ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปีก...รัก yuri

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ย. 56


        หญิงสาวตัวสูงเข้าครัวไปสะกิดแขนคนที่กำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมอาหารเย็นนี้
        “มีอะไรค่อยว่ากันแม่วุ่นอยู่”
        ช่างเป็นคำตอบกับการกระทำที่ไร้เยื่อใยจริงๆเพราะดูมารดาจะให้ความสนใจกับเครื่องครัวตรงหน้ามากกว่าลูกสาวตัวเป็นๆอย่างเธอ
        “แม่จ๋าสนใจกานต์หน่อย”
        รวิกานต์พูดขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปกอดมารดาจากด้านหลังแต่กลับถูกตีที่แขนให้ต้องเด้งตัวออกอย่างเร็ว
        “แม่อะใจร้าย”
        “ถ้าแม่ใจร้ายก็ไม่มีคนใจดีบนโลกนี้แล้วล่ะ”
        “ชมตัวเองก็เป็นด้วย”
        ศศิวิมลฟาดมือลงไปที่แขนคนพูดมากอีกครั้ง
        “มีอะไรรีบพูดแม่ต้องทำกับข้าวอีก”
        “กานต์แค่จะมาบอกว่าเย็นนี้แม่ไม่ต้องเหนื่อยแล้วเดี๋ยวมีคนเสนอตัวมาทำกับข้าวให้”
        “ใครกัน”
        รวิกานต์ไม่ตอบแต่ชี้ไปยังประตูที่บัดนี้มีหญิงสาวตัวเล็กยืนยิ้มอย่างอายๆอยู่
        “สวัสดีค่ะคุณป้า”
        “หนูดาว”
        ศศิวิมลมองหน้าคนพูดกับคนเสนอตัวไปมาอย่างสงสัยแต่ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้คนต้นคิดจึงรีบเดินเข้ามาจับแขนมารดาเอาไว้ก่อนจะหาคำพูดแก้ตัว
        “พี่ดาวเค้าได้สูตรอาหารพิเศษมาน่ะค่ะกานต์เลยเสนอให้มาทำที่บ้านเราเพราะที่บ้านพี่ดาวไม่มีใครจะมาเป็นหนูทดลองให้”
        คนพูดหัวเราะออกมาพร้อมกับหันไปยักคิ้วให้กับคนที่เธอพาดพิงถึง
        “พูดแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะลูกพี่เค้าอุตสาห์มาทำของอร่อยให้ทาน”
        “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณป้ากานต์ยังเด็กเลยอาจจะแยกเรื่องเล่นกับเรื่องจริงไม่ออก”
        ละอองดาวเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินไปคว้าแขนเด็กพูดมากให้มายืนข้างเธอ
        “งั้นป้าฝากด้วยนะจ๊ะมีไรก็ให้ตัวแสบช่วยละกัน”
        พูดจบศศิวิมลก็เดินออกจากครัวทันทีโดยปล่อยให้เด็กๆได้ทำกันเองน่าจะสะดวกกว่าที่เธอจะมายืนเกะกะด้วย
        “เอาล่ะทำไมต้องลากฉันมาทำกับข้าวด้วย”
        ละอองดาวเปิดฉากทันทีเมื่ออยู่เพียงลำพังเพราะเท่าที่จำได้เธอบอกให้อีกคนมารับเธอทานข้าวไม่ได้มีข้อความอะไรเลยที่บ่งบอกว่าเธอจะเป็นคนทำอาหาร
        “ก็…คุณจะได้แสดงฝีมือไงมันคือการสร้างความประทับใจอีกอย่างหนึ่ง”
        “เดี๋ยวนี้เค้าไปซื้อแล้วมาอุ่นเอาแป๊บเดียวก็ได้กิน”
        “แต่มันไม่อร่อยเท่าทำเอง”
        คนตัวเล็กเดินดูรอบๆครัวก่อนจะหันมามองคนพูด
        “นี่อยากกินเองหรือเปล่า”
        “คนกำลังช่วยอยู่นะไม่ทำก็แล้วแต่”
        รวิกานต์พูดออกมาพร้อมกับทำท่าจะเดินออกจากห้องครัวไปแต่ก็ถูกคนตัวเล็กจับแขนไว้
        “จับทำไมไม่ทำก็ออกมาสิ”
        “หัวก็ไม่ล้านใจน้อยไปได้มาๆทำอะไรดี”
        ละอองดาวดึงคนตัวโตกลับเข้ามาก่อนจะเริ่มลงมือทำเมนูที่อีกคนบอกว่าเป็นของโปรดของภาสกรว่าแต่เธอก็เพิ่งรู้ว่าชายหนุ่มชอบอาหารคล้ายๆเธอนี่แหละที่เขาว่ากันว่าคนเป็นเนื้อคู่กันมักชอบอะไรคล้ายๆกัน
        “นี่ๆเหม่ออยู่นั่นแหละแพนงไหม้หมดแล้ว”
