ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    << Kill - in - D >> บริษัทรับจ้างฆ่าไม่จำกัด (เพื่อมหาชน!!)

    ลำดับตอนที่ #12 : เย็นชา (100% ซะทีเจ้าค่ะ >.,

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ย. 50


    11.

    เย็นชา

               

                พี่ริวจิน

                ...

                พี่ริวจิน!!...เหม่ออะไรน่ะ!?”

                ผมสะดุ้งเฮือก   หันไปมองทาง

                ห...หืม ? อะไรหรอริวเซ ?

                ผมถามตั้งหลายรอบแล้วว่าพี่จะเอาปลาตัวนั้นรึเปล่า ? ถ้าไม่เอาผมจะได้เหมา พ่อน้องชายของผมชี้ไปที่ปลาย่างตรงหน้าซึ่งเย็นชืดหมดแล้ว   ในขณะที่สายตาของพ่อแม่พี่น้องรอบโต๊ะหันมามองทางผมอย่างเป็นห่วง

                เหนื่อยรึเปล่าริวจิน ?

                ท่านพ่อถามสีหน้าเป็นห่วง

                ไม่หรอกครับ ผมยิ้มตอบ   ถึงเหนื่อยผมก็ไม่บอกหรอก...จะบอกทำไมให้คนทั้งบ้านเป็นห่วงกัน!?

                หน้าตาลูกดูเหนื่อย ๆ ชอบกลนะ

                ไม่เป็นไรครับ    สงสัยช่วงนี้จะนอนน้อยไปหน่อย ผมยิ้มแหย ๆ ตอบไป

                จริง ๆ ผมไม่ได้เหนื่อย   แล้วช่วงนี้ก็นอนตรงเวลาทุกวันด้วย   ผมแค่กำลังคิดถึงใครบางคนเท่านั้นเอง

                มินาโมโตะ   ฮิเมะ ? น่าแปลก...ถ้าเป็นคนตระกูลมินาโมโตะล่ะก็ทำไมผมถึงได้ไม่รู้จักชื่อเลยนะ ? แถมยัง...พอผมจะใช้เครือข่ายข้อมูลของผมตรวจสอบประวัติต่าง ๆ ของเธอ   แต่สิ่งที่หาได้กลับน้อยเกินคาด   นอกจากชื่อ   นามสกุล (ซึ่งผมรู้อยู่แล้ว) และข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นว่าเกิดวันที่เท่าไหร่แล้ว   ก็แทบจะไม่มีข้อมูลอื่น ๆ อีก   แม้กระทั่งพ่อกับแม่ของเธอคือใครผมก็ยังหาข้อมูลไม่ได้เลย

                โว้ย!!...นี่แหละที่ทำให้ผมต้องนั่งเงียบ ๆ อยู่อย่างนี้   ผมกำลังใช้ความคิด...

                ให้ตายเถอะ!! ข้อมูลลับขององค์กรใหญ่ ๆ อย่างเอฟบีไอลูแปงแห่งซานาดะอย่างผมยังเจาะได้มาอย่างน้อยก็ต้องสิบหน้าขึ้นไปนี่ยังไม่รวมข้อมูลจากเครือข่ายของผมอีก   แต่นี่...อะไรกัน ? แค่ข้อมูลของผู้หญิงคนนึงทำไมมันถึงได้ลึกลับขนาดนี้!?!

                หรือว่า...

                ผมเหลือบมองโทรศัพท์มือถือของตัวเอง  

                เบอร์ก็มีแล้ว   แต่สิ่งที่ยังไม่มีคือ...ความกล้า

                ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยขอเบอร์ผู้หญิงที่ไหนเลย   มีแต่คนเอามาถวายให้ถึงที่   นี่ผมอุตส่าห์ขอมาได้นับว่ากล้ามากแล้วนะ   แต่จะให้โทรไปนี่...ไม่ไหวจริง ๆ ครับ   ยกธงขาวเลย (เห็นผมอย่างนี้ผมก็ปอดเป็นเหมือนกันนะ = =)

                ผมแค่นยิ้ม...

                สงสัย...ไอ้ความสามารถระดับธรรมดา ๆ คงจะหาเธอไม่เจอแน่  

                ช่างลึกลับซะเหลือเกินนะ...

                ...เจ้าหญิง (ฮิเมะ = เจ้าหญิง) ในห้องหมายเลขสิบสาม

               

    ** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **

     

                ยูเอะ!! กู๊ดมอร์นิ่ง!!...เป็นยังไงบ้างจ๊ะ ?

                ฉันเหวี่ยงกระเป๋าลงจากหลัง   ขมวดคิ้วใส่ซายุที่คิดแผลง ๆ เล่นภาษาปะกิดที่ฉันแสนจะเกลียดแต่เช้า

                นึกคึกอะไรของเธอเนี่ยซายุ ? อยู่ ๆ ก็มาสะปี๊กอิงลิชเนี่ย เหอ ๆ...สำเนียงแสนจะเจ้าของภาษา -*- (ตรงไหน)

                อ้าว!! ไม่มีใครบอกหรอว่าวันนี้สอบภาษาอังกฤษ ?

                เฮือก!!

                เง้อ!! ถ้านี่เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นฉันคงจะต้องเข้าฉากแข็งเป็นหินไปทั้งตัวแล้วอย่างแน่นอน

                อ้ากกกกก!!! นี่มันวันอะไรฟระเนี่ย!!?

