คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : อัจฉริยะพิชิตใจ ตอนที่ 1 โคลน
บทที่ 1 โคลน
"มองไปก็มีแต่ฝนโปรยปราย
ในหัวใจก็มีแต่ความเหน็บหนาว ท้องฟ้าที่มองไม่เห็นแสงดาว คืนเหน็บหนาวยิ่งทำให้ใจเราหนาวสั่น"
เสียงใสๆที่กำลังร้องเพลงเป็นจังหวะไพเราะเพราะพริ้งอยู่นี้ก็คือเสียงของฉันเอง
ฮา ฉันไม่ได้หลงตัวเองหรอกนะ เพราะว่าฉันน่ะทำอะไรก็ดีไปหมดซะทุกอย่าง
พรสวรรค์ที่ไม่มีใครเกินฉันเป็นความภาคภูมิใจในฐานะจอมวางแผนไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่
"ช้อกโก้ เลิกร้องเพลงเถอะ พ่อปวดหู"
ง่ะ
พลั่ก
ฉันผลักไหล่พ่อตัวเองที่นั่งประจำที่คนขับรถจนหัวเราะลั่นห้องโดยสาร
ถ้าถามว่าตาแว่นผมยาวประบ่าจนต้องมัดหางม้าต่ำๆคือคุณพ่อของฉันเอง
เห็นใส่เสื้อคอวีธรรมดาๆหน้าตาดูรกๆนี้อดีตพ่อฉันเป็นถึงด็อกเตอร์เชียวนะจะบอกให้
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ออกจากงานเก่าก็...เพราะดันทำแม่ที่เป็นนักศึกษาท้องนั้นแหละ
เรื่องน่าอายที่ฉันไม่มีวันบอกใครเด็ดขาด
เอาเป็นว่าพ่อฉันเป็นคนฉลาด ฉันถึงได้สืบทอดความฉลาดนั้นมาจากท่านนั้นแหละนะ
"นี้พ่อจ๋า โก้ร้องเพลงเพราะจะตายไป พ่อฟังแล้วปวดหูนี้พ่อต้องไปเช็กหูแล้วนะรู้ป่าว?"
ฉันทำหน้ามุ๋ยหันไปแซวให้พ่อไปหาหมอหูแทนที่จะเป็นฉันที่ต้องไปหาครูสอนร้องเพลง
การที่พ่อหันมาทำหน้ามุ๋ยใส่ฉันพร้อมกับมองฉันด้วยสายตาเอ็นดูกับความน่ารักน่าเอ็นดูของฉันมันทำช่วยลดความตื่นเต้นของฉันในวันแรกของการก้าวสู่เส้นทางเป็นสาวมหาลัย
ใช่แล้ว
ฉันกำลังจะเป็นสาวมหาลัยและวันนี้ก็เป็นวันแรกที่ฉันจะเหยียบเข้าไปในมหาลัยในฐานะนักศึกษาคนหนึ่ง
แน่นอนว่าฉันน่ะตั้งอกตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเอาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาให้พ่อชื่นใจให้ได้
"จำทางกลับบ้านป้าได้ไหมล่ะไอ้โก้"
"จำได้จ๋า"
ฉันตอบพ่อฉันด้วยเสียงใสๆของตัวเอง
การเข้าเรียนในรั้วมหาลัยเป็นวันแรก เป็นอะไรที่ตื่นเต้นจนนั่งอยู่นิ่งๆไม่ได้
ไอ้ที่ร้องเพลงโวยวายอยู่นี้ก็เพราะลดความประหม่าของตัวเอง ทำอะไรก็ได้ที่ช่วยให้ตื่นเต้นนี้หายไปล่ะนะแม้ว่าจะรบกวนคุณพ่อสุดที่รักของฉันก็ตาม
"แล้วนี้เพื่อนเราไปไหนกันหมดล่ะ?"
