ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    All male สลับขั้วมามั่วรัก

    ลำดับตอนที่ #7 : พี่ชายกัปตัน

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ย. 57


    Ep.7 All male สลับขั้วมามั่วรัก

    พี่ชายกัปตัน
     
    ขอจูบหน่อย
    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
    ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหัวใจฉันมันจะเต้นขนาดนี้
    "นิน นายทำบ้าอะไรว่ะ!!"
    ฉันพลั่กหัวนินให้ออกไปห่างๆ
    "กล้า...ขอจูบหน่อย"
    หมับ
    ไม่ว่าเปล่าไอ้นินยังรวบแขนฉันพร้อมกับพยายามจูบฉันอีกต่างหาก แต่ว่าฉันก็เบือนหน้าหนีจนเขาจูบคาง แก้มฉันไปทั่ว
    "ไอ้นินนนน!!!"
    "กล้า..."
    เขาเรียกชื่อฉันเบาๆแล้วก็พยายามจะมองหน้า แต่ว่าฉันกลับยันเขาจนกระแทกกับพนังห้อง ทำเอากรอบรูปหล่นไปหลายใบ
    "ไอ้บ้าเอ้ย"
    ฉันสบถอีกครั้งเมื่อเห็นนินลงไปกองกับพื้นพร้อมกับหอบหายใจระรัว นินไม่สบายนี่น่า ฉันต้องลงไปกิ้วไอ้นินขึ้นมานอนฟลุบลงบนเตียงอีกครั้ง
    "จูบ...นะ...นะครับ"
    เฮือก
    ไอ้บ้านี้ มันยังไม่หายบ้าอีกหรอ? แล้วอย่างนี้ฉันจะเช็ดตัว เช็คไข้ได้ยังไงกัน
    "นะ...กล้าครับ"
    เฮือก
    จะอ้วก เข้าใจนะว่านายชอบพี่กล้ามาก แต่ว่าถึงขั้นอ้อนขอจูบนี้มันอะไร? อ้อนแบบนี้มันอะไรกัน
    ฟั่บ
    ฉันเอาผ้าที่อยู่ข้างๆเตียงมามัดมือของนินไว้ก่อนที่มันจะได้จับฉันกดจริงๆ
    "กล้า ทำอะไร ปล่อยฉ้านน่า"
    "ปล่อยบ้าอะไรเล่า ฉันยังไม่อยากโดนจับกดนะ"
    ฉันพลั่กให้เขานอนลงไปกับเตียงเหมือนเดิมแล้วก็เอามือไปทาบหน้าผาก เฮ้อ ไม่สบายจริงๆด้วย ตัวร้อนมากเลย
    "ทำยังไงดีล่ะเนี่ย?"
    ปกติเวลาฉันป่วยพี่ก็จะเป็นคนคอยดูแลตลอด แต่ตรงกันข้าม เวลาพี่ป่วยพี่จะไล่ให้ฉันไปไกลๆเพราะกลัวว่าฉันจะทำให้พี่อาการหนักกว่าเดิม แต่ตอนนี้ฉันจะต้องดูแลนิน แล้วฉันจะต้องทำยังไงล่ะเนี่ย? เอ่อ ก็ต้อง เอายาให้กิน แล้วก็เช็ดตัว สินะ ว่าแล้วก็ทำเลยแล้วกัน
    "กล้า...จูบ...จูบ..."
     
    วันต่อมา
    สนามบาส
    "เฮ้อ..."
    "เป็นอะไรน่ะกล้า ถอนหายใจตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว"
    "เอ่อๆ ขอโทษนะครับ คือผมเป็นห่วงเพื่อนที่ห้องน่ะครับ"
    ฉันที่กำลังนั่งพักอยู่ขอบสนามซ้อมก็ส่งเสียงบอกพี่ซุ๋ยที่ตอนนี้กำลังนั่งถือขวดน้ำอยู่ข้างๆ
    "ไอ้นินหรอ?"
    "อ่า ครับ เมื่อคืนนินมันไม่สบายหนัก ผมก็เลยเป็นห่วงมันนิดหน่อย"
    "หึๆ ปกติเห็นปล่อยให้ไอ้นินมันนอนตายอยู่ห้อง"
    พี่ซุ๋ยหัวเราะเสียงใสแล้วก็ปาดเหงื่อที่กำลังไล่อาบตัว ฉันเองก็เหมือนกัน
    "กล้า สไตล์การบุกของนายมันแปลกๆนะ ตั้งแต่ครั้งที่แล้วแล้วด้วย"
    ฉันได้แต่ยิ้มแห้งๆ ถ้าเป็นพี่จะตอบว่ายังไงกันนะ
    "เอาน่า แบบนี้ก็ไม่เป้นไรหรอก วงในก็ไม่ได้อ่อนลงเท่าไหร่ แต่เกมบุกจะช้าลงหน่อย "
    พี่เพื่อน กับพี่บอลกำลังยืนเถียงกันเรื่องวิธีการเล่นของฉันอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็นะ ถ้าไม่คุ้นไว้ก่อน การแข่งก็อาจจะมีปัญหา สไตล์การเล่นของพี่ฉันมันคนละเรื่องเลยนี่น่า ทั้งยังพาท ทั้งดรั้งค์ได้สุดยอดมากๆเลยด้วย แต่ฉันทำได้แค่จ่ายลูกกับชูตลูกสามแต้มเท่านั้นเอง
    "นายยังเจ็บเข่าอยู่รึเปล่า ฟอร์มการบุกถึงได้ตกแบบนี้"
    "เอ่อ...เปล่าครับ"
    ฉันหันไปตอบอีกคนที่กำลังทำหน้านิ่งหอบน้อยๆ
    "โด ไม่เอาน่า กล้าเขาบอกว่าไหวก็ต้องไหวสิ อย่าตื้อสิ ซ้อมต่อๆ"
    แล้วก็เป็นพี่ซุ๋ยที่เข้ามาขวางคำถามหน้าหงุดหงิดนั้น
    "ปะๆ ซ้อมๆ"
    พี่ซุ๋ยเดินนำเข้าไปในสนามแล้วก็ยังกอดคอโดกับบอลเข้าสนาม ให้พี่เพื่อนที่เป็นคนร่าเริงเดินตามเข้าสนามอย่างอารมณ์ดี แต่ก็ยังไม่วายเดินเข้ามาหาแล้วก็ล็อคคอฉันที่เตี้ยกว่ามากโขเข้าสนาม
    "แหมๆ กัปตันออกแรงปกป้องตลอดเลยนะมึง"
    เอ๋? ปกป้อง? เอ่อ ดูเหมือน เมื่อกี้ก็เป็นแบบนั้นแหละ นั้นสินะ ฉันก็เข้าไปในสนามแล้วก็เริ่มซ้อมต่อกับรุ่นพี่
    "แฮ่ก แฮ่ก..."
