ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกมรัก...สะดุดใจ yuri

    ลำดับตอนที่ #3 : รับน้อง

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ย. 55


    และแล้วก็ถึงเวลาแห่งการเริ่มต้นใหม่ กับสถานที่ใหม่และผู้คนรอบข้างกลุ่มใหม่ แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรสำหรับคนอย่าง กริญญา เจริญทรัพย์ไพศาล คนนี้
    วันนี้เธอมารับอีกคนตามปกติ เพราะตั้งใจไว้แล้วว่าหากได้ย้ายมาเรียนที่มหาลัยเดียวกัน เธอก็จะเทียวรับเทียวส่งอีกคนให้หายห่วง แม้บางครั้งมันอาจจะดูมากมายในการกระทำ แต่ทุกอย่างเธอก็อยากให้มันดูแน่นอน เธอไม่ได้ไม่มั่นใจในตัวคนที่นั่งมาข้างๆ แต่เธอไม่มั่นใจในความรู้สึกคนรอบข้างต่างหากล่ะ หากมีใครคิดอะไรเกินเลย โดยที่เธอไม่อาจรู้ได้ หากเป็นอย่างนั้นจริงๆ เธอกลัวว่าฟ้าลดาจะหลุดลอยออกไป กลัวว่าจะทำตามสัญญาไม่ได้…

    “ คิดอะไรอยู่คะ ตื่นเต้นเหรอ ”

    คำถามจากคนข้างๆ ทำให้คนที่ใจลอยออกไปไกลต้องรีบสาวใจให้กลับมาอยู่ที่เดิม จากนั้นเธอก็หัวเราะออกมาน้อยๆให้กับคนข้างๆและความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง

    “ คงงั้นมั้งคะ ”

    คำตอบที่ไม่ตรงกับใจ แต่ก็ทำให้คนถามเชื่อสนิท และไม่คิดจะถามซอกแซกอะไรต่อ เนื่องจากเกรงจะรบกวนสมาธิของคนขับที่ดูจะมุ่งมั่นในการขับรถมากเป็นพิเศษ
    รถคันสวยวิ่งมาจอดยังตึกคณะที่ฟ้าลดาเรียนอยู่อย่างนิ่มและเบาที่สุด ใช่ว่ากริญญาไม่เคยเข้ามาส่งคนที่กำลังจะก้าวลงไป เพียงแต่เธอมาบ่อยในฐานะคนมาส่ง แต่หากในวันนี้เธอกลับมาส่งในฐานะนักศึกษาที่เรียนสถาบันเดียวกัน มันก็เป็นอีกความรู้สึกหนึ่งที่น่าตื่นเต้นไม่น้อย แต่ไม่ว่าจะในรูปแบบไหน ความรู้สึกยินดีที่ได้ดูแลคนข้างๆก็เต็มล้มอยู่ในหัวใจเธอเสมอ

    “ พี่ไปก่อนนะคะ แล้วเจอกันตอนเย็น ”

    “ คะ เจอกันตอนเย็น ”

    กริญญานั่งยิ้มมองดูคนที่เพิ่งเดินลงจากรถไป จากนั้นเธอก็ต้องตกใจเมื่อเหลือบไปเห็นเข็มนาฬิกา โอ้ววว…วันนี้เธอมีรับน้อง ลืมซะสนิท…แย่จริง! ตอนแรกเธอก็กะจะย้ายมาทีหลังรอให้เรื่องรับน้องซ่าๆ แต่ก็ดันต้องทำเรื่องย้ายมาในช่วงนี้จนได้ ให้ตายสิ! รุ่นพี่เธอจะเป็นคนแบบไหนนะ จะน่ารักและใจดีเหมือนคนที่เพิ่งลงไปตะกี้หรือเปล่า และแล้วความคิดทุกอย่างก็หยุดลง เมื่อเธอเห็นลานรับน้องโล่ง…และว่างเปล่า คนที่เพิ่งเดินเข้ามาถอนหายใจยาวๆ ยังดีที่ยังไม่มีคนมา ค่อยเย็นชั่ว

    “ น้องคะ ”

    น้ำเสียงทรงพลังที่เรียกอยู่นั้น ใช่เรียกเธอหรือเปล่านะ และทันทีที่เธอหันไปก็ต้องสะดุดตากับชายหญิงคู่หนึ่ง ที่มองโดยรวมก็น่าจะเป็น “ รุ่นพี่ ”

    “ ค่ะ ”

    “ น้องเรียนอยู่คณะนี้ สาขานี้ หรือเปล่าคะ ”

    หญิงสาวคนที่พูดชี้ไปยังป้ายที่เขียนไว้สำหรับให้เด็กปีหนึ่งคณะบริหารธุรกิจ การโรงแรม มารวมตัวกัน ซึ่งเธอก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ต้องมารวมที่นี่

