลังของหญิงสาวครู่หนึ่ง...
...แววตา...เปลี่ยนไปโดยฉับพลัน...
กับแผ่นหลังของนาง...เขาไม่จำเป็นจะต้องปิดบังสิ่งใด เขา...สามารถแสดงความรู้สึกใด ๆ ได้ตามที่ใจต้องการ
...นางไม่จำเป็นต้องรู้หรอก...
...นางยังมีสิ่งที่สำคัญกว่าต้องทำอีกมากมาย...
ไม่สมควร...ต้องใส่ใจเรื่องเล็กน้อยอย่างเขา...
ใบหน้าของชายหนุ่มผู้เยือกเย็นอยู่เสมอฉายแววห่วงใยลึกซึ้งขึ้น เพียงชั่วครู่...ก่อนที่เขาจะโค้งคำนับแล้วถอยออกจากห้องนั้นไป
ทิ้งไว้แต่หญิงสาวในชุดขาวเพียงคนเดียว...
แกร๊ก!!
ตัวหมากยังคงเคลื่อนไปในกระดานสี่เหลี่ยม
ริมฝีปากของหญิงสาวยกขึ้น...เป็นมุมคล้ายรอยยิ้ม ทว่ากลับเจือด้วยรอยหยันบาง ๆ...
...ไม่แน่บางที...
...อาจเป็นครั้งนี้ก็ได้...
...อาจเป็นครั้งนี้...ที่จะได้พบกับคน ๆ นั้น...
...คนที่หัวใจนาง...ไม่มีวันยอมยกโทษให้ชั่วชีวิต...
ซาจิทาเรียสลุกขึ้นจากเก้าอี้ กระโปรงสีขาวสะอาดพลิ้วไหวน้อย ๆ ยามนางเคลื่อนไหว ใบหน้าขาวนวลเบือนไปจากกระดานหมากรุก
ตั้งแต่วันนั้น...เมื่อสองปีที่แล้ว...
...นางไม่เคย...มีชีวิตเหลือให้กับอะไรอีกเลย...
...นอกจากความแค้นนี้...
ร่างบางหันหลังให้กับกระดานสีขาวสลับดำ...
...บนกระดานนั้น...หมากสีขาวไล่ต้อนหมากดำจนมุมไปแล้ว...
ซาจิทาเรียส...เป็นนามแห่งดวงดาว
ดาวนั้นจะปรากฏทางฟ้าด้านตะวันออกแทบจะพร้อม ๆ กับดวงตะวันในยามฟ้าสาง
...คนฝั่งแสงเชื่อกันว่า...มันเป็นดวงดาวนำทางให้แก่ผู้ไร้หนทาง เป็นแสงสว่างยามสิ้นหวัง...
...ซาจิทาเรียส...เป็นชื่อของเจ้าหญิงองค์หนึ่งในอีริออส...
ฝีเท้าเบากริบเหยียบย่างลงบนพื้นหินอ่อน แสงแดดสาดจ้า เงาของเสาสีขาวทรงสวยที่ตั้งเรียงรายเป็นแถวอย่างน่าชมทอดลงบนพื้น เลยจากแถวของเสาสีขาวออกไปคืออุทยานที่ถูกตกแต่งอย่างลงตัว นกสีสดตัวเล็ก ๆ บินหยอกล้อกันตามพุ่มไม้ สายลมพัดเอื่อยพาเอากลิ่นของดอกกุหลาบที่เลื้อยพันกำแพงอีกฟากของสวนต้องร่างบางอย่างอ่อนโยน เส้นผมและชุดกระโปรงพลิ้วไหวน้อย ๆ ไปตามแรงลม
ที่ผนังอีกข้างประดับด้วยธงสีน้ำเงินเข้มเดินลายทองรูปพระอาทิตย์แห่งอีริออสดูสวยสง่าคู่กับธงสีเขียวปักตรามังกรสามหัวแห่งดาเรน
ที่นี่คือระเบียงทางเดินเขตพระราชฐานชั้นในภายในพระราชวังหลวงของนครอีริออส
ที่ปลายสุดทางนั้นทอดไปสู่เรือนขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในบริเวณอุทยานหลวง บนเรือนหลังน้อยสีขาวนั้นบัดนี้ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายทว่าสูงศักดิ์ รอบ ๆ นั้นเต็มไปด้วยทหารองครักษ์ในชุดสีขาวสะอาด
เมื่อหญิงสาวก้าวผ่าน เสียงขานก็ดังขึ้น
“เจ้าหญิงซาจิทาเรียส ดอว์เรเน่เสด็จมาพะย่ะค่ะ”