                ซายู้~...ช่วยด้วยยยย Y Y”

                อ๊ะ...จ้า ๆ   ช่วยจ้าช่วย ซายุรีบรับปาก   แน่ล่ะ   เพราะฉันแทบจะละลายลงไปกอดขาหล่อนอยู่แล้ว  >,,< ช่วยด้วยยยยยย  ถ้าคราวนี้คะแนนฉันตกอีกล่ะก็...ท่านแม่ไม่ปล่อยให้ฉันมีชีวิตอยู่ดูโลกที่สวยงามอีกแหง ๆ   มีหวัง   ส่งกองกำลังทวงหนี้แห่งชาติที่สังกัดท่านแม่อยู่มาจัดการฉันแน่ ๆ >O<

                แต่ว่า...มีข้อแม้นะ!!”

                อ้าว!! เมื่อก่อนไม่เคยมีข้อแม้...เดี๋ยวนี้คิดจะต่อรองแล้วหรอ!!?

                ยูเอะต้องตอบคำถามฉันก่อน

                ง่ะ!!

                ฉันแบะปาก   ถ้าจะให้ตอบอะไรที่เป็นวิชาการล่ะก็ฉันไม่รู้นะ   อย่ามาถามดีกว่าเพราะในหัวฉันนอกจากเงิน ๆ ๆ แล้วก็ไม่มีอะไรอีกแล้วล่ะ    ฮ่า ๆ ๆ (หัวเราะอย่างภาคภูมิใจ -*-)

                คือว่า... ซายุเริ่มทำมือเอาปลายนิ้วชี้มาจิ้ม ๆ กัน   ในขณะที่ฉันตั้งใจฟังสุดฤทธิ์

                มันจะออกมาประมาณคำถามวัดความรู้รึเปล่าหว่า ? ประมาณว่าหนังจีนแบบ...เธอมีคุณค่าพอที่ฉันจะสอนมั้ยอะไรอย่างนี้น่ะหรอ ? >..< ถ้าเป็นอย่างนั้น...ซายุเอ้ย!! งานนี้เจ๊คงจะได้รู้ว่าสมองเพื่อนเจ๊มันเน่าไปแค่ไหนแล้ว

                คือว่า...

                จึ้ก ๆ!!

                ซายุเอานิ้วมาจิ้มกันเองอย่างเอาเป็นเอาตาย

                คือ...อ้าว!! คิทสึเนะคุง!!!”

                กรรมมั้ยล่ะ ? - -* ทำไมหมอนั่นต้องโผล่มาเวลาที่คนเขากำลังจะตัดสินใจรับเป็นศิษย์อาจารย์กันด้วยล่ะเนี่ย (ยังบ้าหนังจีนไม่เลิก  เหอ ๆ)

                หวัดดี   ซายุ

                อะไรนะ!!? O[]o ม...เมื่อกี้หมอนั่นพูดว่า หวัดดี  ซายุ ใช่ป่าว ? ไม่น่าเชื่อ...หมอนั่นจะพูดเหมือนคนได้!?! โอ้ว!! ฉันค้นพบความลับแห่งจักรวาลข้อนึงแล้ว - -+

                คิทสึเนะคุงอ่านภาษาอังกฤษมารึยังล่ะ ? ที่สอบวันนี้น่ะ ? ดูดิ๊!! ทำไมซายุยังไปพูดดีกับมันอีก!?! รู้มั้ยว่ามันม่ายยยช่ายยยผู้ชายยย~

                อ่านแล้ว เจ้าตัวกวนประสาทนั่นตอบเรียบ ๆ   ไม่ได้มองมาทางฉันสักกะแว๊บ

                เออ...งั้นช่วยสอนยูเอะหน่อยนะ   ฉัน...ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ!!”

                ว่าแล้วซายุก็เผ่นแน่บออกจากห้องไปราวกับปวดขนาดหนัก    นี่หล่อนท้องเสียกะทันหันเพราะเห็นหน้าหมอนี่หรือไงกันยะ!?

                ว่าแล้วฉันก็หันไปมองหน้าเจ้าคนที่โดนโยนภาระให้

                เอาฟระ!! เรื่องบาดหมางในอดีตเอาไว้ก่อน...ตอนนี้คือต้องทำคะแนนให้ได้เยอะ ๆ แล้วมีชิวตรอดจากเงื้อมมือท่านแม่ก่อนดีกว่า >.<

                เอ่อ... ฉันเริ่มตื้อ   จะพูดอะไรดีล่ะ ? ...คือ   นายช่วยสอนหน่อยได้ไหม ?

                ใจดีสู้เสือเข้าไว้!! ยูเอะ!!!

                แต่หมอนั่นกลับเงียบ   ค้นหาของในกระเป๋าเหมือนไม่ได้สนใจฉันสักนิด

                หรือว่ากำลังหาหนังสือภาษาอังกฤษ ?

                ยืมของฉันก็ได้ ฉันรีบคว้าหนังสือของตัวเองมาวางตรงหน้าหมอนั่น   เร็ว ๆ ดิ!! รีบสอน...อีกห้านาทีจะเข้าเรียนแล้ว! เป็นความซวยของฉันหรือไงก็ไม่รู้ที่วันนี้ภาษาอังกฤษดันมาอยู่ซะชั่วโมงแรก

                หมอนั่นหยิบหนังสือของตัวเองขึ้นมา   แล้วหันมองไปที่หนังสือของฉันแว่บเดียว  

                เอาหนังสือของเธอออกไปจากโต๊ะของผม!!”

                อ๊ะ!?...นายว่าไงนะ ?

                สงสัยฉันคงลืมแคะหูนาน   คนอย่างหมอนี่   เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ ?

                ผมบอกว่า... คิทสึเนะพูด   ไม่หันมามองฉันแม้แต่นิด ...เอาหนังสือของเธอออกไปจากโต๊ะของผม!!”