    “ คะ ”

    กริญญาหันกลับมาหาคนที่ยืนชี้ป้ายอยู่ หลังจากที่เธอค่อยๆอ่านตัวหนังสือที่ป้ายจบ

    “ กรินคงมาผิดเวลามั้งคะ ยังไม่เห็นมีใครมาเลย “

    คนพูดยังคงไม่รู้ถึงกระแสจิตบางอย่างที่คนที่ยืนอยู่ด้านหน้ากำลังส่งมา และแล้วรอยยิ้มจากหญิงสาวที่ใส่แว่นก็ปรากฏขึ้นเล็กน้อยก่อนจะรีบเก็บซ่อนไว้อย่างรวดเร็ว

    “ คะ ไม่มีใครมา เพราะว่าเขากลับไปกันหมดแล้ว ”

    คนพูดค่อยๆ เดินก้าวเข้าหาคนที่ยืนทำหน้าตกใจ อย่างช้า เบา ซะจนอีกคนถึงกับขนแขนลุกพรึบ! อย่างห้ามไม่ได้

    “ แต่ไม่เป็นไรคะ ”

    กริญญาเงยหน้ามองคนพูดอย่างดีใจ อย่างน้อยรุ่นพี่เธอก็ไม่ได้โหดอย่างที่คิด

    “ เย็นนี้เจอกัน เพราะน้องต้องถูกลงโทษ “

    เสียงและหน้าตาที่เหมือนอย่างกับนางมารในหนังจีนก็ไม่ปาน ทำเอาคนที่ฟังถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ใช่ว่าเธอจะกลัวรุ่นพี่มากมายซะเมื่อไหร่ แต่เธอเพิ่งมาอยู่ใหม่ ไม่รู้จักใคร มาวันแรกแทนที่จะสร้างมิตรกลับมาได้ศัตรูเฉยเลย แล้วความสงบสุขของเธอจะยังมีอยู่หรือเปล่าน่ะ เป็นเพียงคำบ่นในใจ เมื่อการกระทำเธอทำได้แค่พยักหน้ารับคำยัยรุ่นพี่แว่นที่เพิ่งเดินจากไป ว่าแต่ยัยแว่นนี้หน้าตาคุ้นๆ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน…

    “ สวัสดีเราชื่อญา ”

    ญาดา เดินเข้ามาทักทายอีกคนที่นั่งอยู่คนเดียว เธอสังเกตว่าไม่เคยเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้มาก่อน และคิดเอาเองว่าคงเป็นเด็กใหม่ที่ย้ายมาตามคำบอกเล่าของเพื่อนๆ ในห้อง คนถูกทักหันมายิ้มให้เธอพร้อมกับลุกขึ้นแนะนำตัวอย่างสุภาพ

    “ สวัสดี เราชื่อกริญญา เรียกเราว่ากรินก็ได้ ”

    จากนั้นทั้งสองคนก็แลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆ มากมาย จะว่าคุยกันถูกคอก็คงใช่ คนนิสัยใจคอ ลักษณะท่าทางคล้ายๆกันมาเจอกัน อะไรมันก็ง่ายไปหมด

    “ ว่าแต่ทำไมตอนเช้าเราไม่ยักกะเห็นกริน ”

    ญาดาอดถามออกไปไม่ได้ ขณะที่เก็บหนังสือเตรียมไปกินข้าวกลางวัน คนถูกถามยิ้มน้อยๆออกมาพร้อมกับบอกว่าตนเองลืม และถูกยัยแว่นรุ่นพี่จอมโหดสั่งให้ไปพบตอนเย็น เรื่องนี้ก็ยิ่งสร้างความงุนงง ให้กับคนฟังเป็นอย่างมาก เพราะตั้งแต่เข้ามาในสถานบันแห่งนี้ รุ่นพี่ทุกคนออกจะน่ารัก นิสัยดี อาจมีบางครั้งที่จะเอ็ดน้องๆบ้าง แต่ก็ไม่จริงจังอะไร โดยเฉพาะรุ่นพี่ที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นขาโหด ก็ยิ่งทำให้เธอไม่อยากจะเชื่อไปกันใหญ่ แต่ก็นะ เพื่อนเธอทำผิด รุ่นพี่อาจจะอยากทำโทษเลยแกล้งโหดจริงจังก็เป็นได้

    “ อาหารที่นี่อร่อยนะ ”