    ฉันย่อตัวจับเข่าแล้วก็หอบอีกครั้ง พร้อมกับปาดเหงื่อที่ไหลอาบแก้ม
    "ไหวไหม?"
    "วะ ไหวครับ"
    "เหนื่อยง่ายจังนะ"
    เพื่อนออกเสียงแซวแต่ก็แค่แวบเดียวที่ทำให้ฉันนึกคึกแล้วก็รับลูกมาเลี้ยง มองซ้ายมองขวาหาช่องทางส่งบอลต่อ แล้วก็เป็นกัปตันที่ฉันเล็งจะส่งบาสให้
    "กัปตัน..."
    ฟุ่บ
    ฉันส่งบอลให้เขาอย่างสบายแล้วสักพักลูกบอลก็ลงห่วงไปได้อย่างสวยงามเพราะลูกชูตของกัปตัน
    "แจ๋ว"
    ทุกคนในทีมพูดขึ้นมาก่อนจะแท็กมือกันอย่างครั้งก่อน แต่ว่าฉันก็ไม่มีแรงจะซ้อมต่อแล้ว ก็เลยได้แต่หอบแฮ่กๆ พร้อมกับยืนจับเข่าตัวเองเหมือนเดิม
    "ท่าทางจะไม่ไหวแล้วนะ วันนี้พอแค่นี้เถอะ"
    แล้วก็เป็นพี่ซุ๋ยที่เดินเข้ามาจับไหล่ของฉันไว้
    "ไหวไหม?"
    "ครับ"
    ฉันพยักหน้ารับ พี่ซุ๋ยก็มาล็อคคอ เอ่อ เรียกว่าช่วยพยุงจะดีกว่า ก่อนจะมานั่งอยู่ที่ม้านั่งข้างๆสนาม
    "อะ นี่น้ำ"
    พี่ซุ๋ยส่งขวดน้ำให้แล้วก็มองฉันอย่างซ่อนแววตาเป็นห่วงที่ปิดยังไงก็ไม่มิดนั้น จนฉันต้องหัวเราะ
    "ผมไม่เป็นไรครับ"
    "เออ ยิ้มได้แบบนี้ก็ค่อยยังชั่ว"
    พี่ซุ๋ยถอนหายใจอย่างโล่งอกจนฉันต้องหัวเราะออกมาอีกครั้ง
    "พี่ซุ๋ยเนี่ย เป็นเหมือนพี่ชายเลยนะครับ"
    ฉันก็พูดออกไปตามที่คิด ก็นิสัยคล้ายๆพี่กล้าเลยนี่น่า ดูจะเป็นห่วงฉัน แต่แตกต่างกันตรงที่พี่ฉันจะด่าออกมาเลย ไม่ได้ใช่แสดงออกชัดเจนว่าเป็นห่วงแบบนี้
    "พี่ชาย?"
    "อ่อ เปล่าๆครับ กัปตัน"
    ฉันฉีกยิ้มให้อีกครั้งแล้วก็รับน้ำมาดื่มแกล้งมองไปทางอื่นอย่างไม่สนใจสายตาสงสัยของพี่ซุ๋ย
    "เรียกพี่ซุ๋ยเหมือนเดิมก็ดีแล้วแท้ๆ เรียกกัปตันมันห่างเหินยังไงไม่รู้นะ"
    พี่ซุ๋ยพูดขึ้นมาแล้วก็เสยผมแก้เขิน เอ่อ น่ารัก...
    "คะ ครับ"
    "โอยๆ กล้า มึงทำตัวแปลกๆนะมึง"
    "นั้นดิ เรียกไอ้ซุ๋ยว่าพี่ซุ๋ยเหมือนเดิมก็ดีนะ แต่เรียกไอ้ซุ๋ยว่ากัปตันแบบนี้ก็ดีนะ"
    "ดียังไง? ไม่เห็นดีเลย"
    พี่ซุ๋ยพูดคัดพี่บอลแล้วก็คว้าผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าแบบลวกๆแถมยังขมวดคิ้วอย่างกับเสือโหด
    "หรือจะให้เรียกพี่ชายเหมือนเมื่อกี้ล่ะ"
    พี่บอลพูดขึ้นมาแล้วก็กอดคอกัปตัน หูดีจังเลยนะเนี่ย ฉันพูดเบาๆแล้วนะ ยังได้ยินอีกนะค่ะพี่บอล
    "พี่ชายหรอ?"
