ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lovely Twins

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 [rainday]

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 55


                    Chapter 2 เพื่อนใหม่          [rainday]                

            ท่านผู้อำนวยการแจกยิ้มชุดสุดท้ายก่อนเดินลงจากเวที หลังจากที่นักทุกคนทำความเคารพอีกครั้ง และหายไปจากห้องประชุม ทิ้งให้อาจารย์เสียงสูงคนเดิมทำหน้าที่คุมนักเรียนที่เริ่มจะแตกฮือไปดูบอร์ดรายชื่อห้องกันอย่างกระตือรือร้นให้ทยอยเข้าไปดูกันอย่างเป็นระเบียบ ขอบอกเลยว่าไม่เกินความสามารถของอาจารย์ท่านนี้เลยแม้แต่น้อย

       สรุปแล้วทั้งฉันและเรนเดียอยู่ห้อง 4C อยู่อาคารที่ 2 อาคารของมัธยมปลาย ชั้น 3 ซึ่งเป็นชั้นของระดับมัธยม 4 ห้องหมายเลข 2304 อยู่ทางฝั่งตะวันตกของอาคาร

       เมื่อมาถึงห้องเรียนของเราที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่ตลอด 1 ปีนี้... เป็นห้องที่ใหญ่ หรู และอลังการมาก ภายในห้องไม่มีพัดลมสักตัว แต่แทนที่ด้วยเครื่องปรับอากาศจำนวน 2 เครื่อง ซึ่งเท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับนักเรียนขี้ร้อนทั้งหลาย หน้าห้องมีกระดานไวท์บอร์ดที่สูงเกือบถึงเพดาน คงไม่มีใครสูงพอที่จะไปเขียนบอกรักใครอยู่ตรงมุมบนขวาสุดได้แน่นอน นเน็ตบุ๊คขนาดกะทัดรัดสำหรับพกพาวางเป็นระเบียบอยู่บนโต๊ะนักเรียนทุกตัว จนไม่แน่ใจว่

       แต่ที่หน้าตื่นตาตื่นใจสำหรับนักเรียนคงจะเป็นโทรทัศน์ที่มีตัวยึดอยู่กับเพดานห้องขนาดใหญ่พอที่คนนั่งอยู่หลังสุดของห้องยังสามารถมองเห็นได้ บางเฉียบจนไม่แน่ใจว่าจะเผลอไปสัมผัสเข้าจะแตกหรือไม่ และยังสามารถเคลื่อนที่ได้หรือพับเก็บได้โดยไม่เกะกะด้วยรีโมทคอนโทรล โต๊ะนักเรียนจัดไว้เป็นแบบนั่งกันเป็นคู่ๆ นอกจากนี้ยังมีเน็ตบุ๊คขนาดกะทัดรัดสำหรับพกพาวางเป็นระเบียบอยู่บนโต๊ะนักเรียนทุกตัว

       ส่วนรุ่นพี่สองคนที่ทำหน้าที่นำนักเรียนน้องใหม่มาที่ห้องก็หัวเราะกันเล็กน้อยกับท่าทีตาโตเป็นไข่ห่านของรุ่นน้อง เมื่อเห็นว่าเหล่าน้องๆมีสติพอที่จะเก็บอาการได้แล้ว จึงเรียกน้องใหม่เข้าไปในห้องพร้อมกับอธิบายอยู่ตรงโต๊ะอาจารย์

       สวัสดีครับ นี่คือห้องของพวกเธอทุกคนที่จะต้องใช้ไปนานพอสมควร เฟอนิเจอร์ทุกชิ้นราคาแพงมาก พวกเธอคงไม่อยากเสียเงินในจำนวนมากไปกับความซุกซนของตัวเองหรอกนะ รุ่นพี่ผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลปนแดงเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก

       ส่วนเน็ตบุ๊คที่วางอยู่นั้น ทางโรงเรียนมอบให้ฟรีนะ ถือเป็นของขวัญต้อนรับ รักษาไว้ให้ดีล่ะ ทางเราไม่มีรับเปลี่ยน รุ่นพี่อีกคนหนึ่งเอ่ยถึงของที่วางอยู่บนโต๊ะนักเรียนอย่างเป็นระเบียบ รุ่นพี่ที่มีความหล่อเหลาไม่แพ้กับรุ่นพี่อีกคนหนึ่ง แตกต่างกันตรงเรือนผมสีเขียวขี้ม้าปนกับสีเขียวอ่อนซึ่งตัดกันอย่างสิ้นเชิง ยิ้มนิดๆเมื่อเห็นดวงตาเป็นประกายของเหล่ารุ่นน้อง ท่าทางถูกใจของขวัญจากทางโรงเรียนไม่น้อยเลยทีเดียว