"คิกๆ แยกย้ายกันไปน่ะพ่อจ๋า แต่โรสเข้าเรียนที่เดียวกับโก้นะพ่อ
จริงสิพ่อ ถ้าไม่สะดวกป้าช้อกไปอยู่กับโรสก็ได้นะ"
"ไม่เป็นไรน่ะช้อก อย่าไปรบกวนเพื่อนเลย
ป้าเขาก็เต็มใจให้เราไปอยู่ด้วย"
ก็แน่ล่ะ
ป้าน่ะรักฉันจะตายไป แต่ขอเถอะ ป้ารักฉันมากกกก มากจนฉันกลัวเลยล่ะ
ถามวาทำไมฉันถึงได้กลัวน่ะเหรอ ก็ป้าสุดสวยของฉันทั้งหวง ทั้งโหด
ใช่แล้ว
ฉันจำได้ติดตาเลยตอนที่ฉันยังเป็นเด็กตัวกระเปี๊ยกไปเล่นบ้านป้าแล้วถูกหมาของเพื่อนบ้านวิ่งไล่
พูดไปก็น่าขายหน้าที่เด็กอัจฉริยะอย่างฉันถูกหมาวิ่งไล่ แต่ก็เพราะเหตุการณ์นั้นแหละ
เลยทำให้ฉันรู้ว่าป้าหวงและห่วงฉันมากแค่ไหนตอนที่โวยวายทะเลาะกับเจ้าของหมาเสียตั้งหลายชม.กว่าจะยอม
ไม่แจ้งความจับหมาของเพื่อนบ้าน ทั้งๆที่มันก็ยังไม่ได้กัดฉันด้วยซ้ำ
"ให้พ่อไปด้วยไหม?"
"ไม่ต้องจ๊ะพ่อจ๋า ไปก่อนน่า จุ๊บ"
ว่าแล้วฉันก็โน้มตัวไปหอมแก้มพ่อสุดที่รักที่ต่อจากนี้นานๆทีถึงจะได้เจอหน้ากันที
คงจะคิดถึงแย่ เอาจริงๆนี้แอบเศร้าเหมือนกันที่จะไม่ได้เจอพ่อของฉันไปอีกสักพัก
ชีวิตนี้เกิดมาก็ไม่เคยได้ไปอยู่ที่อื่นเลย
แต่ในเมื่อตั้งใจอะไรเอาไว้แล้วก็ต้องทำให้ได้สินะ
นี้แหละความหมายของการมีชีวิตอยู่ล่ะ
"อย่าเที่ยวไปสร้างเรื่องให้ใครอีกล่ะ"
"เชอะ โก้ไม่เคยไปทำให้ใครเดือดร้อนเลยนะ คิกๆ ยกเว้นพ่อคนเดียว”
ฉันโคลงหัวนิดๆก่อนจะยกมือไหว้พ่อให้พ่อยื่นมือมาลูบหัว
แม้จะไม่มีคำพูดอวยพรอะไรจากพ่อแต่แค่นี้มันเพียงพอแล้วที่จะช่วยทำให้ฉันยิ้มกว้างแล้วเปิดประตูออกจากรถไป
สอดมือไปสะพายสายกระเป๋าพาดบ่าแล้วก็โบกมือให้พ่อจ๋าของฉันอีกที
เอาจริงๆก็แอบเศร้าอยู่นะที่พอโตขึ้นก็ต้องออกจากรังจากอ้อมอกพ่ออ้อมอกแม่สู่อ้อมอกของคุณป้าแทน
"เอาล่ะ โก้
ไปหาเพื่อนใหม่ได้แล้ว"
ฉันยังคงร่าเริงแล้วก็เดินไปตามทางเดินอย่างรู้ทาง
จะว่าไป เคยมาแล้วตอนไปสมัครเรียน ถึงจะบอกว่าเคยมาก็เถอะ
แต่มหาลัยก็ออกจะใหญ่โตทำไมไม่ทำป้ายบิกทางไว้ก็ไม่รู้
ฉันจะได้ไม่ต้องยืนงงๆทำหน้าเซ่อๆเหมือนบ้านนอกหลงกรุงอะไรแบบนั้น
ไม่นานมือถือในกระเป๋าของฉันก็ดังขึ้นให้รีบคว้าขึ้นมากดรับสายอย่างรู้ดีกว่าเป็นใคร
("ช้อกโก้ เธออยู่ไหนแล้ว ตอนนี้โรสถึงมหาลัยแล้วนะ")
เสียงใสๆแทนตัวเองด้วยชื่อที่ดังมาตามสายทำให้ฉันยิ้มรับแล้วก็เริ่มกวาดตามองหาคนร่างเล็กที่ตอนนี้ก็คงจะอยู่ในมหาลัยแล้วเหมือนกัน
"กำลังจะเข้าไปมอ.แล้ว”
("รีบๆมานะ โรสรออยู่ที่หน้าตึกน่ะ")
พูดคุยกันไม่กี่คำฉันก็วางสาย
แล้วเจ้าของร่างสูง ยาว เข่าดี รวบผมมัดเป็นหางม้าสูง สีตาดำสนิทกับโครงหน้าได้รูปขาวลอยเด่นดึงดูดสายตาของนักศึกษาให้กันมามองฉันเป็นตาเดียว
การติดกระดุมนักศึกษามันน่าจะเป็นอุปสรรคเรื่องแรกที่ทำให้ฉันตื่นเต้นเพราะคิดว่าการเข้ามหาลัยคงจะมีอะไรยากๆรออยู่อย่างแน่นอน
และอุปสรรคลำดับต่อมาของฉันก็คือ...
