คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 : หายนะของตีนแมว
บทที่ 1 : หายนะของตีนแมว
รัตติกาลมาเยือนได้สักระยะแล้ว...
เมืองชายทะเลเช่นเลโตนัสนี้ แม้จะตกกลางคืนแต่อากาศก็ยังอบอุ่นจนเหงื่อซึมชื้น เขาเกิดที่เมืองเหนือ...ดังนั้นจึงขี้ร้อน พอมาเจออากาศเช่นนี้ก็ทำให้หงุดหงิดอยู่บ้างเหมือนกัน
ร่างสูงโปร่งพรางตัวแนบเนียนกับราตรีสีหมึกที่แผ่ปกคลุมราวกับผืนผ้า ย่านพักอาศัยเช่นนี้พอถึงช่วงกลางคืนจะเงียบสงบผิดกับแหล่งกบดานของเขาซึ่งคึกคักมีสีสันตลอดกาล สายลมชื้น ๆ พัดพาเอากลิ่นเกลือเค็ม ๆ มาจากด้านใต้ซึ่งติดทะเลทำให้ไฟยามซึ่งถูกจุดขึ้นเป็นระยะ ๆ วูบไหวส่องสะท้อนเงาบิดเบี้ยวของเขาซึ่งทอดตัวยาวไปบนพื้น เงานั้นลับ ๆ ล่อ ๆ พอ ๆ กับเจ้าของไม่มีผิด
ชายหนุ่มสะบัดเส้นผมสีทองอร่ามซึ่งตกลงมาปรกหน้าออกไปอย่างรำคาญ ย่างเท้าอย่างระมัดระวังไปบนกำแพงอิฐแข็งแกร่ง เมื่อมองลงต่ำก็พบว่ามีไฟยามถูกจุดเรียงเป็นแผง ทั้งยังมีนายทหารมากมายเดินกันขวั่กไขว่ การรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยมจนเขาต้องผิวปากหวือ แอบชื่นชมในใจ เขาเคยเห็นมาเยอะแล้ว...แต่ที่นี่ก็ยังนับว่าแน่นหนาติดอันดับทีเดียว
ร่างสูงทิ้งตัวลงบนพื้นอย่างแผ่วเบายิ่งกว่าฝีเท้าแมว ไม่ทำให้เกิดเสียงใด ๆ เลย เขามองซ้ายมองขวา ท่วงท่าสบายใจไร้กังวลจนถ้ามีคนมาเห็นก็คงอดหมั่นไส้ไม่ได้ จุดที่ลงมานั้นเป็นจุดที่อับที่สุดแล้ว เขาคำนวณมาอย่างดีหลังจากมาสำรวจสถานที่ถึงสี่หนก่อนจะลงมือปฎิบัติการจริง หากไม่ทำเช่นนี้...เขาคงไม่มีทางรักษาตำแหน่งที่ภาคภูมิใจเอาไว้ได้
หนุ่มตีนเบาผู้นี้มีนามว่า เรวา ดีนน์...
...แต่ผู้คนรู้จักเขาในชื่อ...ราชาตีนแมว...
เมื่อหลายวันก่อน ท่านราชาตีนแมวผู้โด่งดังในศาสตร์ด้านลบทั้งปวงกำลังจะประสบเหตุหายนะโดยที่เจ้าตัวก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยแม้แต่น้อย
“อืม...”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์พราวพรายอยู่บนมุมปากของชายหนุ่ม ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นไม่มีใครรู้จริง ๆ ว่าเขาอายุเท่าไหร่กันแน่ แต่เดากันว่าไม่น่าจะเกินยี่สิบปีแน่ ๆ ร่างสูงเพรียวสมส่วนออกจะอ้อนแอ้นเหมือนผู้หญิงนิด ๆ เส้นผมสีทองอร่ามเหมือนแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ไม่ค่อยจะพบเห็นในเมืองชายทะเลเช่นนี้ทำให้เขาโดนเด่นอยู่ท่ามกลางเหล่ากะลาสีหัวดำ ๆ ที่กำลังก้มหน้าก้มตามองไพ่ในมือ ผู้คนมักพบเห็นชายหนุ่มอยู่ในชุดสีเข้มซึ่งเขาบอกเองว่าเป็น ‘ชุดทำงาน’ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหมือนน้ำผึ้งนั้นทอประกายวิบวับ ท่าทางกะล่อนและใบหน้าหล่อเหลาของเขาทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิงได้ไม่ยาก
เรวาเองก็ชอบที่มีผู้หญิงมาห้อมล้อม แต่ยังมีบางสิ่งที่เขาชอบมากกว่านั้น...
