ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Cupid gang แก๊งป่วนก๊วนกามเทพ II

    ลำดับตอนที่ #1 : อัจฉริยะพิชิตใจ ตอนที่ 1 โคลน

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 61




    บทที่ 1 โคลน

    "มองไปก็มีแต่ฝนโปรยปราย ในหัวใจก็มีแต่ความเหน็บหนาว ท้องฟ้าที่มองไม่เห็นแสงดาว คืนเหน็บหนาวยิ่งทำให้ใจเราหนาวสั่น"

                    เสียงใสๆที่กำลังร้องเพลงเป็นจังหวะไพเราะเพราะพริ้งอยู่นี้ก็คือเสียงของฉันเอง ฮา ฉันไม่ได้หลงตัวเองหรอกนะ เพราะว่าฉันน่ะทำอะไรก็ดีไปหมดซะทุกอย่าง พรสวรรค์ที่ไม่มีใครเกินฉันเป็นความภาคภูมิใจในฐานะจอมวางแผนไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่

                    "ช้อกโก้ เลิกร้องเพลงเถอะ พ่อปวดหู"

                    ง่ะ พลั่ก

                    ฉันผลักไหล่พ่อตัวเองที่นั่งประจำที่คนขับรถจนหัวเราะลั่นห้องโดยสาร ถ้าถามว่าตาแว่นผมยาวประบ่าจนต้องมัดหางม้าต่ำๆคือคุณพ่อของฉันเอง เห็นใส่เสื้อคอวีธรรมดาๆหน้าตาดูรกๆนี้อดีตพ่อฉันเป็นถึงด็อกเตอร์เชียวนะจะบอกให้ ส่วนสาเหตุที่ทำให้ออกจากงานเก่าก็...เพราะดันทำแม่ที่เป็นนักศึกษาท้องนั้นแหละ

                    เรื่องน่าอายที่ฉันไม่มีวันบอกใครเด็ดขาด เอาเป็นว่าพ่อฉันเป็นคนฉลาด ฉันถึงได้สืบทอดความฉลาดนั้นมาจากท่านนั้นแหละนะ

                    "นี้พ่อจ๋า โก้ร้องเพลงเพราะจะตายไป พ่อฟังแล้วปวดหูนี้พ่อต้องไปเช็กหูแล้วนะรู้ป่าว?"

                    ฉันทำหน้ามุ๋ยหันไปแซวให้พ่อไปหาหมอหูแทนที่จะเป็นฉันที่ต้องไปหาครูสอนร้องเพลง การที่พ่อหันมาทำหน้ามุ๋ยใส่ฉันพร้อมกับมองฉันด้วยสายตาเอ็นดูกับความน่ารักน่าเอ็นดูของฉันมันทำช่วยลดความตื่นเต้นของฉันในวันแรกของการก้าวสู่เส้นทางเป็นสาวมหาลัย

                    ใช่แล้ว ฉันกำลังจะเป็นสาวมหาลัยและวันนี้ก็เป็นวันแรกที่ฉันจะเหยียบเข้าไปในมหาลัยในฐานะนักศึกษาคนหนึ่ง แน่นอนว่าฉันน่ะตั้งอกตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเอาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาให้พ่อชื่นใจให้ได้

                    "จำทางกลับบ้านป้าได้ไหมล่ะไอ้โก้"

                    "จำได้จ๋า"

                    ฉันตอบพ่อฉันด้วยเสียงใสๆของตัวเอง การเข้าเรียนในรั้วมหาลัยเป็นวันแรก เป็นอะไรที่ตื่นเต้นจนนั่งอยู่นิ่งๆไม่ได้ ไอ้ที่ร้องเพลงโวยวายอยู่นี้ก็เพราะลดความประหม่าของตัวเอง ทำอะไรก็ได้ที่ช่วยให้ตื่นเต้นนี้หายไปล่ะนะแม้ว่าจะรบกวนคุณพ่อสุดที่รักของฉันก็ตาม

                    "แล้วนี้เพื่อนเราไปไหนกันหมดล่ะ?"