"ว่าแต่..ตึกเรียนมันไปทางไหนหว๋า"
ฉันหันซ้ายหันขวามองหาตึกเรียนคณะสังคมศาสตร์
อย่างที่กำลังคิดอยู่นั้นแหละ อุปสรรค์แรกของฉันคือการหาตึกเรียน ฉันกำลังหลงทาง
เหอะ สุดท้ายก็ต้องเดินไปสะกิดแขนผู้หญิงสูงยาวในชุดนักศึกษาที่น่าจะเป็นรุ่นพี่
ซึ่งรุ่นพี่ก็ดูเหมือนจะใจดีพอฉันถามทางไปก็บอกทางมาแต่โดยดีตอนแรกเธอบอกว่าจะมาส่งเสียด้วยซ้ำไป
แต่ฉันบอกว่าไม่เป็นไร
เห็นบอกว่าอยู่ตรงข้ามสนามฟุตบอลของมหาลัยที่ฉันก็คิดไปว่าคงจะอยู่ติดกับวิทยาศาสตร์การกีฬา
จะบอกว่ามันอันตรายก็คงจะได้เพราะว่าที่สนามกับทางเดินและถนนไม่ได้มีรั้วกั้นเอาไว้
ถ้าหากว่าแตะบอลลอยข้ามถนนไปอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ไม่รอบคอบเอาเสียเลยนะ
“เฮ้ย ระวัง!”
ความคิดยังไม่ทันจะหายไปจากสมองเลย
เสียงตะโกนจากในสนามก็ทำให้ม่านตาของฉันเบิกกว้างมองเจ้าลูกบอลที่ตรงดิ่งมาที่ฉันจนต้องยกกระเป๋าขึ้นมาบังหน้าเอาไว้
ซวย
ซวยของโคตรซวยที่ฉันเดินเข้ามาขวางทางบอลพอดีแม้จะเดินอยู่บนทางเท้าที่อยู่ติดกับสนามก็ตาม
แต่ก็ขอโทษเถอะ นี้เตะแรงแค่ไหนมันถึงได้ลอยดิ่งมาหาฉันขนาดนี้ย่ะ!
ปึ่ก
แหมะ
ฉันหลับตาปี๋ยามรู้สึกถึงระไอเย็นๆที่กระเด็นมาโดนขาแถมยังรู้อีกว่ามันไหลจากขาลงไปกองกันอยู่ที่รองเท้าให้ฉันลืมตามอง
ไอ้ของเหลวสีดำไม่พึงประสงค์มันเป็นหลักฐานคาตาให้ฉันเบิกตากว้างมือที่ยกกระเป๋าสะพายตัวเองบังหน้าเอาไว้ลดอยู่ข้างตัวตอนที่เจ้าลูกบอลมันลอยไปลงตรงบ่อโคลนข้างสนาม
“อ๊ายยยยยย
รองเท้าฉัน!”
