ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    NOTMUCH

    ลำดับตอนที่ #1 : [BIGGEST LIE] โกหกครั้งที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 27 ต.ค. 57


    บทที่ ๑

     

    ผมนั่งอยู่ในร้านกาเเฟชื่อดังเเห่งหนึ่งใจกลางเมืองถือเเก้วช็อคโกเเลตปั่นขึ้นดื่มในขณะที่ใครบางคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอเข้า ย่างเท้าเข้ามาในร้านกับเพื่อนร่างสูงใหญ่อีกสองสามคน บรรลัยเเล้วไหมล่ะ? ผมคิดขณะเดียวกันก็ขยับตัวลีบชิดผนังมากขึ้นไปอีก หลังจากสั่งกาเเฟเสร็จพวกนั้นก็มานั่งอยู่โต๊ะถัดไป จากผม มีเพียงเเค่ผนังบางๆที่กั้นไม่ให้พวกนั้นเห็นว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้ คนพวกนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรกับผมนักหนา ก็เเค่หนึ่งในนั้นเป็นศัตรูกับผมตั้งเเต่เล็กจนโตก็เท่านั้นเอง

     

    ดินชื่อที่ผมไม่อาจจะลืมลง

     

    มันอยู่บ้านติดกับผม พ่อกับเเม่ของเรากำลังคบหาดูใจกัน

    (ถึงสองคนนั้นจะไม่ได้บอกเราตรงๆก็เถอะ) เพราะอย่างนั้น ไอ้ดินถึงได้ถูกเชิญเข้ามาเล่นในบ้านผมอยู่

    บ่อยๆ ครั้งเเรกที่มันมา มันก็ได้รับสิทธิพิเศษ(เเม่ชวนมัน)มาเล่นเกมส์ ที่ผมพึ่งซื้อมาใหม่ๆเเกะกล่อง(ตั้งเเต่นั้นมาผมก็เริ่มเกลียดมันเลยทันที) เเต่ไอ้ต้าเสียอย่าง เเชมป์เกมเมอร์ตลอดกาลอย่างผมน่ะเหรอจะเเพ้ง่ายๆ ผมเตะตูดมันในเกมส์จนตายอย่างราบคาบไม่รู้ กี่รอบต่อกี่รอบ เเละคงเพราะทนความพ่ายเเพ้(หรืออะไรก็ไม่ทราบ)ไม่ได้ มันก็เลยขว้างคอนโทรลอันใหม่เอี่ยมของผมเข้าฝา เเล้วก็หันมาทุ่มผมลงเตียงด้วยเเรงสุดควาย เอาผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าผมก่อนจะตดอัดใส่เอาไว้

     

     

    หลังจากนั้นเหรอ

    สงครามจึงเริ่มต้นขึ้น

     

    “เออ วันศุกร์ป้าตี้ที่บ้านนาย ฉันคิดว่าจะพาเเฟนไปเปิดตัวว่ะดิน” ไอ้คนหัวหยองๆ

    ท่าทางติสท์ๆที่ถูกเรียกว่ากอน พูดขึ้น

    “แหม กว่าจะเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาได้นะยะ ปอดแหกอยู่ตั้งนาน” ผู้หญิงผมบลอนด์ที่ชื่อ เอมมี่

    ท่าทางเปรี้ยวจี๊ดที่นั่งข้างๆไอ้ดินพูดขึ้นพลางเคี้ยวหมากฝรั่งไปด้วย

    “พวกนายรู้แล้วเหรอ” กอนถามเสียงช็อค

    “นายไม่ได้เก็บอารมณ์เก่งขนาดนั้น พักหลังๆมานี่ยิ่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่หน้าจอทีวีที่ไม่ได้

    เปิดอยู่คนเดียว คิดว่าคนอื่นจะไม่รู้เหรอ” บอย ที่ท่าทางอวบกว่าคนอื่นๆแต่ดูน่ากลัวมากในสายตาผมพูดขึ้นด้วยเสียงอบอุ่นที่โครตจะตัดกับรูปร่างหน้าตาภายนอกโครตๆ