                อ้ากกกก!! ไม่สนภาษาอังกฤษอังเกลิดอะไรแล้ว!!! แกต้องตายยยยยยยยยยยยยยยย!!!

     

    ** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **

     

                ยูเอะ...กินฟรุ๊ตพายหน่อยน้า

                ไม่!!” ไม่โว้ย!!...ฉันไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะกินอะไรทั้งนั้น   ที่ฉันอยากกินคือหัวไอ้หมอนั่น!!!

                หนอยแน่!! เอาหนังสือของเธอออกไปจากโต๊ะของผมงั้นหรอ!!?

                เอาหัวของแกออกไปจากบ่าก่อนดีกว่ามั้ง!!

                ยูเอะ   นิดนึงน้า...อย่าโมโหมากเลยนะ ซายุยังคงไม่ละความพยายาม   ฉันมองเพื่อนของตัวเองกำลังถือฟรุ๊ตพายชิ้นใหญ่ร่อนไปร่อนมาอยู่ตรงหน้าฉัน   นี่!!...นั่นมันฟรุ๊ตพายนะไม่ใช่จานบิน   แว่นเธอผิดปกติรึเปล่าเนี่ยซายุ!!? -*-

                ช่างเหอะ   ขอบใจมากนะซายุ ฉันตอบ   พลางรับพายชิ้นนั้นมากัด   ก่อนจะเคี้ยวแรง ๆ

                คิดซะว่านี่เป็นหัวไอ้หมอนั่นแล้วกัน!!

                โธ่เว้ย!!

                สำหรับการสอบภาษาอังกฤษ    แน่นอนว่าฉันต้องตกแน่ ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย   แต่ที่น่าโมโหกว่านั้น...น่าโมโหกว่านั้น

                อ้ากก!! ไอ้ตัวกวนนั่นมันดันได้ที่หนึ่งของห้องร่วมกับซายุ!!!

                ได้คะแนนเต็มเท่ากัน    ชิ!!...โธ่เอ้ย!!! ถ้าข้อสอบมันมีห้าสิบข้อไม่ใช่สามสิบข้อล่ะก็ซายุต้องชนะแกแน่ ๆ อยู่แล้ว!! โว้ย!!!...ยิ่งคิดยิ่งอยากฆ่ามัน!!

                น่า ๆ   ยูเอะอย่าคิดมาไปเลยนะ   สอบตกเดี๋ยวก็ซ่อม   รับรองคุณน้าไม่รู้หรอก

                ซายุยังคงเข้าใจผิดว่าฉันโมโหเพราะสอบตก   ซึ่งเป็นการเข้าใจผิดนะครับผม!!

                เหอ ๆ...ตอนนี้ฉันไม่สนใจชีวิตตัวเองแล้วล่ะซายุเอ้ย!!! - -+

                เอาเถอะน่า   เดี๋ยวคราวหน้ารับรองฉันจะติวให้เข้ม ๆ เลยนะนะนะ ซายุ   หล่อนก็ยิ้มได้อ่ะดิ!! ไอ้ตัวกวนประสาทนั่นมันดีกะหล่อนจะตาย!!!

                โว้ย!! ไม่ได้โว้ย...ใครก็ห้ามยุ่งกะเพื่อนฉันทั้งนั้น    โดยเฉพาะแก!!!

                มินาโมโตะ  โนะ  คิทสึเนะ!!...ฉัน  ซานาดะ  ยูเอะจะขอจดจำแกในฐานะศัตรูตลอดชาตินี้และชาติหน้า    ชาติไหน ๆ ก็ไม่ชอบหน้าแก!!!

                เออ...จริงสิ ซายุเกริ่นขึ้นมาทำให้ฉันหลุดออกจากโลกแห่งความแค้นส่วนตัว   ขึ้นมามองหน้าของเพื่อนสาวอย่างสงสัย

                เอาอีกแล้ว   ซายุ!! หล่อนเริ่มจะเอานิ้วมาจิ้ม ๆ ๆ กันอีกแล้วนะ!!!

                คือ...ยูเอะ   ถามอะไรหน่อยสิ   คือ...

                คือ ? คืออะไรล่ะ!!~ รีบถามมาดิ!!!

                คือว่า...เธอรู้จักกับคิทสึเนะคุงเขามานานแค่ไหนแล้วล่ะ ?

                ปึ้ด!! - -*

                เออ   แล้ว...เขาชอบกินอะไรบ้างหรอ ?

                ปึ้ด!! ปึ้ด!! - -**

                แล้วก็   พวก...แหม   แบบว่างานอดิเรกอะไรอย่างเงี้ย ? พอจะรู้บ้างรึเปล่า ?

                ปึ้ด!! ปึ้ด!! ปึ้ด!! - -***

                เออ   ชอบวิชาอะไรเป็นพิเศษด้วย ?

                ปึ้ด!! ปึ้ด!! ปึ้ด!!

                ตูม!!! (ปรอทแตก -*-)

                ไม่รู้โว้ย!! ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น!!! โว้ย!!...หงุดหงิด!! อยากฆ่าคนโว้ยยยยย!!!”