แล้วผลที่ได้คือไอ้โคลนพวกนั้นมันกระเด็นมาเปื้อนฉันเต็มๆ
จะฉลาดแค่ไหนแต่ถูกจู่โจมตรงๆแบบนี้ก็หลีกไม่พ้นหลบไม่ทันเหมือนกันนั้นแหละ
ยิ่งเบิกกว้างตอนได้เห็นโคลนเยิ้มๆไม่ได้เลอะแค่รองเท้าแต่มันเลอะกระโปรงนักศึกษาของฉันด้วย
แล้วยิ่งไปกว่านั้น ไอ้กระเป๋าที่ฉันยกบังหัวตัวเองเมื่อกี้มันเปื้อนไปด้วยโคลน
กระเป๋าใบโปรดกับรองเท้านำโชคของฉันมันเลอะไปหมดแล้ว!
อยากจะบ้าตาย นี้คือการเริ่มต้นวันแรกของฉันจริงๆใช่ไหม? ทำไมถึงได้ซวยขนาดนี้กันล่ะ?
ใคร? ใครเป็นคนเตะ!?
"นี่!!"
พอตั้งสติได้แล้วฉันก็หันขวับไปมองทั้งสนามที่ตอนนี้กำลังนิ่งอึ้งเบิกตากว้างมองฉันเป็นตาเดียว
ไม่ใช่แค่ในสนามหรอก ไอ้นอกสนามที่กำลังเดินผ่านไปผ่านมาก็เหมือนกัน
ดึงดูดสายตาแบบนี้ฉันไม่อยากได้หรอกนะยะ ฉันกวาดสายตาเขียวปั๊ดหันไปมองทั่วสนาม
"เฮ้ย ไปขอโทษดิว่ะ ไอ้โซ่"
เสียงด่าของผู้ชายคนหนึ่งที่เดินไปผลักไหล่ของเพื่อนที่ฉันคาดว่าเป็นคนที่เตะลูกบอลลูกนั้นทำให้ฉันเปื้อนขนาดนี้
การหันหลังเท้าเอวแล้วถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้หันกลับมาฉันที่กำลังยืนกำหมัดระงับอารมณ์โกรธตัวเองอยู่
ซีกหน้าของไอ้คนสูงที่มองจากตรงนี้ยังเห็นหัวไหล่กว้างและร่างกายกำยำสมชาย
กึก
ใบหน้าของคนขาวที่กำลังวิ่งมาหาฉันทำให้ฉันนิ่งสนิทเมื่อถูกใบหน้าเกลี้ยงเกลาของหมอนี้เล่นงาน
ไม่รู้อะไรดลใจทำให้ฉันมองใบหน้าที่กำลังขมวดคิ้วเข้าหากันตอนวิ่งเยาะๆมาหาฉัน
ดวงตาคมที่กำลังจ้องมองมาที่ฉันเหมาะกับรูปจมูกมน
ใบหน้าคมที่ล้อมกรอบไปด้วยไรผมซอยระต้นคอ หยาดเหงื่อที่ผุดตามหน้าผากและไรผมเสริมให้ดูน่ามองกว่าเดิม
สะกดสายตาของฉันจนไม่รู้เลยว่าริมฝีปากได้รูปของเขากำลังเอ่ยปากขอโทษกับสิ่งที่เขาทำ
"ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ"
เสียงทุ้มแตกหนุ่มช่างเหมาะกับลำคอแข็งแรงที่เหมาะสมกับร่างกายที่เหมาะจะเป็นนายแบบยิ่งทำให้ฉันกระพริบตาปริบๆไอ้ความโกรธอะไรนั้นมันหายไปจากสมองหมดแล้วเหลือแค่บรรยากาศรอบตัวที่มันละมุนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เดี๋ยวนะ นี้มันอะไร เจอดาเมจของหมอนี้เล่นงานจนเลือดลดไปเท่าไหร่ ไม่ได้แล้ว
“เธอ
เป็นอะไรไหม?”
การโบกมือผ่านหน้าฉันสองสามครั้งเรียกให้ฉันกระพริบตาปริบๆและกลืนน้ำลายลงคอเรียกสติตัวเองกลับเข้าร่างขบกลีบปากตัวเองแล้วก้มไปปัดโคลนที่เลอะขึ้นมาถึงเสื้อสีขาว
ไม่พ้นต้องกัดสีใช่ไหมเนี่ย?
