คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [BIGGEST LIE] โกหกครั้งที่ 1
บทที่ ๑
ผมนั่งอยู่ในร้านกาเเฟชื่อดังเเห่งหนึ่งใจกลางเมืองถือเเก้วช็อคโกเเลตปั่นขึ้นดื่มในขณะที่ใครบางคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอเข้า ย่างเท้าเข้ามาในร้านกับเพื่อนร่างสูงใหญ่อีกสองสามคน บรรลัยเเล้วไหมล่ะ? ผมคิดขณะเดียวกันก็ขยับตัวลีบชิดผนังมากขึ้นไปอีก หลังจากสั่งกาเเฟเสร็จพวกนั้นก็มานั่งอยู่โต๊ะถัดไป จากผม มีเพียงเเค่ผนังบางๆที่กั้นไม่ให้พวกนั้นเห็นว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้ คนพวกนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรกับผมนักหนา ก็เเค่หนึ่งในนั้นเป็นศัตรูกับผมตั้งเเต่เล็กจนโตก็เท่านั้นเอง
’ดิน’ ชื่อที่ผมไม่อาจจะลืมลง
มันอยู่บ้านติดกับผม พ่อกับเเม่ของเรากำลังคบหาดูใจกัน
(ถึงสองคนนั้นจะไม่ได้บอกเราตรงๆก็เถอะ) เพราะอย่างนั้น ไอ้ดินถึงได้ถูกเชิญเข้ามาเล่นในบ้านผมอยู่
บ่อยๆ ครั้งเเรกที่มันมา มันก็ได้รับสิทธิพิเศษ(เเม่ชวนมัน)มาเล่นเกมส์ ที่ผมพึ่งซื้อมาใหม่ๆเเกะกล่อง(ตั้งเเต่นั้นมาผมก็เริ่มเกลียดมันเลยทันที) เเต่ไอ้ต้าเสียอย่าง เเชมป์เกมเมอร์ตลอดกาลอย่างผมน่ะเหรอจะเเพ้ง่ายๆ ผมเตะตูดมันในเกมส์จนตายอย่างราบคาบไม่รู้ กี่รอบต่อกี่รอบ เเละคงเพราะทนความพ่ายเเพ้(หรืออะไรก็ไม่ทราบ)ไม่ได้ มันก็เลยขว้างคอนโทรลอันใหม่เอี่ยมของผมเข้าฝา เเล้วก็หันมาทุ่มผมลงเตียงด้วยเเรงสุดควาย เอาผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าผมก่อนจะตดอัดใส่เอาไว้
หลังจากนั้นเหรอ …
สงครามจึงเริ่มต้นขึ้น
“เออ วันศุกร์ป้าตี้ที่บ้านนาย ฉันคิดว่าจะพาเเฟนไปเปิดตัวว่ะดิน” ไอ้คนหัวหยองๆ
ท่าทางติสท์ๆที่ถูกเรียกว่ากอน พูดขึ้น
“แหม กว่าจะเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาได้นะยะ ปอดแหกอยู่ตั้งนาน” ผู้หญิงผมบลอนด์ที่ชื่อ เอมมี่
ท่าทางเปรี้ยวจี๊ดที่นั่งข้างๆไอ้ดินพูดขึ้นพลางเคี้ยวหมากฝรั่งไปด้วย
“พวกนาย…รู้แล้วเหรอ” กอนถามเสียงช็อค
“นายไม่ได้เก็บอารมณ์เก่งขนาดนั้น พักหลังๆมานี่ยิ่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่หน้าจอทีวีที่ไม่ได้