        คนพูดรีบยกกระทะขึ้นก่อนที่อาหารข้างในจะไหม้ไปมากกว่านี้
        “ดูดิจะกินได้มั้ยเนื่ย”
        “อย่าเรื่องมากเดี่ยวตักอันที่ไหม้ทิ้งก็หมดเรื่องบ่นอย่างกับฉันฆ่าใครตาย”
        “ทำผิดแล้วยังจะมาว่าคนอื่นอีก”
        “ถ้าไม่เลิกพูดฉันจะเอาเศษที่ไหม้ยัดปากเธอ”
        เป็นคำขู่ที่ได้ผลเพราะสามารถทำให้คนที่ยืนบ่นอยู่เงียบไปได้
        “ต่อไปอะไร”
        เงียบไร้เสียงตอบจากคนข้างๆ
        “ฉันถามว่าต่อไปอะไร”
        ละอองดาวหันมาหาคนข้างๆที่เอาแต่เงียบไม่พูดอะไรออกมาทั้งๆที่เธอถามเสียงออกดัง
        “รวิกานต์!หูตึงหรือไง”
        คราวนี้คนถามตะโกนใส่หูอีกคนอย่างดังทำเอารวิกานต์กระโดดถอยหลังอย่างเร็ว
        “คราวนี้ได้ยินหรือยัง”
        “หูจะแตกอยู่แล้ว”
        “ถามดีๆไม่ตอบนิ”
        “ก็ให้เงียบไม่ใช่เหรอ”
        “อยากโดนใช่มั้ย”
        ละอองดาวทำท่าจะทุ่มหม้อใส่คนกวนจนรวิกานต์ต้องรีบเดินมาจับมือคนใจร้อนเอาไว้
        “ไม่กล้าแล้วค่ะ”
        “ถ้ามีอีกรอบฉันจะจับเธอยัดหม้อแน่”
        “ไม่มีแน่นอนค่ะ”
        “ดีงั้นเริ่มทำเมนูอื่นได้แล้ว”
        จากนั้นทั้งสองสาวก็ช่วยกันทำอาหารด้วยความทุลักทุเลอาจเพราะครัวที่ไม่คุ้นเคยหรือคนบางคนที่คอยก่อกวนจนละอองดาวไม่เป็นอันทำกับข้าวเพราะคอยแต่จะจัดการตัวแสบให้ได้หงอและในที่สุดอาหารที่แสนจะพิเศษของละอองดาวก็สำเร็จออกมาเป็นรูปร่างซะที
        “ทำอาหารนี่ก็เหนื่อยเหมือนกันเนาะ”
        คนตัวสูงบ่นออกมาเมื่อจัดการตัดอาหารอย่างสุดท้ายลงจาน
        “มันไม่เหนื่อยหรอกถ้าเธอจะช่วยฉันมากกว่านี่”
        “ขนาดนี่ไม่เรียกว่าช่วยอีกเหรอ”
        “เรียกว่าก่อกวนมากกว่า”
        “นี่!ใช่ซิ๊เราหมดประโยชน์แล้วนิ”
        รวิกานต์ทำเสียงสูงพร้อมกับทำหน้าบูดออกมาอย่างเหลืออด
        “เป็นบ้าอะไรของเธอ”
        คนถูกว่าทำตาโตเมื่อไม่ได้รับการง้ออย่างที่ตัวเองต้องการ
        “คุณนี่มัน…”
        “ฉันทำไม”
        คนตัวสูงโบกมือแทนคำตอบก่อนจะเดินไปยกอาหารเพื่อไปวางที่โต๊ะ
        “ทำเป็นใจน้อยไปได้”
        ละอองดาวเดินเข้าไปใกล้อีกคนก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดผมที่หน้าผากคนตัวสูง
        “ทำอะไร”
        “ก็จะดูว่าหัวเธอล้านหรือเปล่า”
        “จะบ้าเหรอต้นตระกูลฉันไม่มีใครล้านนะขอบอก”
        “ยืนยันขนาดนั้นเลยเหรอ”
        คนพูดหัวเราะออกมาน้อยๆแต่ยังไม่ยอมเอามือออกจากผมของอีกคน
        “ไม่เชื่อเหรองั้นดู”
        รวิกานต์พูดพร้อมกับก้มลงให้คนตัวเล็กได้เห็นแบบเต็มๆตา
        “เป็นไงชัดมั้ย”
        “ชัดเต็มตาเลย”
        “เห็นมั้ยล่ะบอกแล้ว”
        “เห็น…อีกไม่เกิน2ปีเธอคงเป็นคนแรกของตระกูลที่จะต้องใช้น้ำยาปลูกผม”
        พูดจบละอองดาวก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างสะใจก่อนจะเดินไปเตรียมจานข้าวต่อและไม่ทันได้ตั้งตัวเมื่อคนถูกว่าเดินเข้าไปดึงคนตัวเล็กให้หันกลับมาแต่ด้วยแรงปะทะที่แรงเกินไปทำให้ทั้งสองสาวเซจนล้มลงไปกองกับพื้น
        ละอองดาวเงยหน้าขึ้นก่อนจะพบว่าตัวเองกำลังทับคนตัวสูงอยู่ทั้งตัวมิน่าเธอถึงไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย
        “ลุกได้แล้วแม่คุ๊ณ!”