                ง่าส์...โอเค ๆ   ฉันหาเองก็ได้ ๆ

    ** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **

     

                วันรุ่งขึ้น   ฉันแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา

                ชื่อมินาโมโตะ   โนะ   คิทสึเนะ  อายุ 17 ปี สามเดือน    เป็นลูกคนที่สองของตระกูลมินาโมโตะ   เกิดวันที่ 23 กุมภาพันธ์   ส่วนสูง 178 เซนติเมตร    น้ำหนัก 63 กิโลกรัม   เอ ? ผอมไปรึเปล่าเนี่ย ? สูงตั้ง 178 แต่หนักแค่ 63 เอง ? งืม ๆ

                ซายุอ่านข้อมูลจากกองเอกสารปริมาณมหาศาลที่วางอยู่บนโต๊ะให้ฉันฟังอย่างขะมักเขม้น

                ส่วนที่ฉันยังทนฟังอยู่ไม่ใช่เพราะฉันอยากจะล่วงลึกข้อมูลส่วนตัวของไอ้หมอนั่นหรอกนะ   ฉันแค่กำลังอึ้งกับฝีมือของเพื่อนตัวเองอยู่ตะหาก!!

                นี่หล่อนไปหาทั้งหมดนี้มาในเวลาหนึ่งคืนงั้นหรอ!!?

                เอ่อ...ซายุ   ถ้าเธออยากมีรายได้พิเศษเมื่อไหร่   คิลอินดียินดีต้อนรับเสมอนะ   ฝ่ายหาข่าวของฉันกำลังต้องการบุคลากรเปี่ยมคุณภาพอย่างเธอ   ให้ตายเถอะ!!...นี่หล่อนคือพี่ริวจินปลอมตัวมาใช่มั้ยเนี่ย!!?

                สายตาสั้นไม่เท่ากัน   ข้างซ้ายสั้น 330 ส่วนข้างขวา สั้น 400 ชอบใส่แว่นกรอบสีดำ   อาหารที่ชอบคือซูชิหน้าปลาหมึก...

                ซ...ซายุ   คือ... ฉันยกมือเกาแก้มแกรก ๆ นี่เธอจะหาข้อมูลทั้งหมดนี่ไปทำไมหรอ ?

                เอ่อ...ง่า... เพื่อนฉันเอาอีกแล้วโว้ย!! ไอ้ท่าเอานิ้วจิ้ม ๆ กันนี่มันเป็นอะไรกับเธอรึเปล่าเนี่ย -*-

                คือว่า...ฉัน   แบบว่า...ฉัน...

                หวัดดี

                เสียงที่ดังมาจากข้าง ๆ ทำให้ยัยนี่เด้งตัวขึ้นนั่งหลังตรงทันที   ก่อนจะหันไปยิ้มแย้มทักทายกับ...กับเจ้าตัวกวนประสาทนั่น!!!

                เออ...หวัดดีจ้ะคิทสึเนะคุง!!”

                นี่...นี่ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่มั้ยเนี่ย!?! ซายุหน้าแดง!!? >[]<

                คือว่า...หลังเลิกเรียนวันนี้ว่างมั้ย   คือ...ไปกินซูชิหน้าปลาหมึกกันมั้ย ? ฉันรู้จักร้านอร่อย ๆ

                คิทสึเนะเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง   แหงล่ะ...ชวนไปกินซูชิหน้าปลาหมึก -*- เป็นใครก็ต้องรู้สึกตงิด ๆ ทั้งนั้นแหละ

                ให้ตายเหอะ   หมอนั่นทำอย่างนี้อีกแล้ว...ทำเหมือนมองไม่เห็นตัวฉันทั้ง ๆ ที่ฉันยังยืนให้เห็นอยู่โทนโท่   หนอย!! ฉันไปทำอะไรให้แกโกรธหรือไงยะ!!?

                ได้สิ

                เฮ้ย!! ม...หมอนั่นมันตอบรับอ่ะ!?!

                ด...เดี๋ยวนะ!!?

                ฉันเริ่มรู้สึกเหมือนซายุกับคิทสึเนะลอยห่างออกไป

                น...นี่ฉันถูกทิ้งหรอเนี่ย!? ซายุไม่ได้ชวนฉันแต่ไปชวนไอ้ตัวกวนประสาทนี่!!?

                ไม่จริงใช่ม้ายยยยยยยยยยยยยยยยย!!? >_<

     

    ** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **

     

                ห่างออกไปหลายกิโลเมตร    บนตึกสูงระฟ้าแห่งหนึ่งซึ่งเป็นหนึ่งในหลาย ๆ ตึกของตระกูลมินาโมโตะในโตเกียว

                เป็นคิทสึเนะคุงงั้นหรอ ? แปลก...

                เสียงเอ่ยที่เหมือนไม่ได้ดังเข้าหูของชายหนุ่มผู้นั่งอยู่หลังโต๊ะไม้ตัวใหญ่   ด้านหน้านั้นมีป้ายเขียนไว้ว่า รองประธาน ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ของรองประธานคนนี้เย็นลงตามเลยสักนิดเดียว

                ...ใช่แล้ว...คน ๆ นี้คือมินาโมโตะ  โนะ  คาสึโยะ...

                พี่ชายที่ถูกน้องชายคาบเอาตำแหน่งเจ้าตระกูลคนใหม่ไปต่อหน้าต่อตา!!

                ท่านเจ้าตระกูลมีเหตุผลอะไรหรือเปล่า ? หรือนี่เป็นแผนการตบตาพวกซานาดะ ?