    กัปตันทำหน้าคิดๆแล้วก็ตาวาวขึ้นมา
    "เรียกพี่ชายก็ได้ ฉันชอบ"
    เอ่อ ไอ้ตาวาวๆนั้นมันอะไรกัน บ่งบอกเลยนะว่าดีใจฉันก็แค่พูดไปอย่างนั้นเองนะ ไม่ได้คิดจะใช้เรียกจริงๆหรอกนะ
    "ไหนๆ เรียกพี่ชายสิ พี่ชายน่ะ"
    แล้วกัปตันก็เลยชี้หน้ายิ้มแช่งมองหน้าฉันอย่างคาดหวัง ไม่ใช่แค่กัปตันหรอกนะที่หันมามองอย่างมีความหลัง พี่เพื่อน พี่บอล แล้วก็พี่โดด้วย
    "เอ่อ..."
    ฉันก็ได้แต่อ้ำๆอึ้งๆก็เลยมองซ้ายมองขวาต้องเปลี่ยนเรื่องซะแล้ว
    "เราไปทานข้าวเย็นเถอะนะครับ"
    "อ้าวเฮ้ย ไอ้กล้า"
    ฉันไม่รอให้พวกเขาได้พูดอะไรก็คว้ากระเป๋าสะพายแล้วก็เดินออกมา ได้ยินเสียงรุ่นพี่กับทีมคู่แข่งโห้กันใหญ่
    "เออๆ ก็ได้ว่ะ"
    แล้วรุ่นพี่กับสมาชิกชมรมนับสิบก็เดินตามฉันมาอย่างไม่สนใจ แต่จะรู้ไหม ว่าฉันเองก็คิดมากเหมือนกัน ถ้าเกิดวันหนึ่งพวกเขาจับได้ขึ้นมาว่าฉันไม่ใช่พี่กล้า พวกเขาจะยังใจดีกับฉันแบบนี้ไหม? เอ๊ะ นี้ฉันเริ่มชอบบาสขึ้นมาอีกครั้งแล้วสิ ทำไมฉันถึงหยุดเล่นบาสกันนะ
    กึก
    แล้วฉันก็ชะงักไปทันทีเมื่อนึกถึงสาเหตุที่ฉันหยุดเล่นบาส ก็เพราะว่าเรื่องคราวก่อน ตั้งแต่ครั้งนั้น ที่พี่โอ๊ตกับเพื่อนของเขาทำให้เกิดอุบัติเหตุ ฉันก็เลยเลิกเล่นบาสไปเอง พี่ก็เกลียดบาสมาพักใหญ่เลยเหมือนกัน แต่ว่าก็เลิกไม่ได้
    "เป็นอะไรน่ะกล้า"
    "อ๊ะ เปล่าครับ"
    เมื่อเห็นว่าจู่ๆฉันก็หยุดเดินไปเฉยๆพี่ซุ๋ยก็วิ่งกลับมาถาม
    "เป็นห่วงนินจาหรอ?"
    "อ่า..."
    อยากจะส่ายหน้าอยู่หรอก แต่ให้เข้าใจแบบนั้นก็น่าจะดีแล้ว
    "โทรไปเช็คหน่อยก็ได้นี่น่า"
    เอ่อ เรื่องนั้นแหละที่เป็นปัญหา
    "คือ...เมื่อวานโทรศัพผมเพิ่งพังไปอ่ะครับ"
    "อ้าวหรอ? งั้นยืมของพี่ก่อนก็ได้"
    ไม่ว่าเปล่าพี่ซุ๋ยก็คว้ามือถือส่งให้ยิ้มๆ แบบที่ฉันต้องนึกเคลิ้มกับความใจดีของรุ่นพี่ตรงหน้า
    "รีบโทรดิ ไม่ต้องเกรงใจหรอก"
    นั้นสินะ
    "ครับ"
    ว่าแล้วก็ต่อสายหาไอ้นินที่ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ เมื่อเช้าที่ออกมาเพราะเห็นว่าอาการมันดีขึ้นแล้วก็จริง แต่ว่าก็ไม่อยากปล่อยให้คนป่วยที่ฉันมัดมือเอาไว้อยู่ในห้องคนเดียวตั้งแต่เช้า ถึงจะโทรบอกลูกน้องของนินแล้วก็เถอะ แต่ก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี
    "ว่าไงพี่ซุ๋ย"
    "เอ่อ ไอ้นิน นี้กล้านะ"
    "อ้าว กล้าหรอ? ทำไมเอาเบอร์พี่ซุ๋ยโทรมาว่ะ?"
    - - ไอ้นี้มันบ้ารึเปล่า เมื่อวานมันก็เห็นตอนฉันคว้างโทรศัพแหลกเป็นเสี่ยงๆไม่ใช่หรอ? แล้วยังมีหน้ามาถาม
    "พัง"
    "อ้าว เออ จริงด้วยว่ะ กูลืม"
    ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรแล้วนะ เรื่องอาการป่วย แถมยังรับโทรศัพเองได้ก็แสดงว่าลูกน้องของหมอนั้นคงจะมาแก้มัดให้แล้ว
    "ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?"
    "เออ ไม่เป็นไร จะเป็นก็แค่จุกๆ นีมึงถีบกูหรอ?"
    "เออ ก็มึงจะ.."
