คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : อัจฉริยะพิชิตใจ ตอนที่ 2 ตัวแสบสุดฉลาด
บทที่ 2 ตัวแสบสุดฉลาด
วันแรกในรั้วมหาลัยฉันก็ไม่น่าเป็นลางดีแล้ว แถมตอนนี้ยังต้องแบกความอับอายเพราะสภาพที่เปื้อนเลอะไปด้วยของเหลวที่เกิดการผสมระหว่างดินบนพื้นสนามบอลและน้ำฝนที่คลุกเคล้าผสมกันเสียอย่างดิบดีเกาะตามรองเท้าและชายกระโปรง
ไม่สิ เรียกว่าถ้าตัดแบ่งครึ่งฉันเนี่ยด้านขวาเนี่ยเต็มไปด้วยโคลน ซ้ำยังส่งกลืนอบอวลให้ฉันรู้สึกอายตัวเองเสียอีก
สงสารก็แต่คนที่เดินผ่านไปผ่านมา นี้พากันมองฉันอย่างสมเพช ใช่แล้ว สมเพชไง โอ๊ยยย
ชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะมีวันที่ซวยขนาดนี้อยู่ด้วยเลยจริงๆ
“ช้อกโก้!
ไปทำอะไรมาล่ะนั้น”
เจ้าของเสียงใสผมซอยสั้นประบ่าที่วิ่งเข้ามาหาฉันด้วยหน้าตาแตกตื่น
หัวคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างเห็นได้ชัดยามคนตัวเล็กที่สูงไม่ถึงร้อยหกสิบกำลังเบิกตากว้างมองฉันที่สภาพราวกับไปฟัดกับหมาที่ไหนมา
เรียกว่าหมาคงไม่ถูกเพราะหมาคงจะหน้าตาดีมั่นอกมั่นใจในหน้าตาตัวเองถึงขั้นเหมาว่าฉันเป็นแฟนคลับที่จะเอาอาหารมื้อหนึ่งมาฟาดหัวแล้วจะหายโกรธ
“หึ
เดินมาอยู่ๆก็โดนไอ้บ้าไร้มารยาทเตะบอลโดนบ่อโคลนกระเด็นมาเปื้อนเกือบทั้งตัวเลยอ่ะ”
แม้ในใจจะท่องพุทโธ
ธรรมโม สังโฆ ไปหลายจบแล้วเพื่อให้ตัวเองใจเย็นขึ้นยิ่งตอนได้เห็นสาวตัวเล็กที่กำลังทำหน้าตกใจพรางขบกลีบปากตัวเองอย่างไม่รู้จะทำยังไงดีนั้นแหละที่ทำให้ฉันถอนหายใจแล้วเอาเรื่องไอ้รุ่นพี่หน้าตาดีคนนั้นเก็บไว้ใต้กลีบสมอง
“เอ่อ...คือ
อืมม อย่าโกรธนะช้อกโก้ เดี๋ยวเราหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้...”
ฉันพยักหน้ารับให้โรสที่พยายามช่วยฉันแก้ปัญหาคลายคิ้วที่ขมวดเข้าหากันตั้งแต่เมื่อกี้เอาไว้ได้
มองหาห้องน้ำแล้วเดินเข้าไปยังห้องน้ำหญิงใต้ตึกยามที่เพื่อนตัวเองกำลังไปโทรศัพท์หาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้ฉัน
อ่อ เหมือนจะลืมแนะนำไป นั้นเพื่อนของฉันเอง หนึ่งในกลุ่มเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่มัธยม
ซ่า
พอเลี่ยงเข้าห้องน้ำมาได้ส่องกระจกมองเงาตัวเองแล้วก็ถึงกับทำแก้มพองกระทืบเท้าปักๆอย่างอารมณ์เสีย
“เปื้อนหมดเลยอ่ะ
นี้ฉันลุกมาแต่งตัวตั้งแต่เช้ามืดเลยนะเว้ย อือออออ”
ยิ่งหันซ้ายหันขวาก็ยิ่งชัดเจนเลยว่าโคลนมันไม่ได้เปื้อนแค่ชายกระโปรงและเสื้อนักศึกษา
แต่ปลายผมของฉันเองก็เปื้อนเหมือนกันจนต้องปลดยางรัดผมปล่อยผมหางม้าสูงลงมาปัดเอาเศษดินเศษโคลนออกจากผมตัวเอง
ปังๆๆๆ
"เฮ้ย น้อง!"