                    "คิกๆ แยกย้ายกันไปน่ะพ่อจ๋า แต่โรสเข้าเรียนที่เดียวกับโก้นะพ่อ จริงสิพ่อ ถ้าไม่สะดวกป้าช้อกไปอยู่กับโรสก็ได้นะ"

                    "ไม่เป็นไรน่ะช้อก อย่าไปรบกวนเพื่อนเลย ป้าเขาก็เต็มใจให้เราไปอยู่ด้วย"

                    ก็แน่ล่ะ ป้าน่ะรักฉันจะตายไป แต่ขอเถอะ ป้ารักฉันมากกกก มากจนฉันกลัวเลยล่ะ ถามวาทำไมฉันถึงได้กลัวน่ะเหรอ ก็ป้าสุดสวยของฉันทั้งหวง ทั้งโหด

    ใช่แล้ว ฉันจำได้ติดตาเลยตอนที่ฉันยังเป็นเด็กตัวกระเปี๊ยกไปเล่นบ้านป้าแล้วถูกหมาของเพื่อนบ้านวิ่งไล่ พูดไปก็น่าขายหน้าที่เด็กอัจฉริยะอย่างฉันถูกหมาวิ่งไล่ แต่ก็เพราะเหตุการณ์นั้นแหละ เลยทำให้ฉันรู้ว่าป้าหวงและห่วงฉันมากแค่ไหนตอนที่โวยวายทะเลาะกับเจ้าของหมาเสียตั้งหลายชม.กว่าจะยอม ไม่แจ้งความจับหมาของเพื่อนบ้าน ทั้งๆที่มันก็ยังไม่ได้กัดฉันด้วยซ้ำ

                    "ให้พ่อไปด้วยไหม?"

                    "ไม่ต้องจ๊ะพ่อจ๋า ไปก่อนน่า จุ๊บ"

                    ว่าแล้วฉันก็โน้มตัวไปหอมแก้มพ่อสุดที่รักที่ต่อจากนี้นานๆทีถึงจะได้เจอหน้ากันที คงจะคิดถึงแย่ เอาจริงๆนี้แอบเศร้าเหมือนกันที่จะไม่ได้เจอพ่อของฉันไปอีกสักพัก ชีวิตนี้เกิดมาก็ไม่เคยได้ไปอยู่ที่อื่นเลย แต่ในเมื่อตั้งใจอะไรเอาไว้แล้วก็ต้องทำให้ได้สินะ นี้แหละความหมายของการมีชีวิตอยู่ล่ะ

                    "อย่าเที่ยวไปสร้างเรื่องให้ใครอีกล่ะ"

                    "เชอะ โก้ไม่เคยไปทำให้ใครเดือดร้อนเลยนะ คิกๆ ยกเว้นพ่อคนเดียว”

                    ฉันโคลงหัวนิดๆก่อนจะยกมือไหว้พ่อให้พ่อยื่นมือมาลูบหัว แม้จะไม่มีคำพูดอวยพรอะไรจากพ่อแต่แค่นี้มันเพียงพอแล้วที่จะช่วยทำให้ฉันยิ้มกว้างแล้วเปิดประตูออกจากรถไป สอดมือไปสะพายสายกระเป๋าพาดบ่าแล้วก็โบกมือให้พ่อจ๋าของฉันอีกที

    เอาจริงๆก็แอบเศร้าอยู่นะที่พอโตขึ้นก็ต้องออกจากรังจากอ้อมอกพ่ออ้อมอกแม่สู่อ้อมอกของคุณป้าแทน

    "เอาล่ะ โก้ ไปหาเพื่อนใหม่ได้แล้ว"

                    ฉันยังคงร่าเริงแล้วก็เดินไปตามทางเดินอย่างรู้ทาง จะว่าไป เคยมาแล้วตอนไปสมัครเรียน ถึงจะบอกว่าเคยมาก็เถอะ แต่มหาลัยก็ออกจะใหญ่โตทำไมไม่ทำป้ายบิกทางไว้ก็ไม่รู้ ฉันจะได้ไม่ต้องยืนงงๆทำหน้าเซ่อๆเหมือนบ้านนอกหลงกรุงอะไรแบบนั้น

                    ไม่นานมือถือในกระเป๋าของฉันก็ดังขึ้นให้รีบคว้าขึ้นมากดรับสายอย่างรู้ดีกว่าเป็นใคร

                    ("ช้อกโก้ เธออยู่ไหนแล้ว ตอนนี้โรสถึงมหาลัยแล้วนะ")

