คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [BIGGEST LIE] โกหกครั้งที่ 6
บทที่ ๖
From I’Gorn – ตื่งๆ มีเรื่องแล้ว
ผมงัวเงียอ่านข้อความจากไอ้กอน อ่านเสร็จแล้วก็วางไว้ที่เดิมบนโต๊ะเล็กข้างเตียง
(เสียงข้อความเข้า)
From I’Gorn – ตื่นนนนนนนนนนนน มึงตื่นยังเนี่ย ><
To I’Gorn – ถ้ดาไม่สำคันย มึงวตานย
พิมพ์ไปง่วงไปสุดขีดอ่ะครับ เมื่อคืนมัวแต่ตื่นเต้นเรื่องงานแต่งของพ่อกับแม่อรอยู่ นอนแทบไม่หลับ อยากให้จัดกันตั้งแต่วันนี้ซะเลย หลังจากคุยกันเสร็จไอ้ดินกับพี่หลินก็กลับบ้านไปตามปกตินั่นแหละครับ เหลือแต่ผมไอ้คนที่ยังอาศัยพ่ออยู่ ยังไม่มีงานมีการมีที่อยู่เป็นของตัวเอง =_=
From I’Gorn – เมื่อเช้าไอ้ดินเรียก เอมมี่กับไอ้บอยเข้าไปคุยแต่เช้าเลยว่ะ ไม่ยอมให้กูเข้าไปด้วยนะ วางแผนอะไรกันอยู่แน่ๆ
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมานั่งบนเตียง อะไรวะ แม่งวางแผนอะไรกัน แล้วทำไมไอ้กอนไม่ได้อยู่ด้วย
To I’Gorn – แล้วทำไมมึงถึงไม่ได้เข้าไปด้วยอ่ะ
From I’Gorn – ไม่รู้ดิ อาจจะรู้แล้วก็ได้ว่ากูเป็นหนอนให้มึง
From I’Gorn – เชี่ยเอ๊ย
To I’Gorn – มันคิดจะทำอะไรวะ
บอกตรงๆว่าผมตื่นเต้น ปนกลัวเล็กน้อย ไอ้ดินอาจจะเป็นคนขี้แกล้ง แต่โดยปกติจะแกล้ง
ด้วยกำลังอย่างเมื่อวานไงครับ พอมันลุกขึ้นมาใช้สมอง ผมก็เลยอยากจะรู้ว่ามันจะทำอะไร
From I’Gorn – กูก็อยากรู้เหมือนกัน ถ้าคืบหน้ายังไงกูจะบอกนะ
6 ชั่วโมงต่อมา
From P’Lin – จะไปเล่นสงกรานต์กันที่ไหนเหรอเด็กๆ ?
To P’Lin – อะไรครับ งง????
ผมส่งตอบขณะที่กำลังผูกเชือกรองเท้าผ้าใบของตัวเองอยู่หน้าประตู ว่าจะไปวิ่งแถวๆนี้นิด
หน่อย เป็นเวลาเดียวกันกับที่รถของพ่อแล่นมาจอดหน้าบ้าน
“พ่อ” ผมยิ้ม โผลเข้ากอดพ่อที่มีสีหน้าเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน
“เป็นอะไร ทำตัวเป็นเด็กๆ” แต่ก็ชอบละซี ไม่อย่างนั้นจะยิ้มทำไมล่ะครับ
“ยินดีด้วยนะครับพ่อ” ผมผละตัวออกมา ให้แกได้หายใจหายคอ
“เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องนั้นอ่ะ”
“เรื่องไหน” 555 วันนี้คงคุยกันไม่รู้เรื่อง
“เรื่องงานแต่งไง ทำเป็นอินโนเซนต์ไปได้” พ่อทำท่าเหมือนจะตบหัวผม แต่ด้วยไหวพริบอัน
แหลมคม ผมก็เลยหลบได้อย่างรวดเร็ว
“อินโนเซนต์บ้านแกสิ แล้วนี่จะออกไปไหน”
“ไปวิ่งสักหน่อยน่ะครับ อยู่บ้านเบื่อๆ ไปด้วยกันมั้ย เดี๋ยวผมรอ”