ดวงตาสองคู่บนเรือนน้อยหันมามองที่หญิงสาวพร้อมกัน ผู้ถูกเรียกขานนามว่าเจ้าหญิงยอบตัวลงเล็กน้อย
“ซาจิทาเรียสมาแล้วเจ้าค่ะ”
บนเรือนนั้นมีบุรุษอยู่สองคน
คนแรกนั้นมากวัยกว่า ทว่ารูปร่างสูงยังคงเค้าองอาจของวัยหนุ่มเอาไว้เกือบจะสมบูรณ์ ดวงตาสีเขียวทอประกายสดใสและรอบรู้ราวกับเจ้าของดวงตายังเป็นเด็กหนุ่มก็ไม่ปาน ใบหน้านั้นมีรอยแย้มยิ้มด้วยท่าทางสบาย ๆ ไร้กังวลใด ๆ
หลาย ๆ อย่างในตัวของบุรุษผู้นี้...คล้ายกับหญิงสาวนามซาจิทาเรียสราวกับลอกแบบกันมา
บุรุษผู้นี้คือองค์ราชาครีลิคัสแห่งอีริออส และเป็นบิดาของหญิงสาวอีกด้วย
กษัตริย์แห่งนครอีริออสนั้นขึ้นชื่อลือชาในเรื่องการรบมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงเป็นเจ้าชาย หลังจากทรงอภิเษกกับเจ้าหญิงเวเน่...หลานสาวของกษัตริย์ชาออสผู้ปกครองนครซานเกเบียและมีพระธิดาแล้ว ก็ทรงประกาศวางมือจากสงครามและหันมาทุ่มเทให้กับพระธิดาแทน และยิ่งเมื่อราชินีของพระองค์สิ้นพระชนม์ตั้งแต่เจ้าหญิงน้อยยังเด็กด้วยแล้ว ทำให้ราชาแห่งอีริออสยิ่งรู้สึกเป็นหน้าที่ที่จะต้องดูแลพระธิดาไม่ได้ขาดตกบกพร่อง
ส่วนบุรุษอีกคนอ่อนวัยกว่า ร่างสูงอยู่ในเครื่องแต่งกายสีดำตามแบบของราชนิกูลแห่งดาเรน ใบหน้าคมกร้านนั้นมักประดับไปด้วยรอยยิ้มรื่นเริงใจเสมอ ๆ
ท่านผู้นี้คือ เจ้าชายเบลาสแห่งดาเรน
เจ้าชายเบลาสแห่งดาเรนนั้นมีศักดิ์เป็นญาติห่าง ๆ ขององค์ราชินีเวเน่ผู้ซึ่งเป็นเสด็จแม่ของซาจิทาเรียส และเจ้าชายเองก็เสด็จมาพำนักที่อีริออสเป็นการส่วนตัวบ่อย ๆ ทำให้รู้จักสนิทสนมกับซาจิทาเรียสเป็นอย่างดีทีเดียว
“กำลังรออยู่เลย...ซาจิทาเรียส”
ผู้เอ่ยปากก่อนคือราชาแห่งอีริออส ราชาครีลิคัสแย้มสรวลกว้าง
“ขออภัยที่ทำให้รอนานนะเจ้าคะท่านพ่อ” ผู้เป็นธิดาตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้ที่ยังเหลืออยู่
“ท่านอาเองก็สบายดีหรือเจ้าคะ ? ไม่ส่งข่าวมาเป็นนานทีเดียว”
“ฮ่ะ ๆ...ข้าเองก็สบายดีน่ะแหละ เพียงแต่ว่าช่วงนี้งานทางดาเรนยุ่งยากนิดหน่อยก็เลยไม่ค่อยได้ส่งข่าว”
“ว่าแต่...รีเฟย์บอกข้าว่ามีศึกทางดาเรน ?” ซาจิทาเรียสเปรยขึ้น
บรรยากาศเคร่งเครียดขึ้นโดยฉับพลัน ทว่า...บุรุษสูงศักดิ์ทั้งสองคนยังคงรอยยิ้มบาง ๆ เอาไว้ได้ราวกับไม่รู้สึกอะไร
“อันที่จริง ข้าคิดว่าเจ้าอาจจะกำลังเบื่อ...ก็เลยจะมาชวนไปดาเรนด้วยกันสักหน่อยน่ะ”
ราวกับรู้หน้าที่ เหล่าทหารองครักษ์ในชุดขาวต่างถอยห่างจากรัศมีการได้ยินการพูดคุยของคนทั้งสามในเรือนเล็กสีขาวทันที
“อืม...” เจ้าหญิงแห่งอีริออสเปิดยิ้มขึ้น “...ท่านอาคิดว่าข้าควรจะเอาเสื้อผ้าไปสำหรับกี่วันดีล่ะเจ้าคะ ?”