                    เสียงใสๆแทนตัวเองด้วยชื่อที่ดังมาตามสายทำให้ฉันยิ้มรับแล้วก็เริ่มกวาดตามองหาคนร่างเล็กที่ตอนนี้ก็คงจะอยู่ในมหาลัยแล้วเหมือนกัน

                    "กำลังจะเข้าไปมอ.แล้ว”

                    ("รีบๆมานะ โรสรออยู่ที่หน้าตึกน่ะ")

                    พูดคุยกันไม่กี่คำฉันก็วางสาย แล้วเจ้าของร่างสูง ยาว เข่าดี รวบผมมัดเป็นหางม้าสูง สีตาดำสนิทกับโครงหน้าได้รูปขาวลอยเด่นดึงดูดสายตาของนักศึกษาให้กันมามองฉันเป็นตาเดียว การติดกระดุมนักศึกษามันน่าจะเป็นอุปสรรคเรื่องแรกที่ทำให้ฉันตื่นเต้นเพราะคิดว่าการเข้ามหาลัยคงจะมีอะไรยากๆรออยู่อย่างแน่นอน

                    และอุปสรรคลำดับต่อมาของฉันก็คือ...

                    "ว่าแต่..ตึกเรียนมันไปทางไหนหว๋า"

                    ฉันหันซ้ายหันขวามองหาตึกเรียนคณะสังคมศาสตร์ อย่างที่กำลังคิดอยู่นั้นแหละ อุปสรรค์แรกของฉันคือการหาตึกเรียน ฉันกำลังหลงทาง เหอะ สุดท้ายก็ต้องเดินไปสะกิดแขนผู้หญิงสูงยาวในชุดนักศึกษาที่น่าจะเป็นรุ่นพี่ ซึ่งรุ่นพี่ก็ดูเหมือนจะใจดีพอฉันถามทางไปก็บอกทางมาแต่โดยดีตอนแรกเธอบอกว่าจะมาส่งเสียด้วยซ้ำไป แต่ฉันบอกว่าไม่เป็นไร

                    เห็นบอกว่าอยู่ตรงข้ามสนามฟุตบอลของมหาลัยที่ฉันก็คิดไปว่าคงจะอยู่ติดกับวิทยาศาสตร์การกีฬา จะบอกว่ามันอันตรายก็คงจะได้เพราะว่าที่สนามกับทางเดินและถนนไม่ได้มีรั้วกั้นเอาไว้ ถ้าหากว่าแตะบอลลอยข้ามถนนไปอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ไม่รอบคอบเอาเสียเลยนะ

                    “เฮ้ย ระวัง!

                    ความคิดยังไม่ทันจะหายไปจากสมองเลย เสียงตะโกนจากในสนามก็ทำให้ม่านตาของฉันเบิกกว้างมองเจ้าลูกบอลที่ตรงดิ่งมาที่ฉันจนต้องยกกระเป๋าขึ้นมาบังหน้าเอาไว้

                    ซวย ซวยของโคตรซวยที่ฉันเดินเข้ามาขวางทางบอลพอดีแม้จะเดินอยู่บนทางเท้าที่อยู่ติดกับสนามก็ตาม แต่ก็ขอโทษเถอะ นี้เตะแรงแค่ไหนมันถึงได้ลอยดิ่งมาหาฉันขนาดนี้ย่ะ!

                    ปึ่ก แหมะ

                    ฉันหลับตาปี๋ยามรู้สึกถึงระไอเย็นๆที่กระเด็นมาโดนขาแถมยังรู้อีกว่ามันไหลจากขาลงไปกองกันอยู่ที่รองเท้าให้ฉันลืมตามอง ไอ้ของเหลวสีดำไม่พึงประสงค์มันเป็นหลักฐานคาตาให้ฉันเบิกตากว้างมือที่ยกกระเป๋าสะพายตัวเองบังหน้าเอาไว้ลดอยู่ข้างตัวตอนที่เจ้าลูกบอลมันลอยไปลงตรงบ่อโคลนข้างสนาม

                    “อ๊ายยยยยย รองเท้าฉัน!