    เฮือก
    เกือบจะพูดออกไปแล้วเชียวว่าหมอนี้จะทำอะไร? ก็นั้นแหละที่ฉันกลัว ก็หมอนี้เอาแต่บอกว่าจะจูบๆ แถมยังมาค่อมฉันไว้อีกต่างหาก ถ้าเป็นพี่คงจะโดนหนักกว่านี้แน่ เอ๊ะ? หรือจะยอม กรี๊ดดดด ฉันรับไม่ได้หรอกนะ เรื่องที่พี่ฉันเป็นเกย์น่ะ
    "ทำไม เมื่อคืนทำไมว่ะ?"
    "เปล่า มึงไม่เป็นไรก็ดีแล้ว กูไปกินข้าวแล้ว"
    แล้วฉันก็ส่งมือถือคืนให้รุ่นพี่พร้อมกับบอกขอบคุณอีกไม่กี่คำก็เดินมาถึงร้านอาหารที่คนกำลังล้นร้าน แบบที่ฉันที่ตัวเล็กๆอยู่แล้วต้องทำตัวลีบกว่าเดิมเพื่อที่จะเดินตามพวกเขาที่เข้าไปก่อนแล้ว แต่ดูเหมือนจะยากซะแล้ว ก็ฉันดันไหลไปกับเกรียวผู้คนที่กำลังพัดไปอีกทาง แย่ล่ะสิ แล้วจะได้กินข้าวไหมเนี่ย?
    หมับ
    "มานี้"
    แล้วแรงฉุดเบาๆทำให้ฉันเกือบลอยตามร่างสูงที่ตอนนี้กำลังจับข้อศอกของฉันไว้ เหมือนพี่ซุ๋ยจะเห็นว่าฉันเดินไปเองไม่ได้ ก็แล้วทำไมต้องเลือกร้านที่มันคนเยอะๆด้วยล่ะ แบบนี้หอมก็ลำบากสิค่ะ
    "มาแล้วๆ กำลังรออยู่เลย"
    "จะเอาอะไรดีว่ะ?"
    "นั้นดิๆ"
    "อะไรก็รีบๆสั่ง กูหิว"
    แล้วฉันก็ต้องมานั่งที่ว่างที่เหลืออยู่ที่เดียว คือข้างๆพี่ซุ๋ยที่เพิ่งเข้ามาพร้อมฉัน
    ฟลุบ
    "กินอะไรอ่ะกล้า?"
    "เอ่อ..."
    นั้นสินะ ฉันไล่สายตามองร้านการอาหารแล้วก็เหลือบไปมองรุ่นพี่กับมาชิกคนอื่นๆที่ไม่สนใจฉันเลยสักนิด เพราะอะไรน่ะหรอ? ก็นี้มันของคนกินหรือไง เยอะเกินไปแล้วนะ กองพูนจานสมเป็นร้านคุ้มราคา แต่จะว่ายังไงดีล่ะ ฉันยัดหมดนี้ลงกระเพาะไม่ได้แน่ๆ
    "เป็นไรไป?"
    "เอ่อ คือ...ผมว่าผมกลับก่อนดีกว่าครับ"
    ว่าแล้วฉันก็ว่างรายการอาหารแล้วก็ลุกพรวดขึ้นแบบเตรียมตัวชิ่งเต็มที่
    "อ้าว เพิ่งมาเองนะ..."
    "คือ เป็นห่วงไอ้นินอ่ะครับ มันยังไม่ได้กินอะไรเลย เดี๋ยวผมซื้อเข้าไปกินพร้อมมันที่หอก็ได้ครับพี่"
    ฉันว่าแล้วก็บอกลาสมาชิกคนอื่นแล้วชิ่งออกมาเลย แบบที่ทุกคนต้องชักสีหน้างงกันเลยทีเดียว รู้นะว่าพี่ฉันกินเยอะ แค่นี้พี่ฉันซัดเรียบได้ภายในสามนาที แต่ฉันไม่ใช่นี่น่า
    "กล้า...เดี๋ยวก่อนเว้ย"
    หลังจากที่ฉันเดินออกมาจากร้านได้ไม่นานรุ่นพี่ก็ตามออกมาแบบที่ฉันต้องเอียงคอมอง
    "เอ่อ ไม่กินข้าวหรอครับ?"
    "ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวกลับเป็นเพื่อน กลับหอใช่ไหม? ปะ"
    หมับ
    พี่ซุ๋ยวางมือลงบนหัวของฉันแล้วขยี้เบาๆพร้อมกับเดินนำหน้าฉันไป เอ่อ คือ เขาตามฉันออกมาใช่ไหม? ตอนแรกก็ว่าจะไปกินข้าว แต่ว่าคงจะต้องซื้อของเข้าห้องจริงๆอย่างที่อ้างเมื่อกี้
    "พี่ซุ๋ยไม่กินข้าวแล้วหรอ?"
    "ไม่อ่ะ กลัวกล้าเจอฉุด"
    "อ๊ะ แหะๆ"
    เห็นแบบนี้แต่พี่ฉันก็ไม่ได้อ่อนแอนะ แต่ฉันน่ะ อ่อนแอแน่ ถ้าเจออย่างที่พี่ซุ๋ยพูดจริงฉันคงจะเป็นลมร้องไห้เหมือนเขือนแตกแน่ๆเลย
    "คะ ครับ"
    "ตั้งแต่หยุดเรียนไปสองสามวันนี้พูดน้อยลงเนอะ"
    "เอ่อ ครับ"
    ก็นะ ตอนนี้ก็เริ่มเคืองๆตาแล้วนะกับคอนแท็กที่ใส่มาทั้งวันน่ะ
    "เอ่อ พี่ซุ๋ยครับ ผมขอเข้าห้องน้ำหน่อยแล้วกันน่ะครับ พี่กลับไปก่อนเลยก็ได้นะครับ"
    "อืม ไม่เป็นไร พี่รอได้ ไปดิ"
    แล้วพอเจอห้องน้ำสาธารณะฉันก็ไม่ลังเลจะเข้าไปข้างในแล้วก็รีบดึงคอนแท็กออกจากตาก่อนที่น้ำตาจะไหลอาบแก้มแถมยังซีดปากเบาๆ แต่เหมือนคนที่รออยู่ข้างนอกจะได้ยิน
    "เป็นอะไรน่ะ?"