    กริญญาพูดไปเคี้ยวไป เพราะเธอว่าอาหารของที่นี่อร่อยจริงๆ ท่าทางการกินและการพูดแบบนี้ยิ่งทำให้ญาดารู้สึกขำเพื่อนคนนี้เข้าไปใหญ่ เธอว่าหน้าตาเพื่อนคนนี้ดี ออกจะดีมากด้วยซ้ำ วัดความแรงจากสายตาหลายๆคู่ที่มองมายังโต๊ะเธอ ทั้งหญิงทั้งชาย จ้องกันเหมือนจะรุมทึ่ง แต่คนตรงหน้าเธอก็ไม่ยักกะสนใจ ไม่เก๊ก ทำตัวสบายๆ อย่างว่าล่ะนะคนหน้าตาดีมาตั้งแต่เกิด เขาคงจะชินแล้วสินะ

    “ ไม่กินเหรอ ”

    คนที่กำลังมีความสุขกับการกินหยุดพักและหันมามองที่จานกับข้าวของคนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ทำให้เธอต้องรีบยกถ้วนหนี

    “ กินสิ! ”

    “ นึกว่าไม่กินจะได้ช่วยกิน ”

    พูดจบก็หันกลับมาตั้งน่าตั้งตากินอย่างเอาจริงเอาจังซะจน ญาดาคิดว่าเกินงาม ถ้าเป็นเธอทำคงน่าเกลียดพิลึกแต่นี่คนทำหน้าตาดี ทำอะไรจึงไม่น่าเกลียด…
     
    “ กินเยอะๆนะคะ เย็นนี้จะได้มีแรง ”

    กริญญา เงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของเสียงอย่างอดไม่ได้ ยัยรุ่นพี่แว่นนี่เอง ตามมาหลอนถึงตอนกินข้าวเลยเหรอเนื่ย และไม่ทันที่เธอจะตอบอะไร คนพูดก็เดินออกไปทันทีด้วยท่าทางเริดๆ เชิดๆ กริญญาอยากตะโกนเหลือเกิน “ สวยตายล่ะ! ” พูดได้แค่ในความคิด เพราะถึงยังไงเธอก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นรุ่นน้องต้องให้เกลียด เอ้ย! ให้เกียจรุ่นพี่…กัดฟันพูดแม้กระทั่งในความคิด

    “ เห็นหรือยังละ ยัยรุ่นพี่แว่นขาโหดอะ  ”

    พูดจบเธอก็วางช้อนลง ใช่ว่ากินอะไรไม่ลง แต่เพราะกับข้าวของเธอหมดแล้วต่างหากละ ส่วนญาดาได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ ด้วยเพราะไม่เคยเห็นลักษณะรุ่นพี่ขาโหดคนนี้มาก่อน ให้ตายเถอะ! ขาโหดสมชื่อจริงๆ
    และแล้วก็ถึงเวลานัด กริญญาพยายามมาให้เร็วที่สุดเพื่อให้การทำโทษเธอผ่านไปโดยเร็ว เพราะเธอต้องรีบไปรับคนสำคัญอีกตึกหนึ่ง โดยเธออ้างขอเวลาสัก 1 ชั่วโมงเคลียร์งาน ซึ่งฟ้าลดาก็เข้าใจ และบอกจะนั่งรอใต้ตึกเหมือนเดิม

    “ มาเร็วเหมือนกันนี่คะ ”

    คำพูดที่ฟังยังไงๆก็ไม่เป็นมิตรดังมาจากมุมมืดอีกฝากหนึ่งของห้อง ทำเอาคนที่ได้ยินอดขนลุกตามแขนขาไม่ได้ ยัยพี่แว่นขาโหดนี่มาได้หลากหลายรูปแบบจริงๆ เธอคิด

    “ พี่มีอะไรให้กรินทำก็รีบบอกมาเถอะคะ พอดีกรินมีธุระ ”

    คนพูดพยายามพูดให้กระชับและได้ใจความที่สุดเพื่อให้เวลาทุกวินาทีที่ผ่านไปมีคุณค่ามากที่สุด แต่กลับสร้างความขุ่นเคืองให้คนฟังมิใช่น้อย

    “ น้องรีบ…แล้วจะมาทำไมคะ ”

    กริญญาถึงกับ งง ในบทสนทนา นี่เธอพูดอะไรไม่เข้าหูรุ่นพี่คนนี้นะ เธอก็พยายามพูดให้มีใจความสำคัญและรวบรัดที่สุดยังไม่พอใจอีกเหรอ

    “ ถ้าเห็นว่าการทำกิจกรรมกับรุ่นพี่มันไม่สำคัญ น้องก็เก็บเวลาที่มีคุณค่าของน้องกลับไปเถอะคะ พี่ก็ไม่อยากเสียเวลาเหมือนกัน ”