เฮือก
ฉันสะดุ้งสุดตัวตอนที่หันไปมองทางประตูห้องน้ำหญิง
เสียงทุ้มที่เจือไปด้วยความโกรธนั้นทำให้ฉันขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะกระพริบตาปริบๆ
คุ้นเสียงชอบกล...แน่นอนล่ะ ก็มันไอ้คนไร้มารยาทเมื่อกี้ไม่ใช่หรือไง?
นี้ตามมาด้วยเหรอเนี่ย? จะเอาอะไรกับฉันอีกยะ?
เชื่อเถอะว่ายิ่งได้เห็นว่าสภาพฉันเป็นยังไงฉันก็ยิ่งเดือด
ไม่ต้องคิดนานเลยก็เดินปึงปังไปหาไอ้คนไร้มารยาทที่มายืนเคาะประตูห้องน้ำผู้หญิงแล้วตะโกนเรียกกันอยู่นี้
บอกเลยว่ามีแต่โดนกับโดนแหละ เตรียมใจเอาไว้เลยเหอะ
ฟึ่บ
แล้วไม่ต้องรอเลยฉันก็กระชากประตูเปิดออกกว้างคิ้วขมวดเข้าหากันยามที่จ้องหน้าคนที่ตัวสูงกว่า
ยิ่งมองใกล้ๆแบบนี้ก็ยิ่งเห็นได้ชัดเลยว่าผู้ชายผมดำคนนี้หน้าตาน่ามองขนาดไหน
ใบหน้าที่ล้อมกรอบด้วยหยดน้ำ ไรผมที่ล้อมใบหน้ายังมีคราบดำๆติดผมไม่ต่างจากฉัน
จากคอเสื้อลงมาก็เห็นได้ชัดเลยว่ามันมีรอยเปื้อนยิ่งเป็นหลักฐานชัดว่าฉันไม่ได้จำเสียงผิด
ก็แน่ล่ะ สาวที่มีความจำดีและมีความเป็นอัจฉริยะขนาดนี้นั้นไม่มีทางจำผิดหรือจำสลับกับใครได้อยู่แล้ว
“ว่ายังไงคะ คุณโรคจิต
มายืนเคาะประตูหน้าห้องน้ำหญิงแบบนี้สับสนทางเพศเหรอคะ?”
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะนิ่งเงียบยามฟังคำด่าท้อให้เจ็บแสบเข้าไปในทรวงหรือว่ากำลังนิ่งอะไรกันแน่
ฉันเอียงคอมองอย่างท้าทาย ไม่มีหลบสายตา
ไม่มีถอยห่างแม้ว่าอีกฝ่ายจะยืนห่างจากฉันไม่เท่าไหร่
ฟึ่บ
“อะแฮ่ม”
ฉันเชื่อว่าคำพูดคำจาของฉันมันสามารถปั่นหัวให้คนคลั่งมาแล้ว
แต่กับผู้ชายคนนี้ที่แค่เสยผมตัวเองแล้วกระแอ่มในลำคอมองต่ำก่อนจะเงยหน้าสบตากับฉันให้ฉันสะบัดผมตัวเองแล้วกอดอกเชิดหน้ามอง
เอาจริงๆนี้เพราะความสูงที่ทำให้ฉันต้องเงยหน้ามอง
“นี้น้อง เคารพรุ่นพี่เนี่ยเป็นไหม?
เป็นเด็กปีหนึ่งสินะ ถึงได้ไม่ได้รู้จักฉัน”
เหาะ
ฉันอยากจะหัวเราะ
และไม่ได้แค่คิดนะ ฉันยกยิ้มมุมปากส่งเสียงหึในลำคอกับคนที่อวดอ้างสรรพคุณตัวเองยามที่ใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มและมองฉันด้วยสายตาสังเกตและวิเคราะห์
เชื่อเถอะว่าน่าหมั่นไส้จนฉันกระดิกปลายเท้าและเค้นเขี้ยวเค้นฟันไม่ได้หลบสายตาแม้จะมองจากระดับที่ต่ำกว่า
เคยได้ยินเรื่องการมองคนจากระดับสายตาที่สูงกว่าจะทำให้รู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าหรือเปล่า?