    "เปล่าๆครับ ผมโอเค แค่ เจ็บเข่านิดหน่อย"
    "เฮ้ยจริงดิ เปิดประตุดิ เดี๋ยวดูให้"
    พี่ซุ๋ยว่าแล้วก็เคาะประตูห้องน้ำทำท่าจะเปิดเข้ามาจนฉันต้องร้องห้ามเสียงรัว
    "เอ่อ ไม่เป็นไรครับ ผมขอเวลาอีกสักสิบนาทีนะครับ"
    ว่าแล้วฉันก็จัดการถอดอีกข้างพร้อมกับแช่น้ำยาล้างไว้ สบัดมือแรงๆพร้อมกับหยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำตาออกอย่างลวกๆ
    ก๊อกๆ
    "เป็นไรไหมเรา?"
    "เอ่อ เปล่าครับ แปบนึงครับพี่"
    ยังไม่ทันจะหายแสบเลยก็ต้องเอามันกลับเข้าไปในดวงตาอีกที แล้วก็ออกมาฉีกยิ้มให้รุ่นพี่ที่ตัวสูงมากกว่าโข
    "ไม่เป็นไรแน่นะ ทำไมตาแดงๆ"
    หมับ
    ว่าแล้วพี่ซุ๋ยก็วางมือลงบนแก้มของฉันแล้วเกลี่ยเบาๆ
    "พะ พี่ ไม่เป็นไรจริงๆ"
    "เดี๋ยวดิ แก้มเราเปียกด้วย นี้ร้องไห้หรอ?"
    หมับ
    คราวนี้ไม่ใช่แค่ข้างเดียวนะ เขายังประคองหน้าฉันไว้แล้วก็เกลี่ยนิ้วไปตามของฉันพรางๆประมาณว่าจะปากน้ำตาที่ฉันเช็ดออกไม่หมด ฉันสิ ตอนนี้กำลังใจเต้นแรง หลงเสน่ห์ความอ่อนโยนของพี่ชายตรงหน้า
    "พี่..."
    "แก้มเรานุ่มจัง"
    หลังจากนั้นพี่ซุ๋ยก็ต้องชะงักค้าง รู้สึกได้เลยว่าตอนนี้ฉันจะต้องหน้าแดงมากแน่ๆ ก็จะอะไรซะอีกล่ะ ฉันเขินอ่ะสิ เกิดมายังไม่เคยโดนเนื้อโดนตัวผู้ชายเลยนะ แถมเมื่อกี้ เหมือนจะสบตากับรุ่นพี่ซะด้วย แต่เป็นฉันเองที่หลบตาแล้วก็ก้มหน้ามองพื้น
    "โทษที เข่าเป็นไงบ้าง?"
    พี่ซุ๋ยก้มลงไปมองเข่าของฉันอย่างเป็นห่วง แต่ว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆนะ ฉันได้แต่เบี่ยงตัวหลบแล้วก็ออกมาจากห้องน้ำโดยมีพี่ซุ๋ยเดินตามหลังมาด้วย
    "ผมไม่เป็นไรครับพี่ ผมโอเค จริงๆนะ"
    เมื่อกัปตันดูท่าจะไม่เชื่อฉันเท่าไหร่ ฉันก็เลยต้องยืนยันเสียงแข็งแบบที่พี่ซุ๋ยต้องยิ้มนิดๆ
    "เอ่อ หน้าผมมันแปลกมากหรอพี่?"
    "หึๆ หน้าเราไม่ได้แปลกหรอก..."
    "แล้วพี่หัวเราะอะไร?"
    "..."
    พี่ซุ๋ยไม่ยอมตอบแล้วก็เดินต่อ จนฉันต้องรีบเดินตาม
    "น่ารัก"
    "ครับ? พี่ว่าอะไรนะครับ?"
    ถึงจะไม่ได้ยิน แต่ก็รู้สึกเสียวสันหลังยังไงไม่รู้ ฉันได้แต่เอียงคอมอง
    "เปล่า...ร้านข้าวน่ะ"
    แล้วพี่ซุ๋ยก็ชี้ร้านข้าวระหว่างทางเดินกลับ ทำให้ฉันลืมๆสิ่งที่พี่เขาพูด ถึงจะไม่ได้ยินก็เถอะ แต่ก็ข้องใจนะ สิ่งที่ลืมไม่ได้ตอนนี้เลยก็คือฉันกำลังหลงเสน่ห์ความใจดีของพี่ชายกัปตันคนนี้ นั้นสินะ ทั้งใจดี มีความเป็นผู้นำ ปกป้องฉันได้ แถมยังเอาใจใส่อีกต่างหาก เอ่อ ไม่สิ ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นพี่กล้าต่างหาก ฉันอยู่ในนามของพี่กล้านะหอม อย่าเข้าใจผิดคิดว่าพี่ซุ๋ยชอบเธอจะได้ไหมยัยบ๊องเอ้ย อีกอย่างนะ พี่ซุ๋ยเขาเข้าใจว่าเธอเป็นพี่กล้า เป็นลูกทีมของเขาต่างหาก ก็เลยดูแลเป็นพิเศษ นั้นสินะ แต่ก็แอบหวังเล็กๆไม่ได้ ว่าพี่ซุ๋ยจะชอบเรา...