“เยอะหน่อยนะ...จะได้ใส่ไม่ซ้ำกัน” เจ้าชายเบลาสตอบกลั้วหัวเราะ
“แล้ว...เตรียมอะไรไปอีกดีเจ้าคะ ?”
“เอารีเฟย์ไปด้วยก็ดีนะ...พ่อของเจ้าจะได้อุ่นใจ”
เจ้าหญิงแห่งอีริออสมีสีหน้าครุ่นคิดนิดหนึ่ง
“ว่าแต่คราวนี้...ท่านอาจะพาข้าเที่ยวที่ไหนดีล่ะเจ้าคะ ?”
“มีหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ชานเมืองดาเรนค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย ตอนนี้อากาศกำลังดีเลยล่ะ...แต่อาจจะมีแมลงรบกวนเยอะสักหน่อย”
“งั้นหรือเจ้าคะ ?” ดวงเนตรกลมโตของซาจิทาเรียสเบิกขึ้นราวกับอัศจรรย์ใจอย่างมาก “แมลงประเภทไหนกันที่อยู่ในอากาศเย็นของทางเหนือได้ ?”
“แมลงสีดำปีกมันไงล่ะ” เจ้าชายแห่งดาเรนตอบเสียงเรื่อย ๆ “กัดเจ็บซะด้วยนะ...ช่วงนี้กำลังชุมเลยล่ะ”
“งั้นหรือเจ้าคะ ?” เจ้าหญิงหัวเราะเบา ๆ ก่อนหันไปหาองค์ราชาครีลิคัสที่นั่งฟังด้วยรอยยิ้มอยู่เป็นนาน “ท่านพ่อ...ทรงอนุญาตให้ข้าไปได้ไหมเจ้าคะ ?”
“อืม...แต่อย่างที่เจ้าชายเบลาสว่า ต้องเอารีเฟย์ไปด้วยนะ”
“ก็ได้เจ้าค่ะ” หญิงสาวพยักหน้านิดหนึ่ง สีหน้าไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่แต่ก็ยอมรับแต่โดยดี “งั้นข้าจะไปเตรียมตัวก่อนนะเจ้าคะ แล้วท่านอาจะให้ข้าออกเดินทางเมื่อไหร่ ?”
“เร็วเท่าที่จะเป็นไปได้ เราจะไม่ใช้ประตูมิตินะซาจิทาเรียส...เพราะพวกแมลงอาจจะรู้สึกได้ว่าเรากำลังจะไป” เจ้าชายแห่งดาเรนหลิ่วตา
“เจ้าค่ะ งั้นข้าขอตัว”
“ว่ายังไง ? เจ้าชายเบลาสทรงตรัสอะไรบ้าง ? ซาจิทาเรียส ?”