ตอนนี้ฉันกำลังรู้สึกอย่างนั้น
รู้สึกว่าไอ้รุ่นพี่คนนี้กำลังรู้สึกว่าฉันนั้นมันเป็นเบี้ย
จากท่าทางวางท่าและน้ำเสียงที่ใช้พูดกับฉันแล้วนั้นมันยิ่งชัด
“พี่จะใหญ่ จะดังมาจากไหนน้องก็ไม่รู้จักหรอกค่ะ
และไม่อยากรู้จักคนที่ไร้มารยาทที่มายืนเสียงดังหน้าห้องน้ำผู้หญิงโดยไม่อายใครเพราะแค่ต้องการจะประกาศศักดาให้เด็กปีหนึ่งรู้จักตัวเองด้วยค่ะ”
กึก
เมื่อท่าทางหยิ่งๆนั้นมันหายไป
ฉันก็กระตุกยิ้มและขยับมือที่กอดอกไปค่ำประตูห้องน้ำหญิงเงยหน้ามองและแผ่ออร่าความเป็นราชินีและความกล้าหาญให้มันครอบงำไปทั่วบริเวณ
และเพราะว่าฉันตอกกลับไปเสียงดังฟังชัดไม่ต้องทำเป็นหูทวนลม
ไอ้รุ่นพี่ที่ป๊อบมากๆคนนี้ก็หันมองรอบตัวเมื่อเรากำลังกลายเป็นจุดสนใจ
ก็แน่ล่ะ มีเรื่องกันหน้าห้องน้ำหญิง
แถมฉันก็พูดถูกและพูดตามความจริงทุกอย่าง แม้จะสูงได้ไม่เท่านาย
แต่นายก็ใช้ทฤษฎีระดับสายตามาทำให้ฉันรู้สึกว่าต่างระดับกับนายไม่ได้
เพราะที่วัดกันจริงๆนั้นมันตรงนี้ สมองต่างหาก
ชิ้ง
“เธอ!...”
ไม่แปลกหรอกที่คนตรงหน้าจะขึ้นเสียงและเริ่มมีน้ำโหเพราะฉันยักคิ้วข้างเดียวเป็นการแสดงให้เห็นว่าใครกันแน่ที่ได้เปรียบในเวลานี้
แต่การเงียบและถอนหายใจหนักๆของผู้ชายคนนี้ทำให้ฉันรู้ว่าเขาเองก็เป็นคนที่ควบคุมตัวเองได้ดีเหมือนกัน
“หึ โอเค
เรื่องการเคารพรุ่นพี่อะไรนั้นไม่ต้องสนก็ได้ แต่ว่าฉัน
อยากให้รุ่นน้องอย่างเธอขอโทษที่เตะบอลอัดหน้าฉันเมื่อกี้
แล้วอย่าบอกว่าไม่ได้ตั้งใจนะ เพราะฉันเห็นเต็มสองตาว่าเธอตั้งใจเตะอัดหน้าฉัน หรือต้องการพยานล่ะ?
หึ จะเอาสักกี่คนที่เห็นว่าเธอตั้งใจเตะบอลอัดฉัน”
คำพูดคำจามีเหตุผล
การกระตุกยิ้มกะชากใจสาวนั้นมันก็แทบจะทำให้ใจฉันสั่นไปด้วย แต่ขอโทษค่ะพี่
ช้อกโก้ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆถ้าหากว่าไม่ใช่คนผิด
“ค่ะ ฉันตั้งใจ
ฉันตั้งใจเตะอัดปากนาย อุ้ย พี่นั้นแหละค่ะ”
ท่าทางของคนตรงหน้ายิ่งเดือดขึ้น
เดือดขึ้นเรื่อยๆเสยผมสะบัดน้ำที่มันไหลอาบแก้มสร้างความรำคาญให้กับคนตัวโตกว่า
“แต่ที่ทำไปไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล
เพราะว่าพี่นั้นแหละที่ไม่ระมัดระวังแล้วเตะบอลมาทำให้ฉันเลอะไปทั้งตัวแบบเนี้ย
ใครจะรับผิดชอบล่ะคะ?...”
“ก็บอกแล้วไงว่าจะพาไปเลี้ยงข้าว”
ยังพูดเหตุผลของตัวเองให้จบเลยคนตรงหน้าก็พูดขัดขึ้นมาอีกจนได้จนฉันต้องยกนิ้วชี้ขึ้นมาระดับอกเป็นสัญญาณบอกให้อีกฝ่ายหุบปากขณะที่ฉันกำลังพูด
และมันก็ได้ผลก่อนที่ฉันจะพูดต่อ
“...ที่อยากได้จริงๆก็แค่คำขอโทษและแสดงความเป็นห่วงเป็นใยกันสักนิด
ไม่ใช่เดินหัวเสียหนีกันไปแบบนั้น มันเสียมารยาท!”