       รออยู่ที่นี่ล่ะ ระหว่างคาบจะให้พักผ่อน 10 นาที แต่ระหว่างเรียนห้ามออกมาเด็ดขาด น้ำเสียงเด็ดขาดจากรุ่นพี่คนแรกทำให้ไม่มีใครกล้าขัดเลยแม้แต่น้อย

       พวกพี่อยู่ห้อง 6C มีปัญหาอะไรไปปรึกษาได้ที่ชั้น 6 นะ

       รุ่นพี่ทั้งสองสลับกันพูดคนละเรื่อง พอบอกว่าตัวเองอยู่ห้อง 6C เสร็จแล้วก็จากไป แต่ลืมบอกชื่อไว้ แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าจะไปพบใคร

       เมื่อไร้รุ่นพี่คอยควบคุมความประพฤติ เหล่านักเรียนใหม่ทุกคนก็เริ่มเดินกันไปทั่ว แต่ก็ยังคงอยู่ภายในอาณาเขตของห้องเรียน เหตุผลที่ไม่เดินออกไปข้างนอกก็รู้ๆกันอยู่ บ้างก็จับกลุ่มคุยกันกับเพื่อนเก่าที่รู้จักกันมาก่อน บ้างก็พยายามหาเพื่อนใหม่เพื่อเริ่มต้นชีวิตมัธยมปลายที่สดใส แต่สำหรับเราสองคนแล้ว เพียงเลือกที่นั่งที่อยู่ริมสุด ติดหน้าต่างแถวที่ 2 และมองเหล่าเพื่อนๆกำลังสนุกสนานกับโรงเรียนแห่งใหม่

       สักพักก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินมายืนมองๆอยู่ที่โต๊ะข้างหน้าของเราสองคน เธอเป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก ผมหยักเป็นลอนใหญ่สีน้ำเงิน ที่นี่ไม่มีกฎห้ามนักเรียนย้อมผม ต่อให้ย้อมเป็นสีชมพูมาโรงเรียนก็ไม่มีใครว่า ขึ้นอยู่กับว่ากล้าหรือเปล่าเพียงเท่านั้น

               เด็กสาวหันมายิ้มให้เราที่เห็นแล้วรู้สึกคุ้นตาชอบกลเหมือนเคยเห็นการยิ้มแบบนี้ที่ไหน เธอหันมาถามเราตามมารยาท พร้อมกับชี้ไปที่ที่นั่งตรงริมสุด ซึ่งตรงกับตำแหน่งที่ฉันนั่งอยู่ เพียงแต่อยู่แถวแรก

       ตรงนี้มีคนนั่งรึยังหรอ

       ไม่มีจ้ะ ทั้งฉันและเรนเดียตอบพร้อมกัน

       ฉันชื่อมิซาโกะ พวกเธอคงเป็นฝาแฝดกันสินะ ชื่ออะไรหรอ

               เมื่อบอกชื่อของตัวเองเรียบร้อย เธอก็ถามพวกเรากลับ โดยที่ฉันบอกก่อน   

       ฉันชื่อเรนเดย์ เป็นพี่สาวของเรนเดีย

       ส่วนฉันเรนเดีย เป็นน้องสาวของเรนเดย์

       พูดกลับไปกลับมาให้มิซาโกะงงเล่น ถึงจะเป็นฝาแฝดกันก็จริง แต่ฉันเกิดก่อนเรนเดียเพียงเล็กน้อย ถึงจะอย่างนั้นแต่เราก็ไม่ได้คิดมากเรื่องใครเกิดก่อน

       อ่า... เรนเดย์กับเรนเดียสินะ แยกไม่ออกเลยแฮะใครเป็นใคร พวกเธอเหมือนกันมากเลย

       แน่นอน พวกเราสองคนเหมือนกันจนแทบแยกไม่ออก แม้กระทั่งทรงผมก็ยังทำเหมือนกันเลย โดยมัดแกละสองข้างและผูกโบสีดำ เราชอบใช้หน้าตาที่เหมือนกันราวส่องกระจกไว้แกล้งคนอื่นๆอยู่เสมอ เห็นสีหน้าสับสนของคนอื่นแล้วมันสนุกดี มีไม่กี่คนหรอกนะที่แยกแยะพวกเราออก