ดวงเนตรสีน้ำทะเลเจิดจ้าของซาจิทาเรียสเหลือบมองชายหนุ่มที่ยืนพิงกำแพงในห้องของนางอยู่
“ไม่ว่าจะเป็นอะไร...ดูเจ้าไม่อนาทรร้อนใจเอาเสียเลยนะรีเฟย์” เจ้าหญิงแขวะเล็กน้อยให้กับสีหน้าเรียบสนิทขององครักษ์หนุ่ม
รีเฟย์ เดนาร์...องครักษ์หนุ่มร่างสูงสง่า เส้นผมสีเงินวาวราวกับเส้นไหมมักจะถูกรวบไว้ง่าย ๆ และดวงตาสีทองอำพันเยือกเย็นที่สะกดให้ผู้ถูกมองรู้สึกขนลุกได้อย่างน่าประหลาด ชายหนุ่มอายุมากกว่าเจ้าหญิงราว ๆ หนึ่งปี โดยปกติ...ชายหนุ่มเป็นคนเงียบขรึม สุขุมรอบคอบและมีฝีมือจนได้รับการไว้วางใจให้เป็นองครักษ์เจ้าหญิงมาตั้งแต่อายุยังน้อย
เขา...เห็นหญิงสาวคนนี้มานาน
นานจนบางครั้ง...ได้รู้อะไรที่คนทั่วไปยากจะได้รับรู้
อะไร...ที่หญิงสาวคงจะอยากเก็บเอาไว้คนเดียว...ตลอดไป...
“หากเจ้ายังเฉยได้...คงไม่มีอะไรให้ข้าต้องกังวล” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลงแม้สักนิด
“มีแมลงสีดำปีกมันที่หมู่บ้านทางเหนือของดาเรน” เจ้าหญิงตอบ น้ำเสียงไม่สนใจอะไรเช่นกัน นางเดินผ่านองครักษ์หนุ่มไปยังโต๊ะหมากรุกด้านหลัง ค่อย ๆ จัดเรียงตัวหมากบนกระดานเสียใหม่
“แมลงสีดำ ? ปีกมัน ?” รีเฟย์ทวนคำ
มันเป็นการพูดถึงสงครามในรูปแบบอ้อม ๆ เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้
แมลงสีดำปีกมัน...กองทัพฝ่ายความมืดติดอาวุธครบมือ
“ท่านอาสั่งให้จัดเสื้อผ้าไปเยอะ ๆ ด้วย แสดงว่าคราวนี้อาจจะยืดเยื้อ” เจ้าหญิงเสริม
“งั้นหรือ ?” องครักษ์หนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “งั้นข้าจะไปเตรียมของให้นะ...ซาจิทาเรียส”
รีเฟย์กลับหันหลัง เขากำลังจะผลักประตูออกไปอยู่แล้ว...
“รีเฟย์...ข้าถามอะไรหน่อย” เสียงใสเรียกจากด้านหลัง ชายหนุ่มหยุดนิดหนึ่งเพื่อรอฟังโดยไม่หันกลับไป
“ในสายตาของเจ้า ข้า...อ่อนแอรึเปล่า ?”
มันอาจเป็นชั่วพริบตาหนึ่ง...พริบตาที่หญิงสาวไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดจึงถามคำถามนี้ออกไป ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลไม่ได้เงยขึ้นจากกระดานหมาก แต่หัวใจรอฟังคำตอบ
เจ้าของดวงตาสีอำพันนั้นยิ้มให้กับลายไม้ของประตูอย่างบางเบา
“ไม่หรอก...”
...ไม่หรอก...แต่การที่เจ้าพยายามจะเข้มแข็งขึ้นอยู่เสมอนั้น...รู้ไหมว่าบางครั้งมันทำให้คนอย่างข้าต้องเจ็บปวด ?
...ไม่หรอก...เพราะเจ้าเข้มแข็งขึ้นด้วยตัวเองมามากมายขนาดนี้แล้ว...
...ข้าสิ...ที่เฝ้ามองเจ้าโดยไม่ได้ทำอะไร น่าจะถูกปรามาสว่าอ่อนแอเสียยิ่งกว่าเจ้าอีก...
... เพราะถึงแม้เจ้าจะอ่อนแอกว่านี้เป็นพันเท่า...
...ข้าก็จะปกป้องเจ้าเอง!!!
“เบลาส...ข้าคิดว่าเจ้าคงเข้าใจว่าทำไมซาจิทาเรียสถึงอยากจะรบ ?”