                    แล้วผลที่ได้คือไอ้โคลนพวกนั้นมันกระเด็นมาเปื้อนฉันเต็มๆ จะฉลาดแค่ไหนแต่ถูกจู่โจมตรงๆแบบนี้ก็หลีกไม่พ้นหลบไม่ทันเหมือนกันนั้นแหละ ยิ่งเบิกกว้างตอนได้เห็นโคลนเยิ้มๆไม่ได้เลอะแค่รองเท้าแต่มันเลอะกระโปรงนักศึกษาของฉันด้วย แล้วยิ่งไปกว่านั้น ไอ้กระเป๋าที่ฉันยกบังหัวตัวเองเมื่อกี้มันเปื้อนไปด้วยโคลน

                    กระเป๋าใบโปรดกับรองเท้านำโชคของฉันมันเลอะไปหมดแล้ว! อยากจะบ้าตาย นี้คือการเริ่มต้นวันแรกของฉันจริงๆใช่ไหม? ทำไมถึงได้ซวยขนาดนี้กันล่ะ? ใคร? ใครเป็นคนเตะ!?

                    "นี่!!"

                    พอตั้งสติได้แล้วฉันก็หันขวับไปมองทั้งสนามที่ตอนนี้กำลังนิ่งอึ้งเบิกตากว้างมองฉันเป็นตาเดียว ไม่ใช่แค่ในสนามหรอก ไอ้นอกสนามที่กำลังเดินผ่านไปผ่านมาก็เหมือนกัน ดึงดูดสายตาแบบนี้ฉันไม่อยากได้หรอกนะยะ ฉันกวาดสายตาเขียวปั๊ดหันไปมองทั่วสนาม

                    "เฮ้ย ไปขอโทษดิว่ะ ไอ้โซ่"

                    เสียงด่าของผู้ชายคนหนึ่งที่เดินไปผลักไหล่ของเพื่อนที่ฉันคาดว่าเป็นคนที่เตะลูกบอลลูกนั้นทำให้ฉันเปื้อนขนาดนี้ การหันหลังเท้าเอวแล้วถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้หันกลับมาฉันที่กำลังยืนกำหมัดระงับอารมณ์โกรธตัวเองอยู่ ซีกหน้าของไอ้คนสูงที่มองจากตรงนี้ยังเห็นหัวไหล่กว้างและร่างกายกำยำสมชาย

                    กึก

                    ใบหน้าของคนขาวที่กำลังวิ่งมาหาฉันทำให้ฉันนิ่งสนิทเมื่อถูกใบหน้าเกลี้ยงเกลาของหมอนี้เล่นงาน ไม่รู้อะไรดลใจทำให้ฉันมองใบหน้าที่กำลังขมวดคิ้วเข้าหากันตอนวิ่งเยาะๆมาหาฉัน ดวงตาคมที่กำลังจ้องมองมาที่ฉันเหมาะกับรูปจมูกมน ใบหน้าคมที่ล้อมกรอบไปด้วยไรผมซอยระต้นคอ หยาดเหงื่อที่ผุดตามหน้าผากและไรผมเสริมให้ดูน่ามองกว่าเดิม สะกดสายตาของฉันจนไม่รู้เลยว่าริมฝีปากได้รูปของเขากำลังเอ่ยปากขอโทษกับสิ่งที่เขาทำ

                    "ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ"

                    เสียงทุ้มแตกหนุ่มช่างเหมาะกับลำคอแข็งแรงที่เหมาะสมกับร่างกายที่เหมาะจะเป็นนายแบบยิ่งทำให้ฉันกระพริบตาปริบๆไอ้ความโกรธอะไรนั้นมันหายไปจากสมองหมดแล้วเหลือแค่บรรยากาศรอบตัวที่มันละมุนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เดี๋ยวนะ นี้มันอะไร เจอดาเมจของหมอนี้เล่นงานจนเลือดลดไปเท่าไหร่ ไม่ได้แล้ว

                    “เธอ เป็นอะไรไหม?”