การที่ฉันขมวดคิ้วไม่ตอบเขาเหมือนจะทำให้เขาหงุดหงิดไม่น้อยถึงได้ขมวดคิ้วกลับเท้าเอวค้ำหัวฉันอยู่นี้
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?
งั้นฉันไปล่ะ”
กึก
เดี๋ยวนะ
ฉันถึงกับเท้าเอวมองคนที่หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในสนามหลังจากที่พูดเองเออเองเสร็จสรรพก็เดินหนีกันไปเสียเฉยๆ
นี้มันเรื่องจริงใช่ไหม? นี้หรือมารยาทของคนที่เขามาขอโทษกัน ถ้าเขาจะทำหน้ารู้สึกผิดสักนิดฉันจะยกโทษให้เขาดีๆอยู่หรอก
แต่นี้ไอ้สีหน้าที่ไม่แยแสกับผลที่ตัวเองทำว่ามันจะทำให้ใครคนอื่นเขาเดือดร้อนแค่ไหนนี้มันทำให้ฉันเจ็บใจ
เจ็บใจจนมันพอกพูนเป็นความโกรธ
"ขอโทษกันเนี่ย ให้มันจริงใจกว่านี้หน่อยจะตายไหม!?"
แล้วนางมารก็ประทับเข้าร่างให้ฉันเชิดหน้าขึ้นมองผู้ชายที่ชื่อ
โซ่ อะไรนั้น ประโยคที่กระแทกเสียงรุนแรงทำให้เขาหันกลับมามองสบสายตาที่เขาเองก็คงรู้ว่าฉันกำลังโกรธ
ซึ่งเขาก็จ้องฉันกลับอย่างไม่พอใจ รองเท้าฉันเปื้อนโคลน กระโปรงฉันเปื้อนโคลน
กระเป๋าสุดที่รักของฉันเปื้อนโคลน
แล้วยังต้องมารับคำขอโทษและการกระทำไร้มารยาทของนายนี้อีก
"...เฮ้อ จะเอาอะไร ก็ขอโทษไปแล้วไง ถามว่าเธอเป็นอะไรไหมก็ไม่ตอบ
แล้วจะเอาอะไรอีก?”
ฉันยิ่งเดือดจัดกว่าเดิมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดยามทิ้งกระเป๋าในมือลงพื้นแล้วเท้าเอวด้วยมือทั้งสองข้างมองไอ้ผู้ชายที่หล่อ
แต่ไร้มารยาทซ้ำยังปากเสียคนนี้ ถึงมันจะจริงอย่างที่เขาพูดก็เถอะ
แต่เพราะดาเมจนายนั้นแหละที่ทำให้ฉันไม่มีสติน่ะ
“ก็ฉันกำลังดูอยู่นี้ไงว่าฉันเป็นอะไรไหม?
ไม่คิดจะรับผิดชอบเลยใช่ไหมกับสภาพฉันเนี่ย ห้ะ?
แค่ตอบช้านิดช้าหน่อยนี้ถึงขั้นจะตัดบท
ตัดความรับผิดชอบแล้วทิ้งให้ฉันรับผลของความสะเพร่าของนายงั้นสิ?”
ไม่รู้ว่าที่ฉันพูดแบบแถสีข้างแทบถลอกมันจะทำให้เขาเจ็บได้บ้างหรือเปล่า
แต่จากสายตาที่สบกันแล้วเขาเองก็เริ่มจะฉุนไม่น้อยแล้วที่ฉันพูดเรื่องจริงตอกหน้ากลับใส่ไปบ้าง
“ก็ได้...จะให้รับผิดชอบใช่ไหม?
ถ้าอย่างนั้นจะพาไปเลี้ยงข้าว รอก่อนแล้วกัน”
ห้ะ?
เลี้ยงข้าว? เดี๋ยวนะ ถามฉันไหมว่าฉันอยากไปหรือเปล่า?
แล้วนี้มันใช่ปัญหาจริงๆไหม? ปัญหาของฉันคือฉันเปื้อนไง
ถ้านายจะพาไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ตอนนี้ฉันจะตอบตกลงแล้วไปกับนายให้ไวเลย
แต่นี้มันไร้มารยาทไปไหมกับการกรอกตามองฉันแล้วหาทางแก้ไขปัญหาของนายเองโดยที่ไม่ถามสุขภาพฉันสักคำ
“เดี๋ยว...”