เปิดอยู่คนเดียว คิดว่าคนอื่นจะไม่รู้เหรอ” บอย ที่ท่าทางอวบกว่าคนอื่นๆแต่ดูน่ากลัวมากในสายตาผมพูดขึ้นด้วยเสียงอบอุ่นที่โครตจะตัดกับรูปร่างหน้าตาภายนอกโครตๆ
“ไม่ใช่แค่รู้ว่านายกำลังคุยกับใครอยู่ แต่รู้ด้วยว่าคนๆนั้นคือใคร”
“ดิน บอกมาดิว่าสองคนนี้ล้อเล่น”
“หึ” แค่เสียงหัวเราะในลำคอก็บ่งบอกได้มากแล้วว่ามันรู้ชัวร์ ไอ้ดินนี่พูดน้อยยังไงก็พูดน้อย
อย่างนั้นนะครับ ผมล่ะไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะมีเพื่อนมีฝูงกับเขาด้วยเหมือนกัน แบบว่าผมพึ่งกลับบ้านเป็นครั้งแรกหลังจากเรียนวิศวะคอมจบ กลับมาได้ไม่ถึง24 ชั่วโมง ผมต้องมาเจอมันแล้วเหรอเนี่ย? ได้ยินข่าวว่ามันย้ายออกจากบ้านไปอยู่ตัวคนเดียวแล้ว เพราะงั้นผมก็ไม่ต้องห่วงว่าจะต้องเจอหน้ามันเมื่อกลับบ้านไป(บ้านเราเคยอยู่ติดกันน่ะครับ)
เมื่อพอใจกับการแอบฟังปุ๊บ ผมก็ยกกระเป๋าโน้ตบุ๊คขึ้นปิดหน้า ลุกขึ้นจากโต๊ะพยายามจะ
หนีออกมาเพื่อเดินไปยังประตูร้าน แต่ติดที่จู่ๆไอ้เวรดินที่เคยนั่งหันหลังให้ผมก็ลุกขึ้นยืนกระทันหันผมจึงหันหลังกลับแล้วเดินไปทิศตรงข้ามซึ่งเป็นห้องน้ำลูกค้า โดยมีเสียงฝีเท้าของมันตามหลังมาเรื่อยๆ
’เวรเอ๊ย’ ผมขมุบขมิบปากสาปแช่งอะไรสักอย่างเงียบๆ
ไม่ใช่ว่าผมกลัวการผเชิญหน้ากับมันหรืออะไรหรอกนะ เพียงแต่มันกระทันหันเกินไป
“เป็นเพราะแกแอบชอบพี่เขาน่ะซี” ไอ้เกด เพื่อนสมัยมัธยมเคยล้อผมเอาไว้ว่าอย่างนั้น
เกดเป็นสาวสวยมั่นและเป็นป็อปปี้เลิฟของผม จนกระทั่งผมมาเจอไอ้เวรดินเนี่ยแหละ ไม่รู้ว่าผมไปชอบมันได้ยังไง นิสัยก็เชี่ย มีความสุขกับการได้แกล้งคนอื่นอีก หลังจากรู้ตัวว่าชอบมันแล้วจริงๆผมก็พยายามจะตัดใจแล้วนะ ผมถึงได้ไปเรียนต่อที่อื่น ที่ๆผมจะได้ไม่ต้องเจอกับมันไง
ปัญหาของผมไม่ใช่เพียงเพราะผมกับมันต่างก็เป็นผู้ชายทั้งคู่หรอกนะครับ
แต่ 1.คนอย่างมันไม่คบหากับคนอย่างผม (มันเป็นพวกหน้าตาดีเชี่ยๆ หุ่นเหมือนนายแบบกางเกงใน คบแต่กับพวกนางแบบหรืออะไรทำนองนั้น) ((แล้วผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันชอบผู้ชายหรือเปล่า))
2.พ่อแม่เรากำลังจะแต่งงานกัน นั่นหมายความว่าเราก็กำลังจะเป็นพี่น้องกันด้วย มันจะดูแย่แค่ไหนถ้าเราสองคนก็คบกันเองด้วย