                ไม่รู้ คาสึโยะตอบห้วน ๆ   ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาที่คล้ายกับน้องชายอย่างรางเลือนนั้นฉายแววโกรธจัด   นัยน์ตาสีขี้เถ้าที่ไม่ได้ถูกบดบังด้วยแว่นเหมือนมินาโมโตะ  โนะ   คิทสึเนะจับมองผู้ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟาสีขาวตัวใหญ่

                ชายหนุ่มคนนั้นเป็นชายร่างสูง    แต่ดูเหมือนจะเตี้ยกว่าคาสึโยะเล็กน้อย   นัยน์ตาสีจางจนบอกไม่ถูกว่าเป็นสีอะไร...คล้ายจะเป็นสีฟ้าที่อ่อนมาก ๆ   ใบหน้าราวกับเทพบุตรลงมาจุติ   เส้นผมสีชานั้นตัดประบ่า    ที่ติ่งหูข้างหนึ่งถูกประดับด้วยตุ้มหูอันเล็ก ๆ สีเงินประดับอัญมณีฟ้าอ่อนวาว ๆ

                ประมาณได้เลยว่า...ถ้าหากคน ๆ นี้ไม่ได้เป็นซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังก็คงจะเป็นดาราระดับแนวหน้าเป็นแน่แท้

                แต่   ผิดคาด...ชายหนุ่มคนนี้กลับไม่ได้เป็นทั้งดาราและซุปเปอร์สตาร์    เขากลับกลายเป็นคนเก็บตัวอย่างไม่น่าเชื่อ   และ...แม้ว่าจะเป็นถึง ผู้นำขององเมียวจิ ที่มีเครือข่ายมากมาย   แต่กลับไม่เคยมีใครได้รูปของเขาสักใบ

                องเมียวจิ   เป็นเครือข่ายจอมเวทย์ที่ทั้งเก่าแก่และมีอำนาจมากที่สุดในญี่ปุ่น   เป็นเครือข่ายที่รวบรวมตระกูลจอมเวทย์มากมายเข้ามาเป็นปึกแผ่น

                พวกจอมเวทย์น่ะไม่เหมือนกับนักฆ่า   เพราะมีจำนวนน้อยกว่ามาก   การเกิดอยู่ในตระกูลที่เป็นจอมเวทย์ทั้งตระกูลก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะมีความสามารถเป็นจอมเวทย์ไปด้วย   ดังนั้นจำนวนของจอมเวทย์ในแต่ละตระกูลจึงเล็กน้อยมากจนไม่มีตระกูลใดที่สามารถตั้งตัวขึ้นมาเป็นตระกูลจอมเวทย์ได้   การรวมตัวกันจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งหากยังต้องการความอยู่รอด

                และ   ที่แตกต่างจากพวกนักฆ่าอีกอย่างหนึ่งก็คือ    พวกนักเวทย์มักจะเก็บตัวเงียบ   ไม่สังสรรค์เข้าสมาคมกับใคร   ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน   เครือข่ายขององเมียวจิจะแทรกซึมเข้าไปถือหุ้นในบริษัทชื่อดังต่าง ๆ หลายแห่ง    แต่ก็ไม่เคยออกมาเปิดเผยตัวเองกับโลกภายนอก   มีแต่พวกตระกูลเก่าแก่และพวกวงในเท่านั้นที่จะสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเขาได้   สองในบรรดาหลาย ๆ ตระกูลนั้นก็คือ   มินาโมโตะ  และซานาดะ

                อ้อ!! เรื่องที่ว่าเวทย์มนต์ยังมีอยู่ในโลกอีกหรือไม่ ? 555+...ไม่ต้องสงสัย   รับประกันล้านเปอร์เซ็นต์ว่ายังมีอยู่   เพราะแม้กระทั่งนักดาบบางคนก็ยังสามารถใช้เวทย์มนต์ง่าย ๆ อย่างเช่นการจุดไฟได้เลย

                ชายหนุ่มคนนี้  คือ เซตะ  ฮาจิเมะท่านเจ้าแห่งองเมียวจิ...ผู้ถูกกล่าวขานว่าจอมเวทย์อัจฉริยะที่ได้รับตำแหน่งนี้ตั้งแต่ตอนที่อายุเพียงสิบสี่ปี

                แล้วนายจะทำยังไง ? ตอนนี้ท่านเจ้าตระกูลมินาโมโตะ   ท่านโคโยก็ยกเรื่องธุรกิจและสิทธิในการออกคำสั่งเกี่ยวกับบริษัททั้งหมดให้นายแล้วนี่

                มันไม่พอ!!” คาสึโยะตอบเสียงเครียด นี่เป็นแค่ธุรกิจฉาบหน้า   ถึงฉันจะมีธุรกิจทั้งหมดของบริษัทแต่คิทสึเนะได้ตระกูลไป    ตำแหน่งที่ฉันนั่งก็ไม่ต่างจากเก้าอี้ลม   แถม...มันยังสามารถส่งนักฆ่ามาฆ่าฉันได้ทุกเมื่อ

                นายไม่ใช่คนตายง่ายร้อก!!” เซตะ  ฮาจิเมะพูดด้วยน้ำเสียงรื่นเริง   ในฐานะที่เขาอายุพอ ๆ กันกับคาสึโยะจึงรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ   อีกทั้งคิทสึเนะผู้เป็นน้องชายของคาสึโยะเขาก็รู้จักดีเหมือน ๆ กับว่าเป็นน้องชายของตัวเองในขณะที่พี่ชายแท้ ๆ กลับไม่แม้แต่จะสนใจ

                มินาโมโตะ   โนะ   คาสึโยะ...ผู้ถูกกล่าวขานว่าเป็นดาบเทพแห่งมินาโมโตะ    ฝีมือและพรสวรรค์ที่หนึ่งร้อยปีจะมีสักหนึ่งคน    ไม่ใช่คนที่ใครนึกอยากฆ่าก็ฆ่าได้ง่าย ๆ

                แต่การถูกนักฆ่าตระกูลตัวเองเพ่งเล็งก็ไม่ใช่เรื่องดี   ยังดีที่ท่านพ่อยังไม่ได้ประกาศเรื่องนี้ให้คนทั่วไปรู้   ไม่อย่างนั้นเรื่องจะยุ่งยากขึ้น

                แล้วนายจะทำยังไงกับคิทสึเนะ ?

