ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปีก...รัก yuri

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ย. 56


        หญิงสาวร่างเล็กลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะบิดขี้เกียจอยู่นาน จากนั้นจึงเดินไปที่หน้าต่างพร้อมกับเปิดม่านเผื่อว่าวันนี้เธออาจโชคดีได้เจออะไรดีๆเหมือนกับทุกเช้าที่ผ่านมา
        ละอองดาวทำหน้าผิดหวังเล็กน้อยท่าทางวันนี้เธอคงตื่นสายไปหน่อยถึงได้อดเห็นหน้าคนที่ต้องการเจอแต่นั่น…หญิงสาวหันไปมองหน้าบ้านที่เหมือนมีตัวอะไรซักอย่างโบกธงขาวพร้อมกับกระโดดขึ้นลงไปมา
        “เป็นบ้าอะไร”
        เป็นเพียงคำบ่นพึมพำเท่านั้นเมื่อคนตัวเล็กรีบดึงม่านมาปิดทันทีเพราะเกรงว่าตัวเองอาจจะซวยแต่เช้าหากยังไม่เลิกมองคนบ้าหน้าบ้าน
        ทางด้านรวิกานต์ที่ตอนนี้ลงทุนแต่งชุดขาวแถมด้วยธงสีขาวที่เธอพยายามโบกไปมาเพื่อให้เพื่อนบ้านสาวได้รู้การมาเยือนของตัวเองแต่เท่าที่เห็นจากท่าทีของคนที่รีบปิดม่านอย่างเร็วตอนเห็นหน้าเธอมันก็บอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าของบ้านต้อนรับเธอมากแค่ไหนหญิงสาวตัดสินใจวางธงก่อนจะเดินมาที่กริ่งหน้าบ้านจากนั้นจึงเอื้อมมือไปกดรัวไม่ยั้ง
        ละอองดาวแทบกริ๊ดเมื่อคนที่เธอปิดม่านใส่กำลังก่อกวนเธอด้วยเสียงอีกทั้งยังจัดมาเป็นชุดทำเอาเธอตกใจแทบแย่
    รวิกานต์ฉีกยิ้มทันทีเมื่อเจ้าของบ้านรีบออกมาต้อนรับเธอจากนั้นเธอจึงค่อยๆลดมือลงก่อนจะย่อตัวไปเก็บธงขึ้นมาโบกต่อ
        “ไม่ต้องรีบขนาดนั้นกานต์รอได้ค่ะ”
        “แต่ฉันรอไม่ได้!”
        ละอองดาวตะคอกใส่คนที่ยืนยิ้มทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่นอกประตูรั่วบ้านเธอ
        “มีอะไร”
        “ทำเสียงแบบนี้ใส่แขกที่มาบ้านได้ไงล่ะคะ”
        “เรื่องของฉันเธอมีธุระอะไร”
        เจ้าของบ้านเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์เสียพร้อมกับทำตาขวางใส่คนที่มากวนโมโหเธอแต่เช้า
        “จะคุยตรงนี้เลยเหรอ”
        “พูดมาเถอะน่ะ”
        “ใจร้ายจัง”
        “นั่นแหละฉัน”
        รวิกานต์หุบยิ้มลงก่อนจะหันหลังทำท่าเหมือนจะเดินกลับบ้านตัวเอง
        “ถ้างั้นสัญญาก็ถือเป็นโมฆะแล้วกันนะ”
        คนพูดเอ่ยออกมาก่อนจะก้าวขาเข้าบ้านช้าๆแต่ยังไม่ทันที่เท้าจะแตะลงพื้นก็มีมือเล็กๆมากระชากที่แขนพร้อมกับฉุดเธอเข้าบ้านทันที

        รวิกานต์มองสำรวจภายในบ้านที่ตกแต่งแนวเรียบหรูดูดีไม่แพ้กับบ้านตัวเองไม่อยากจะเชื่อว่ายัยโหดนี่จะมีรสนิยมแนวนี้เมื่อความคิดวนเข้าหาเจ้าของบ้านสายตาของรวิกานต์จึงหันมาหยุดจ้องที่คนตัวเล็กก่อนจะรีบเบือนหน้าไปทางอื่นเพราะสายตาอำมหิตที่จ้องกลับมา
        “มองหน้ามีปัญหาเหรอ”
        “เปล๊าใครจะกล้า”
        “ก็เธอไง”
        รวิกานต์หันมายิ้มให้กับคนที่กำลังจะหาเรื่องเธอก่อนจะหยิบธงขาวขึ้นมาโบกอีกครั้ง
        “กวนประสาทชัดๆ”
        ละอองดาวเอ่ยออกมาเบาๆก่อนจะเดินนำแขกไปห้องนั่งเล่น
        “นั่งสิจะได้คุยกันซะที”
        “ไม่มีน้ำให้แขกเหรอคะ”