3.ผมขี้ขลาดเอง ผมหาเหตุผลต่างๆนาๆมากมายว่าทำไมผมกับมันถึงคบกันไม่ได้ แต่ความจริงแล้วผมแค่กลัวการถูกปฏิเสธ และกลัวว่ามันจะเกลียดผม หัวเราะเยาะต่อความรู้สึกของผม
กลับมายังปัจจุบัน
ผมเดินเข้ามาในห้องน้ำปิดประตู แล้วก็เอาหลังพิงกับประตูเงียบๆ ในขณะที่เสียงฝีเท้าของ
มันเดินเข้ามาข้างใน เสียงเหมือนมันหยุดยืนอยู่หน้ากระจก เปิดก๊อกน้ำแล้วก็ทำอะไรสักอย่างของมันจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มันกดรับ
“ครับ พี่หลิน”
‘พี่หลิน’ พี่สาวคนเดียวของมัน ที่ผมได้เจอบ้างเป็นบางครั้งบางคราว แกทำงานอยู่กับแฟนที่
ต่างจังหวัด นานๆถึงจะกลับที สมัยก่อนผมกับพี่หลินสนิทกันมาก ก็เพราะพี่หลินชอบปกป้องผมจากไอ้ดินเนี่ยแหละ
จู่ๆไอ้ดินหัวเราะในลำคอ
“งั้นเหรอ”
(…)
“งั้นเหรอก็หมายความว่าไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมสักหน่อย”
(…)
“หุบปากน่า”
(…)
“ก็แล้วแต่ ถ้าไอ้เปี๊ยกนั่นอยากมาก็มา”
‘ไอ้เปี๊ยก’ นี่มันกำลังพูดถึงเรื่องผมอยู่ใช่ไหมเนี่ย!
“ผมจะไปขัดข้องอะไรได้”
(…)
“โอเค แล้วเจอกัน”
มันวางสาย ยืนอยู่หน้ากระจกอีกแปป ก็ทำท่าเหมือนจะเดินออกจากห้องน้ำไป
แต่แล้วจู่ๆเสียงโทรศัพท์มือถือผมก็ดังขึ้นพอดี … เวรเอ๊ย ผมสบธเป็นรอบที่สองของวัน มองชื่อ P’Lin บนหน้าจอ
เวลาผ่านไปจนสายเกือบตัดไป ถึงมีเสียงเคาะประตูที่หน้าห้องผม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
“คุณ จะไม่รับโทรศํพท์หน่อยเหรอ” เสียงไอ้ดิน ! เสียงไอ้ดินชัวร์ แม่งเอ้ย จะมายุ่งอะไรกับ
โทรศัพท์ของคนอื่นวะ ผมกัดริมฝีปากแน่นจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ตัดไป แล้วก็ดังขึ้นมาใหม่อีกรอบ
“นี่คุณ!”
เอาวะไอ้ต้า !
ผมเอามือปิดจมูกแล้วตอบกลับไปว่า
“อือๆ อ๋ออี้อ่อน” (อือๆ ขอขี้ก่อน)
เสียงข้างนอกเงียบไปสักพัก “เหรอ โอเค งั้นส่งโทรศัพท์มาสิเดี๋ยวผมบอกให้ปลายสายรอให้”
ไอ้เชี่ยดิน ไอ้พลเมืองดี เมิงไม่ต้องดีขนาดนี้ก็ได้! พี่หลินนี่ก็โทรจังงงง เป็นรอบที่สามแล้วท่าทางจะไม่ยอมเลิกถ้าผมไม่กดรับ เฮ้อออ ชีวิตกรู
“ไอ้เอนไอ ออบไอ อืออออออออ” (ไม่เป็นไรขอบใจ) แล้วผมก็ทำเสียงเบ่งสุดขีด
“โหคุณ …ขี้ลำบากขนาดนั้นเชียว”
เมิงจะมายุ่งอะไรกับระบบขับถ่ายกรูไม่ทราบ!