                    การโบกมือผ่านหน้าฉันสองสามครั้งเรียกให้ฉันกระพริบตาปริบๆและกลืนน้ำลายลงคอเรียกสติตัวเองกลับเข้าร่างขบกลีบปากตัวเองแล้วก้มไปปัดโคลนที่เลอะขึ้นมาถึงเสื้อสีขาว ไม่พ้นต้องกัดสีใช่ไหมเนี่ย? การที่ฉันขมวดคิ้วไม่ตอบเขาเหมือนจะทำให้เขาหงุดหงิดไม่น้อยถึงได้ขมวดคิ้วกลับเท้าเอวค้ำหัวฉันอยู่นี้

                    “ไม่เป็นไรใช่ไหม? งั้นฉันไปล่ะ”

                    กึก

                    เดี๋ยวนะ ฉันถึงกับเท้าเอวมองคนที่หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในสนามหลังจากที่พูดเองเออเองเสร็จสรรพก็เดินหนีกันไปเสียเฉยๆ นี้มันเรื่องจริงใช่ไหม? นี้หรือมารยาทของคนที่เขามาขอโทษกัน ถ้าเขาจะทำหน้ารู้สึกผิดสักนิดฉันจะยกโทษให้เขาดีๆอยู่หรอก แต่นี้ไอ้สีหน้าที่ไม่แยแสกับผลที่ตัวเองทำว่ามันจะทำให้ใครคนอื่นเขาเดือดร้อนแค่ไหนนี้มันทำให้ฉันเจ็บใจ เจ็บใจจนมันพอกพูนเป็นความโกรธ

                    "ขอโทษกันเนี่ย ให้มันจริงใจกว่านี้หน่อยจะตายไหม!?"

                    แล้วนางมารก็ประทับเข้าร่างให้ฉันเชิดหน้าขึ้นมองผู้ชายที่ชื่อ โซ่ อะไรนั้น ประโยคที่กระแทกเสียงรุนแรงทำให้เขาหันกลับมามองสบสายตาที่เขาเองก็คงรู้ว่าฉันกำลังโกรธ ซึ่งเขาก็จ้องฉันกลับอย่างไม่พอใจ รองเท้าฉันเปื้อนโคลน กระโปรงฉันเปื้อนโคลน กระเป๋าสุดที่รักของฉันเปื้อนโคลน แล้วยังต้องมารับคำขอโทษและการกระทำไร้มารยาทของนายนี้อีก

                    "...เฮ้อ จะเอาอะไร ก็ขอโทษไปแล้วไง ถามว่าเธอเป็นอะไรไหมก็ไม่ตอบ แล้วจะเอาอะไรอีก?”

                    ฉันยิ่งเดือดจัดกว่าเดิมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดยามทิ้งกระเป๋าในมือลงพื้นแล้วเท้าเอวด้วยมือทั้งสองข้างมองไอ้ผู้ชายที่หล่อ แต่ไร้มารยาทซ้ำยังปากเสียคนนี้ ถึงมันจะจริงอย่างที่เขาพูดก็เถอะ แต่เพราะดาเมจนายนั้นแหละที่ทำให้ฉันไม่มีสติน่ะ

                    “ก็ฉันกำลังดูอยู่นี้ไงว่าฉันเป็นอะไรไหม? ไม่คิดจะรับผิดชอบเลยใช่ไหมกับสภาพฉันเนี่ย ห้ะ? แค่ตอบช้านิดช้าหน่อยนี้ถึงขั้นจะตัดบท ตัดความรับผิดชอบแล้วทิ้งให้ฉันรับผลของความสะเพร่าของนายงั้นสิ?”

                    ไม่รู้ว่าที่ฉันพูดแบบแถสีข้างแทบถลอกมันจะทำให้เขาเจ็บได้บ้างหรือเปล่า แต่จากสายตาที่สบกันแล้วเขาเองก็เริ่มจะฉุนไม่น้อยแล้วที่ฉันพูดเรื่องจริงตอกหน้ากลับใส่ไปบ้าง

                    “ก็ได้...จะให้รับผิดชอบใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นจะพาไปเลี้ยงข้าว รอก่อนแล้วกัน”

                    ห้ะ? เลี้ยงข้าว? เดี๋ยวนะ ถามฉันไหมว่าฉันอยากไปหรือเปล่า? แล้วนี้มันใช่ปัญหาจริงๆไหม? ปัญหาของฉันคือฉันเปื้อนไง ถ้านายจะพาไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ตอนนี้ฉันจะตอบตกลงแล้วไปกับนายให้ไวเลย แต่นี้มันไร้มารยาทไปไหมกับการกรอกตามองฉันแล้วหาทางแก้ไขปัญหาของนายเองโดยที่ไม่ถามสุขภาพฉันสักคำ

                    “เดี๋ยว...”