“นางเคยเป็นเจ้าหญิงน้อยจอมยุ่ง...” สีหน้าของเจ้าชายแห่งดาเรนเคร่งขึ้นเล็กน้อย “ตอนนี้ เจ้าหญิงจอมยุ่งคนนั้นหายไปไหนแล้ว ? เหลือแต่หญิงสาวแสนสวยที่ฉลาดเฉลียวและเยือกเย็นอย่างนี้”
ราชาครีลิคัสกุมขมับเล็กน้อย
พระองค์ผู้เป็นบิดาหรือจะไม่รู้ในสิ่งที่เจ้าชายเบลาสกล่าวมา
“นางเจอเรื่องร้ายมามาก...ในฐานะที่ข้าเป็นพ่อ รู้สึกโกรธตัวเองเหลือเกินที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย”
“ไม่ใช่ความผิดของท่านหรอก” เจ้าชายเบลาสยิ้มเล็กน้อย “ถึงจะไม่มีเจ้าหญิงน้อยจอมยุ่งแล้ว แต่...หญิงสาวแสนเยือกเย็นคนนี้ก็มีเส้นทางของตัวเอง เส้นทางที่นางคิดจะเดินให้สุดทางด้วยตัวเองคนเดียวจริง ๆ”
“ข้าไม่อยากให้นางเป็นอย่างนี้ตลอดไปหรอกนะ” องค์ราชาครีลิคัสเปรยเบา ๆ
“ข้าเอง...ก็อยากให้นางกลับมาเป็นเช่นเจ้าหญิงคนอื่น ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องแบกรับเรื่องที่หนักหนาเช่นนี้เหมือนกัน”
“ธิดาแห่งชัยชนะ...” ราชาแห่งอีริออสถอนพระทัย “...จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าทำไมนางถึงอยากชนะเพียงนั้น”
ตั้งแต่เหตุการณ์นั้น...เหตุการณ์ที่ทำให้เจ้าหญิงแห่งอีริออสเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนในชั่วข้ามคืน
นางเข้าควบคุมกองทัพที่สูญเสียแม่ทัพ บัญชาการอย่างเด็ดขาด...ออกคำสั่งฉะฉานราวบุรุษ ไล่ต้อนกองทัพความมืดที่กำลังจะรุกล้ำดินแดนแห่งแสงสว่างถอยร่นกลับไปได้อย่างปาฎิหาริย์
...พลิกสถานการณ์ที่กำลังจะพ่ายแพ้ให้กลับมาเป็นเสมอได้ในชั่วพริบตา...
ตั้งแต่นั้น ผู้คนต่างขนานนามนางในฐานะธิดาแห่งชัยชนะ
ซาจิทาเรียสให้ความร่วมมือกับอาณาจักรอื่น ๆ ทั้งเป็นความลับบ้างและเปิดเผยบ้าง วางแผนและแนะแนวทาง...บางครั้งถึงกับเข้าร่วมการรบด้วยตนเอง
คร่ำเคร่งกับกลศึก ครุ่นคิดแต่การรบ...
...นาง...ไม่เคยมีเวลาให้กับสิ่งอื่นใดนอกเหนือจากนี้เลย...
...เหมือนกับว่า...นางมีทั้งชีวิตเพียงเพื่อสิ่งเหล่านี้เท่านั้น...
“ข้าจะไปจัดเตรียมรถม้าและแจ้งข่าวไปให้ทางดาเรนได้ทราบ” ในที่สุด เจ้าชายเบลาสเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นก่อน
“อืม...ยังไงเจ้าก็ช่วยดูแลลูกสาวข้าด้วยนะ นางเก่ง...ฉลาดเฉลียวในด้านการวางแผนก็จริง แต่ในเรื่องมนตราและทางดาบนั้น ระดับของนางนับว่าไม่ได้เก่งกาจ อาจป้องกันตัวในสถานการณ์ทั่วไปได้...แต่ในสงครามคงจะไม่ไหว หากเกิดอะไรขึ้น...” ราชาแห่งอีริออสกล่าว
จบตอนแล้วจ้า ^ ^
แหะ ๆ...ต้องบอกว่านิยายรักเรื่องแรกนี่ทำให้เขียนยากมาก ๆ เลย >_< ฝืดเคืองทางความคิดกันสุด ๆ (แล้วจะพยายามเขียนเพื่อ -*-)
แต่ก็จะสู้ต่อไปนะเจ้าค้า ^ ^v
Green [ T ]
*T* bear
*M* bear
ความคิดเห็น