    “ไม่ใช่แค่รู้ว่านายกำลังคุยกับใครอยู่ แต่รู้ด้วยว่าคนๆนั้นคือใคร”

    “ดิน บอกมาดิว่าสองคนนี้ล้อเล่น”

    “หึ” แค่เสียงหัวเราะในลำคอก็บ่งบอกได้มากแล้วว่ามันรู้ชัวร์ ไอ้ดินนี่พูดน้อยยังไงก็พูดน้อย

    อย่างนั้นนะครับ ผมล่ะไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะมีเพื่อนมีฝูงกับเขาด้วยเหมือนกัน แบบว่าผมพึ่งกลับบ้านเป็นครั้งแรกหลังจากเรียนวิศวะคอมจบ กลับมาได้ไม่ถึง24 ชั่วโมง ผมต้องมาเจอมันแล้วเหรอเนี่ย? ได้ยินข่าวว่ามันย้ายออกจากบ้านไปอยู่ตัวคนเดียวแล้ว เพราะงั้นผมก็ไม่ต้องห่วงว่าจะต้องเจอหน้ามันเมื่อกลับบ้านไป(บ้านเราเคยอยู่ติดกันน่ะครับ)

    เมื่อพอใจกับการแอบฟังปุ๊บ ผมก็ยกกระเป๋าโน้ตบุ๊คขึ้นปิดหน้า ลุกขึ้นจากโต๊ะพยายามจะ

    หนีออกมาเพื่อเดินไปยังประตูร้าน แต่ติดที่จู่ๆไอ้เวรดินที่เคยนั่งหันหลังให้ผมก็ลุกขึ้นยืนกระทันหันผมจึงหันหลังกลับแล้วเดินไปทิศตรงข้ามซึ่งเป็นห้องน้ำลูกค้า โดยมีเสียงฝีเท้าของมันตามหลังมาเรื่อยๆ

     

    เวรเอ๊ยผมขมุบขมิบปากสาปแช่งอะไรสักอย่างเงียบๆ

    ไม่ใช่ว่าผมกลัวการผเชิญหน้ากับมันหรืออะไรหรอกนะ เพียงแต่มันกระทันหันเกินไป

     

    “เป็นเพราะแกแอบชอบพี่เขาน่ะซี” ไอ้เกด เพื่อนสมัยมัธยมเคยล้อผมเอาไว้ว่าอย่างนั้น

    เกดเป็นสาวสวยมั่นและเป็นป็อปปี้เลิฟของผม จนกระทั่งผมมาเจอไอ้เวรดินเนี่ยแหละ ไม่รู้ว่าผมไปชอบมันได้ยังไง นิสัยก็เชี่ย มีความสุขกับการได้แกล้งคนอื่นอีก หลังจากรู้ตัวว่าชอบมันแล้วจริงๆผมก็พยายามจะตัดใจแล้วนะ ผมถึงได้ไปเรียนต่อที่อื่น ที่ๆผมจะได้ไม่ต้องเจอกับมันไง

     

    ปัญหาของผมไม่ใช่เพียงเพราะผมกับมันต่างก็เป็นผู้ชายทั้งคู่หรอกนะครับ

    แต่ 1.คนอย่างมันไม่คบหากับคนอย่างผม (มันเป็นพวกหน้าตาดีเชี่ยๆ หุ่นเหมือนนายแบบกางเกงใน คบแต่กับพวกนางแบบหรืออะไรทำนองนั้น) ((แล้วผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันชอบผู้ชายหรือเปล่า))

    2.พ่อแม่เรากำลังจะแต่งงานกัน นั่นหมายความว่าเราก็กำลังจะเป็นพี่น้องกันด้วย มันจะดูแย่แค่ไหนถ้าเราสองคนก็คบกันเองด้วย

    3.ผมขี้ขลาดเอง ผมหาเหตุผลต่างๆนาๆมากมายว่าทำไมผมกับมันถึงคบกันไม่ได้ แต่ความจริงแล้วผมแค่กลัวการถูกปฏิเสธ และกลัวว่ามันจะเกลียดผม หัวเราะเยาะต่อความรู้สึกของผม

     