เรียกก็ไม่ทันแล้ว ตอนที่หมอนั้นก็หมุนตัวกลับเข้าไปในสนาม
นี้ก็คงจะวิ่งกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่อยู่อีกทาง
ไม่ได้ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดเลยสักนิด
“หูยย น่าอิจฉาอ่ะเธอ
อยากไปกินข้าวกับพี่โซ่บ้างจัง หล๊อ หล่อ”
“นั้นสิ ยัยนี้นี่ร้ายนะเนี่ย
พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส กะจะจับพี่โซ่ล่ะสิ”
ขวับ
แล้วแน่นอนว่าฉันได้ยินทุกประโยคที่เหล่าเสียงนกเสียงกา
เสียงพรายกระซิบกำลังแสดงความคิดเห็นกันเสียระยะเผาขน
ไอ้พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสนั้นฉันไม่เคยคิดเลยนะ
ไม่รู้หรอกว่าไอ้ผู้ชายคนนี้มันเป็นรุ่นพี่ หรือดังอะไรขนาดไหน
แม้เรื่องหล่อฉันจะยอมรับก็เถอะ แต่เรื่องอื่นฉันไม่ยอมรับเว้ย นั้นแหละ
มันทำให้ฉันกำหมัดแน่นตะโกนเรียกไอ้ผู้ชายที่วิ่งไปเสียครึ่งสนาม
“เดี๋ยวก่อนสิ!
พูดเองเออเองตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว ฟังที่ฉันจะพูดบ้าง
ใครเขาอยากจะไปกินข้าวกับนายไม่ทราบ”
ฉันตะโกนเรียกหมอนั้นสุดเสียง
เรียกความสนใจของทุกคนมาที่ตัวฉันอีกครั้งยามที่ทุกคนเข้าใจในตัวฉันผิดไปหมดแล้ว
ถ้าหากว่าฉันไม่ทำอะไรสักอย่างได้ลือกันไปแปลกๆกลายเป็นฉันนี้แหละที่จะลำบากในอนาคตข้างหน้าบวกกับความโกรธและคำวิจารณ์ที่ได้ยินเมื่อกี้
พูดตรงๆเลยว่าฉันพาล พาลใส่ไอ้หมอนี้แหละที่ทำให้คนอื่นเข้าใจฉันผิดๆ
"ฉันไม่ได้คิดจะไปทานข้าวกับนายหรือไปไหนกับนายทั้งนั้น...คำขอโทษแบบส่งๆของนายฉันจะรับเอาไว้
แต่ค่าชุดที่เปื้อนเนี่ยฉันขอเอาคืนหน่อยเถอะ”
ไหนๆก็เปื้อนแล้ว
รองเท้าผ้าใบคู่ชีวิตของฉัน แม่ขอโทษนะลูกแต่ดีแล้วล่ะที่เลือกคู่นี้มาใส่วันนี้
เพราะมันจะเตะถนัดๆ
ลูกบอลที่เปื้อนโคลนอยู่ตรงหน้าฉันมันกำลังได้มุมยิงยามที่เป้ายิงลูกโทษคือไอ้ผู้ชายหน้าหล่อไร้มารยาทที่คิดจะเอาเงินฝาดหัวฉันแทนที่จะแสดงความรับผิดชอบ
"อยู่นิ่งๆแล้วก็กัดฟันเอาไว้ซะด้วยล่ะ
จะได้ไม่เจ็บมาก"
"ว่าไงนะ"
ฟิ้ววว
ปึ่ก ฟลุบ
ฉันตวัดเท้าเตะเจ้าลูกบอลที่มันเป็นต้นเหตุของความเข้าใจผิดพวกนี้เต็มแรง
ร่างกายที่ออกกำลังกายอยู่ตลอดๆของฉันไม่ได้ทำไปแค่เพราะให้รูปร่างของฉันดูดีเพียงเท่านั้นหรอก
แต่เพราะเสริมความแข็งแรงเวลาที่ฉันเล่นกีฬาจะได้ไม่รู้สึกว่าพละกำลังของฉันมันต่างจากผู้ชาย
สมัยนี้เพศมันไม่สำคัญอีกต่อไป
และการที่ฉันจะเตะบอลเป็น หรือเล่นกีฬาเก่งนั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย
เท้าที่เตะเข้าที่กลางลูกบอลโดยคำนวนทิศทางของลูกบอลเอาไว้แล้วลอยเข้าเบ้าหน้าหล่อๆจนเขาหงายหลังล้มตึงทันทีที่โดนลูกบอลอัดหน้า
"หึ
อย่าคิดว่าจะปัดความรับผิดชอบโดยการเลี้ยงข้าวฉัน
เพราะฉันไม่ได้อยากไปกินข้าวกับนาย จะเอาไว้ซะด้วยว่าหัดแสดงความรับผิดชอบให้มากกว่านี้ตอนที่ทำผิด
ไม่อย่างนั้น นายจะโดนแบบนี้!”