        คนถูกถามหันไปมองคนพูดตาเขียวก่อนจะลุกเดินไปทางหลังบ้าน
        “อะ…ที่บ้านไม่มีกินหรือยังไง”
        คนดื่มน้ำถึงกับสำลักกับประโยคเด็ดที่ได้ยินก่อนจะรีบหยิบทิชชูมาเช็ดน้ำที่หกอย่างเซ็งๆ
        “ซุ่มซ่ามจริงๆ”
        “นี่คุณ…พูดจาดีๆเป็นมั้ย”
        “อย่างเรื่องมากน่ะเอาล่ะมาเข้าเรื่องกันดีกว่า”
        ละอองดาวพูดออกมาด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่จริงจังมากซะจนคนฟังเกร็งตามไปด้วยเพราะไม่รู้ว่าเรื่องที่แม่ตัวเล็กพริกขี้หนูจะพูดมันจะไปในแนวทางไหน
        “ฉันอยากให้เธอช่วยเรื่อง…”
        คนพูดเว้นประโยคก่อนจะยิ้มหน้าแดงออกมา
        “ช่วย…”
        ละอองดาวชะงักอีกครั้งพร้อมกับม้วนชายเสื้อของตัวเองแก้เขิน
        “ช่วย…”
        รวิกานต์มองคนตรงหน้าที่พูดติดอ่างจนน่ารำคาญแล้วไหนจะท่าทางแปลกๆนั่นอีกนี่ถ้าไม่มีสัญญาบ้านั่นเธอไม่มีวันมานั่งทนแบบนี้แน่นอน
        “ช่วย…”
        “จะพูดไม่พูดเนื่ย”
        คนกำลังอายหันไปทำตาขวางใส่คนที่ทำเธอเสียอารมณ์ก่อนจะหยิบน้ำที่วางอยู่มาดื่มเพื่อดับความร้อนในตัว
        “นี่คุณ”
        “อะไร”
        “น้ำ…”
        “ก็น้ำอะดิเห็นเป็นถั่วฝักยาวหรือยังไง”
        ละอองดาววางแก้วลงก่อนจะหันไปทำตาดุใส่คนข้างๆอีกครั้ง
        “แต่น้ำนั่นมันของฉันนะ”
        “ของเธอที่ไหนของฉันต่างหากไม่เชื่อเธอลองดูสิว่านี่บ้านใคร”
        คนพูดชี้ไปรอบๆบ้านก่อนจะหันมายักคิ้วให้คนที่ทำหน้าบูดเหมือนเด็กโดนแย่งของเล่น
        “เข้าใจตรงกันแล้วนะมาพูดธุระกันต่อ”
        “แม่มดชัดๆ”
        “อะไรนะ”
        “เปล๊าต่อเลย”
        รวิกานต์รีบเอามือปิดปากตัวเองเพราะเกรงว่าจะหลุดคำพูดอะไรออกมาอีกดีนะที่ประโยคที่พูดตะกี้คนข้างๆไม่ได้ยินไม่งั้นเธอคงไม่รอดแน่ๆ
        “ฉันจะให้เธอเป็นแม่สื่อให้ฉันกับคุณภาสกร”
        “อะไรนะ”
        ละอองดาวหันมามองหน้าคนที่จู่ๆก็ทำเป็นหูตึงไม่ได้ยินที่เธอพูด
        “ขออีกที”
        “ฉันจะให้เธอช่วยเป็นแม่สื่อให้ฉันกับพี่ชายเธอได้ยินหรือยัง”
        คราวนี้รวิกานต์ได้ยินชัดเจนเพราะคนพูดกรอกเสียงลงรูหูเธอแบบจัดหนักไม่มีหลุดรอดซักคำ
        “เบาๆก็ได้ใกล้กันแค่นี้”
        “อย่าเรื่องมาก”
        “เรื่องมากตรงไหนก็แค่…”
        พูดไม่ทันจบประโยครวิกานต์ก็ถูกคนข้างๆเอามือปิดปากทันทีก่อนจะคลายออกช้าๆเมื่อเห็นเธอหยุดพูดแล้ว
        “อย่าพูดมากฉันไม่อยากได้ยินเสียงเธอบอกตรงๆรำคาญ”
        คนถูกสั่งพยักหน้ารับก่อนจะค่อยๆเขยิบตัวออกห่างจากอีกคนเพราะเล็งเห็นถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อหากอยู่ใกล้ผู้หญิงตัวเล็กคนนี้
        “ทำเป็นใช่มั้ย…แม่สื่อ”
        น้ำเสียงบวกกับสายตาคาดคั้นทำให้คนถูกถามรีบพยักหน้าตอบรับทันทีเพราะเกรงว่าตัวเองอาจจะไม่ปลอดภัยหากปฏิเสธ
        “อีกอย่าง…”
        ละอองดาวขยับเข้าไปหาคนที่นั่งข้างๆพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆทำเอารวิกานต์หายใจแทบไม่ทั่วท้อง
        “กันยัยอรวรรณออกไปไกลๆด้วยฉันไม่ชอบขี้หน้า”