พ่อโบกมือปัดๆอย่างขอไปที “ไม่ล่ะ พ่อแก่แล้ววิ่งไม่คล่องเหมือนตอนหนุ่มๆ”
“อยากนั่งกินเบียร์ชิวๆอยู่บ้านมากกว่าละม้างง” ผมยักคิ้วพูดอย่างรู้ทัน
“รีบไปรีบกลับล่ะ” พูดเสร็จก็เดินเข้าบ้านไป ทำเหมือนไม่ใส่ใจอะไรแต่ผมรู้ว่าลึกๆแล้วพ่อน่ะ
เป็นห่วงผมจะตาย กลัวว่าอีกสิบนาทีจะโทรตามกลับแทบไม่ทันน่ะสิ หลังจากที่จ็อกกิ้งออกมาจากบ้าน มุ่งเข้าไปในป่าผมก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที บรรยากาศดีๆ อากาศบริสุทธิ์แบบนี้หาไม่ได้ในตัวเมืองนะครับ ผมยืนหยุดอยู่กลางป่า หากวิ่งตรงไปข้างหน้าอีกนิดหน่อยก็จะถึงถนนลูกรังซึ่งนำไปทางตัวหมู่บ้าน แต่บ้านผมเป็นประเภทรักความสงบไงครับ ไม่ยุ่งไม่อะไรกับใคร ตั้งอยู่โดดเดี่ยวในป่า
“ไงหนุ่มน้อย” ผมเงยหน้าขึ้นจากการยืดเส้นยืดสาย เอามือแตะเท้าขึ้นมาเจอเอมมี่
“เฮ้ย”
ซ่าาาาาา !
แต่นอกจากจู่ๆจะมาปรากฏตัวในป่าโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง ยังพกปืนฉีดน้ำขนาดใหญ่ในมือ
มายิงผมเข้าเต็มๆ “ไอ้ต้า วิ่ง!” ไอ้กอนวิ่งเข้ามาผลักผมให้ขยับตัวหนี ขณะที่มันคอยระวังหลังให้ผมด้วยการยิงปืนฉีดน้ำของมันเพื่อจัดการเอมมี่
นี่มันอะไรวะเนี่ย !
วิ่งไปได้ไม่เท่าไหร่ ไอ้บอยที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ก็แสดงตัวออกมาด้วยปืนฉีดน้ำอันเท่าควาย
สะพายน้ำไว้กลางหลัง ผมนี่หันหน้าหนีแทบไม่ทัน ขนาดโดนแผ่นหลังยังเจ็บขนาดนี้
“บ้าเอ้ย เล่นอะไรกันวะเนี่ย!”
“ไปถามไอ้ดินเอาเองก็แล้วกัน” แต่มันก็ยังวิ่งไล่ตามผมที่วิ่งมุ่งไปเส้นทางกลับบ้านของ
ตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย ไอ้เวรนี่แม่งอึดจริงๆครับ
“พอแล้ว กูเปียกแล้วจะฉีดหาพ่อง!”
และพอมาถึงไอ้คนสุดท้ายที่ยืนทำหน้าพึงพอใจ โผล่ออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ ผมเลยหยุด
วิ่งแล้วยกมือขึ้น หันมองข้างหลัง ไอ้บอยยกปืนฉีดน้ำขึ้นขู่ผมราวกับว่ามันเป็นปืนจริงๆ วกกลับมามองข้างหน้า ไอ้พี่ดินหน้าโจร เอ้ยไม่ใช่ครับหน้าเหี้ยยยยยมโหดยืนยกปืนฉีดน้ำขู่ผม แล้วก็แสยะยิ้มเมื่อเห็นว่าผมหน้าซีดเซียวหมดทางหนี
“เล่นอะไรแบบนี้ว…. แบละ! ” พูดไม่ทันได้จบมันก็ยิงผมเข้าเต็มๆ ไม่ใช่แค่น้ำธรรมดาๆนะ
ครับ น้ำเย็นเจี๊ยบอย่างกับสั่งตรงมาจากขั้วโลกเหนือ พอละ ผมจะไม่สู้ ไม่หนี ไม่เชี่ยอะไรแล้ว!