        รวิกานต์พูดขึ้นเมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองถูกทับอยู่เป็นเวลานานแล้ว
        “ไม่ลุกเธอเป็นคนดึงฉันมาเองนี่นา…อีกอย่างกำลังสบายเลย”
        “นี่…ฉันไม่ใช่ที่นอนนะ”
        “แต่ฉันว่ามันนุ่มกว่าที่นอนอีกนะสบายดีจัง”
        คนตัวเล็กเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มก่อนที่เอื้อมมือไปล็อคคอคนที่เธอทับอยู่เอาไว้
        “ถ้ากล้าทำกับฉันอย่างตะกี้อีกล่ะก็เธอเจอดีแน่!”
        รวิกานต์พยักหน้าเข้าใจก่อนสายตาจะหันไปเห็นใครบางคนหน้าประตู
        “พี่กร”
        “เอ่อ…พี่ว่าจะมาช่วยแต่เดี๋ยวไปเตรียมโต๊ะดีกว่านะ”
        ละออกดาวรีบเด้งตัวขึ้นแต่พอหันหลังไปที่ประตูก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่เธอตั้งใจมาทำกับข้าวให้ทาน…หญิงสาวหันไปทำตาดุใส่คนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องก่อนจะรีบมายกจานอาหารไปวางที่โต๊ะอย่างอารมณ์เสีย

        และแล้วอาหารมื้อเย็นก็จัดเตรียมเสร็จเรียบร้อยทุกเมนูได้รับการตอบรับจากคนบนโต๊ะเป็นอย่างดีจนคนทำรู้สึกอิ่มยิ่งกว่ากินข้าวซะอีก
        “ฝีมือหนูดาวอร่อยมากเลยนะจ๊ะ”
        “ขอบคุณค่ะคุณป้าทานได้ดาวก็ดีใจแล้วค่ะ”
        “เป็นแม่บ้านแม่เรือนขนาดนี้ใครได้เป็นแฟนหนูต้องโชคดีมากแน่ๆ”
        รวิกานต์เบะปากเมื่อได้ยินบิดาพูดประโยคแบบนั้นออกมาใครเลยจะเห็นท่าแท้ยัยพริกขี้หนูนี่เท่าเธอ…
        “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะคุณลุงอีกอย่างเนื้อคู่ดาวคงยังไม่เกิดเลยหาไม่เจอซักที”
        คนพูดแอบชำเลืองมองไปยังชายหนุ่มที่ทำหน้านิ่งมาตั้งแต่เริ่มกินข้าวไม่รู้ว่าภาสกรมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าถึงได้ทำหน้าตาไม่รับแขกแบบนั้น
        “จริงสิไม่อยากจะเชื่อ”
        “นั่นสิจ๊ะป้าว่าอย่างหนูดาวน่าจะมีเป็นโหลมากกว่า”
        “เรื่องจริงเลยค่ะคนเดียวยังไม่มี”
        ละอองดาวเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มอันที่จริงก็ใช่ว่าจะไม่มีใครมาขายขนมจีบให้แต่เพราะเธอไม่คิดจะสนใจต่างหากคนพวกนั้นจึงไม่มีช่องว่างที่จะแทรกเข้ามาใกล้
        “วันนี้อาหารอร่อยมากเลยนะครับ”
        อยู่ๆชายหนุ่มที่นั่งเงียบก็พูดออกมาละอองดาวยิ้มรับคำชมนั้นด้วยหัวใจที่พองโต
        “ไม่ยักกะรู้ว่าคุณดาวทำอาหารอร่อยขนาดนี้”
        “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะแต่ถ้าคุณกรชอบดาวมาทำให้ทานบ่อยๆก็ได้นะคะ”