    กลับมายังปัจจุบัน

     

    ผมเดินเข้ามาในห้องน้ำปิดประตู แล้วก็เอาหลังพิงกับประตูเงียบๆ ในขณะที่เสียงฝีเท้าของ

    มันเดินเข้ามาข้างใน เสียงเหมือนมันหยุดยืนอยู่หน้ากระจก เปิดก๊อกน้ำแล้วก็ทำอะไรสักอย่างของมันจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มันกดรับ

    “ครับ พี่หลิน”

    พี่หลินพี่สาวคนเดียวของมัน ที่ผมได้เจอบ้างเป็นบางครั้งบางคราว แกทำงานอยู่กับแฟนที่

    ต่างจังหวัด นานๆถึงจะกลับที สมัยก่อนผมกับพี่หลินสนิทกันมาก ก็เพราะพี่หลินชอบปกป้องผมจากไอ้ดินเนี่ยแหละ

    จู่ๆไอ้ดินหัวเราะในลำคอ

    “งั้นเหรอ”

    ()

    “งั้นเหรอก็หมายความว่าไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมสักหน่อย”

    ()

    “หุบปากน่า”

    ()

    “ก็แล้วแต่ ถ้าไอ้เปี๊ยกนั่นอยากมาก็มา”

    ไอ้เปี๊ยกนี่มันกำลังพูดถึงเรื่องผมอยู่ใช่ไหมเนี่ย!

    ผมจะไปขัดข้องอะไรได้”

    ()

    “โอเค แล้วเจอกัน”

    มันวางสาย ยืนอยู่หน้ากระจกอีกแปป ก็ทำท่าเหมือนจะเดินออกจากห้องน้ำไป

    แต่แล้วจู่ๆเสียงโทรศัพท์มือถือผมก็ดังขึ้นพอดี เวรเอ๊ย ผมสบธเป็นรอบที่สองของวัน มองชื่อ P’Lin บนหน้าจอ

    เวลาผ่านไปจนสายเกือบตัดไป ถึงมีเสียงเคาะประตูที่หน้าห้องผม

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

    “คุณ จะไม่รับโทรศํพท์หน่อยเหรอ” เสียงไอ้ดิน ! เสียงไอ้ดินชัวร์ แม่งเอ้ย จะมายุ่งอะไรกับ

    โทรศัพท์ของคนอื่นวะ ผมกัดริมฝีปากแน่นจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ตัดไป แล้วก็ดังขึ้นมาใหม่อีกรอบ

    “นี่คุณ!

     

    เอาวะไอ้ต้า !

     

    ผมเอามือปิดจมูกแล้วตอบกลับไปว่า

    “อือๆ อ๋ออี้อ่อน” (อือๆ ขอขี้ก่อน)

     

    เสียงข้างนอกเงียบไปสักพัก “เหรอ โอเค งั้นส่งโทรศัพท์มาสิเดี๋ยวผมบอกให้ปลายสายรอให้”

    ไอ้เชี่ยดิน ไอ้พลเมืองดี เมิงไม่ต้องดีขนาดนี้ก็ได้! พี่หลินนี่ก็โทรจังงงง เป็นรอบที่สามแล้วท่าทางจะไม่ยอมเลิกถ้าผมไม่กดรับ เฮ้อออ ชีวิตกรู

     

    “ไอ้เอนไอ ออบไอ อืออออออออ” (ไม่เป็นไรขอบใจ) แล้วผมก็ทำเสียงเบ่งสุดขีด

     

    “โหคุณ ขี้ลำบากขนาดนั้นเชียว

     

    เมิงจะมายุ่งอะไรกับระบบขับถ่ายกรูไม่ทราบ!