    เรียกก็ไม่ทันแล้ว ตอนที่หมอนั้นก็หมุนตัวกลับเข้าไปในสนาม นี้ก็คงจะวิ่งกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่อยู่อีกทาง ไม่ได้ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดเลยสักนิด

    “หูยย น่าอิจฉาอ่ะเธอ อยากไปกินข้าวกับพี่โซ่บ้างจัง หล๊อ หล่อ”

    “นั้นสิ ยัยนี้นี่ร้ายนะเนี่ย พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส กะจะจับพี่โซ่ล่ะสิ”

    ขวับ

    แล้วแน่นอนว่าฉันได้ยินทุกประโยคที่เหล่าเสียงนกเสียงกา เสียงพรายกระซิบกำลังแสดงความคิดเห็นกันเสียระยะเผาขน ไอ้พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสนั้นฉันไม่เคยคิดเลยนะ ไม่รู้หรอกว่าไอ้ผู้ชายคนนี้มันเป็นรุ่นพี่ หรือดังอะไรขนาดไหน แม้เรื่องหล่อฉันจะยอมรับก็เถอะ แต่เรื่องอื่นฉันไม่ยอมรับเว้ย นั้นแหละ มันทำให้ฉันกำหมัดแน่นตะโกนเรียกไอ้ผู้ชายที่วิ่งไปเสียครึ่งสนาม

    “เดี๋ยวก่อนสิ! พูดเองเออเองตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว ฟังที่ฉันจะพูดบ้าง ใครเขาอยากจะไปกินข้าวกับนายไม่ทราบ”

                    ฉันตะโกนเรียกหมอนั้นสุดเสียง เรียกความสนใจของทุกคนมาที่ตัวฉันอีกครั้งยามที่ทุกคนเข้าใจในตัวฉันผิดไปหมดแล้ว ถ้าหากว่าฉันไม่ทำอะไรสักอย่างได้ลือกันไปแปลกๆกลายเป็นฉันนี้แหละที่จะลำบากในอนาคตข้างหน้าบวกกับความโกรธและคำวิจารณ์ที่ได้ยินเมื่อกี้ พูดตรงๆเลยว่าฉันพาล พาลใส่ไอ้หมอนี้แหละที่ทำให้คนอื่นเข้าใจฉันผิดๆ

                    "ฉันไม่ได้คิดจะไปทานข้าวกับนายหรือไปไหนกับนายทั้งนั้น...คำขอโทษแบบส่งๆของนายฉันจะรับเอาไว้ แต่ค่าชุดที่เปื้อนเนี่ยฉันขอเอาคืนหน่อยเถอะ”

                    ไหนๆก็เปื้อนแล้ว รองเท้าผ้าใบคู่ชีวิตของฉัน แม่ขอโทษนะลูกแต่ดีแล้วล่ะที่เลือกคู่นี้มาใส่วันนี้ เพราะมันจะเตะถนัดๆ ลูกบอลที่เปื้อนโคลนอยู่ตรงหน้าฉันมันกำลังได้มุมยิงยามที่เป้ายิงลูกโทษคือไอ้ผู้ชายหน้าหล่อไร้มารยาทที่คิดจะเอาเงินฝาดหัวฉันแทนที่จะแสดงความรับผิดชอบ

                   "อยู่นิ่งๆแล้วก็กัดฟันเอาไว้ซะด้วยล่ะ จะได้ไม่เจ็บมาก"

                    "ว่าไงนะ"

                    ฟิ้ววว ปึ่ก ฟลุบ

    ฉันตวัดเท้าเตะเจ้าลูกบอลที่มันเป็นต้นเหตุของความเข้าใจผิดพวกนี้เต็มแรง ร่างกายที่ออกกำลังกายอยู่ตลอดๆของฉันไม่ได้ทำไปแค่เพราะให้รูปร่างของฉันดูดีเพียงเท่านั้นหรอก แต่เพราะเสริมความแข็งแรงเวลาที่ฉันเล่นกีฬาจะได้ไม่รู้สึกว่าพละกำลังของฉันมันต่างจากผู้ชาย