        ภาสกรยิ้มรับกับประโยคที่ได้ยินก่อนจะหันไปมองหน้าน้องสาวแต่เพียงครู่เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าหญิงสาวตัวเล็กต่อ
        “แต่คนที่ถูกใจที่สุดหน้าจะเป็นกานต์นะครับ”
        ละอองดาวทำหน้าสงสัยกับประโยคที่ได้ยินก่อนจะหันไปมองหน้าคนตัวสูงที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
        “ยังไงเหรอคะ”
        “ก็อาหารวันนี้มีแต่ของโปรดของกานต์ทั้งนั้นเลยท่าทางจะถูกใจมาก”
        รวิกานต์ค่อยๆหุบยิ้มลงก่อนจะเหลือบไปเห็นสายตาอำมหิตที่ใครบางคนส่งมาให้ หญิงสาวหยิบน้ำเย็นมาดื่มเพื่อดับความร้อนที่กำลังปะทุขึ้นไม่คิดว่าพี่ชายของเธอจะพูดอะไรไม่น่าฟังออกมาแบบนี้แย่แน่ๆ…

        หลังจากทานของว่างเสร็จเรียบร้อยละอองดาวจึงขอตัวกลับบ้านพร้อมกับการเดินมาส่งของชายหนุ่มที่แสนปลื้มโดยครั้งนี้รวิกานต์ให้เหตุผลว่าขอแก้ตัว
        “วันนี้อากาศดีนะครับ”
        ชายหนุ่มชวนคุยขณะที่เดินมาถึงสนามหญ้าหน้าบ้าน
        “แต่มองไม่เห็นดาวกับพระจันทร์เลยนะคะ”
        “ฝนคงใกล้ตกมั้งครับ”
        ละอองดาวยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะหันไปเห็นใครบางคนที่ยืนล้ออยู่แถวรั่วบ้าน
        “พรุ่งนี้ไปไหนมั้ยครับ”
        ภาสกรตัดสินใจเอ่ยถามออกมาก่อนจะต้องหันไปมองคนข้างๆที่เดินเงียบไม่ตอบอะไรเขาเลย
        “คุณดาวครับ…คุณดาว”
        ละอองดาวสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆคนข้างๆก็เรียกเธอเสียงดัง
        “อะไรนะคะ”
        “ผมเรียกคุณดาวตั้งนานเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
        “ไม่เป็นอะไรค่ะเอ่อคุณกรพูดอะไรนะคะ”
        “ไม่มีอะไรครับเดินเข้าบ้านดีๆนะครับ”
        ชายหนุ่มยืนส่งหญิงสาวตัวเล็กเข้าบ้านก่อนจะเดินกลับมายังบ้านของตัวเองทั้งๆที่เขาตั้งใจจะชวนอีกคนไปทานข้าวเที่ยงด้วยกันพรุ่งนี้แท้ๆแต่พอละอองดาวทำท่าเหมือนไม่สนใจเขาก็พูดอะไรแทบไม่ออกภาสกรหันไปมองรั่วบ้านของคนที่เพิ่งไปส่งก็พบเข้ากับภาพของน้องสาวตัวเองกำลังยืนพูดคุยกับเพื่อนบ้านสาวอย่างสนิทสนมแล้วไหนจะเหตุการณ์ในครัวนั่นอีก
        เขารู้ว่าน้องสาวเป็นแบบไหนแต่หวังว่าละอองดาวจะไม่เป็นแบบนั้นไปด้วยหวังว่าสิ่งที่เห็นจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้นเพราะท่าทีที่เพื่อนบ้านสาวแสดงต่อเขามาตลอดมันก็บ่งบอกความรู้สึกได้เป็นอย่างดีชายหนุ่มสะบัดเรื่องเหลวไหลออกจากหัวเขายังมั่นใจว่าความสนใจของละอองดาวยังอยู่ที่เขาและมันคงไม่สายไปหากเขาจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ซะที…
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×