     

    “อืออออออออออ” ผมเบ่งอีกรอบ ทำเป็นไม่สนใจความพลเมืองดีของมันที่มีต่อระบบ

    ขับถ่ายของผม จนกระทั่งผมได้ยินเสียงมันหัวเราะในลำคอ แล้วก็แน่ใจว่ามันเดินออกไปแล้วถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะกดรับ

     

    “ฮัลโหลครับ” ถ้าเสียงผมไม่รับแขกก็อย่าว่ากันนะพี่หลิน แต่พี่แม่งโทรมาได้ถูกเวลาจริงๆ

    (ฮัลโหลต้า) เสียงเริงร่าเชียวครับ (โอ้ยยย คิดถึงจังเลย ได้ข่าวว่ากลับมาบ้านแล้วเหรอ)

     

    “ข่าวไวจังเลยนะครับ ผมกลับมาได้ยังไม่ถึง24ชั่วโมงเลย”

    (แหม ก็แม่พี่แกรีบโทรมาบอกทันทีเลยน่ะสิ นี่ว่าจะชวนต้าไปงานปาร์ตี้ที่บ้านดินน่ะ วันศุกร์นี้ว่างป่ะ)

    “ไม่ว่างครับ”

    (ตอบแบบไม่คิดเลยนะ ไม่รู้แหละ เราต้องมา พี่อยากให้เธอมา) ใครขัดใจเจ๊ได้บ้างเนี่ย?

    “ก็เจ้าของงานเหมือนไม่ค่อยเต็มใจอยากจะให้ผมไปนี่ครับ”

    (รู้ได้ไงว่าไม่เต็มใจ เมื่อกี้พี่พึ่งคุยกับดินเอง) ก็เพราะผมได้ยินบทสนทนานั้นกับหูตัวเองไงครับคุณพี่

    (หรือที่ไม่อยากมา เพราะว่ากลัว)

    “กลัวอะไรครับ ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว”

    (ใช่ไหมล่ะ ตกลงว่ามาหรือเปล่าจ๊ะ)

    “ผมพาเพื่อนไปด้วยได้ป่ะ”

    (ตามสบายเลยจ้า)

    “ครับ งั้นก็ตกลง” ผมตอบอย่างปฏิเสธไม่ได้ เราบอกลากันกดวางสายก่อนที่ผมจะหอบ

    กระเป๋าโน้ตบุ๊คแนบอกเดินออกมาจากห้องน้ำ แต่ก็ชนเข้ากับแผ่นอกกว้างๆของใครบางคน ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนขวางประตูห้องน้ำแล้วก็ต้องเบิกตากว้าง

    “ไอ้ดิน! ผมถอยกลับเข้ามาในห้องน้ำก้าวหนึ่งตามสัญชาติญาณ

    “มุกเด็กๆ คิดว่าฉันจะตามไม่ทันหรือไง” มันยกยิ้มที่มุมปากอย่างผู้ชนะ

    เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผมเห็นหน้ามันชัดๆแบบนี้ แล้วก็ไอ้สีหน้าแบบนี้ ไอ้สีหน้าที่แบบว่าทำให้คันไม้คันมืออยากต่อยปากคนน่ะ!

     

    “มุกอะไร” ผมถามหน้าตาย มันก้าวตามผมเข้ามาในห้องน้ำ ผมถอยกลับในห้องแคบๆ มัน

    กดล็อคกลอนประตู นี่มันจะแกล้งอะไรผมอีกวะ? จับหัวผมมุดส้วม? เอาหัวผมโขกกับอะไรสักอย่าง แบบที่มันชอบทำ ทำไมผมไม่เคยเอาคืนมันกลับได้บ้างเลยวะ ตอนมัธยมผมแค่คิดว่ามันอายุมากกว่าผม มันก็เลยตัวใหญ่มากกว่าผม แต่พอมาถึงตอนนี้ ตอนที่เราทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้ใหญ่เหมือนกัน ผมก็ยังคงตัวเล็กกว่ามันอยู่ดี

    “อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร ฉันรู้ว่านายนั่งอยู่โต๊ะถัดไปตั้งแต่เข้ามาในร้านแล้ว”

    ผมหลับตา หายใจเข้าออกอย่างช้าๆ ไอ้เวรนี่ 

    “แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกวะ? ผมโพล่งไปอย่างเหลืออด

    “แล้วหนีหน้าฉันทำไม” ถ้าหากว่าก่อนหน้านี้ผมไม่รู้ว่าหน้าเราไกล้กันแค่ไหน ตอนนี้ผมรู้