“เจ้าหนุ่ม...ข้าว่าตานี้เจ้าหมดตัวแน่ ๆ”
มีเสียงต่ำคำรามข่มขวัญจากนายเรือผิวคล้ำท่าทางดุดันที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อเปรียบเทียบกันเช่นนี้...เรวาแทบจะดูเหมือนผู้หญิงไปเลย
แต่ชายหนุ่มหน้าละอ่อนกลับหัวเราะอย่างไม่นำพากับคำขู่
“ฮ่า ๆ ๆ...เอาไว้พูดตอนเปิดไพ่ดีกว่ามั้ย ข้าว่าไพ่ข้าก็ไม่เลวร้ายนักหรอกนะ”
ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายเหลือบมองไพ่ในมือของตัวเอง เขาได้แต้มสูงลิบลิ่วอย่างไม่ต้องมองซ้ำเป็นครั้งที่สอง...เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว
ก็เขาโกง...
ตอนนี้ ในมือของเขามีไพ่เลขเก้าเรียงกันเป็นตับสี่ใบกับโจ๊กเกอร์หนึ่งใบ เขาชอบเลขเก้า...ถึงมันจะไม่ใช่แต้มสูงสุด แต่แต้มสูงขนาดนี้...โอกาสแพ้ก็แทบจะเป็นศูนย์ เมื่อคิดได้อย่างนี้ ท่านราชาตีนแมวแห่งเมืองจึงยื่นมือออกไปดันกองเหรียญเงินข้างตัวไปตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่เบื้องหน้าด้วยสีหน้าน่าถีบเป็นที่สุด
“เอ้า...ข้าสู้หมดตัวแล้วตอนนี้ ทั้งหมดนี่ยี่สิบเหรียญทอง พวกเจ้าว่าไง ?”
หน่วยเงินของดินแดนแห่งนี้ สิบเหรียญทองแดงเป็นหนึ่งเหรียญเงิน สิบเหรียญเงินเป็นหนึ่งเหรียญทอง ขนมปังหนึ่งก้อนราคาหนึ่งเหรียญทองแดง หนึ่งเหรียญทองนั้นเป็นเงินที่มากพอให้ครอบครัวขนาดกลางมีขนมปังสดใหม่กินอิ่มไปได้เป็นเดือน ๆ
คนที่รายรอบมองจำนวนเงินนั้นแล้วสีเลือดก็หายไปจากใบหน้ากร้านแดดในบัดดล คนในบ่อนพนันแห่งนี้ส่วนใหญ่เป็นกะลาสีไม่ก็นายเรือ หาเช้ากินค่ำ จะเอาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน คนที่เข้ามาในบ่อน...ส่วนใหญ่กลับออกไปแบบหมดตัวมากกว่าที่จะร่ำรวย ถึงกระนั้น...ก็ยังคงมีคนที่เต็มใจจะหมดตัวแห่กันเข้ามาเรื่อย ๆ ไม่ขาดสาย
เรวากับเจ้าของบ่อนแห่งนี้รู้จักกันมานานพอสมควร ไม่อย่างนั้นคงไม่มีที่ไหนให้คนโฉดบริสุทธิ์อย่างเขามานั่งหลอกตุ๋นเงินชาวบ้านไปวัน ๆ อย่างสบายใจเฉิบเช่นนี้หรอก
ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วผิวปากหวือ ยกเท้าขึ้นพาดบนขอบโต๊ะด้วยท่าทางสุดกร่าง
“อะไรกัน ๆ” จอมโฉดยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมา “ไม่มีใครคิดจะสู้เลยเรอะ บางที...ไพ่ของพวกเจ้าอาจจะดีก็ได้นะ”
“ข้าเอง” นายเรือท่าทางดุดันผิวคล้ำคนที่พูดขู่เขาเมื่อครู่ตอบเสียงต่ำ ก่อนจะเลื่อนเงินที่กองอยู่ข้างตัวออกมาวางเบื้องหน้า
“ฮ่ะ ๆ...ต้องอย่างนั้นสิ!!”