“นี้!”
“นี้!..ฉันยังพูดไม่จบ”
และเมื่อเขาเริ่มทนไม่ไหวกับคำด่าของฉันแล้วเขาก็แทบจะกระโจนเข้ามากัดคอฉันได้
แต่ปลายนิ้วของฉันมันก็เลื่อนเข้าไปตรงหน้าให้เขาถอยหลังและอ้าปากค้างกับท่าทางของเด็กอย่างชั้น
ใช่ ไม่เคยเจอก็เจอเอาไว้ซะ เพราะในโลกนี้ไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่ไม่ยอมคน
“แล้วที่พี่ทำน่ะมันข้ามขั้นไปนะคะ
ก่อนจะแสดงความรับผิดชอบควรแสดงน้ำใจให้ได้เห็นเสียก่อน
นี้ถ้าหากว่าบอลลูกนั้นมันอัดเข้าที่หน้าแล้วบาดเจ็บขึ้นมาจะว่ายังไง?
แถมสนามบอลก็อยู่ติดถนนอีกต่างหากถ้าหากว่ามันเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงถึงขั้นพิการเนี่ย
พี่จะรับผิดชอบไหวไหมคะ? ทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะความประมาทของพี่ชัดๆ”
เงียบสิ
คราวนี้ความเงียบเข้าครอบงำไปทั่วพื้นที่ยามอีกฝ่ายเงียบและได้ฟังเหตุผลของฉัน
“...”
“อ่อ แล้วก็อย่าได้คิดว่าฉันจะพิศวาสอะไรพี่
การแสดงความรับผิดชอบก็ควรจะรับผิดชอบแบบที่ต่างฝ่ายต่างยอมรับไม่ใช่ตัดสินเอาเองโดยไม่ถามอะไรฉันสักคำ
นั้นแหละค่ะที่ทำให้ฉันโกรธ เรื่องขอโทษขอโพยอะไรนั้นไม่ต้องไปสนใจมันแล้ว
เพราะฉันถือว่าเราเจ๊ากัน”
หมับ
และทันทีที่ฉันพูดจบไอ้นิ้วชี้ที่แสดงเป็นสัญลักษณ์ให้อีกฝ่ายเงียบตอนฉันกำลังพูดก็ถูกฝ่ามือของอีกฝ่ายกำเอาไว้แล้วกระชากดึงให้ฉันก้าวเข้าไปหาลดระยะห่างระหว่างกันจนฉันกระพริบตาปริบๆตอนที่ต้องเงยหน้าจนปวดคอกับการเงยหน้ามองอีกฝ่าย
ยิ่งระยะห่างน้อยความต่างชั้นของความสูงก็ยิ่งเห็นชัดจนทำให้ฉันต้องเงยหน้ายอมรับความแตกต่างนั้น
“คราวนี้ตาฉันพูด”
ไม่รู้อะไรหรอก
แต่ว่าแววตาที่กำลังมองเหมือนกำลังกินฉันเข้าไปทั้งตัว
แบบกลืนแล้วไม่เคี้ยวให้ลงไปอยู่ในกระเพาะและรอให้น้ำย่อยค่อยๆย่อยฉันอย่างทรมานนี้มันทำให้ฉันขนลุกเหมือนกันตอนที่ผู้ชายคนนี้จ้องฉันเขม็ง
“อย่างแรกเลยคือนั้นฉันไม่ได้ตั้งใจและฉันก็ตามเธอแล้วว่าเธอเป็นอะไรไหมแต่เธอไม่ยอมตอบฉันเอง
และฉันก็ไม่ได้เดินหนีหรือปัดความรับผิดชอบอย่างที่เธอคิด ฉันก็แค่จะกลับไปเอากุญแจรถแล้วพาเธอไปหาเสื้อผ้าเปลี่ยน กะว่าจะเลี้ยงข้าวแทนคำขอโทษแต่เธอน่ะตั้งใจเตะบอลอัดหน้าฉัน...”
ง่ะ ว่าไงนะ?