                ฮาจิเมะถาม    ใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้มบาง ๆ อย่างสนุกสนานกับละครเบื้องหน้า

                สำหรับเขา...นี่เป็นเพียงละครฉากหนึ่งเหมือน ๆ กับเรื่องอื่น ๆ ในโลก   เพียงแต่นี่เป็นฉากที่มีความสำคัญกับละครและอนาคตมากกว่าฉากอื่น ๆ เท่านั้น

                ท่านเจ้าขององเมียวจิยิ้มบาง ๆ อย่างที่สาว ๆ ที่ไหนมาเห็นคงกรี๊ดสลบแน่ ๆ

                ใช่แล้ว   คงต้องขอปรบมือให้ท่านโคโยเสียหน่อยที่คิดละครฉากนี้ขึ้นมา...

                ...ฉากที่เอาดาบยัดใส่มือของพี่น้องสองคนให้มาฟาดฟันกันเอง

                คงต้องจัดการ คาสึโยะตอบ   ไหวไหล่ง่าย ๆ

                เขาเป็นน้องชายของนายนะ ? ฮาจิเมะเลิกคิ้วขึ้น   ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่ารูปการณ์คงออกมาประมาณนี้เป็นแน่แท้   แต่ก็ยังอดถามไม่ได้

                แล้วไง ? ผู้เป็นพี่ชายหันมามอง ชีวิตจริงน่ะมีคำว่าพี่หรือน้องด้วยรึไง ? มันก็มีแต่ผู้ชนะกับผู้แพ้เท่านั้นแหละ

                อืม... ชายหนุ่มรูปงามพยักหน้าน้อย ๆ ...ตอบได้สมเป็นนายจริง ๆ

                แล้วนายล่ะ ?นัยน์ตาสีขี้เถ้าคมกริบตวัดมามองชายหนุ่มผู้นั่งอย่างสบายอารมณ์ราวกับตัวเองไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ ในสงครามโลกมืดที่จะเกิดขึ้นครั้งนี้เลย

                ฉัน ? ฉันทำไม ?

                นายจะเลือกอยู่ข้างไหน ?

                รอยยิ้มคลี่สะบัดออกบนริมฝีปากของเซตะ  ฮาจิเมะ   ดวงตาสีอ่อนจางวาวแสงขึ้นยิ่งทำให้สีของมันดูอ่อนจนเกือบจะเป็นสีขาวสะอาดกลืนไปกับตาขาว

                ฉัน...เลือกอยู่ข้างผู้ชนะ

                หึ ๆ  สมเป็นนายจริง ๆ คาสึโยะยิ้มบาง ๆ

                ทำไมเขาจะไม่รู้จักเพื่อนตัวเองคนนี้...

                ...เจ้าเล่ห์เป็นที่หนึ่ง   จมูกไวเรื่องส่วนได้ส่วนเสีย   ลึกลับหาตัวจับยาก   และที่สำคัญ...

                เหี้ยมได้ทุกเวลาที่อยากจะเหี้ยม!!

                ใช่แล้ว   เบื้องหลังใบหน้าเทพบุตรนี่แหละคือจอมมารตัวจริง

                คนสองคนจมอยู่กับความเงียบเป็นเวลานาน

                อ้อ...ใช่   ฉันมีอะไรจะแนะนำสำหรับสงครามครั้งนี้ ฮาจิเมะพูดขึ้นในที่สุด   เขาควานหาอะไรบางอย่างในกระเป๋ากางเกง   แล้วโยนฟึ่บมาให้

                ปึก!!

                ทั้ง ๆ ที่มันเป็นกระดาษแค่เพียงแผ่นเดียว   แต่กลับปักลึกลงไปในเนื้อไม้ได้อย่างน่าอัศจรรย์!!

                ถ้าไม่ใช่นาย...ฉันคงจะเผลอฆ่าไปแล้ว คาสึโยะส่ายหน้า   ดึงกระดาษที่ปักอยู่บนโต๊ะของตัวเองออก

                มันเป็นนามบัตรกระดาษแข็งแผ่นหนึ่ง   ตัวอักษรเขียนด้วยหมึกประหลาดที่ดูเลือนรางคล้ายกับเงา   แต่อ่านออกได้ใจความว่า

                ‘Kill – in – D’

                บริษัทรับจ้างฆ่า ?...ทำไมหรือ ?

                แต่ทว่า   เมื่อเงยหน้าขึ้นมา   ร่างสูงที่ควรจะนั่งอยู่เบื้องหน้ากลับหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่    เหมือนกับสลายไปกลางอากาศเสียเฉย ๆ

                ฉันจะจัดการให้...นายจัดการของนายไป

                เสียงของท่านเจ้าแห่งองเมียวจิดังแว่ว ๆ เหมือนกับเสียงของภูติพราย

                อย่าลืมว่า   ฉันจะอยู่ข้างผู้ชนะเท่านั้น   ถึงแม้ว่าผู้แพ้จะเป็นนายก็ตาม...คาสึโยะ

                หึ ๆ   ร้ายกาจจริง ๆ นะ

                รอยยิ้มเย็นเยียบผุดขึ้นบนเรียวปากของมินาโมโตะ  โนะ   คาสึโยะ

                ร้ายกาจ...สมเป็นท่านเจ้าแห่งองเมียวจิจริง ๆ!!

                คน ๆ นี้แหละ   หนึ่งในตัวแปรสำคัญสำหรับหมากกระดานนี้!!!

                แล้วนายล่ะ ? คิทสึเนะ ?...

                ...หมากของนายน่ะ ? มีอะไรบ้าง ?