“สนุกอย่างนี้เองสินะ” มันเยาะเย้ยด้วยทั้งสายตาและคำพูด และผมรู้ได้ในทันทีตั้งแต่ตอน
นั้น ว่ามันได้คิดแผนการเอาคืนผมครั้งต่อไปในหัวเป็นสิบๆแผนแล้วแน่ๆ
กลับมาถึงบ้าน
ผมกับไอ้กอนเปิดประตูกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปทางบันได หวังจะกระโจนเข้าหาผ้าเช็ดตัวผืนหนาๆสัก
ผืน ตอนนี้หนาวชิบกายจนปากสั่นไปหมดแล้วครับ
“ไปตกน้ำตกท่าที่ไหนกันมา” พ่อทักระหว่างที่เราวิ่งขึ้นบันได
“เล่นน้ำแถวๆนี้ล่ะครับ” ไอ้กอนตะโกนบอก ขณะที่วิ่งตามผมเข้าห้องมาติดๆ แม่อรต้องบ่น
แหงๆ รอยเท้าเปียกๆยาวเป็นทางตั้งแต่ประตูจนหน้าประตูห้องผมเนี่ย
“ผ้าเช็ดตัว ขอผ้าเช็ดตัวกูผืนนึง” ไอ้กอนพูดไปปากสั่นไปไม่ต่างจากผม ผมเดินมาที่ตู้เสื้อผ้า
เปิดล็อคเกอร์ชั้นล่างเพื่อดึงเอาผ้าออกมาสองผืน โยนให้มันผืนนึงแล้วเอามาเช็ดผมตัวเองผืนนึง
“แม่งเอ้ย.. กู… กูว่าแล้ว คิ้วกระตุกแปลกๆตั้งแต่ออกจากบ้าน” ผมพูดตะกุกตะกัก
“โทษที กูมาเตือนช้าไป กว่าจะรู้จากพี่หลินว่าพวกมันจะทำอะไร พวกนั้นก็ออกจากบ้านมาแล้ว”
“เจ็บใจจริงโว้ย มึงยืมเสื้อผ้ากูใส่กลับบ้านก็ได้ อยู่ในตู้เนี่ยแหละเลือกเอา กูไปอาบน้ำก่อน”
“เออๆ ขอบใจ”
หลังจากผลัดกันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย ผมกับมันก็นั่งเล่นวิดีโอเกมส์กันตาม
ประสา เล่นไปแล้วก็ด่าฝ่าไอ้พี่ดินไปจนกระทั่งมันขอตัวไปหาอลิซแฟนมันนั่นแหละครับ ตอนนั้นผมถึงได้ลงมาทานอาหารกับแม่อรข้างล่าง
“พ่อไปไหนแล้วล่ะครับ” ผมถามขณะที่เรานั่งอยู่บนโต๊ะอาหารในห้องครัว
“เข้ากะดึกจ้ะ คงกลับพรุ่งนี้ตอนเช้าๆ เราเป็นอะไรหรือเปล่าหน้าซีดๆ”
“ปวดหัวนิดหน่อยน่ะครับ”
“เล่นอะไรแผลงๆกันมาหรือเปล่า เห็นพ่อเราบอกว่าตัวเปียกกันมาเชียว”
“อะไรทำนองนั้นแหละครับ” ผมกินได้ไม่เท่าไหร่ก็รู้สึกเจ็บคอขึ้นมาเลยหยุดกิน เอาจานไป
วางไว้ที่อ่างแล้วขึ้นมานอนสลบหัวจมหมอนที่ห้องของตัวเอง เกลียดที่สุดก็เวลาเป็นไข้นี่แหละ ไหนจะร้อนๆหนาวๆไหนจะเจ็บคอ แล้วนี่ผมก็เริ่มจะไออีก
พยายามข่มตาหลับเมื่อไหร่แต่ก็ต้องเงยหน้าขึ้นมาไอทุกที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก !
“ต้า เป็นอะไรมากหรือเปล่าลูก เอาน้ำอุ่นมั้ย”
“ไม่เป็นไรครับ แม่อรไปพักผ่อนเถอะ” ผมตะโกนกลับไปเพราะไม่อยากรบกวน นี่ก็ดึกมาก
แล้วด้วย นาฬิกาข้างเตียงผมบอกเวลาสามทุ่มครึ่ง เสียงฝีเท้าแม่อรถอยห่างออกไปจากประตูห้องเป็นเวลาที่ผมรู้สึกหนังตาหนักอย่างมาก จึงเผลอหลับไปราวๆ20นาที เสียงกระโดดตุ๊บ! บนพื้นห้องแถวๆหน้าต่างก็ดังขึ้น ผมยกหัวขึ้นหันมองผ่านไหล่ไปทางร่างสูงที่เดินเข้ามาไกล้ๆ
ไอ้พี่ดิน…
“ไงไอ้เด็กแสบ หายซ่าเลยดิ”
“…” อ้าปากว่าจะด่า แต่เจ็บคอเสียงไม่ออกครับ ก็เลยชูนิ้วกลางใส่มันแทน
โอ้ยยยปวดหัวชิบอ่ะ ผมหมดสะภาพอย่างนี้เพราะใครอ่ะ เพราะมันนั่นแหละ
“นอนดีๆดิ๊” มันสั่งก่อนจะพลิกร่างผมกลับมานอนหงายเหมือนคนปกติเขาทำกัน แล้วก็ยัง
เอาผ้าห่มขึ้นมาห่มให้อีก
“มาได้ไง” ผมถามเสียงแหบพร่า
“เมื่อกี้ไอ้กอนกลับมาเอาเสื้อผ้าที่ลืมไว้ แม่อรบอกมัน” ไอ้กอนนี่ชักจะยังไงวะครับ
เดี๋ยวก็อยู่ฝ่ายผมเดี๋ยวก็อยู่ฝ่ายไอ้พี่ดิน แม่งไอ้นกสองหัว ถ้ามันไม่ใช่เซียนวิดีโอเกมส์นะผมไม่คบไว้จริงๆนะเว้ย
“แล้วมาทำไม เป็นห่วงผมอ่ะดิ” ตั้งใจจะพูดเล่นขำๆนะครับ แต่มันทำหน้าเหมือนไม่อยาก
ตอบแล้วก็เปลี่ยนเรื่องเห็นๆ “กินข้าวกินยารึยัง” มันถามขณะที่นั่งอยู่ข้างๆผมบนเตียง
“ไม่กิน เจ็บคอ” แล้วผมก็ไอต่อ นอนหลับตาไม่รู้สึกตัวขณะที่มันเดินลงไปทำอะไรสักอย่าง
ข้างล่าง รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนมันเดินขึ้นมาพร้อมกับชามข้าว ที่คิดว่าน่าจะเป็นข้าวต้มในมือ
“กินข้าวกินยาก่อนแล้วค่อยนอน” คือคนป่วยน่ะเข้าใจไหมครับ กูอยากนอน กูไม่อยากกิน
ขอสักงีบโดยไม่ถูกรบกวนได้ไหม
“…”
“ลุกขึ้นมาก่อน คนเขาทำมาให้กิน อย่าเสียมารยาท”
ไอ้พี่เวร แม้แต่คนป่วยยังด่าได้ มึงนะมึงง เมื่อเข้าใจว่าผมลุกเองไม่ได้ มันเลยเข้ามาประคองตัวผมให้กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง หลังพิงหัวเตียงดีๆ ผมมองค้อนมันอย่างขัดใจ
“บังคับอยู่นั่น”
แล้วมันก็เอาช้อนข้าวต้มมาจ่อปากผมทันที กินไปคำเดียว…
“เชี่ย ร้อน” มันหยิบน้ำให้ผมดื่ม ผมมองมันตาเขียวปั๊ดเข้าไปอีก
“โทษๆ เดี๋ยวเป่าให้ นึกว่าไม่ร้อนเท่าไหร่” ไม่ร้นบ้านพ่วง ลวกปากกูจะสุกแล้วครับ