เรวายังคงหัวเราะอย่างไม่ได้รู้สึกเลยว่าหายนะกำลังจะมาเยือนในไม่ช้า
ไพ่ถูกพลิกเปิดขึ้นบนโต๊ะ ชายหนุ่มอ้าปากหัวเราะ แล้วค้างอยู่ในท่านั้นนานกว่าสิบวินาที สีเลือดค่อย ๆ เหือดไปจากใบหน้าในบัดดล
คงจะไม่มีวันที่ชายหนุ่มจะลืมวินาทีที่เปิดไพ่ทั้งห้าใบนั้นออกมาดูได้ไปตลอดชีวิต เขาใช้ชีวิตในบ่อนมาเกือบตลอดชีวิต...ถึงแม้ว่าอาชีพหลัก (ตามที่เขาแต่งตั้งให้ตัวเอง) จะเป็นนักย่องเบา แต่เรื่องการพนันนี่ ท่านราชาตีนแมวก็กล้าพูดได้ว่าตัวเขาเองโกงเก่งไม่แพ้ใครใต้หล้าแน่นอน
ใครจะคิด...ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า...
ความซวยตกมาหาเขาทันทีที่อีกฝ่ายได้แต้มสูงกว่าเห็น ๆ แถมจะคัดค้านอะไรมากนักก็ไม่ได้เพราะเขาจับไม่ได้เลยว่าอีกฝ่ายโกงตอนไหน ที่สำคัญกว่านั้น...คือเขาเองก็โกง แต่ก็ยังแพ้...มันน่าเจ็บใจจนแทบกระอักเลือด ยิ่งเห็นสีหน้ายิ้มเยาะของเจ้านายเรือตัวแสบ ยิ่งทำให้เขาเริ่มรู้สึกอยากเปลี่ยนอาชีพเป็นฆาตกรขึ้นมากะทันหัน
เพราะฉะนั้น ตั้งแต่วันนั้นมา...ชายหนุ่มก็ตกอยู่ในสภาวะจนกรอบ แต่เดิมที เรวาก็เป็นคนไม่มีวินัยในการใช้เงินอยู่แล้ว เงินส่วนใหญ่ที่ได้มานั้นก็มาจากการพนันซึ่งมักจะหมดไปอย่างรวดเร็ว แต่ถึงจะหมดไปเร็ว แต่หากว่าเหลือเงินก้นถุงเอาไว้สักหน่อยเขาก็ต่อทุนได้ไม่ยาก นานแสนนานเหลือเกินที่เขาจะหมดตัวชนิดไม่เหลืออะไรเลยเช่นนี้...เล่นเอาชายหนุ่มพูดไม่ออก ได้แต่ออกมายืนแหงนหน้ามอง โทษฟ้าโทษดินอยู่หน้าบ่อน กลั้นน้ำตาลูกผู้ชายทั้งปากคอสั่น
“ข้าว่า...เจ้าลองหาเงินทางเก่าดีกว่ามั้ย ?”