ฉันน่ะกระพริบตาปริบๆกับผู้ชายที่อธิบายเหตุการณ์เมื่อกี้ที่มันเกิดขึ้นรวดเร็วจนอาจจะไม่มีใครสังเกตเลยว่าเราทะเลาะกัน
อีกอย่างก็เป็นฉันเองมั้งที่โมโหแล้วก็เตะบอลอัดหน้าเขา
“ก็ใครให้พูดไม่ชัดเจนล่ะ...”
ฟึ่บ
ปลายนิ้วชี้ถูกยกขึ้นมาตรงหน้าแทนสัญลักษณ์ว่าห้ามพูดขัดยามที่เขายิ่งมองฉันด้วยตาคมและนั้นมันทำให้ฉันเงียบสนิทเมื่อเขาย้อนเอาไอ้ท่าทางของฉันมาเล่นงานฉันเอง
“ก็ขอโทษทีแล้วกันที่ฉันพูดไม่ชัดเจนแล้วก็รีบคิดรีบทำไปหน่อยเพราะเห็นว่าชุดเธอมันเปื้อน
และเสื้อนศ.มันก็บาง...”
กึก
อะไรคือการเหลือบมองต่ำก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก
นั้นมันทำให้ฉันก้มต่ำมองตามแล้วเบี่ยงตัวหลบสองมือยกขึ้นมาไขว้กันปิดหน้าอกยามที่อีตาบ้าโรคจิตนี้เริ่มใช้สายตาลวนลาม
“นี้!
มองอะไรยะ!?”
ฟึ่บ
คราวนี้ไม่ใช่แค่การส่งสัญญาณด้วยภาษากายแต่ปลายนิ้วชี้ของเขามันแตะเข้าที่กลีบปากของฉันที่กำลังจะเอ่ยปากด่าให้เงียบสนิทยืนนิ่งยามที่อีตาบ้านี้ไม่ได้ลดความพยายามที่จะเอาชนะฉันให้ได้เลย
“ฉันยังพูดไม่จบ...เพราะเป็นห่วงไงถึงจะรีบพาออกจากตรงนั้นเลยไม่ทันได้อธิบาย
หึ ทำคุณบูชาโทษสินะ”
ไอ้ที่นายกำลังคิดนั้นมันอยู่ในหัวเขาเว้ย
ฉันไม่ได้ยิน เข้าใจไหมคะ? พูดสิ พูดออกมาดังๆ!!
ฉันไม่ใช่พระเจ้าเทพธิดานะจะได้อ่านใจคนที่เพิ่งเจอหน้ากันแค่สองนาทีได้ทะลุปรุโปร่งน่ะ
อีกอย่างธรรมชาติของมนุษย์ไม่ใช่หรือไงที่จะคิดไปด้านลบก่อนที่จะคิดบวกว่านายจะเป็นคนดี
คนดีที่ไหนจะทำหน้ายุ่งเป็นตูดลิงแบบนั้น
“แล้วเธอก็เป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือไงว่าการแสดงความรับผิดชอบนั้นมันคือการดีลกันทั้งสองฝ่าย
แต่ที่เธอบอกว่าเจ๊ากันนั้นมันเธอคนเดียวไม่ใช่หรือที่เป็นคนพูด
ฉันน่ะไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้ทำให้เธอเจ็บ แต่ว่าเธอน่ะ ตั้งใจเตะบอลอัดฉัน
และมันก็เข้าซะเต็มหน้าฉันเลยด้วยซ้ำ หึ พูดอะไรเอาไว้
กรุณาทำให้ได้ด้วยนะครับน้อง”
หมับ
ฉันปัดมือไอ้รุ่นพี่คนนี้ทิ้งทันทีที่คำพูดสุดท้ายออกมาจากปากพร้อมการกระตุกยิ้มปาก
รอยยิ้มที่กวนประสาทเสียจนฉันอยากจะกลืนคำพูดตัวเองและยกทั้งน้ำมาสาดใส่ให้หายแค้น
แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้เพราะว่าเขาไม่ได้พูดผิด ฉันตั้งใจ เขาไม่ได้ตั้งใจ นั้นมันก็เห็นกันชัดๆอยู่แล้วว่าใครน่าจะถูกมองว่าถูก
ใครที่จะถูกมองว่าผิด
ก็ไอ้ช้อกโก้นี้แหละที่จะซวย
แถมฉันเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง อีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ที่ก็ไม่รู้ว่าอยู่ปีไหน
และที่แน่ๆ...หมอนี้คงจป๊อบมาก ถ้าหากว่ามีเรื่องแย่ๆออกไปคงจะแผ่สะพัดไปทั่วมหาลัยในระยะเวลาไม่กี่ชม.