     

    ** ** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **

               

                ฮัดเช้ย!!!

                คิทสึเนะคุง ? เป็นอะไรหรอ ? เป็นหวัดรึเปล่า ?

                เปล่าหรอก ผมว่า   ดันแว่นที่เริ่มจะเลื่อนลงมาอีกแล้วเข้าที่

                อยู่ ๆ ซายุก็ชวนผมออกมากินซูชิ    ผมก็ต้องงงเป็นธรรมดาล่ะครับ    แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ   ไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธ    ผมก็เลยยอมมาแต่โดยดี

                แต่ยัยโหดนั่น   ตะบึงตะบอนกลับบ้านไปแล้ว

                แต่ก็ช่างเถอะ    ไม่เกี่ยวกับผมเลย   พูดจริง ๆ ไม่ต้องเห็นหน้ากันก็ดีแล้ว

                ผมฉุนครับ    ผมฉุนจริง ๆ    ไม่รู้ว่าทำไมผมต้องฉุนจัดขนาดนี้ด้วย    ตั้งแต่ผมรู้ว่าเธอเป็นประธานบริษัทคิลอินดีนั้นผมก็ฉุนขาด   ไม่อยากเจอ   ไม่อยากพูดด้วย   ไม่อยากเห็นหน้าเลยทีเดียว...

                นี่แหละครับที่เขาเรียกว่าโรคเกลียดนักฆ่าขึ้นสมอง -*-

                ผมคิด    ขณะหยิบซูชิหน้าปลาหมึกที่เพิ่งเคลื่อนผ่านมา

                นี่...แล้วคิทสึเนะคุงชอบกินอะไรอีกหรือ ? พวกของหวาน ๆ ชอบหรือเปล่า ?

                ผมเลิกคิ้ว   รู้สึกเหมือนกำลังโดนสัมภาษณ์

                ว่าไงล่ะ ? เออ...ขอโทษที   เธอคงอยากจะกินสินะ   เอ้า ๆ!! เชิญจ้ะ   ฉันไม่กวนก็ได้

                ซายุรีบหันไปอีกทาง

                ผมถอนหายใจ

                ซายุดีกับผมหลายอย่างตลอดเวลาอาทิตย์กว่ามานี่   เธอมักจะมานั่งคุยกับผมบ่อย ๆ ถึงแม้ว่าผมจะตอบน้อยคำ   แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมรำคาญนะครับ   จริง ๆ แล้ว...การที่ผมเงียบก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่อยากพูด   แต่บางครั้งมันก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี   เรียกว่าเหมือนกับสูญเสียความสามารถในการเรียบเรียงคำพูดไปบางส่วนนั่นแหละ

                ช็อกโกเลต...

                เอ๋ ?

                ซายุหันมามองผมอย่างงง ๆ   จะมาเอ๋ทำไมเล่า!!   ก็ตัวเองกำลังถามอยู่ไม่ใช่หรือไงว่าผมชอบกินของหวานอะไรบ้าง 

                ผมชอบแบล็คช็อกโกเลตของร้านซันย่า

                ง...งั้นหรอ ?

                ซายุพยักหน้า  

                เอ่อ   คือว่า   คิทสึเนะ...ฉันรู้ว่าเราเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน   แต่ว่า...

                ซายุเริ่มเอาปลายนิ้วชี้มาแตะ ๆ กันแล้วก้มมองมันอย่างเอาเป็นเอาตาย    ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจในการกระทำของเธอเลย

                แต่ว่า...ฉันอยากจะบอกเธอจริง ๆ นะ   ฉันไม่เคยบอกใครมาก่อน   แต่ว่า...

                ผมขมวดคิ้ว   ใบหน้าของเด็กสาวตรงหน้ายิ่งแดงแป้ดเหมือนกับเนื้อแตงโมฉ่ำ ๆ

                คือว่า...ฉัน   ฉันชอบคิทสึเนะคุงน่ะ!! คบกับฉันได้มั้ย!?!”

                หา!!?

     

    ** ** ** ** ** ** ** ** ** ** **

     

                หา!!?

                ฉันแทบจะปล่อยตะเกียบตกพื้นแล้ว  

                ม...เมื่อกี้ยัยซายุพูดอะไรออกมานะ!?!

                ถูกแล้ว   จริง ๆ ฉันไม่ได้กลับบ้านหรอก   แต่แอบตามมาห่าง ๆ ตะหาก   ใครจะไปไว้ใจให้ไอ้เจ้าตัวกวนประสาทนี่อยู่กับเพื่อนรักของตัวเองสองต่อสองล่ะ!! แต่สองคนนั้นคงจะไม่สังเกตเห็น   ฉันว่าฉันปลอมตัวได้เก่งนะ...กลบจิตสัมผัสก็ทำได้แนบเนียนตามสไตล์ซานาดะ   โฮะ ๆ ๆ...อ๊ะ!! ไม่สิ    นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาภาคภูมิใจในวิชาของตระกูลตัวเองนะ!! ต้องสนใจยัยซายุที่สงสัยจะเรียนหนักจนเพี้ยนไปแล้วมากกว่า!!!

                ฉัน...ฉันชอบคิทสึเนะคุงจริง ๆ นะ   ฉันไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครมาก่อนเลย!! คบกับฉันได้ไหม!?!”

                ซายุยังคงย้ำคำเดิม

                อ้ากกกก!! นี่มันวันอภิมหาโลกาวินาศหรือไงเนี่ย!?!