    ต่อค่ะ
     
    "เอ่อ พี่ซุ๋ย"
    ก่อนที่พี่ซุ๋ยจะเดินหายไปกับความมืดฉันก็ร้องทักขึ้นมา ทำให้พี่ซุ๋ยต้องหมุนตัวกลับมามอง
    "หืม?"
    "อะ เอ่อ ขอบคุณนะครับ ที่เดินมาเป็นเพื่อน"
    "ไม่เป็นไร พี่จะให้เรากลับคนเดียวได้ไง ไปล่ะครับ"
    หมับ
    แล้วพี่ซุ๋ยก็วางมือลงบนหัวของฉันอีกครั้ง รู้สึกหน้าร้อนฉ่าอย่างห้ามไม่ได้
    "เอ่อ พี่ชาย...."
    "หืม?"
    ฉันได้แต่เรียกชื่อเบาๆพอๆกับเสียงลมหายใจจนพี่ซุ๋ยต้องเอียงคอมอง
    "ผมขอเรียกพี่ว่าพี่ชาย...จะได้รึเปล่าครับ?"
    สุดท้ายฉันก็ถามออกไปจนได้ แต่ก็เป็นฉันเองที่จะต้องหลบตา ไม่รู้ว่านิ่งกันอย่างนี้มากี่นาที แต่ที่รู้ๆ ฉันกำลังใจเต้นตึกตักๆด้วยล่ะ
    "อืม เอาสิ"
    "เอ๊ะ!?"
    "เรียกพี่ว่าพี่ชายก็ได้"
    "^___^ ครับ"
    ฉันได้แต่ฉีกยิ้มกว้างแล้วก็โบกมือลาแผ่นหลังกว้างของตัวสูงไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ บ้าน่า แค่เขายอมให้เราเรียกว่าพี่ชายก็ดีใจขนาดนี้เลยหรอ เด็กจริงๆเลยนะหอม
    "คิดว่าจะถูกลากไปปู๋ยี้ปู๋ยำซะอีก"
    "อ๊ะ!"
    ฉันถึงกับเซเพราะจู่ๆก็มีเสียงดังอยู่ข้างหลัง รู้ได้ทันทีว่ามันใกล้มากแค่ไหน มากจนฉันต้องเป็นฝ่ายถอยหนี
    "ทะ เทย์"
    พอมองดูดีๆแล้วถึงได้รู้ว่าคนที่แอบมาไม่ให้สุ่มให้เสียงคือเพื่อนของฉันก็โล่งอก ถอนหายใจแทบไม่ทัน
    "มาทำอะไรตรงนี้"
    ฉันจำได้ว่านายอยู่อีกหอเถอะ
    "เมื่อกี้พี่ซุ๋ย?"
    "อ่อ อืม พี่ซุ๋ย"
    ฉันพยักหน้ารับแบบรัวๆก่อนจะเบี่ยงตัวหลบเดินเลี่ยงๆเทย์ไป
    "ทำไมต้องเดินหนีด้วย"
    หมับ
    ไม่ว่าเปล่าหมอนี้ดันกระชากแขนฉันกลับไปอีกต่างหาก
    "เฮ้ย! อะไรของนาย ก็ไม่มีอะไรจะคุย ทำไมต้องอยู่ด้วย!"
    นั้นแหละๆ ดุเข้าไว้ๆ พี่กล้าก็ดุแบบนี้นี่น่า
    "ทีกับพี่ซุ๋ยยังยืนคุยได้ตั้งนานสองนาน"
    เอ๊ะ หมอนี้ มองอยู่หรอกหรอ?
    "ก็พี่ซุ๋ยเขาเป็นกัปตันทีมบาส แล้วก็เป็นพี่ชายฉันด้วย จะคุยกันนานก็ไม่เห็นจะแปลก"
    ฉันได้แต่จ้องหน้าเขากลับเพราะไม่มีแรงจะสบัดมือของเขาได้ ก็แรงฉันหมดไปตั้งแต่ตอนอยู่สนามบาสแล้วนี่น่า
    "พี่ชาย?"
    "ทำไมฉันต้องเล่าให้นายฟังด้วย"
    แล้วเพราะความเหนื่อยบวกกับความหิวรึเปล่าๆให้ฉันตะคอกใส่อย่างเหลืออด
    "ก็ฉันเป็นเพื่อน..."
    กึก
    สีหน้าและแววตาเมื่อกี้หายไปหมด เหลือไว้แค่หน้าซีดๆที่ตอนนี้มือที่จับมือฉันไว้แบบไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยในตอนแรกกลับผ่อนแรงลงจนมือฉันเป็นอิสระในที่สุด
    "...ขอโทษ ฉันแค่จะเอานี้มาให้"
    เขาวางบ้างอย่างลงบนมือของฉันแล้วก็หมุนตัวกลับไป ฉันก้มหน้ามองแล้วก็กัดปากตัวเองแน่น...อะไรกันเล่า มือถือเครื่องใหม่เอี่ยมแบบเพิ่งถอยมาได้ไม่กี่วันกำลังวางอยู่บนฝ่ามือให้ฉันกำมันแน่น
    "นี่!..."