    แล้วครับ นอกจากมันจะบล็อคทางออกของผมไว้แล้ว มันยังยื่นหน้าเข้ามาไกล้เชี่ยๆ ไกล้จนผมสัมผัสได้ว่ามันง่ายแค่ไหน ถ้าหากผมจะยื่นหน้าเข้าไปแล้วก็ทาบริมฝีปากไปบนริมฝีปากของมัน ง่ายแค่ไหนถ้าหากผมจะคว้าใบหน้าของมันเข้ามาจนจมูกเราชิดกัน

    ตอนแรกผมก็ไม่รู้จะตอบคำถามของมันว่ายังไง แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว ว่าเพราะผมโหยหาสัมผัส

    นั้นไง ผมถึงได้หนีหน้ามันแบบนี้ เพราะผมไม่อยากให้มันรู้ว่าผมอยากจะทำอะไรกับมัน หรืออยากให้มันทำอะไรกับผมบ้าง อะไรสักอย่างที่ว่า ที่มีแค่ผมกับมันแล้วก็เตียง

    เวรเอ๊ย ผมสบธกับตัวเองอีกครั้ง สาบานเลยว่าไม่เคยสบธบ่อยขนาดนี้มาก่อนเลยถ้า

    ไม่ได้เจอมัน

    “ว่าไง หลบหน้าฉันทำไม”

    แล้วผมควรจะตอบมันว่ายังไงดีครับ ควรจะอธิบายไอ้ความรู้สึกนี้ว่ายังไง?

    “ไม่ได้หลบ ทีนี้ก็ช่วยขยับตัวออกไปด้วย ผมจะได้ออกไปข้างนอกซักที มันอึดอัด”

    มันเลิกคิ้ว ไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหนถ้าเพื่อนมันไม่ตามเข้ามาเรียกเสียก่อนน่ะนะ

    “ดิน เข้าห้องน้ำนานไปป่าววะ เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย” เสียงคนที่ชื่อว่ากอนถาม ไอ้ดินมอง

    หน้าผมเป็นครั้งสุดท้ายราวกับว่ามันยังไม่อยากจะปล่อยผมไป อยากจะซํกไซ้ต่อแต่ก็ถอนใจมาปลดล็อคกอนประตูแล้วก็เดินออกมาก่อน

    กอนมองไอ้ดินกับผมที่เดินตามออกมาช้าๆสลับกันไปกันมา ก่อนจะเกาท้ายทอยแก้เก้อ

    “เอ่อ โทษทีถ้ามาขัดจังหวะ พวกเรานึกว่านายหมดสติหรือเป็นอะไรสักอย่างในห้องน้ำ

    ฉันเลยมาตามน่ะ”

    “ดีมากนายเป็นเพื่อนที่ดีมาก ไอ้พี่ดินมันยิ่งซุ่มซ่ามอยู่ สะดุดขาตัวเองตกส้วมไปแล้วจะยุ่ง”

    ผมพูดหน้าตายพลางชี้นิ้วโป้งไปยังคนตัวสูงข้างๆที่หันมาทำหน้าเหมือนจะกินหัวผมอยู่เร็วๆนี้

    555” ไอ้กอนขำหน้าแดง

    “ถ้าเอนเตอร์เทนกันแล้ว งั้นก็ขอตัวก่อนนะ” ผมพูดก่อนจะจ้ำท้าวหนี แต่ไอ้ดินก็ดึงแขนผม

    เอาไว้ก่อน นิ้วชี้ยกขึ้นมาจนเกือบจะทิ่มหน้าผาก “อย่าคิดว่าจะหนีง่ายๆนะ”

    “หนีอะไร ผมจะกลับบ้าน” ครั้งนี้ผมสะบัดแขนหลุดจากเอื้อมมือมันได้สำเร็จ ผมจ้ำออกมา

    อย่างไม่คิดหน้าคิดหลังโดยมีเสียงมันตะโกนตามหลังมาติดๆ

     

    “คราวหน้าหนีไม่รอดแน่ ได้ยินมั้ยไอ้เปี๊ยก!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×