ไอ้ชีวิตสดใสที่ฉันตั้งตารอมันก็จะหายวับไปกับตา
มีแต่เสียกับเสีย!
มันไม่คุ้ม ไม่คุ้มเอามากๆที่มาทะเลาะกับคนที่ไม่รู้จักยอมแพ้ แล้วดันเถียงชนะนี้สิ! มันเจ็บใจ!
“ช้อกโก้”
ขวับ
และจากที่เงียบกันมาสักพักแบบที่ไม่ละสายตาให้เห็นประกายไฟแทบจะระเบิดได้อยู่แล้วก็หันไปมองสาวผมสั้นที่กลับมาพร้อมกับถุงผ้าที่มองแป๊บเดียวสมองอันชาญฉลาดของฉันก็เลือกวิธีเลี่ยงที่ดีที่สุด
ไม่สิ เรียกว่าถอยทัพกลับไปตั้งหลักตอนที่เห็นว่ามันมีเปอร์เซ้นต์ชนะน้อยดีกว่า
“...นี้มีเรื่องอะไรกันน่ะ?”
“ไม่มีอะไรหรอกโรส
นั้นของฉันใช่ไหม? ขอบใจนะจ๊ะ”
รอยยิ้มที่ฉันระบายบนใบหน้ายามที่พูดกลบเกลื่อนให้เพื่อนสาวสุดน่ารักของฉันไม่ต้องเข้ามาเกี่ยวพัน
ไม่ต้องเข้ามารับรู้เรื่องให้หนักอกหนักใจไปกับฉัน ไม่สิ ถ้าหากเป็นโรสล่ะก็คงจะแตกตื่นแล้วก็มีแต่คำว่าขอโทษนะคะ
ขอโทษนะคะ แล้วก็ได้แค่ยอม ยอม ยอม
ถ้าหานางเอกผู้แสนดีไม่ได้ล่ะก็
ฉันขอเสนอเพื่อโรสของฉันนี้แหละ เหมาะจะเป็นนางเอกเจ้าน้ำตาผู้มีจิตใจดีงามที่สุดแล้ว
และเธอผู้นี้ที่เปรียบเหมือนนางฟ้าของฉันก็ยื่นมือเข้ามาช่วยฉันได้พอดิบพอดี
กึก
ฉันหันกลับไปมองไอ้ผู้ชายที่ยังไม่เครียร์เรื่องเมื่อกี้
แน่นอนว่าฉันแค่ยักไหล่แล้วรับถุงผ้าจากเพื่อนมาบังร่างกายตัวเองเอาไว้อย่างสาวไทยที่รักนวลสงวนตัว
“ตกลงจะเอายังไงล่ะคะ?
มาถามหาเอาความรับผิดชอบหน้าห้องน้ำผู้หญิงแบบนี้มันดูไม่ค่อยเหมาะมั้งคะ
คุณโรคจิต”
“หึ...”
การยอมถอยของผู้ชายตรงหน้าทำให้ฉันยักไหล่อีกครั้งแล้วดึงแขนให้โรสเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะหันไปสะบัดผมใส่นายนั้นอีกทีก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำและปิดประตูใส่หน้า
คิดว่าเรื่องมันคงจะจบแค่นี้แต่ว่า....นี้มันคือจุดเริ่มต้นต่างหาก
++++++++++++++++++++++++++++
เย้ๆ อัพครับผม นี้เป็นเรื่องรีไรท์เนอะ ก็ไม่คิดว่าจะจบเร็วหรอก แต่คิดว่าจะมาเรื่อยๆแล้วค่อยๆไล่ไปคู่อื่นๆทีหลัง สำหรับตอนต่อไปนี้จะโละครับผม โละหมดเลยเพราะว่า ออริจินัลนี้โซ่เขาเป็นรุ่นเดียวกัน แต่ว่าเวอร์ชั่นรีไรท์นี้เขาเป็นรุ่นพี่เนอะ คุๆๆ โครงเรื่องคล้ายๆเดิมๆ แต่เชื่อว่าคงจะสนุกกว่าเดิมเนอะ เพราะว่าไคริไปอัพสกิลเขียนนิยายมาแล้วจ้าาา คุๆๆ ก็รออ่านตอนต่อไปด้วยเนอะ คุๆๆๆๆ
ความคิดเห็น