    สมัยนี้เพศมันไม่สำคัญอีกต่อไป และการที่ฉันจะเตะบอลเป็น หรือเล่นกีฬาเก่งนั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย เท้าที่เตะเข้าที่กลางลูกบอลโดยคำนวนทิศทางของลูกบอลเอาไว้แล้วลอยเข้าเบ้าหน้าหล่อๆจนเขาหงายหลังล้มตึงทันทีที่โดนลูกบอลอัดหน้า

    "หึ อย่าคิดว่าจะปัดความรับผิดชอบโดยการเลี้ยงข้าวฉัน เพราะฉันไม่ได้อยากไปกินข้าวกับนาย จะเอาไว้ซะด้วยว่าหัดแสดงความรับผิดชอบให้มากกว่านี้ตอนที่ทำผิด ไม่อย่างนั้น นายจะโดนแบบนี้!

    แล้วฉันก็ตะโกนไปตอกย้ำใส่ไอ้คนที่หงายหลังเพราะลูกเตะอัดของฉันเมื่อกี้ การสะบัดผมหางม้าของฉันพร้อมกับก้มลงหยิบกระเป๋าที่เปื้อนโคลนด้วยความอิ่มอกอิ่มใจไม่น้อยท่ามกลางสายตาของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ อย่าให้ฉันได้สอนคนในเรื่องการดำรงชีวิตเลย ฉันเรียนเอกสังคมวิทยาเหอะย่ะ

    การให้เกียรติกันมันไม่ได้ยากเลยเถอะ ไม่ต้องอวดรวย ไม่ต้องเลี้ยงข้าว แค่แสดงความมีน้ำใจกว่านี้หน่อยสังคมจะน่าอยู่กว่านี้เยอะ

    "โห้...”

    ฉันทำเป็นไม่สนใจสายตาอึ้งของเหล่าเพื่อนของเขาบนสนาม แต่ปรายตาไปมองยัยพรายกระซิบที่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ฉันโกรธแบบที่พวกนั้นก็หลบตาฉันกันเป็นพัลวันยามที่ฉันเดินเชิดไปทางตึกเรียนด้วยอารมณ์บูดๆ วันแรกของฉัน ก็เจอเรื่องแย่ๆซะแล้ว

                   อุปสรรคในการใช้ชิวิตบนเส้นทางการเป็นนักศึกษาของฉันมันอาจจะไม่ใช่ง่ายๆอย่างที่ฉันคิดก็ได้ วันแรกก็เลอะไปทั้งตัวแบบนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนว่าจะต้องเจออะไรยุ่งๆที่กำลังจะตามมาอีกเยอะแยะมากมายเลยล่ะ


    ++++++++++++++++++++++++++++++


    แหม เห็นแล้วมันขัดหูขัดตาจริงจังเรื่องคำผิดคำถูก เรื่องการเว้นวรรคอะไรแบบนี้ สุดท้ายที่บอกว่าจะมาเขียนให้จบเท่านั้นมันก็เลยเปลี่ยนใจ แบบเปลี่ยนใจรุนแรง คือเปลี่ยนทั้งเรื่อง รีไรท์ใหม่มันไปเสียเลย คุๆๆๆ นี้คือทำผล็อตเรื่องบางส่วนหาย เอาจริงๆคือเขียนผล็อตเอาไว้ในโน๊ตที่พกติดตัวตลอดตั้งแต่สามปีก่อน แล้วมันหายบนรถบัสไงเรื่องของเรื่อง จะตามหาก็คงจะไม่เจอนอกจากจะค้นเอาจากลิ้นชักความทรงจำ ก็ เอาไปอ่านกันก่อน รีไรท์ใหม่นั้นหมายความว่าต้องสนุกกว่าเดิมเนอะ คุๆๆ เขาจะรักกันยังไงอะไรยังไงก็...ตามไปอ่านเนอะ คุๆๆๆ รู้ไหมนี้อยากเขียน 18+ อีโรติกอะไรแบบนี้ คุๆๆ ก็นั้นแหละ กลับมาแล้ว แล้วก็รีไรท์เรื่องนี้ก่อนเรื่องแรกเลยจ้า คุๆๆ


    อ่านกันให้สนุกแล้วก็อย่าลืมคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ จุ๊บๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×