    คนพูดทำทางเหมือนจะเดินออกไปจากห้องนัดหมาย

    “ คือกรินไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นคะ “

    คนพูดเริ่มใจคอไม่ดีเมื่อเห็นว่าทำให้รุ่นพี่โกรธ ถึงเธอจะไม่เข้าใจในความหมายและท่าทางว่ารุ่นพี่คนนี้เป็นอะไร แต่เธอก็ยังอยากมีรุ่นพี่ไว้คอยช่วยเหลือในการเรียน และอีกหน่อยจบไปจะได้มีความทรงจำดีๆในมหาลัยแห่งนี้ด้วย เพราะฉะนั้นอะไรที่ยอมได้เธอก็ควรจะยอม

    “ กรินขอโทษคะ ที่พูดจาผิดหูทำให้พี่โกรธ ”

    ได้ผล! เธอก็ไม่ได้กะจะเดินออกจากห้องนี้ แล้วปล่อยให้รุ่นน้องคนนี้เริงร่าหรอกนะ เพราะทุกอย่างมันกำลังจะเริ่มต้นต่างหากละ น้องน้อยของพี่

    “ ก็ได้ ถือว่าเรามาเริ่มกันใหม่ รู้มั้ยว่ามาสายความจริงต้องได้รับโทษหนัก แต่พี่เห็นแก่ความน่ารักของน้อง ”

    คนฟังรู้สึกใจชื่นขึ้นมาอีกหน่อยเมื่อรุ่นพี่แว่นของเธอเริ่มยิ้มออกมาบ้างแล้ว ถึงจะเป็นรอยยิ้มที่แสนจะแปลก แต่ก็คงดีกว่าทำหน้าบึ้งตะกี้

    “ น้องต้องทำความสะอาดห้องซ้อมเชียร์ห้องนี้ ”

    ปัดโธ่! คนฟังถึงกับอมยิ้มกะอีแค่ทำความสะอาดห้องนี้ และเมื่อเบิ่งตามองให้ทั่วห้องเธอห็หุบยิ้มทันทีเมื่อห้องที่ได้รับมอบหมายให้ทำความสะอาดมันกว้างมากมายขนาดไหน นี่เธอต้องทำกี่สิบชาติเนื่ยกว่ามันจะสะอาด ขอกลับไปนอนทำใจสักคืนก่อนน๊า…

    “ ต้องทำคืนนี้ให้เสร็จ ”

    เหมือนคนพูดจะมานั่งอยู่ในความคิดเธอ  ที่รู้ว่าเธอจะขอกลับไปตั้งหลักก่อน ให้ตายสิ!

    “ แต่พี่ ”

    “ มีแต่คะ แต่ต้องทำให้เสร็จเท่านั้น พี่จะอยู่เป็นเพื่อน อย่ากลัวไปเลยนะคะ ”

    คำพูดช่างเหมือนกับคนปลอบใจกันแต่ใบหน้าที่ยิ้มแบบสะใจนั้น ทำให้คนฟังถึงกับเข่าอ่อน ตอนนี้เธอไม่มีแรงโต้เถียงอะไรกับยัยรุ่นพี่แว่นคนนี้อีกแล้ว แต่ก็เอาเถอะน่า เขาเป็นรุ่นพี่ รุ่นพี่ รุ่นพี่ เชื่อฟัง เชื่อฟัง เชื่อฟัง! เสียงร้องลั่นที่ดังภายในใจของกริญญาอย่างหาที่หยุดยั้งไม่ได้ ถ้าตะโกนออกมาได้คิดว่าคนรอบๆข้างน่าจะหูแตกไปตามๆกัน

    “ คะ ๆ ๆ ”

    “ กรินขอโทษนะคะ ”

    “ เดี๋ยวคนรถมารับนะคะ ถึงบ้านโทรหากรินนะคะ เป็นห่วงคะ เช่นกันคะ “

    ชายหญิงคู่หนึ่งยืนมองคนที่กำลังคุยโทรศัพท์อย่างผู้มีชัย อย่างน้อยเธอก็สร้างความห่างให้แก่สองคนนั้นได้ทีละน้อย แม้มันจะไม่มาก แต่เชื่อว่าซักวันเรื่องเล็กน้อยแบบนี้แหละ ที่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ในไม่ช้า

    “ จะดีเหรอพิมพ์ ”

    ชายหนุ่มหันมาคุยกับเพื่อนสาวอย่างลังเล

    “ ดีสิ เชื่อพิมพ์นะ ทุกอย่างจะดีเอง ”

    พิมวราหันมามองคนที่กำลังวุ่นกับการทำความสะอาดอย่างเอาเป็นเอาใจ คอยดูนะ นี่ไม่ใช่จุดจบแต่เป็นการเริ่มต้นที่แสนจะน่าสนุกต่างหากละ ยินดีต้อนรับนะคะรุ่นน้องที่น่ารักของพี่พิมพ์….
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×