    ฉันตะโกนแรกเทย์ที่เดินห่างออกไปเกือบ 5 เมตรได้ไว้ เขาก็หันมามองแบบที่ฉันต้องรู้สึกผิดกว่าเดิมอีกหลายเท่า ก็เจ้าตัวเล่นทำตาอย่างกับแมวถูกทิ้งนี่น่า
    "อะไร?"
    "ฉันเห็นเครื่องของนายเสียเมื่อวาน ก็เลยเอามาให้ใช้ก่อน..."
    ฉันต้องหลบตาเขาแล้วก็พยักหน้า อยากปฏิเสธหรอกนะ เพราะว่าเกรงใจสุดๆ แต่ว่าก็อยากรักษาน้ำใจนี่น่า คนอุตส่าให้ยืม อีกอย่าง แค่ยืมเองนี่น่า 2-3 วันก็คืน เสาร์นี้ฉันจะไปซื้อใหม่พร้อมๆกับคอนแท็กเลยด้วย
    "นาย กินข้าวรึยัง? ไปกินข้าวกับฉันบนห้องก็ได้นะ"
    โอย พูดอะไรของฉันเนี่ย หรือเพราะเสียดายของ ก็ซื้อมาสำหรับสองคนนี่น่า แต่ไอ้นินไม่รู้เลยว่ามันอยู่รึเปล่า ปกติก็ไล่มันไปไกลๆอยู่แล้วด้วย เอิ้ม ถือซะว่าขอบคุณเรื่องมือถือก็แล้วกันนะ
    "ไม่ล่ะ"
    "เฮ้ย เดี๋ยวดิ..."
    ทำนองนี้โกรธเรื่องตะคอกใส่เมื่อกี้แหงเลย
    "ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อย นะ"
    ฉันก็เลยใส่คำขอร้องลงไปด้วย
    "ก็ได้"
     
    "..."
    ทำไมบรรยากาศมันอึดอัดจังนะ หรือฉันคิดไปเองคนเดียว เอาจริงๆฉันก็เป็นฝ่ายที่จะต้องอึดอัดซะเอง
    "เป็นไรน่ะ"
    เฮือก
    นี้ฉันสะดุ้งทำไมเนี่ย? เทย์แค่พูดขึ้นมาแบบที่ฉันไม่ได้ตั้งตัวเท่านั้นเอง
    "เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร"
    ฉันยังคงตักข้าวที่เพิ่งซื้อมาเข้าปากอย่างที่พยายามจะไม่สนใจคนตรงหน้า คือ แล้วก็กลับมาเป็นบรรยากาศเดิม เงียบ อึดอัด พูดอะไรสักอย่างสิหอม พูดหน่อย เออ เรื่องมือถือไง บอกขอบคุณไปเลย
    "มือถืออ่ะ.."
    "ไม่ต้องคืนนะ"
    ขวับ
    ฉันหันขวับไปมอง เขาก็แค่กินข้าวต่อแล้วก็เหลียวมามองฉันนิดๆ
    "ทำไม ฉันยืมนายไม่นานหรอก"
    "ไม่ต้อง...ฉันให้"
    "ไม่เอาอ่ะ ฉันมีตังค์ซื้อใหม่น่า"
    "..."
    เทย์ถึงกับขมวดคิ้วฉับ
    "ถือซะว่าเป็นของขวัญจากฉัน"
    ขวับ
    อีกครั้งแล้วที่ฉันต้องหันไปมองหมอนี้อย่างไม่เข้าใจ ของขวัญ?
    "เนื่องนโอกาศอะไร?"
    "ก็...โอกาศที่เราได้เป็นเพื่อนกันไง ยังไงฉันก็ไม่รับคืนหรอกนะ"
    ฉันถึงกับถือช้อนค้างกลางอากาศ รู้สึกความหิวมันจะปลิวหายไปหมด ความรู้สึกผิดมันเข้ามาจุกอกกับคำว่าเพื่อนของเขา
    "อ้าว ไม่กินแล้วหรอ?"
    "...กินๆ"
    ฉันต้องพยักหน้ารับอย่างหดหู่ ขอโทษนะ ที่ฉันต้องโกหก เหมือนฉันกำลังหลอกเขาอยู่เลย ไม่ใช่สิ หลอกทุกคนเลยต่างหาก
    ขวับๆ
    ไม่เอาน่า ก็แค่ไม่กี่เดือนเอง เวลามันผ่านไปเร็วจะตายไป เนอะ
    "อืม ทำไมถึงแพ้แมวล่ะ"
    กึก
    เรื่องที่ฉันไม่อยากจะพูดถึงที่สุดก็วนเข้ามาในสมองจนได้
    "...เรื่องมันยาว"
    "ฉันมีเวลาฟังทั้งคืนแหละ"
    "..."
    พอมองแววตาอยากรู้ของเขาแล้วไอ้นิสัยปฏิเสธคนไม่เป็นของฉันก็กำเริบขึ้นมาซะนี้
    "เพราะพี่โอ๊ต"
    "...โอ๊ต? อ่อ ไอ้หมอนั้นสินะ แล้วเรื่องมันเป็นยังไงมายังไงล่ะ?"
    เขายังคงถามต่อขณะที่ตักข้าวเข้าปาก รู้นะว่าเขาแค่หาเรื่องชวนคุยให้บรรยากาศอึดอัดมันเบาบางลง แต่ว่าฉันกลับวางช้อนแบบอิ่มจริงๆแล้วก็ยกน้ำขึ้นดื่มอึกใหญ่
    "ความจริง ก็ไม่ใช่ความผิดโดยตรงหรอกนะ...แต่ก็อดที่จะโทษเขาไม่ได้จริงๆ"
    เสียงฉันแผ่วลงไปอย่างเห็นได้ชัด ฉันเองยังรู้สึกเลยว่าเสียงตัวเองสั่นแค่ไหน
    "พี่โอ๊ตน่ะ เป็นเพื่อนบ้านของฉันกับพี่...กับหอม นินจาก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ พวกเรา 4 คนก็เลยสนิทกันมาก"
    "เดี๋ยวนะ...หอม คือใครกันน่ะ?"