เถียงได้ผมเถียงกลับไปแล้วนะ ผมนั่งมองมันตักข้าวต้มทีละนิด มองริมฝีปากของมันเป่าข้าวต้มทีละคำๆอย่างระวังแล้วก็ป้อนให้ผม บางทีผมก็เข้าใจแล้วล่ะ ว่าทำไมผมถึงหลวมตัวไปรักมันได้ เพราะมันเป็นอย่างนี้ไงครับ ไอ้ท่าทางที่ทำให้คนอื่นเขาสับสน นึกอยากจะดีก็ดี นึกอยากจะร้ายก็ร้าย ไอ้ท่าทางแบบนี้ล่ะครับที่ทำให้ผมคิดเข้าข้างตัวเองไปว่าบางที มันเองก็อาจจะรู้สึกเหมือนผมก็ได้
“อิ่ม” ผมบอก มันพยักหน้าวางช้อนลง หันไปหยิบแก้วน้ำกับเม็ดยาอันเท่าหัวช้างมาจ่อปาก
“กินยา”
ผมทำหน้าเหยเก เรื่องกินยาเป็นสิ่งที่ผมเกลียดพอๆกับแมงมุม (?)
“มียาน้ำมั้ย” ผมถาม มันส่ายหัว “เป็นเด็กอนุบาลหรือไง”
“…” ผมส่ายหน้า มันเอามือมาบีบแก้มผมให้เปิดปาก แล้วก็กดยาลงมาตามด้วยน้ำ
“สัส” ผมด่า หลังจากกลืนเม็ดยาลงคอไปแล้ว มันไม่ติดคอผมก็อัศจรรย์แล้ว
“นอนพักผ่อนได้แล้ว อย่าดื้อ”
ผมรอคำนี้มานานแล้ว จึงหลับตาลงแล้วก็หลับไป สักพักก็รู้สึกได้ถึงแรงกดลงของเตียงข้างๆ
ตัวเอง ใครบางคนนอนลงข้างๆผม แล้วผมก็พลิกตัวเข้าหาความอบอุ่นจากร่างกายของอีกฝ่ายจนถึงเช้า
เช้าวันต่อมา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูเบาๆที่หน้าห้องปลุกให้ผมตื่นลืมตาอันหนักหน่วงของตัวเองขึ้นมามองที่
ประตู พ่อของผมเพิ่งกลับบ้านยังอยู่ในชุดเครื่องแบบตำรวจกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เหมือนกับช็อคกับสภาพที่เห็นข้างหน้า
อะไร … ยังไง … ทำไม ?
ก็แค่ผมนอนบนอกไอ้พี่ดินแล้วมันก็เอาแขนมาโอบหลังผมไว้หลวมๆแค่นั้นเอง
… แค่นั้นเอง !
เวรละ !
พ่อผมทำท่าเหมือนจะอ้าปากพูดอะไรอีกรอบ คนที่ผมนอนทับอยู่คงรู้สึกได้ถึงอาการนิ่งและ
เสียงหัวใจที่เต้นแรงของผมจึงค่อยๆตื่นขึ้น มองผมก่อนจะหันไปมองพ่อ แล้วก็นิ่ง …
บรรยากาศเย็นเฉียบและเงียบสงบอย่างกับป่าช้า
“หลับสบายมั้ยไอ้ลูกชาย” คำทักทายนั้นเหมือนจะเป็นคำทักทายกับไอ้พี่ดินมากกว่า พ่อลีก
เลี่ยงการสบตากับผม ขณะที่ผมเองไม่รู้ว่าควรจะเลิกกอดคนข้างๆดีหรือไม่ เพราะมันสายไปแล้วล่ะครับ
“ครับ” มันตอบ ไม่ปฏิเสธ ไม่มีท่าทางตื่นอะไร แต่ผมรู้สึกได้ว่าเสียงหัวใจมันเองก็เริ่มเต้นเร็ว
ขึ้นเรื่อยๆ
ความคิดเห็น