       ไม่แปลกหรอกนะ เธอไม่ใช่คนแรกที่แยกไม่ออก

       ใช่ มีอีกหลายคนเลยล่ะ ตอนนี้ก็เรียกเราว่าเรนก่อนละกัน

       จ้ะ เรน

       อื้ม เราสองคนขานรับพร้อมกัน

       ทั้งฉัน เรนเดีย และมิซาโกะ เราสามคนคุยกันอย่างสนุกสนาน ถูกคอเป็นอย่างยิ่ง มิซาโกะเป็นคนมีอารมณ์ขันทีเดียว คุยด้วยแล้วสนุก เพียงเวลาไม่นาน พวกเราสามคนก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมากมาย

       ครืด~

       จู่ๆโทรทัศน์ที่ตอนแรกพับเก็บอยู่ที่เพดานก็เลื่อนลงมา เล่นเอาเฉียดจมูกของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เดินอยู่แถวนั้นจนล้มหงายหลังไปเลย โทรทัศน์ตัวต้นเหตุเปิดขึ้นเองทั้งๆที่ยังไม่มีใครเดินไปเปิดมัน ขึ้นข้อความตัวใหญ่เหมือนเน้นย้ำว่า 8.30 am period 1 Science’

       นั่นคือการบอกว่าได้เวลาเรียนของที่นี่หรอเนี่ย ถ้าเกิดเจ้าโทรทัศน์นี่เลื่อนลงมากระแทกหัวแตกขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบกัน

       ระหว่างที่ทุกคนกำลังตกตะลึงโทรทัศน์ที่อยู่ก็เลื่อนลงมา และเกือบจะเกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้น อาจารย์ท่านหนึ่งก็เปิดประตูเข้ามา เดาได้ไม่ยากว่านี่จะต้องเป็นอาจารย์สอนวิชาวิทยาศาสตร์อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นโรงเรียนนานาชาติ แต่อาจารย์ส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยทั้งนั้น และมีทักษะด้านภาษาอังกฤษไม่แพ้ชาวต่างชาติเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องสัญชาติของเหล่าอาจารย์ทั้งหลาย

       เมื่อนักเรียนทุกคนเห็นอาจารย์เดินเข้ามาแล้วจึงเข้าไปนั่งประจำที่กันเรียบร้อย ตอนนี้ทั้งห้องเงียบกริบ ทุกคนกำลังรอว่าอาจารย์ของพวกเขาจะทรมานเด็กใหม่ด้วยใบหน้าหล่อเหลาอันเฉียบคมบาดใจนักเรียนหญิงอีกนานแค่ไหน ไม่เว้นแม้แต่มิซาโกะ เพื่อนใหม่ของเราที่เพียงสบตากัน เธอก็หน้าแดงระเรื่อเสียแล้ว

       ไม่ต้องกลัวหรอกนะ โทรทัศน์เครื่องนี้ไม่หล่นใส่หัวพวกเธอแน่นอน ทางฝ่ายเทคนิคได้ใส่โปรแกรมคำนวณไว้ให้อย่างดีแล้ว

       เหมือนกับว่าเดาใจนักเรียนออกเพียงแค่สบตา ว่ากำลังกลุ้มใจกับโทรทัศน์จอยักษ์ที่ตอนแรกนึกว่าต้องคอยระแวงทุกครั้งที่คาบเรียนถัดไปใกล้จะเริ่ม หรือไม่ก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านทางประตู แต่มันก็ยากไปสักหน่อยเพราะประตูทั้งสองทางเป็นประตูทึบสีเนื้อ ไม่ใช่ประตูกระจกที่สามารถมองผ่านไปได้

       “Today is a nice day. So... go to learn.” อาจารย์หนุ่มเริ่มเปลี่ยนเป็นการใช้ภาษาอังกฤษในการพูด นั่นหมายถึงเริ่มเข้าสู่คาบเรียนที่ 1 เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งนักเรียนทุกคนเข้าใจดี ถึงแม้ประโยคแรกกับประโยคต่อมาจะไม่ค่อยเชื่อมโยงกันสักเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครคิดจะทักท้วงเนื่องจากเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ

       ทุกคนเปิดเน็ตบุ๊คใหม่ๆ สดๆ ร้อนๆ ที่เพิ่งได้มาไม่นานเพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอน เพราะทางโรงเรียนใช้เทคโนโลยีด้านอินเทอร์เน็ตในการให้ความรู้กับนักเรียน โดยจะมีเว็บให้เข้าไปศึกษาหาความรู้ แทนที่การขนหนังสือที่ขืนแบกมาโรงเรียนทุกวันคงหนักแย่ ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกันทั้งนั้น จึงไม่มีใครคัดค้านการใช้เน็ตบุ๊คเป็นสื่อการเรียนการสอน ช่วงเวลาพักกลางวันคงไม่น่าเบื่ออีกต่อไป เพราะทุกคนมีอินเทอร์เน็ตให้ใช้ฟรีตลอดเวลา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×