เจ้าของบ่อนที่เห็นท่าทางน่าสงสารนั้นออกคำแนะนำ แถมยังยอมเลี้ยงเหล้าเขาหนึ่งแก้วฟรี ๆ เป็นการปลอบใจ
“ข้า...ขี้เกียจ” ชายหนุ่มวางคางลงบนโต๊ะ ปรือตาลงครึ่งหนึ่งด้วยความเซ็งเต็มประดาก่อนจะตอบอย่างไม่มีความสำนึกเลยสักนิด “ข้าอยากหาเงินง่าย ๆ มากกว่า ไอ้เรื่องอันตรายแบบนั้น...เอาไว้ทำเวลาอยากทำก็พอ”
แต่ไหนแต่ไรมา ถึงแม้จะเรียกตัวเองว่าเป็นนักย่องเบามือหนึ่ง แต่เรวาก็ประกอบมิจฉาชีพเอาตามอำเภอใจโดยไม่ได้ใส่ใจกับข้าวของที่ขโมยมาได้สักเท่าไหร่ เรียกว่าถ้ามีงานที่ดูท้าทายและกระตุ้นต่อมความสนใจเข้า เขาจึงจะลงมือสักครั้งหนึ่ง...ตั้งแต่เริ่มอาชีพนี้จนกระทั่งบัดนี้ เรียกว่าเขาได้เงินจากการย่องเบาน้อยกว่าที่ได้จากบ่อนเป็นสิบ ๆ เท่า
แต่ที่ทำให้เขาโด่งดังก็เพราะของแต่ละอย่างที่เขาขโมยล้วนถูกอารักขาเป็นอย่างดีจนไม่น่าเชื่อว่ามันจะหายไปได้ ทั้งมงกุฏโบราณของราชวงศ์ต่างแดน รูปปั้นหินสลักล้ำค่าของท่านอัครมหาเสนาบดี สร้อยคอของท่านหญิงอะไรสักอย่างที่เขาลืมชื่อไปแล้ว ไล่เรื่อยไปจนแม้กระทั่งเรือล่องสมุทรลำใหม่เอี่ยมของเจ้าเมืองเมืองนี้...เขาก็ขโมยมาแล้วทั้งสิ้น
เรียกว่าขโมยเอาตามอำเภอใจ...ขโมยเพราะใจรักจะดีกว่า...และเพราะนิสัยประเภทนี้ของเขานี่เองที่ทำให้ได้ฉายา ‘ราชาตีนแมว’ มาด้วยความนับถือจากโจรทั่วหล้า
“อันที่จริง...มีคนที่ข้ารู้จักกำลังหาคนอย่างเจ้าอยู่พอดี”
“หืม ?” ดวงตาสีน้ำตาลเหลือบมองผู้พูด เขาไม่ได้สนใจงาน...แต่คำกล่าวที่ว่ามีคนกำลังต้องการคนเช่นเขานั้นฟังดูน่าสนใจดี “ทำไมล่ะ ?”
“ก็นะ...” ดวงตาของเจ้าของบ่อนหรี่ลงจนเป็นเส้นเรียวเล็ก เขากดเสียงลงต่ำทำให้ดูน่าสนใจ ซึ่งก็ได้ผลเพราะชายหนุ่มยกคางขึ้นจากโต๊ะแล้วชะโงกหน้าเข้ามาเล็กน้อย “...มีของที่เขาต้องการน่ะสิ”
“แล้วไง ?”
คราวนี้เรวาหรี่ตาลงบ้าง หมดความสนใจแทบจะในทันที
เขาไม่เคยคิดจะขโมยของตามสั่ง เขาทำตามที่เขาอยากจะทำและไม่เคยฟังคำสั่งใครทั้งสิ้น ความโอหังนี้เป็นเหมือนยี่ห้อของเขามาตลอดชีวิตในวงการสกปรกเช่นนี้ มันทำให้เขายังคงเป็นเขา...ไม่เปลี่ยนไปง่าย ๆ
“โธ่!!” เจ้าของบ่อนร้องลั่น ตบโต๊ะดังฉาด ๆ เล่นเอาคนรอบข้างหันมามองว่าเกิดอะไรขึ้น “เจ้าไม่คิดบ้างหรอว่าความสามารถของเจ้าจะเป็นที่ต้องการน่ะ หา!? มีคนมากมายอยากได้ของที่ไม่ใช่ของของตัวเอง...แล้วเจ้าจะอมความสามารถเยี่ยม ๆ ของเจ้าเอาไว้หาพระแสงอะไร!?”
ราชาตีนแมวยกนิ้วชี้ทาบปากส่งเสียงดังชู่ว์ เพราะท่านเจ้าของบ่อนร่างอ้วนชักจะเรียกร้องความสนใจจากคนรอบข้างได้มากเกินไปแล้ว
อีกฝ่ายพ่นลมออกจากปากจนหนวดกระดิก แต่ก็ยอมลดเสียงลงแต่โดยดี
“ห๊ะ!? ว่าไง...เจ้าไม่คิดจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้างหรือไง ? แล้วฉายาเท่ห์ ๆ นั่นมีไว้หลอกเด็กงั้นเรอะ ?”