แล้วฉันก็ตะโกนไปตอกย้ำใส่ไอ้คนที่หงายหลังเพราะลูกเตะอัดของฉันเมื่อกี้
การสะบัดผมหางม้าของฉันพร้อมกับก้มลงหยิบกระเป๋าที่เปื้อนโคลนด้วยความอิ่มอกอิ่มใจไม่น้อยท่ามกลางสายตาของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์
อย่าให้ฉันได้สอนคนในเรื่องการดำรงชีวิตเลย ฉันเรียนเอกสังคมวิทยาเหอะย่ะ
การให้เกียรติกันมันไม่ได้ยากเลยเถอะ
ไม่ต้องอวดรวย ไม่ต้องเลี้ยงข้าว
แค่แสดงความมีน้ำใจกว่านี้หน่อยสังคมจะน่าอยู่กว่านี้เยอะ
"โห้...”
ฉันทำเป็นไม่สนใจสายตาอึ้งของเหล่าเพื่อนของเขาบนสนาม
แต่ปรายตาไปมองยัยพรายกระซิบที่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ฉันโกรธแบบที่พวกนั้นก็หลบตาฉันกันเป็นพัลวันยามที่ฉันเดินเชิดไปทางตึกเรียนด้วยอารมณ์บูดๆ
วันแรกของฉัน ก็เจอเรื่องแย่ๆซะแล้ว
อุปสรรคในการใช้ชิวิตบนเส้นทางการเป็นนักศึกษาของฉันมันอาจจะไม่ใช่ง่ายๆอย่างที่ฉันคิดก็ได้
วันแรกก็เลอะไปทั้งตัวแบบนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนว่าจะต้องเจออะไรยุ่งๆที่กำลังจะตามมาอีกเยอะแยะมากมายเลยล่ะ
++++++++++++++++++++++++++++++
แหม เห็นแล้วมันขัดหูขัดตาจริงจังเรื่องคำผิดคำถูก เรื่องการเว้นวรรคอะไรแบบนี้ สุดท้ายที่บอกว่าจะมาเขียนให้จบเท่านั้นมันก็เลยเปลี่ยนใจ แบบเปลี่ยนใจรุนแรง คือเปลี่ยนทั้งเรื่อง รีไรท์ใหม่มันไปเสียเลย คุๆๆๆ นี้คือทำผล็อตเรื่องบางส่วนหาย เอาจริงๆคือเขียนผล็อตเอาไว้ในโน๊ตที่พกติดตัวตลอดตั้งแต่สามปีก่อน แล้วมันหายบนรถบัสไงเรื่องของเรื่อง จะตามหาก็คงจะไม่เจอนอกจากจะค้นเอาจากลิ้นชักความทรงจำ ก็ เอาไปอ่านกันก่อน รีไรท์ใหม่นั้นหมายความว่าต้องสนุกกว่าเดิมเนอะ คุๆๆ เขาจะรักกันยังไงอะไรยังไงก็...ตามไปอ่านเนอะ คุๆๆๆ รู้ไหมนี้อยากเขียน 18+ อีโรติกอะไรแบบนี้ คุๆๆ ก็นั้นแหละ กลับมาแล้ว แล้วก็รีไรท์เรื่องนี้ก่อนเรื่องแรกเลยจ้า คุๆๆ
อ่านกันให้สนุกแล้วก็อย่าลืมคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ จุ๊บๆ
ความคิดเห็น