                ไม่สิ ๆ   นี่สงสัยเรากำลังฝันอยู่แหง ๆ    ไม่มีทางที่เพื่อนที่แสนจะเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้ของฉันจะพูดอะไรพรรค์นี้ออกไปได้หรอก   นี่มันก็แค่ความฝัน

                ฉันหยิกตัวเองอย่างแรง   แต่สิ่งที่ได้กลับมากลับมีเพียงแค่เสียงโอ๊ยของตัวเองและรอยแดงที่เจ็บเป็นบ้า

                ตาของฉันเห็นเจ้าตัวกวนประสาทนั่นทำหน้าเหมือนกับอึ้ง ๆ ไป    แหงล่ะ...ใครจะคิดว่าอยู่ ๆ คนที่แสนจะเรียบร๊อยเรียบร้อยคุณหนูขนาดซายุจะมาสารภาพรักในร้านซูชิได้หน้าตาเฉย

                โว้ย!!...ไม่ ๆ ๆ!!! นี่มันต้องมีเบื้องหน้าเบื้องกลางเบื้องหลังแหง ๆ!!

                เธอเอาจริง ?

                คิทสึเนะถาม   

                ว้อย!!...ปฏิเสธไปซะสิ!!! แกเป็นพวกลักเพศไม่ใช่หรือไง!?!

                อ...อื้อ    เอาจริง ซายุยังคงพยักหน้าถี่ยิก

                คุณชายแห่งมินาโมโตะถอนหายใจ

                แล้วผมจะเก็บไปคิดอีกที    ขอโทษด้วยนะที่ยังตอบไม่ได้

                ฉันเห็นซายุทำหน้าดีใจยิ่งกว่าได้โล่นักเรียนดีเด่นอีก!! อะไรกันนี่!?! หมอนั่นมีดีอะไรทำไมหล่อนต้องดีอกดีใจขนาดนั้นด้วยเล่า!?!

                ...แล้วฉันล่ะ ?

                ตั้งแต่คบกันมายังไม่เคยทำให้ซายุยิ้มแย้มได้ขนาดนั้นเลย   นี่แค่หมอนั่นบอกว่าจะลองเก็บไปคิด   ทำไมซายุถึงได้ดีใจขนาดนั้น ?

                จริง ๆ ด้วย...ตั้งแต่คบกันมา   ฉันต้องให้ซายุคอยช่วยตลอด   แต่หมอนั่นมันเก่งนี่...ช่วยเหลือเธอได้แน่ ๆ

                บ๊ะ!! ไม่ใช่นะโว้ย!!!...อย่าเพิ่งเปลี่ยนประเด็นสิ (เออ...นะ   คนเราทะเลาะกับตัวเองก็ได้ด้วยล่ะ -*- ฉันเพิ่งจะรู้นะเนี่ย)

                หมอนั่นมันต้องหลอกใช้ประโยชน์จากซายุแน่ ๆ!! แบบ...ประมาณว่าจะได้ไม่มีใครรู้เรื่องที่มันเป็นผู้ชายนะยะอะไรอย่างนี้!! ใช่แน่ ๆ   อย่างงี้ฉันควรจะทำตัวเป็นนางเอกขี่ม้าขาว (อ่านะ...เคยเห็นพระเอกขี่ม้าขาวมามากแล้ว   คราวนี้นางเอกจะขี่บ้างล่ะค่ะ!! ย้ากกกก!!! กุบกับ ๆ -_- เอาเข้าไป) เข้าไปอัดเจ้ากวนประสาทนั่นแล้วบอกความจริงทั้งหมดให้ซายุรู้ใช่ไหม!?

                แต่ว่า...เห็นหน้าเพื่อนรักของตัวเองที่กำลังทำท่ามีความสุขขนาดนั้นแล้ว   ไม่กล้าเข้าไปขัดความสุขเขาเลยอ่ะ... >[]<

                เออน่ะ...เอาไว้บอกพรุ่งนี้ที่โรงเรียนแล้วกัน

    _______________________________________

    ขออภัยเจ้าค่ะ TT  TT ไม่ได้ตั้งใจจะดอง   แต่ว่า...


    "ลืมอัพ!!"

    -*-
    น่าตบกว่าดองซะอีก   แง้ว ๆ >.,< 


    แต่ก็จะได้เป็นคอมโบไปเลยไงเจ้าคะ    พรุ่งนี้จะอัพให้อีก    เหอ ๆ   อ่านติดต่อกันสองตอนไปเลย (แล้วข้าพเจ้าจะปั่นทันอีท่าไหนเนี่ย = =)

    หุหุ...ขอบคุณนักอ่านทุก ๆ ท่านที่ไปเจอกันที่งานหนังสือเด็กเมื่อวันที่ 29 มากนะเจ้าค้า    น่ารักทุกคนเลย!! ^[]^ โอ๊ะ ๆ ...ไม่ได้หมายความว่านักอ่านที่ไม่ได้ไปปรากฏตัวไม่น่ารักนะเออ   อิอิ...เดี๋ยวจะน้อยใจเอา

    ถ้ามีงานหนังสือคราวหน้าข้าน้อยก็จะไปอีกเน้อ...ใครที่เล็งจะไปทำร้ายร่างกายเอาไว้ (โทษฐานดอง = =) แต่พลาดงานนี้ไป ก็ไปดักรอตีหัวได้นะเออ   เหอ ๆ...ใกล้ ๆ แล้วจะมาบอกนะเจ้าค้า >[]<

    มิริน

    ปล. เข้าพรรษาแว้ว >[]< ต่อไปนี้สงสัยต้องเลิกดอง   เหอ ๆ (มันเกี่ยวกันมั้ยนั่นน่ะ -*- ไม่เห็นจะเกี่ยวตรงไหนเลย)


    m.tokiya m.tokiya m.tokiya m.tokiya
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×