“อืออออออออออ” ผมเบ่งอีกรอบ ทำเป็นไม่สนใจความพลเมืองดีของมันที่มีต่อระบบ
ขับถ่ายของผม จนกระทั่งผมได้ยินเสียงมันหัวเราะในลำคอ แล้วก็แน่ใจว่ามันเดินออกไปแล้วถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะกดรับ
“ฮัลโหลครับ” ถ้าเสียงผมไม่รับแขกก็อย่าว่ากันนะพี่หลิน แต่พี่แม่งโทรมาได้ถูกเวลาจริงๆ
(ฮัลโหลต้า) เสียงเริงร่าเชียวครับ (โอ้ยยย คิดถึงจังเลย ได้ข่าวว่ากลับมาบ้านแล้วเหรอ)
“ข่าวไวจังเลยนะครับ ผมกลับมาได้ยังไม่ถึง24ชั่วโมงเลย”
(แหม ก็แม่พี่แกรีบโทรมาบอกทันทีเลยน่ะสิ นี่ว่าจะชวนต้าไปงานปาร์ตี้ที่บ้านดินน่ะ วันศุกร์นี้ว่างป่ะ)
“ไม่ว่างครับ”
(ตอบแบบไม่คิดเลยนะ ไม่รู้แหละ เราต้องมา พี่อยากให้เธอมา) ใครขัดใจเจ๊ได้บ้างเนี่ย?
“ก็เจ้าของงานเหมือนไม่ค่อยเต็มใจอยากจะให้ผมไปนี่ครับ”
(รู้ได้ไงว่าไม่เต็มใจ เมื่อกี้พี่พึ่งคุยกับดินเอง) ก็เพราะผมได้ยินบทสนทนานั้นกับหูตัวเองไงครับคุณพี่
“…”
(หรือที่ไม่อยากมา เพราะว่ากลัว)
“กลัวอะไรครับ ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว”
(ใช่ไหมล่ะ ตกลงว่ามาหรือเปล่าจ๊ะ)
“ผมพาเพื่อนไปด้วยได้ป่ะ”
(ตามสบายเลยจ้า)
“ครับ งั้นก็ตกลง” ผมตอบอย่างปฏิเสธไม่ได้ เราบอกลากันกดวางสายก่อนที่ผมจะหอบ
กระเป๋าโน้ตบุ๊คแนบอกเดินออกมาจากห้องน้ำ แต่ก็ชนเข้ากับแผ่นอกกว้างๆของใครบางคน ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนขวางประตูห้องน้ำแล้วก็ต้องเบิกตากว้าง
“ไอ้ดิน!” ผมถอยกลับเข้ามาในห้องน้ำก้าวหนึ่งตามสัญชาติญาณ
“มุกเด็กๆ คิดว่าฉันจะตามไม่ทันหรือไง” มันยกยิ้มที่มุมปากอย่างผู้ชนะ
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผมเห็นหน้ามันชัดๆแบบนี้ แล้วก็ไอ้สีหน้าแบบนี้ ไอ้สีหน้าที่แบบว่าทำให้คันไม้คันมืออยากต่อยปากคนน่ะ!
“มุกอะไร” ผมถามหน้าตาย มันก้าวตามผมเข้ามาในห้องน้ำ ผมถอยกลับในห้องแคบๆ มัน
กดล็อคกลอนประตู นี่มันจะแกล้งอะไรผมอีกวะ? จับหัวผมมุดส้วม? เอาหัวผมโขกกับอะไรสักอย่าง แบบที่มันชอบทำ ทำไมผมไม่เคยเอาคืนมันกลับได้บ้างเลยวะ ตอนมัธยมผมแค่คิดว่ามันอายุมากกว่าผม มันก็เลยตัวใหญ่มากกว่าผม แต่พอมาถึงตอนนี้ ตอนที่เราทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้ใหญ่เหมือนกัน ผมก็ยังคงตัวเล็กกว่ามันอยู่ดี
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร ฉันรู้ว่านายนั่งอยู่โต๊ะถัดไปตั้งแต่เข้ามาในร้านแล้ว”