    "ก็น้องสาวของฉันน่ะสิ อย่าขัดได้ไหม ไม่เล่าแล้วโว๊ย"
    ฉันลุกขึ้นเก็บจานแล้วก็เลี่ยงเข้าห้องครัว ไม่ได้รู้สึกโกรธที่เขาพูดขัดขึ้นมาหรอกนะ แต่กำลังหาทางเลี่ยงที่จะเล่าต่างหาก
    "นี้..."
    แล้วเทย์ก็มายืนอยู่ข้างๆ เบียดเข้ามาให้ห้องเล็กๆจนไหล่ของฉันชนกับไหล่ของเขา
    "เล่าต่อสิ ฉันอยากรู้นะ"
    "..."
    ฉันได้แต่ลอบถอนหายใจแล้วก็ส่ายหน้า
    "ไม่เล่าแล้ว"
    "เฮ้ย ได้ไงอ่ะ รู้แค่ว่าพวกนายเคยสนิทกันมาก่อนเองนะ แล้วมันเป็นยังไงต่อ นายถึงได้เกลียดหมอนั้นขนาดนั้น"
    "...ก็บอกแล้วไง ว่าไม่เล่าแล้ว"
    หมับ
    "เล่ามาเถอะ ฉันจะเงียบฟังเลย"
    เขาจับไหล่ของฉันแล้วบีบเบาๆ ฉันได้แต่หลบตาก่อนจะเบี่ยงตัวหลบ
    หมับ
    "บอกมาเถอะ"
    เทย์เอื้อมมือมาจับขอบประตูกันฉันเอาไว้ ห้องครัวก็แคบจะแย่อยู่แล้วยังจะมาจำกัดพื้นที่กันอีกนะค่ะ
    "...ไม่"
    "จะบอกไม่บอก"
    "ไม่"
    หมับ
    เฮือก
    ฉันต้องสะดุ้งแล้วก็ถอยหลังหนีแถบไม่ทัน ก็เทย์เล่นยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ
    "ทะ ทำอะไรน่ะ?"
    "จะบอก ไม่บอก"
    "ไม่โว๊ย ถอยไปไกลๆ"
    พลั่ก
    ฉันพลั่กเทย์แล้วก็หมุนตัวออกมาจากครัวอย่างรวดเร็ว ความร้อนของฉันกำลังวิ่งขึ้นมากองรวมกันที่หน้า รู้สึกอายๆยังไงไม่รู้ ฉันมันภูมิคุ้มกันผู้ชายหน้าหล่อต่ำซะด้วยนะ
    "เฮ้ย ก็บอกให้เล่าไง"
    "ไม่เล่าโว๊ย"
    "นี่กล้า...เล่ามา..."
    "ออกไปเลย"
    ฉันชี้นิ้วไปที่ประตูพร้อมกับขึ้นเสียงใส่
    "เฮ้ยๆกล้า แค่นี้ก็ต้อง..."
    "นะ ออกไปเถอะ"
    ฉันที่กำลังสะเทือนใจกับเหตุการ์ณครั้งนั้นเริ่มคุมตัวเองไม่อยู่ ความรู้สึกจุกมันเริ่มปะทุขึ้นมา รวมทั้งไอ้ความรู้สึกหลากหลายจนฉันอยากจะร้องไห้ขึ้นมา
    "นะ เทย์"
    "...เอิ้ม...อืม...ก็ได้"
    เทย์พูดเสียงแผ่วแล้วก็เป็นฝ่ายเดินออกไปเงียบๆ
    ปัง
    ทันทีที่เสียงประตูปิดลงฉันก็ฟลุบนั่งก้มหน้าลงกับเข่าของตัวเอง ไม่ไหวแล้ว...ฉันหยิบมือถือของฉัน(เมื่อกี้)ขึ้นมาแล้วกดโทรหาของพี่กล้า
    "พี่..."

     จบจ๊ะจบ จบตอนอ่ะนะ ไคริคิดไม่นานเราก็จะได้รู้กัน ว่าพี่โอ๊ตเคยไปทำอะไรไว้กับหอม กับพี่กล้า 
    แหมๆ ตอนนี้ของพี่ซุ๋ยโดยเฉพาะเลยค่ะ ชอบพี่ซุ๋ยจัง คือเรื่องมันจะต่อจากนี้ ทีมบาสของร.รนี้มีเอสคือพี่กล้าของเรานะค่ะ ถึงส่วนสูงจะไม่ได้แต่พี่กล้ากระโดดสูงแล้วก็ดรั้งค์ รีเบาว์เลยนะค่ะ ถึงจะตัวเล็กๆ แต่ก็เล็กพริกขี้หนูเจ้าค่ะ 

       ช่วงนี้ติดสอบ ต้องขอโทษหากลงช้าเกินไป สำหรับหลายๆคนที่รออ่านก็ขอบคุณมากนะค่ะ ส่วนที่มองผ่านๆก็ขอบคุณเหมือนกันค่ะ
     
    ขอบคุณเสียงเชียร์ ทุกกำลังใจนะค่ะ รักทุกคนค่ะ จุ๊บๆ
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×