ชายหนุ่มเจ้าของฉายาสุดเท่ห์เท้าคางลงกับโต๊ะ ดวงตายังคงหรี่เล็กเจือประกายเจ้าเล่ห์ร้าย มุมปากยกขึ้นนิด ๆ เป็นรอยยิ้มโฉด
“ข้อแรกนะ...ตาลุง ความสามารถของข้าไม่ใช่ของปาหี่ที่เอาไว้ขายใครก็ได้ ข้อสอง...ถึงข้าจะกำลังหมดตัว ก็มีวิธีตั้งมากมายที่จะได้เงินมาใช้แบบสบาย ๆ งานหนักกับข้ามันไปด้วยกันไม่ได้หรอก ข้อสาม...ข้ากำลังขี้เกียจว่ะ”
พูดจบ เขาก็ยกแก้วเหล้ากรอกเข้าปากดังเอื้อก ๆ รวดเดียวหมด แล้วฟุบหน้าลงเกยคางลงกับโต๊ะ ปรือตาครึ่งหนึ่งตามเดิมอย่างไม่ใส่ใจชายวัยกลางคนที่ทำตาปริ่ม ๆ เหมือนจะร้องไห้
“ไม่ต้องบีบน้ำตาเรียกคะแนนสงสารเลย ตาลุง...ผู้ชายตัวโต ๆ ร้องไห้น่ะน่าขนลุกจะตาย”
เมื่อเห็นว่ากลยุทธ์ต่าง ๆ ที่งัดมาใช้นั้นไม่ได้ผลเลยสักนิด เจ้าของบ่อนก็ถอนหายใจ
“เอาเหอะ ช่างเจ้าก็แล้วกัน...อีกฝ่ายอุตส่าห์เป็นถึงประธานสมาคมการค้า เขาว่าจะเจรจางดโทษให้เจ้าทุกข้อกล่าวหาถ้ายอมทำงานนี้ให้ เจ้าจะได้ออกไปเดินถนนตอนกลางวันได้แท้ ๆ”
ชายวัยกลางคนหยิบแก้วเหล้าเปล่าขึ้นมาเช็ด ๆ ทำท่าทางให้ปกติระหว่างรอให้คำพูดของเขาค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไปในเซลล์ประสาทของอีกฝ่าย เขาเห็นชายหนุ่มกระดิกหูนิดหนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ ด้วยท่าทางออกจะน่าสยองอยู่หน่อย ๆ
“ว่าไงนะ ?”_______________________________________จบบทที่ 1
กลับมาแล้วเจ้าค่า >^<
ข้าน้อยกลับมาแล้วพร้อมกับนิยายเรื่องใหม่หลังจากที่หายไปนาน ๆ ๆ ๆ ๆ มาก ๆ เพราะจมอยู่ใต้ภูเขาหนังสือเรียน ต้องนั่งท่องชื่อกล้ามเนื้อและเส้นเลือดจนปวดประสาท TT^TT แต่ในที่สุดข้าน้อยก็รอดมาได้และกลับมาแล้วววววววววว
ช่วงนี้ดูเหมือนข้าน้อยจะจัดระเบียบชีวิตตัวเองได้ (สักที TT) ก็กลับมาเขียนนิยายทันทีเลยเน้อ
สำหรับเรื่องนี้จะออกแนวย้อนยุคหน่อย ๆ และจะเน้นสบาย ๆ (ขี้เกียจเขียนอะไรยิ่งใหญ่ ๆ อ่ะ 555+) เอาเป็นว่าดูจากนิสัยของตัวเองก็น่าจะเดาได้ว่าเนื้อเรื่องจะออกไป feel ไหนนะเจ้าคะ เหอ ๆ
ว่าแล้ว ก็ขอตัวไปก่อนเน้อ (จะพยายามไม่ดองนิยาย แต่หนังสือเรียนนี่ดองจนขี้เกลือจับเลยทีเดียว เหอๆ)
cinna
ความคิดเห็น