ผมหลับตา หายใจเข้าออกอย่างช้าๆ … ไอ้เวรนี่
“แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกวะ?” ผมโพล่งไปอย่างเหลืออด
“แล้วหนีหน้าฉันทำไม” ถ้าหากว่าก่อนหน้านี้ผมไม่รู้ว่าหน้าเราไกล้กันแค่ไหน … ตอนนี้ผมรู้
แล้วครับ นอกจากมันจะบล็อคทางออกของผมไว้แล้ว มันยังยื่นหน้าเข้ามาไกล้เชี่ยๆ ไกล้จนผมสัมผัสได้ว่ามันง่ายแค่ไหน ถ้าหากผมจะยื่นหน้าเข้าไปแล้วก็ทาบริมฝีปากไปบนริมฝีปากของมัน ง่ายแค่ไหนถ้าหากผมจะคว้าใบหน้าของมันเข้ามาจนจมูกเราชิดกัน
ตอนแรกผมก็ไม่รู้จะตอบคำถามของมันว่ายังไง แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว ว่าเพราะผมโหยหาสัมผัส
นั้นไง ผมถึงได้หนีหน้ามันแบบนี้ เพราะผมไม่อยากให้มันรู้ว่าผมอยากจะทำอะไรกับมัน หรืออยากให้มันทำอะไรกับผมบ้าง อะไรสักอย่างที่ว่า ที่มีแค่ผมกับมันแล้วก็ ‘เตียง’
เวรเอ๊ย … ผมสบธกับตัวเองอีกครั้ง สาบานเลยว่าไม่เคยสบธบ่อยขนาดนี้มาก่อนเลยถ้า
ไม่ได้เจอมัน
“ว่าไง หลบหน้าฉันทำไม”
แล้วผมควรจะตอบมันว่ายังไงดีครับ ควรจะอธิบายไอ้ความรู้สึกนี้ว่ายังไง?
“ไม่ได้หลบ ทีนี้ก็ช่วยขยับตัวออกไปด้วย ผมจะได้ออกไปข้างนอกซักที มันอึดอัด”
มันเลิกคิ้ว ไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหนถ้าเพื่อนมันไม่ตามเข้ามาเรียกเสียก่อนน่ะนะ
“ดิน เข้าห้องน้ำนานไปป่าววะ เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย” เสียงคนที่ชื่อว่ากอนถาม ไอ้ดินมอง
หน้าผมเป็นครั้งสุดท้ายราวกับว่ามันยังไม่อยากจะปล่อยผมไป อยากจะซํกไซ้ต่อแต่ก็ถอนใจมาปลดล็อคกอนประตูแล้วก็เดินออกมาก่อน
กอนมองไอ้ดินกับผมที่เดินตามออกมาช้าๆสลับกันไปกันมา ก่อนจะเกาท้ายทอยแก้เก้อ
“เอ่อ โทษทีถ้ามาขัดจังหวะ พวกเรานึกว่านายหมดสติหรือเป็นอะไรสักอย่างในห้องน้ำ
ฉันเลยมาตามน่ะ”
“ดีมากนายเป็นเพื่อนที่ดีมาก ไอ้พี่ดินมันยิ่งซุ่มซ่ามอยู่ สะดุดขาตัวเองตกส้วมไปแล้วจะยุ่ง”
ผมพูดหน้าตายพลางชี้นิ้วโป้งไปยังคนตัวสูงข้างๆที่หันมาทำหน้าเหมือนจะกินหัวผมอยู่เร็วๆนี้
“555” ไอ้กอนขำหน้าแดง
“ถ้าเอนเตอร์เทนกันแล้ว งั้นก็ขอตัวก่อนนะ” ผมพูดก่อนจะจ้ำท้าวหนี แต่ไอ้ดินก็ดึงแขนผม
เอาไว้ก่อน นิ้วชี้ยกขึ้นมาจนเกือบจะทิ่มหน้าผาก “อย่าคิดว่าจะหนีง่ายๆนะ”
“หนีอะไร ผมจะกลับบ้าน” ครั้งนี้ผมสะบัดแขนหลุดจากเอื้อมมือมันได้สำเร็จ ผมจ้ำออกมา
อย่างไม่คิดหน้าคิดหลังโดยมีเสียงมันตะโกนตามหลังมาติดๆ
“คราวหน้าหนีไม่รอดแน่ ได้ยินมั้ยไอ้เปี๊ยก!”
ความคิดเห็น