        จบประโยคคนพูดก็ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูอย่างรวดเร็วก่อนจะหันกลับมายังคนที่นั่งอยู่ในห้อง
        “หมดธุระเธอแล้วกลับไปได้ไว้เย็นนี้มารับฉันไปกินข้าวที่บ้านด้วยล่ะ”
        รวิกานต์ค่อยๆลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปอย่างว่าง่ายแต่ก่อนที่จะก้าวออกจากประตูไปคนตัวสูงก็หันกลับมาอีกครั้ง
        “มีอะไร”
        “ถ้าสำเร็จสัญญานั่น”
        “สัญญานั่นจะถูกทำลายทันที”
        “แล้วถ้าไม่สำเร็จล่ะ”
        “ก็จ่ายมา”
        “เฮ้ย!...งี้ก็แย่ดิจะเอาเงินมาจากไหนตั้งเยอะแยะ”
        ละอองดาวหันไปจ้องหน้าคนพูดก่อนจะจัดการฟาดฝ่ามือลงไปยังแขนของอีกฝ่ายอย่างแรง
        “เจ็บนะ”
        “สมควร!มีอย่างที่ไหนกล้ามาดูถูกเสน่ห์ของฉัน”
        “เสน่ห์”
        คนตัวสูงทวนคำก่อนจะมองสำรวจคนตรงหน้าอย่างละเอียด
        “เป็นไงชัดมั้ย”
        “เอาความจริงหรือให้โกหก”
        “นี่!ฉันเป็นเพื่อนเล่นเธอเหรอ”
        รวิกานต์ยิ้มแห้งๆก่อนจะยกมือขึ้นเป็นการยอมแพ้แล้วค่อยๆเดินย่องออกไปช้าๆ
        “เดี๋ยว”
        คนถูกเรียกทำหน้าสงสัยเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปหาคนตัวเล็กพร้อมกับใช้สมองคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดอีก
        “เธอยังไม่ได้ตอบเลย”
        “ตอบ…”
        “เรื่องพี่ชายเธอกับเสน่ห์ของฉัน”
        รวิกานต์ยกมือขึ้นเกาที่ท้ายทอยเบาๆก่อนจะหันไปจ้องหน้าคนที่พยายามหาคำตอบจากเธอ
        “เอ่อ…จะรอดมั้ยเนื่ย”
        “ว่าอะไรนะ”
        น้ำเสียงเย็นๆที่ส่งมาทำเอาคนฟังถึงกับชาวาบไปทั้งตัวก่อนที่จะยิ้มออกมาเพื่อกลบเกลื่อนสิ่งที่ตัวเองพลั้งปากออกไป
        “เธอ…พูดว่าอะไรนะ”
        “บอกว่าพี่กรไม่รอดแน่นอนค่ะ”
        ละอองดาวยิ้มออกมาอย่างพอใจก่อนจะปิดประตูบ้านใส่หน้าคนที่ยืนอีกฝั่งหนึ่งทันทีวันนี้ก็ถือว่าเป็นวันดีอีกวันหนึ่งเพราะเธอได้กามเทพมาช่วยเรื่องหัวใจถึงจะไม่ค่อยญาตดีกันเท่าไหร่ก็เถอะ
        ส่วนทางด้านรวิกานต์ก็เดินกลับบ้านแบบมึนๆงงๆเพราะจู่ๆก็ต้องมาทำหน้าที่แม่สื่อจำเป็นแต่ในเมื่อมันไม่มีทางเลือกเธอก็ไม่รู้จะทำยังไงได้แต่ภาวนาให้พี่ชายของตัวเองหลงเสน่ห์ของยัยแม่มดนั่นด้วยเถอะ…
        “อุ๊ย!”
        รวิกานต์กระโดดหลบแทบไม่ทันเมื่อจู่ๆก็มีของบางอย่างหล่นลงมาเกือบโดนหัวเธอหญิงสาวก้มลงหยิบขึ้นมาก่อนจะหันไปหาตัวการที่ยืนยิ้มอยู่ริมรั่วอีกฝั่งหนึ่ง
        “เธอลืมของ”
        พูดจบเพื่อนบ้านตัวแสบก็เดินยิ้มหน้าบานเข้าบ้านทันทีปล่อยให้คนที่เกือบหัวแตกยืนสั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่คนเดียว
        “ยัยแม่มด!ไม่ใช่ๆเธอมันปีศาจพันปี…ไม่ๆนางมารชัดๆจะว่าไปอะไรก็ไม่เหมาะกับเธอเลยนะยัยพริกขี้หนูตัวแสบคอยดูนะถ้าฉันทำลายสัญญาได้เมื่อไหร่เธอได้เจอดีแน่!”
        คนตัวสูงเดินหน้ามุ่ยเข้าบ้านพร้อมกับบ่นพึมพำคนเดียวนี่คงเป็นวิธีการระบายที่ดีที่สุดแล้วในตอนนี้สำหรับเธอ…
      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×